27.12.19 - 28.12.19
.
และวันนี้เราจะมาเล่าถึงจุดหมายปลายทางที่สอง ซึ่งก็คือ ลักเซ็มเบิร์ก Luxembourg นั่นเอง!
.
ต้องขอสารภาพว่าลักเซมเบิร์ก (Luxembourg) ไม่เคยอยู่ในลิสต์ประเทศที่อยากไป จนกระทั่งผู้ร่วมเดินทางของเราอีกคนพูดขึ้นมาและดูจะเป็นเส้นทางที่เป็นไปได้สำหรับทริปนี้ เนื่องจากเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางระหว่างฝรั่งเศส เบลเยียม และเยอรมัน การเดินทางจากสตราสบูร์ก (Strasbourg) ก็ไม่ลำบากอะไร และหลังจากไปหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่าเป็นประเทศที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว
.
เราเดินทางเข้าลักเซมเบิร์กจากสตราสบูร์กด้วยรถไฟที่จองไว้ล่วงหน้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งในการเดินทาง เราเลือกออกเดินทางประมาณเที่ยง และแน่นอนว่าเราซื้ออาหารเที่ยงแบบง่ายๆจาก supermarket ขึ้นไปกินบนรถไฟขณะเดินทาง นอกจากจะประหยัดค่าอาหาร ประหยัดเวลา แถมยังได้กินข้าวไปดูวิวไปอีกด้วย แต่ก็ต้องระวังเรื่องประเภทอาหารนิดนึง เราพยายามจะเอาอาหารที่ไม่ใช่ hot food และไม่มีกลิ่น เพราะเกรงใจผู้ร่วมเดินทางคนอื่นๆ ที่สำคัญเลยคือเมื่อกินเสร็จทุกครั้งเราจะเก็บกวาดให้เรียบร้อย เอาทริคนี้ไปใช้กันได้นะไม่หวงเลย แต่ก็อย่าลืมช่วยกันรักษาความสะอาดแล้วก็คำนึงถึงคนรอบข้างกันด้วยนะฮะ
.
Luxembourg, Luxembourg
.
เราเดินทางไปถึงลักเซมเบิร์กประมาณบ่ายสามโมง รีบเข้าไปเช็คอินโรงแรมก่อนที่จะออกไปตะลุยเมืองกัน แพลนวันนี้เลยก็คือเราจะไปตลาดคริสต์มาสกัน ที่ลักเซมเบิร์กเราเลือกพักเป็นโรงแรม Ibis Style จองผ่าน Booking.com เนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ แต่ต้องบอกก่อนว่าสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่แถวนี้ คือจะอยู่ในเมือง ซึ่งจริงๆก็เดินไปได้นะ ไม่ได้ไกลจนเดินไม่ไหว แต่ถ้าใครไม่ชอบเดินก็มีรถบัสให้นั่งเช่นกัน
.
เนื่องจากเราท่องเที่ยวกันในช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้าก็จะมืดเร็วเป็นพิเศษ เราก็รีบออกไปเดินเที่ยวตลาดคริสต์มาสกันด้วยความตื่นเต้น จริงๆเราเช็คผ่านทางเว็บไซต์มาแล้วว่ายังมีตลาดที่ใจกลางเมืองเปิดอยู่ แต่ก็ยังแอบกลัวว่าจะเกิดความผิดพลาด เมื่อเดินไปถึงก็แทบกรี๊ด เพราะมันคึกคักมาก (ถ้าเทียบกับที่สตราสบูร์กน่ะนะ) แม้จะไม่ใช่ตลาดที่ใหญ่มากนักแต่อาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์เลยทีเดียว คนค่อนข้างเยอะเพราะมีลานสเก็ตอยู่ข้างๆ เราเริ่มจากการเดินดูทั้งตลาดก่อนแล้วจึงตัดสินใจซื้อเป็นเบอร์เกอร์ 2 ชิ้น Curry sausage 1 ชิ้น และ Local beer ของที่นี่ ระบบการซื้อเครื่องดื่มของตลาดคริสต์มาสก็คือทุกแก้วจะมีค่าประกันแก้ว ฉะนั้นอย่าลืมเอาแก้วมาคืนกันด้วยนะจ้ะ เราดื่มด่ำกับบรรยากาศคริสต์มาสที่นี่มาก มีโต๊ะหลากหลายแบบให้เลือก โต๊ะครอบครัวติดกับลานสเก็ต ให้เด็กๆเล่นสเก็ตไป ส่วนพ่อแม่ก็กินเบียร์กันไป มีโต๊ะยืนล้อมกองไฟ หรือจะเป็นม้านั่งให้ได้พูดคุยกันกับเพื่อนฝูง ที่สำคัญเลยทุกโต๊ะมี Heater ให้ บรรยากาศแบบนี้แหละที่เรามาตามหา!
.
Christmas Market, Luxembourg
.
หลังจากดื่มด่ำกับอาหารและบรรยากาศของตลาดคริสต์มาสอย่างเต็มอิ่มแล้ว เราก็เลือกที่จะเดินเท้ากลับที่พักเพื่อชมบรรยากาศยามค่ำคืนในเมือง ถือว่าเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ไม่แม้แต่ฝั่งยุโรป แต่เอเชียอย่างเกาหลีก็ถือว่าไม่น้อยเลย
.
มารีวิวที่พักที่นี่กันสักหน่อย เราให้ Ibis Style Luxembourg เป็นที่พักที่อาหารเช้าดีที่สุดในทริปนี้ เพราะเป็นอาหารเช้าแบบไม่อั้นของทางโรงแรม ซึ่งมีอาหารให้เลือกหลากหลาย ทั้งขนมปังต่างๆ ซีเรียลกับนม ชากาแฟ ไส้กรอก แฮมหมู ไก่ และเนื้อ รวมถึงชีสและโยเกิร์ต และที่สำคัญเลยคือสะอาดและอร่อย! นอกจากอาหารเช้าที่เราจะประทับใจมากๆแล้ว พนักงานของทางโรงแรมก็น่ารัก อัธยาศัยดี ส่วนตัวห้องก็กว้างขวางพอสมควร แม้ว่า lay out ของห้องน้ำจะประหลาดไปสักนิด แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นที่พักที่ดีเลยทีเดียว
.
หลังจากทานอาหารเช้าของทานโรงแรมอิ่มหนำสำราญเราก็ Check out และขอฝากกระเป๋าไว้กับทางโรงแรม เพื่อจะออกไปเดินเที่ยวเมืองกัน หลักๆเลยคือเราเสิร์ชจาก Google Map แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ โดยเลือกเดินไปทางฝั่งขวาของเมือง ตั้งจุดหมายเป็น Casemates du Bock ซึ่งระหว่างทางก็มีวิวสวยๆให้เราชื่นชมและได้ถ่ายรูปกันตลอดทาง และแน่นอนว่ามีการเดินขึ้นลงเนินเขาที่สูงใช้ได้อยู่เหมือนกัน แนะนำว่าให้เผื่อเวลากันไว้สักหน่อย แต่รับรองว่าการเดินชมเมืองแบบนี้แหละที่ทำให้เราได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองได้เต็มที่ที่สุดแล้ว
.
Luxembourg, Luxembourg
.
เราทั้งคู่ค่อนข้างประทับใจเมืองนี้มากๆ ทั้งบรรยากาศ และวิวเมือง ถ่ายรูปกันจนเหนื่อย ก็เริ่มมองหาร้านอาหารในเมือง เราไปสะดุดตากับร้านนึงและราคาก็ยังพอรับได้ เข้าไปในร้านก็ได้ยินหลากหลายภาษามากมีทั้ง ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน แต่พนักงานก็สื่อสารภาษาอังกฤษกับเราได้สบายมาก เราเลือกสั่งเป็น Mushroom Risotto, Chicken Escalope, และ Oyster 3 ตัว อาหารอร่อยมากทั้ง Risotto และ Chicken Escalope ส่วน Oyster ก็ไม่แย่ แต่ไม่ว้าวขนาดนั้น ประทับใจมากๆ
.
.
หลังจากเดินเที่ยวเมืองจนเหนื่อย เราก็กลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรมและเดินทางไปยังสถานที่ขึ้นรถ Flixbus สำหรับเดินทางต่อไปยัง Brussels ประเทศ Belgium ซึ่งความตื่นเต้นมันอยู่ตรงนี้แหละ เมื่อเราเดินทางไปถึงสถานที่ขึ้นรถตามแผนที่ของ Flixbus เราก็พบว่ามันเป็นลานจอดรถบัสกว้างๆ ที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอาคาร ไม่มีป้ายบอก ไม่มีพนักงาน มีแต่ม้านั่ง 3-4 ตัว และคนจำนวนหนึ่งยืนกระจายตัวกัน เราตัดสินใจปักหลักรอที่นี่ เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าเรามาถูกที่ สักพักก็ได้ยินคนข้างๆคุยโทรศัพท์ประมาณว่าคราวที่แล้วรถบัสไม่มา ยังไม่ได้เงินคืนเลย แล้วครั้งนี้รถบัสจะมาไหม.. เอาล่ะ ดูสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี เราก็เริ่มกระสับกระส่าย บวกกับอากาศที่หนาวเหน็บ และไม่มีอาคารให้เราเข้าไปอยู่ เรายืนรอรถกันแบบ outdoor ท่ามกลางอากาศ 1-2 องศา มาร่วมหนึ่งชั่วโมง แถมไม่มีความมั่นใจใดใดว่าเราจะได้ขึ้นรถ
.
จนกระทั่งมีรถบัสของ Flixbus วนเข้ามาจอด แต่ยังไม่ใช่เลขรถเรา เราตัดสินใจไปถามคนขับเพื่อให้มั่นใจว่าเรามารอถูกที่แล้ว เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงเวลาขึ้นรถ เราก็พบว่ารถยังไม่มา! ทุกคนเริ่มเดินเข้ามาเกาะกลุ่มกัน พูดคุยกันว่าไปรถคันเดียวกันใช่ไหม สร้างขวัญและกำลังใจให้กลุ่ม สักพักรถบัสที่เรารอคอยก็มาถึง เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น เราสองคนจองที่นั่งของ Flixbus มาล่วงหน้า (โดยปกติแล้วไม่จำเป็นต้องจองที่นั่ง และการจองที่นั่งจะต้องเสียเงินเพิ่ม แต่เราตัดสินใจจองมาเพราะอาการเมารถ) เรายกกระเป๋าขึ้นใต้ท้องรถและเดินไปที่นั่งที่เราจองไว้ ก็พบว่ามีครอบครัว และเด็กนั่งยืดแข้งยืดขาสบายใจเฉิบ หลังจากความเหนื่อยล้ามาเป็นชั่วโมง และเงินที่เสียไปกับการจองที่นั่ง เราจึงยืนยันจะนั่งที่ตรงนั้นให้ได้ แรกเริ่มเลยคือเราบอกว่าเราจองที่นั่งมา ทุกคนก็งง เพราะปกติมันไม่ต้องจอง เราก็ยื่นใบจองให้ดู (จังหวะนี้คือไม่มีเจ้าหน้าที่มาช่วยดู จัดการทุกอย่างด้วยตัวเองล้วนๆ) ทางฝั่งคุณสามีก็เป็นตัวแทนเดินเข้ามาไกล่เกลี่ย ถามว่าต้องเป็นตรงนี้เลยหรอ นั่งฝั่งตรงข้ามแทนได้มั้ย (เป็นแบบหันหลัง แทนที่จะเป็น face forward) ครั้งนี้เราไม่ใจอ่อน เพราะว่าเหนื่อยมากและที่สำคัญคือเราเสียเงินจองมาเพื่อสิ่งนี้ เราเริ่มยืนยันเสียงแข็ง จนได้ที่นั่งกลับคืนมา เนื่องจากเป็นที่นั่งแบบ Family seat เราก็ต้องนั่งเผชิญหน้ากับสองแม่ลูกอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็นวันที่เหนื่อยล้ามากๆ จนหลับไป แต่ก็หลับได้ไม่สนิท เพราะครอบครัวตัวป่วนทำของตก กินขนมจุบจิบ ส่องไฟฉายตลอดเวลา ได้แต่ภาวนาให้ถึง Brussels สักที
.
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะนั่ง Flixbus เราแนะนำให้คำนึงข้อจำกัดหลายๆอย่าง ด้วยราคาที่ถูก การแย่งชิงก็เกิดขึ้น โดยเฉพาะถ้าไม่ได้จองที่นั่งมา แล้วสถานที่ขึ้นไม่ได้เป็นต้นทาง คาดว่าการหาที่นั่งคู่กันน่าจะเป็นไปได้ยากมาก ที่สำคัญเลยคือถ้ามีปัญหาเมารถแนะนำให้ติดยาแก้เมามาด้วย Flixbus ราคาถูกมากถ้าเทียบกับรถไฟ แต่ก็ได้มาซึ่งประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ที่สำคัญคือเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องเจอเหตุการณ์เดียวกัน
.
แม้ว่าตอนจบของลักเซ็มเบิร์กจะทุลักทุเลขนาดไหน ความสวยงามและความทรงจำดีๆที่ลักเซ็มเบิร์กก็ยังตราตรึง และเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่เราชอบมากที่สุดเลยแหละ
.
.
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ เราจะเดินทางต่อไปยังบรัสเซล ประเทศเบลเยียมกันค่ะ
ถ้าใครสนใจทริป 5 ประเทศ 8 คืนของเรา สามารถเข้าไปอ่านได้ที่..
[CR] Christmas Trip EP. 2 | ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้