ตอน 5
“ความลับ มักซ่อนอะไรบางอย่างไว้เสมอ”
ย้อนกลับไปในวันที่ผมไปส่งเธอที่บ้านครั้งแรก หลังจากส่งเธอแล้วช่วงค่ำวันนั้นเราก็โทรคุยกันอีกครั้ง แล้วในระหว่างที่เรากำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน เธอก็ถามขึ้นมาว่า
“รู้ไหมว่าทำไมในตอนแรกถึงไม่อยากให้ไปส่งที่บ้าน” เธอเปิดประเด็นการพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
มีเหตุผลบางอย่างที่ถูกปิดบังเอาไว้
เธอบอกว่า เธอมีแฟนที่คบหากันอยู่แล้ว และชายคนนั้นอาศัยอยู่ที่บ้านของเธอ!
ผมนิ่งเงียบกับสิ่งที่เธอพูดออกมา
ทั้งสองเรื่องมีทั้งเรื่องที่รู้อยู่แล้ว กับอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่รู้มาก่อนและทำให้ผมต้องตกใจ ‘อาศัยอยู่ที่บ้านของเธอ!’ ก่อนหน้านี้ลูกน้องของผมเคยเล่าให้ฟังว่า ในช่วงเย็นหลังเลิกงานบางวัน จะมีชายหนุ่มขับรถเก๋งสีดำมารับเธอ และมักจะมาจอดบริเวณหน้าที่ทำงานของผมอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อสอบถามกับเพื่อนสาวในกลุ่มแล้ว ชายคนนั้นเป็นแฟนของเธอนั่นเอง และนี่ก็เป็นข้อมูลที่ผมรู้มาก่อน แม้จะรู้สึกลังเลใจบ้าง ก่อนที่จะตัดสินใจโทรหาเธอครั้งแรก แต่ผมก็ไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อเธอได้ ผมเลือกที่จะลืมเรื่องที่เธอมีแฟนอยู่แล้วไป จากนั้นก็ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามอารมณ์ แม้ว่าจะไม่ถูกต้องนักก็ตาม
แต่การที่แฟนของเธออาศัยอยู่กับเธอที่บ้านนี่สิ มันเกินกว่าคำว่าแฟนไปมากแล้ว ความจริงเธอมีสามีอยู่แล้ว นี่ล่ะเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกตกใจ และผมยังมองในแง่ดี เชื่อว่าเธอก็คงมีเหตุผลของตัวเองที่เลือกจะคบหากับผมทั้งที่มีแฟนอยู่แล้ว และวันนี้ทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยออกมาจากการบอกเล่าของเธอ
แฟนของเธอมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ไม่ไกลกันนัก เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่เธอใกล้จะเรียนจบ ตลอดระยะเวลาที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย เธอไม่เคยคบหาใครมาก่อน ด้วยความที่ทุกคนจะมองภาพลักษณ์ภายนอกว่าเธอเป็นหญิงสาวที่สวย แต่มีอุปนิสัยนิ่งเงียบ จึงทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าจะเข้ามาจีบ ซึ่งแฟนของเธอคนนี้ก็เข้ามาในชีวิตของเธอในช่วงเวลาที่เงียบเหงาไม่มีใคร เธอจึงตัดสินใจในทันทีที่จะคบหากับแฟนคนนี้ตั้งแต่นั้นมา
แต่เรื่องราวทุกอย่างไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ทุกอย่างซับซ้อนกว่านั้นมาก
หลังจากที่เธอตัดสินใจคบหากับแฟนของเธอแล้ว อยู่มาวันหนึ่งหลังจากที่เรียบจบแล้ว โชคชะตาทำให้เธอพบกับชายหนุ่มอีกคน ซึ่งเธอยอมรับเลยว่าหลงรักชายหนุ่มคนนี้มากอย่างหัวปักหัวปำ จนทำให้ไม่อาจปฏิเสธแรงปรารถนาของตนเองได้ เธอจึงตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ด้วยการเก็บเสื้อผ้าหนีไปอยู่กับชายหนุ่มที่เธอรัก โดยไม่บอกลาแฟนคนแรกที่เธอคบหาอยู่ ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าหากจะบอกเลิกกับแฟนคนแรกที่คบอยู่ก็กลัวว่าจะเกิดปัญหาจนไม่สามารถไปอยู่กับชายคนรักได้ ด้วยวัยเพียงยี่สิบปีในขณะนั้น ที่ยังขาดวุฒิภาวะ เธอจึงคิดว่าการหนีไปเฉยๆ คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด แล้วก็เป็นวิธีสุดท้ายที่เธอจะสามารถออกไปใช้ชีวิตคู่กับชายคนรักได้อย่างสมใจ
ผมตั้งใจฟังสิ่งที่เธอกำลังเล่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน และเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องนี้อีกด้วย ทุกอย่างซับซ้อนมากกว่าที่คิดเอาไว้จริงๆ
การหนีไปของเธอ เป็นการไปโดยไม่บอกใคร แม้แต่คนในครอบครัว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนกับใคร แฟนคนแรกเสียใจกับการหายตัวไปของเธอมาก พยายามออกตามหาทุกที่ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอได้ไปอยู่กับชายคนรักใหม่ที่จังหวัดอื่นแล้ว
แล้วทุกอย่างที่เธอวาดฝันเอาไว้ก็พังทลายในเวลาอันรวดเร็ว
ขณะที่เธออยู่กับชายคนรักที่จังหวัดอื่น เธอสับสน เคว้งคว้าง ไม่แน่ใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ ถึงแม้ว่าการใช้ชีวิตคู่ในช่วงแรกจะมีความสุขอย่างที่ต้องการ แต่พอระยะเวลาย่างเข้าหนึ่งปี ชายหนุ่มอันเป็นที่รักก็เปลี่ยนไป นิสัยเจ้าชู้เริ่มมีออกมาให้เห็น และเธอก็จับได้ว่าชายคนรักมีหญิงอื่นหลายต่อหลายครั้ง เธอเจ็บปวดทุกข์ทรมาน หาทางออกไม่ได้ จนในที่สุดก็ไม่สามารถทนอยู่ในสภาพนี้ได้อีกต่อไป
ทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็ว เธอหมดรักชายคนนี้แล้ว และตัดสินใจแยกทางกันในที่สุด
เธอรู้แล้วว่า การหนีไปอยู่กับชายคนรักเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ จนที่สุดแล้วก็ทำให้เธอต้องพบกับความผิดหวังเสียใจ หลังจากที่ได้เลิกรากันแล้ว เธอแบกเอาความผิดหวังชอกช้ำซมซานกลับมาบ้าน หลังจากที่หนีหายไปเป็นแรมปี คนในครอบครัวไม่แม้แต่จะดุด่าต่อว่ากับการกระทำของเธอ กลับนิ่งเงียบไม่พูดถึงเรื่องนี้ ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไป
ช่วงแรกหลังจากกลับมาอยู่บ้าน เธอเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง จมปลักกับความโศกเศร้าเสียใจเพียงลำพัง ไม่ออกไปไหน ไม่พบปะผู้คน หมกตัวอยู่แต่ภายในห้อง และเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งจนสามารถทำใจได้บ้างแล้ว เธอเริ่มออกไปข้างนอกบ้าง ได้พบปะผู้คน แล้ววันหนึ่งก็ได้พบกับแฟนคนแรกด้วยความบังเอิญ ชายหนุ่มที่ถูกเธอทอดทิ้งไม่แม้จะโกรธเกลียดกับสิ่งที่เธอได้ทำลงไป กลับให้อภัยในสิ่งเลวร้ายที่ผ่านมา เขายังรักและห่วงใยอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน
หลังจากนั้น ทั้งสองคนได้เริ่มติดต่อกันอีกครั้ง
ด้วยความจริงใจของเขาที่มีให้กับเธออันเป็นที่รัก ผนวกกับความเหงา เศร้าโศกเสียใจที่เกาะกินใจมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เธอจึงตัดสินใจตอบแทนความจริงใจของเขาด้วยการกลับไปคบหากันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพียงแค่คบหากันในฐานะแฟน ทั้งสองตกลงจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน โดยฝ่ายชายได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของเธอ
เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอีกครั้งในชีวิต เธอบอกแบบนั้น
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
by พรนับพัน
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
จาก สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ (ตอน 5)
ตอน 5
“ความลับ มักซ่อนอะไรบางอย่างไว้เสมอ”
ย้อนกลับไปในวันที่ผมไปส่งเธอที่บ้านครั้งแรก หลังจากส่งเธอแล้วช่วงค่ำวันนั้นเราก็โทรคุยกันอีกครั้ง แล้วในระหว่างที่เรากำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน เธอก็ถามขึ้นมาว่า
“รู้ไหมว่าทำไมในตอนแรกถึงไม่อยากให้ไปส่งที่บ้าน” เธอเปิดประเด็นการพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
มีเหตุผลบางอย่างที่ถูกปิดบังเอาไว้
เธอบอกว่า เธอมีแฟนที่คบหากันอยู่แล้ว และชายคนนั้นอาศัยอยู่ที่บ้านของเธอ!
ผมนิ่งเงียบกับสิ่งที่เธอพูดออกมา
ทั้งสองเรื่องมีทั้งเรื่องที่รู้อยู่แล้ว กับอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่รู้มาก่อนและทำให้ผมต้องตกใจ ‘อาศัยอยู่ที่บ้านของเธอ!’ ก่อนหน้านี้ลูกน้องของผมเคยเล่าให้ฟังว่า ในช่วงเย็นหลังเลิกงานบางวัน จะมีชายหนุ่มขับรถเก๋งสีดำมารับเธอ และมักจะมาจอดบริเวณหน้าที่ทำงานของผมอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อสอบถามกับเพื่อนสาวในกลุ่มแล้ว ชายคนนั้นเป็นแฟนของเธอนั่นเอง และนี่ก็เป็นข้อมูลที่ผมรู้มาก่อน แม้จะรู้สึกลังเลใจบ้าง ก่อนที่จะตัดสินใจโทรหาเธอครั้งแรก แต่ผมก็ไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อเธอได้ ผมเลือกที่จะลืมเรื่องที่เธอมีแฟนอยู่แล้วไป จากนั้นก็ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามอารมณ์ แม้ว่าจะไม่ถูกต้องนักก็ตาม
แต่การที่แฟนของเธออาศัยอยู่กับเธอที่บ้านนี่สิ มันเกินกว่าคำว่าแฟนไปมากแล้ว ความจริงเธอมีสามีอยู่แล้ว นี่ล่ะเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกตกใจ และผมยังมองในแง่ดี เชื่อว่าเธอก็คงมีเหตุผลของตัวเองที่เลือกจะคบหากับผมทั้งที่มีแฟนอยู่แล้ว และวันนี้ทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยออกมาจากการบอกเล่าของเธอ
แฟนของเธอมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ไม่ไกลกันนัก เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่เธอใกล้จะเรียนจบ ตลอดระยะเวลาที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย เธอไม่เคยคบหาใครมาก่อน ด้วยความที่ทุกคนจะมองภาพลักษณ์ภายนอกว่าเธอเป็นหญิงสาวที่สวย แต่มีอุปนิสัยนิ่งเงียบ จึงทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าจะเข้ามาจีบ ซึ่งแฟนของเธอคนนี้ก็เข้ามาในชีวิตของเธอในช่วงเวลาที่เงียบเหงาไม่มีใคร เธอจึงตัดสินใจในทันทีที่จะคบหากับแฟนคนนี้ตั้งแต่นั้นมา
แต่เรื่องราวทุกอย่างไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ทุกอย่างซับซ้อนกว่านั้นมาก
หลังจากที่เธอตัดสินใจคบหากับแฟนของเธอแล้ว อยู่มาวันหนึ่งหลังจากที่เรียบจบแล้ว โชคชะตาทำให้เธอพบกับชายหนุ่มอีกคน ซึ่งเธอยอมรับเลยว่าหลงรักชายหนุ่มคนนี้มากอย่างหัวปักหัวปำ จนทำให้ไม่อาจปฏิเสธแรงปรารถนาของตนเองได้ เธอจึงตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ด้วยการเก็บเสื้อผ้าหนีไปอยู่กับชายหนุ่มที่เธอรัก โดยไม่บอกลาแฟนคนแรกที่เธอคบหาอยู่ ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าหากจะบอกเลิกกับแฟนคนแรกที่คบอยู่ก็กลัวว่าจะเกิดปัญหาจนไม่สามารถไปอยู่กับชายคนรักได้ ด้วยวัยเพียงยี่สิบปีในขณะนั้น ที่ยังขาดวุฒิภาวะ เธอจึงคิดว่าการหนีไปเฉยๆ คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด แล้วก็เป็นวิธีสุดท้ายที่เธอจะสามารถออกไปใช้ชีวิตคู่กับชายคนรักได้อย่างสมใจ
ผมตั้งใจฟังสิ่งที่เธอกำลังเล่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน และเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องนี้อีกด้วย ทุกอย่างซับซ้อนมากกว่าที่คิดเอาไว้จริงๆ
การหนีไปของเธอ เป็นการไปโดยไม่บอกใคร แม้แต่คนในครอบครัว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนกับใคร แฟนคนแรกเสียใจกับการหายตัวไปของเธอมาก พยายามออกตามหาทุกที่ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอได้ไปอยู่กับชายคนรักใหม่ที่จังหวัดอื่นแล้ว
แล้วทุกอย่างที่เธอวาดฝันเอาไว้ก็พังทลายในเวลาอันรวดเร็ว
ขณะที่เธออยู่กับชายคนรักที่จังหวัดอื่น เธอสับสน เคว้งคว้าง ไม่แน่ใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ ถึงแม้ว่าการใช้ชีวิตคู่ในช่วงแรกจะมีความสุขอย่างที่ต้องการ แต่พอระยะเวลาย่างเข้าหนึ่งปี ชายหนุ่มอันเป็นที่รักก็เปลี่ยนไป นิสัยเจ้าชู้เริ่มมีออกมาให้เห็น และเธอก็จับได้ว่าชายคนรักมีหญิงอื่นหลายต่อหลายครั้ง เธอเจ็บปวดทุกข์ทรมาน หาทางออกไม่ได้ จนในที่สุดก็ไม่สามารถทนอยู่ในสภาพนี้ได้อีกต่อไป
ทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็ว เธอหมดรักชายคนนี้แล้ว และตัดสินใจแยกทางกันในที่สุด
เธอรู้แล้วว่า การหนีไปอยู่กับชายคนรักเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ จนที่สุดแล้วก็ทำให้เธอต้องพบกับความผิดหวังเสียใจ หลังจากที่ได้เลิกรากันแล้ว เธอแบกเอาความผิดหวังชอกช้ำซมซานกลับมาบ้าน หลังจากที่หนีหายไปเป็นแรมปี คนในครอบครัวไม่แม้แต่จะดุด่าต่อว่ากับการกระทำของเธอ กลับนิ่งเงียบไม่พูดถึงเรื่องนี้ ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไป
ช่วงแรกหลังจากกลับมาอยู่บ้าน เธอเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง จมปลักกับความโศกเศร้าเสียใจเพียงลำพัง ไม่ออกไปไหน ไม่พบปะผู้คน หมกตัวอยู่แต่ภายในห้อง และเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งจนสามารถทำใจได้บ้างแล้ว เธอเริ่มออกไปข้างนอกบ้าง ได้พบปะผู้คน แล้ววันหนึ่งก็ได้พบกับแฟนคนแรกด้วยความบังเอิญ ชายหนุ่มที่ถูกเธอทอดทิ้งไม่แม้จะโกรธเกลียดกับสิ่งที่เธอได้ทำลงไป กลับให้อภัยในสิ่งเลวร้ายที่ผ่านมา เขายังรักและห่วงใยอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน
หลังจากนั้น ทั้งสองคนได้เริ่มติดต่อกันอีกครั้ง
ด้วยความจริงใจของเขาที่มีให้กับเธออันเป็นที่รัก ผนวกกับความเหงา เศร้าโศกเสียใจที่เกาะกินใจมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เธอจึงตัดสินใจตอบแทนความจริงใจของเขาด้วยการกลับไปคบหากันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพียงแค่คบหากันในฐานะแฟน ทั้งสองตกลงจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน โดยฝ่ายชายได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของเธอ
เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอีกครั้งในชีวิต เธอบอกแบบนั้น
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
by พรนับพัน
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
จาก สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด