สวัสดีค่ะ ห่างหายจากการเขียนกระทู้ไปนาน วันนี้ขอเริ่มจากไปเที่ยวเขมรครั้งแรก… (พนมเปญ แบบไปเที่ยว ครั้งแรกกับมติชน) ปกติไปทำงานที่พนมเปญบ้างปีละครั้ง สองครั้ง แต่อันนี้เห็นรายการทัวร์น่าสนใจแถมเป็นที่ๆไม่ค่อยมีใครจัดทัวร์ด้วย เลยจองแต่ต้นๆเลยค่ะ 55555
วันเดินทาง เรานัดกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 6 โมงเช้า เจ้าหน้าที่แจกถึงยังชีพแล้วก็พาไปเช็คอิน
 เช็คอินเสร็จแล้วก็ไปเดินเล่น กินข้าวด้านในก่อน จริงๆสายการบินมี Lounge ให้บริการ แต่ จขกท.เลือกไปใช้บริการที่ Kingpower Lounge เพราะชอบโจ๊กไก่ที่นั่นค่ะ  เรากินเก็บ Spare ไปก่อน เด๋วไปกินบนเครื่องต่อ 
ไฟล์เรา 8.15 นะคะ ใช้เวลาชม.เดียวเราก็ถึงท่าอากาศยานพนมเปญค่ะ
วิวบนเครื่อง
อาหารเช้ามื้อที่ 2 
Group เรามีแค่ 17 คน เป็น Group เล็กๆ เราไปแบบไปคนเดียว ไปหาเอาเพื่อนข้างหน้า ครั้งนี้ เราได้รับเกียรติจาก วิทยากรพิเศษคือ อ.ศานติ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์เขมร หรือขแมร์ มาบรรยาย ทำให้ทัวร์นี้สนุกสนานและได้ความรู้กลับบ้านเป็นกระบุงเลย
ซักพักก็มีรถบัสมารับเราไป เราโดยสารรถบัสขนาด 45 ที่นั่ง รวม Staff+Local staff แล้ว เหลือเฟือ คนละเบาะไปเลย 5555

Program แรก เราจะไปเมืองละแวกก่อน เมืองละแวกอยู่ตรงไหน เมืองอยู่ทางเหนือของพนมเปญ วิ่งย้อนแม่น้ำโตนเลสาบขึ้นไป ประมาณ 70 กิโลได้นะคะ นั่งรถไปประมาณ 2 ชม.ก็ถึง ก่อนจะถึงเมืองละแวก (Longvak) เราแวะกินข้าวกลางวันกันที่ภัตตาคาร Krong Luang ที่เมืองอุดงค์ (เมืองอุดงค์อยู่ก่อนถึงเมืองละแวกเล็กน้อย ประมาณ 20 กิโล) ร้านนี้น่าจะดีที่สุดในละแวกนี้แล้ว พอลงมาถึงร้านปุ๊บก็หิวเลย เอาเมนูมาอวดนะคะ เป็นทั้งเมนู Local และ เมนูที่เหมือนบ้านเราค่ะ รสชาติโอเคนะคะ ข้าวเติมได้ไม่อั้น ที่สำคัญเด็กเสิร์ฟ พูดภาษาไทยคล่องปรื๋อเลย 55555
จขกท.ชอบเมนูนี้ค่ะ เป็นเหมือนน้ำพริกใส่เนื้อปลา รสชาติบอกไม่ถูก แต่อร่อยค่ะ 
หลังจากอิ่มหนำสำราญ เราก็ไปต่อกันที่เมืองละแวก จุดแรกคือ คูเมืองละแวก เป็นคูเมือง 3 ชั้น แต่ตอนที่เราไปเห็น เหลือแค่ชั้นเดียว ที่เหลือโดนลุกล้ำไปหมดล่ะ น่าเสียดาย สภาพเป็นคูเมือง มีผักตบอยู่แล้วก็เป็นคันดิน ชั้นในสุดจะติดกับป่าไผ่ อาจารย์ก็เล่าประวัติศาสตร์ให้ฟัง… แฮะๆ จำไม่ค่อยได้แล้ว จำได้แค่ว่า กรุงศรีอยุธยายกทัพมาตีเมืองละแวก ยังไงก็ไม่แตกซะที เพราะมีกำแพงเมืองกั้น ด้านทิศเหนือไปจนถึงทิศใต้ ความลึกของคูเมืองก็ท่วมหลังช้าง ตีลำบาก แต่สุดท้ายแล้ว กรุงศรีอยุธยาก็ยิ่งปืนที่เป็นกระสุนเงินพดด้วง เข้าไปในป่าไผ่ พอชาวเมืองเห็นว่าเป็นเงินพดด้วงก็พากันมาถางป่าใผ่แล้วก็เก็บเอาเงินไป กรุงศรีอยุธยาสบโอกาสก็เลยเข้าตีเมืองละแวกได้สำเร็จ ประมาณนี้ 
พอเราดูคูเมืองเสร็จ เราก็เข้าไปด้านในเมือง อารมณ์คล้ายๆหมู่บ้านในภาคอีสานเรา ไปที่วัดประจำเมืองเป็นวัดหลวง ชื่อวัดตรอแลงแกง ตัววัดจะอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ รอบอุโบสถก็มีใบเสมาเก่าแก่อยู่ ตัววิหารเหลือแค่ส่วนเท้าของพระพุทธรูป ส่วนวิหารก็สร้างขึ้นใหม่ น่าเสียดายที่ช่วงเขมรแดงเรืองอำนาจ โยราณสถานต่างๆถูกทำลายไปมาก แถมก็ยังโดนชาวบ้านลุกล้ำอีก ดีที่มีโอกาสมาเห็นก่อน อีก 10 ปี ไม่แน่ใจว่า คูเมืองชั้นในกับป่าไผ่จะเหลือสภาพหรือเปล่า 
จากตัววิหาร เราก็เดินไปต่อกันที่วิหาร พระโคกับพระแก้ว ที่อยู่ในบริเวณดียวกัน แต่ถัดไปทางตะวันออก อาจารย์เล่าเรื่องตามจิตกรรมฝาพนัง พร้อมกับเล่าเกร็ดประวัติศาสตร์ไปด้วย สนุกมากเลย 
เกือบๆ 4 โมงเราก็กลับเข้าเมืองพนมเปญ เราพักในเมืองพนมเปญ 2 คืน ที่ Sokha Phnompenh Hotel รร.ในฝันเลย ตั้งแต่สมัยมาทำงานที่นี่แรกๆ มองมาจากฝั่งเมือง เพราะตัวรร. อยู่อีกฝั่งของเมือง อยู่แหลมจโรยจังวา ตั้งอยู่ระหว่างปากแม่น้ำโขงและแม่น้ำโตนเลสาบมาบรรจบกับ วิวดีมาก เรามาถึงเมืองพนมเปญประมาณ 5 โมงกว่าๆ แต่มันเป็นช่วง Rush Hour และร้านอาหารของเรา อยู่อีกฝั่งของเมือง กว่าจะถึงร้านหิวซกเลย ร้านนี้เป็นสาขาของ Khmer Surin ชื่อ Champei restaurant ร้านบรรยากาศดีมาก อาหารรสชาติออกหวาน ไม่อร่อยเท่าบ้านเรา และปลาทูเค็มปี๋เลย 555 ชอบบัวลอยที่สุด อยากจะเบิ้ลด้วย แต่… มันดึกละ 
ขากลับจากร้านเราใช้เวลาแค่ 45 นาที เราก็ถึงโรงแรมที่อยู่อีกฝั่ง (ขาไป 2 ชม.นะคะ เฉพาะในตัวเมือง) การจราจรที่นี่โหดมากบอกเลย 5555
โรงแรมสวยมาก เราโชคดีได้ห้องที่เห็นวิวพระราชวังด้วย แถมเป็นกระจกใหญ่ วิว 180 องศา ดีมว๊ากกกกกกกกกก 

มาต่อ Day 2-3 ใน Comment นะคะ