สวัสดีครับทุกคนวันนี้ผมเองจะมา
บอกเล่าเรื่องการดูแลสุขภาพของผมเองให้ทุกคนฟังกันครับ เมื่อไม่นานมานี้ไม่ถึงหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมป่วยไม่สบายหนัก ปวดหัวไข้ขึ้นสูง มีน้ำมูกใสๆไหลตลอดเวลา มีอาการหูอื้อ และนอนไม่หลับอยู่เป็นประจำ เป็นมาแบบนี้นานแล้วแต่อาการมันหนักขึ้นเรื่อยๆทุกวันจนไม่ไหวต้องไปหาหมอ ทีแรกหมอตรวจดูบอกว่าอาจจะติดเชื้อเป็นไข้หวัดใหญ่ จ่ายยาให้ไปนอนพักที่บ้านอยู่หนึ่งสัปดาห์ ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์อาการยังไม่ดีขึ้นจึงไปหาหมอใหม่ได้ทำการตรวจละเอียดอีกครั้ง ถึงขั้นเจาะเลือดไปตรวจ ผลออกมาคือผมติดเชื้อโรคจากอาหารและเครื่องดื่มที่รับประทานเป็นประจำทุกวันนั้นแหละ คุณหมอบอกว่าวันวันนึงคุณทานอะไรไปบ้าง ผมก็บอกไป คุณหมอตอบกลับทำผมอึ้งว่า "คุณยังทานอาหารพวกนี้อยู่อีกเหรอ" ผมสตั้นเลย ผมทานอะไรไปบ้างล่ะ "ลูกชิ้นปิ้ง" "เป๊ปซี่" "ข้าวเหนียวหมูปิ้ง" "ข้าวหมูกรอบ" "ข้าวมันไก่" "ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก" "เครื่องดื่มน้ำหวานประเภทต่างๆ" คุณหมอบอกอาหารเหล่านี้แทบจะไม่มีประโยชน์เลย ข้างนอกเขาตั้งร้านขายก็ทำกันไม่สะอาดเท่าที่ควร ใส่ผงชูรสเยอะ เครื่องดื่มหวานๆเย็นๆพวกร้านกาแฟก็ให้แต่โทษ น้ำแข็งเอย คุณหมอบอกว่าน้ำแข็งนี่คือแหล่งเชื้อโรคเลย ถ้าอยากทานน้ำแข็งจริงๆให้ทำเองในตู้เย็นที่บ้าน ไม่แนะนำให้ไปทานน้ำแข็งตามร้านอาหารหรือตามร้านกาแฟ
คุณหมอบอกว่าคุณทานของพวกนี้มานานแล้วใช่ไหม ผมตอบว่าใช่ประจำเลย คุณหมอตอบกลับว่า ควรเลิกทานได้แล้ว มันไม่ดีต่อสุขภาพ หรือนานๆทีก็ทานได้ แต่ทางที่ดีลดซะที คุณหมอบอกคุณนี่รูปร่างดูไม่อ้วนแต่ทานของอ้วนๆทั้งนั้นเลย ผมเลยตอบกลับว่า ผมเองวิ่งออกกำลังกายประจำ เป็นคนรูปร่างสันทัด ไม่เตี้ย ไม่สูง บวกกับพันธุกรรมคนในบ้านก็ไม่มีใครรูปร่างอ้วนหรือถ่วมเลย ผมเองมีความคิดผิดๆมานานมากว่าถ้าเราออกกำลังกายประจำ วิ่งจ๊อกกิ้งวันละ 40-45 นาทีแล้วผมจะกินอะไรตามใจปากก็ได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีโรคตามมาเพราะยังไงเดี๋ยวไปวิ่งออกกำลังกายร่างกายมันก็เผาผลาญให้ เป็นความคิดที่โคตรผิด
ผมมีปัญหาเรื่องหน้าของผมด้วยคือ หน้าผมมันบ่อยมาก ออกจากบ้านแป๊ปๆหน้ามันแผล๊บ คุณหมอ
บอกเกิดจากการที่เรากินเนื้อสัตว์มากเกินไป เช่น มันหมู หนังไก่ คอหมูย่าง ไก่ย่าง บาร์บีคิว เป็นต้น หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมาผมเลยตั้งใจจะลดและเลิกทานของพวกนั้นเป็นจริงเป็นจัง วันแรกๆเดินไปตลาดก็อดใจไม่ไหวเห็นร้านค้าต่างๆ ที่เราซื้อทานประจำ แต่คิดมาคิดไปเห็นต่อสุขภาพผมเลยไม่ซื้อ 1-4 วันแรกบอกเลยว่าทรมานปากมาก แต่หลังจากนั้น ผมเริ่มชินกับการที่ไม่อยากกินของพวกนี้ เริ่มมาทำกับข้าวเองบ้าง เช่น เมนูง่ายๆอย่าง สุกี้แห้ง, แกงจืดผักกาดขาวใส่เต้าหู้ ทานของมีประโยชน์ เปลี่ยนจากการทานข้าวสวย มาเป็นข้าวกล้องและข้าวไรท์เบอร์รี่ ไม่ทานสเต็ก ของติดมัน ของทอด และของปิ้งย่าง
น้ำหวานเอยที่คนส่วนมากชอบทานกัน กาแฟเย็น, โอเลี้ยง, ชาดำเย็น, ชานมไข่มุก ผมเลิกเลย ผลก็คือทำมาจะปีหนึ่งแล้ว ร่างกายของผมดีขึ้นเป็นอย่างมากครับ หวัดเอย น้ำมูก หรือปกติจะเป็นคนจามบ่อยๆ นอนไม่หลับ ปวดหัวประจำ อาการพวกนี้หายไปเลยครับ อีกอย่างคือผมทานแอปเปิ้ลวันละ 1 ลูกครับ ช่วยอะไรได้หลายอย่าง ท้องไส้เดินสะดวก ไม่ปั่นป่วนแบบแต่ก่อน รู้สึกผิวพันดีขึ้น ผิวรื่น หน้าไม่มันเหมือนแต่ก่อน คือ สุขภาพดีขึ้นเป็นอย่างมากจากคำแนะนำของคุณหมอ การออกกำลังกายของคนเราต้องการเพียง 30% เท่านั้น แต่การเลือกทานอาหารและผลไม้สูงถึง 70% นี่คือองค์ประกอบที่ทำให้สุขภาพของเราดีแข็งแรงไร้โรคร้ายและช่วยยืดอายุของเราครับ
มาแนะนำเรื่องสุขภาพ เริ่มต้นด้วยการลดละของกินเหล่านี้ ทำยากแต่ถ้าชินแล้วลาไกลโรคร้าย
บอกเล่าเรื่องการดูแลสุขภาพของผมเองให้ทุกคนฟังกันครับ เมื่อไม่นานมานี้ไม่ถึงหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมป่วยไม่สบายหนัก ปวดหัวไข้ขึ้นสูง มีน้ำมูกใสๆไหลตลอดเวลา มีอาการหูอื้อ และนอนไม่หลับอยู่เป็นประจำ เป็นมาแบบนี้นานแล้วแต่อาการมันหนักขึ้นเรื่อยๆทุกวันจนไม่ไหวต้องไปหาหมอ ทีแรกหมอตรวจดูบอกว่าอาจจะติดเชื้อเป็นไข้หวัดใหญ่ จ่ายยาให้ไปนอนพักที่บ้านอยู่หนึ่งสัปดาห์ ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์อาการยังไม่ดีขึ้นจึงไปหาหมอใหม่ได้ทำการตรวจละเอียดอีกครั้ง ถึงขั้นเจาะเลือดไปตรวจ ผลออกมาคือผมติดเชื้อโรคจากอาหารและเครื่องดื่มที่รับประทานเป็นประจำทุกวันนั้นแหละ คุณหมอบอกว่าวันวันนึงคุณทานอะไรไปบ้าง ผมก็บอกไป คุณหมอตอบกลับทำผมอึ้งว่า "คุณยังทานอาหารพวกนี้อยู่อีกเหรอ" ผมสตั้นเลย ผมทานอะไรไปบ้างล่ะ "ลูกชิ้นปิ้ง" "เป๊ปซี่" "ข้าวเหนียวหมูปิ้ง" "ข้าวหมูกรอบ" "ข้าวมันไก่" "ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก" "เครื่องดื่มน้ำหวานประเภทต่างๆ" คุณหมอบอกอาหารเหล่านี้แทบจะไม่มีประโยชน์เลย ข้างนอกเขาตั้งร้านขายก็ทำกันไม่สะอาดเท่าที่ควร ใส่ผงชูรสเยอะ เครื่องดื่มหวานๆเย็นๆพวกร้านกาแฟก็ให้แต่โทษ น้ำแข็งเอย คุณหมอบอกว่าน้ำแข็งนี่คือแหล่งเชื้อโรคเลย ถ้าอยากทานน้ำแข็งจริงๆให้ทำเองในตู้เย็นที่บ้าน ไม่แนะนำให้ไปทานน้ำแข็งตามร้านอาหารหรือตามร้านกาแฟ
คุณหมอบอกว่าคุณทานของพวกนี้มานานแล้วใช่ไหม ผมตอบว่าใช่ประจำเลย คุณหมอตอบกลับว่า ควรเลิกทานได้แล้ว มันไม่ดีต่อสุขภาพ หรือนานๆทีก็ทานได้ แต่ทางที่ดีลดซะที คุณหมอบอกคุณนี่รูปร่างดูไม่อ้วนแต่ทานของอ้วนๆทั้งนั้นเลย ผมเลยตอบกลับว่า ผมเองวิ่งออกกำลังกายประจำ เป็นคนรูปร่างสันทัด ไม่เตี้ย ไม่สูง บวกกับพันธุกรรมคนในบ้านก็ไม่มีใครรูปร่างอ้วนหรือถ่วมเลย ผมเองมีความคิดผิดๆมานานมากว่าถ้าเราออกกำลังกายประจำ วิ่งจ๊อกกิ้งวันละ 40-45 นาทีแล้วผมจะกินอะไรตามใจปากก็ได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีโรคตามมาเพราะยังไงเดี๋ยวไปวิ่งออกกำลังกายร่างกายมันก็เผาผลาญให้ เป็นความคิดที่โคตรผิด
ผมมีปัญหาเรื่องหน้าของผมด้วยคือ หน้าผมมันบ่อยมาก ออกจากบ้านแป๊ปๆหน้ามันแผล๊บ คุณหมอ
บอกเกิดจากการที่เรากินเนื้อสัตว์มากเกินไป เช่น มันหมู หนังไก่ คอหมูย่าง ไก่ย่าง บาร์บีคิว เป็นต้น หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมาผมเลยตั้งใจจะลดและเลิกทานของพวกนั้นเป็นจริงเป็นจัง วันแรกๆเดินไปตลาดก็อดใจไม่ไหวเห็นร้านค้าต่างๆ ที่เราซื้อทานประจำ แต่คิดมาคิดไปเห็นต่อสุขภาพผมเลยไม่ซื้อ 1-4 วันแรกบอกเลยว่าทรมานปากมาก แต่หลังจากนั้น ผมเริ่มชินกับการที่ไม่อยากกินของพวกนี้ เริ่มมาทำกับข้าวเองบ้าง เช่น เมนูง่ายๆอย่าง สุกี้แห้ง, แกงจืดผักกาดขาวใส่เต้าหู้ ทานของมีประโยชน์ เปลี่ยนจากการทานข้าวสวย มาเป็นข้าวกล้องและข้าวไรท์เบอร์รี่ ไม่ทานสเต็ก ของติดมัน ของทอด และของปิ้งย่าง
น้ำหวานเอยที่คนส่วนมากชอบทานกัน กาแฟเย็น, โอเลี้ยง, ชาดำเย็น, ชานมไข่มุก ผมเลิกเลย ผลก็คือทำมาจะปีหนึ่งแล้ว ร่างกายของผมดีขึ้นเป็นอย่างมากครับ หวัดเอย น้ำมูก หรือปกติจะเป็นคนจามบ่อยๆ นอนไม่หลับ ปวดหัวประจำ อาการพวกนี้หายไปเลยครับ อีกอย่างคือผมทานแอปเปิ้ลวันละ 1 ลูกครับ ช่วยอะไรได้หลายอย่าง ท้องไส้เดินสะดวก ไม่ปั่นป่วนแบบแต่ก่อน รู้สึกผิวพันดีขึ้น ผิวรื่น หน้าไม่มันเหมือนแต่ก่อน คือ สุขภาพดีขึ้นเป็นอย่างมากจากคำแนะนำของคุณหมอ การออกกำลังกายของคนเราต้องการเพียง 30% เท่านั้น แต่การเลือกทานอาหารและผลไม้สูงถึง 70% นี่คือองค์ประกอบที่ทำให้สุขภาพของเราดีแข็งแรงไร้โรคร้ายและช่วยยืดอายุของเราครับ