-10-
เมื่อรถไฟมาถึง ผมก้าวเข้าไปบนขบวน... เดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ
จากนั้น... ผมเดินผ่านทางเดินห้องอย่างช้า ๆ รถไฟวิ่งลอดเข้าอุโมงค์ บรรยากาศโดยรอบสลัวมัวหม่น แม้กระทั่งอากาศยังให้ความรู้สึกแปลกพิกล
เมื่อพ้นอุโมงค์ หมอกจางลง วิวทิวทัศน์เปลี่ยนไป
ผมมองกวาดไปรอบโบกี้ เหมือนนึกพิศวงไปต่าง ๆ
รอบ ๆ ห้องแปลกตา ผิดสังเกต บรรยากาศเก่าคร่ำคร่าล้าสมัย เพดานเต็มไปด้วยฝุ่น
วินาทีต่อมา ผมเหลือบขึ้นมองที่นั่งบนทางเดิน สะดุดใจกับเงาดำ ๆ ที่เก้าอี้ปลายสุดของโบกี้
"ในที่สุด... วันนี้ก็มาถึง..." ผมหลับตาลงช้า ๆ ก่อนค่อย ๆ ก้าวเดิน ไปหาเด็กหนุ่มอย่างตื่นเต้น
ผมได้ข้ามผ่านประตูมิติเวลา ย้อนกลับไปหาตัวเองในวัยหนุ่ม ที่คุ้นหน้าคุ้นตา...
วินาทีนี้ เราอยู่ในเกมชีวิตเดียวกัน แตกต่างกันที่เลเวล...
ผมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะมันคงยากที่ใครจะเชื่อ...
อกของผมเต็มตื้นขึ้นมา จนเปลือกตาร้อนผ่าว
ผมของเขายังสีดำ ใบหน้าแลสุขภาพดี แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา สวมเสื้อโค้ทปอน ๆ สีดำ
เขานั่งหลังตรง บุคลิคดีสมวัย เพียงแต่สีหน้าเท่านั้นที่ดูว้าเหว่ปนเศร้า ใครเห็นก็รู้ว่า เหงาในใจ
เขายังใหม่ต่อชีวิตนัก ใหม่เหลือเกิน...
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผม...
"ขอโทษนะ ฉันคิดว่านี่เป็นที่นั่งของฉันเสียอีก" ผมพูดอาย ๆ
เขาเชิญชวนให้ผมนั่ง น้ำเสียงฟังดูอ่อนแอเหลือเกิน...
ผมปกปิดชื่อ และอาชีพที่แท้จริงไว้...
ผมอยากจะบอกเขาจากใจจริง ว่าสิ่งที่น่าตกใจจากนี้ไป... ยังมีอีกมากนัก นี่เป็นแค่บทโหมโรงของการเติบโตเท่านั้น
จากนี้ไปเขาจะได้เรียนรู้จักชีวิต จะพบเจอผู้คนที่เดินอยู่บนเส้นทางในความฝัน
และเรื่องราวต่าง ๆ ให้ตัดสินใจอีกมากมายบนโลกใบนี้
แต่ไม่ต้องกังวลหรอก เพราะไม่ว่าเขาจะพบเรื่องเลวร้าย สะเทือนใจขนาดใหน
เดี๋ยวมันก็ผ่านพ้นไป... อีกไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างจะเรียบร้อยดี มันเป็นแบบนั้นมาเสมอ และจะเป็นตลอดไป...
FT 5 | เรื่องสั้น ปาฏิหาริย์คืนสิ้นปี ตอนที่ 10 (จบ)
จากนั้น... ผมเดินผ่านทางเดินห้องอย่างช้า ๆ รถไฟวิ่งลอดเข้าอุโมงค์ บรรยากาศโดยรอบสลัวมัวหม่น แม้กระทั่งอากาศยังให้ความรู้สึกแปลกพิกล
เมื่อพ้นอุโมงค์ หมอกจางลง วิวทิวทัศน์เปลี่ยนไป
ผมมองกวาดไปรอบโบกี้ เหมือนนึกพิศวงไปต่าง ๆ
รอบ ๆ ห้องแปลกตา ผิดสังเกต บรรยากาศเก่าคร่ำคร่าล้าสมัย เพดานเต็มไปด้วยฝุ่น
วินาทีต่อมา ผมเหลือบขึ้นมองที่นั่งบนทางเดิน สะดุดใจกับเงาดำ ๆ ที่เก้าอี้ปลายสุดของโบกี้
"ในที่สุด... วันนี้ก็มาถึง..." ผมหลับตาลงช้า ๆ ก่อนค่อย ๆ ก้าวเดิน ไปหาเด็กหนุ่มอย่างตื่นเต้น
ผมได้ข้ามผ่านประตูมิติเวลา ย้อนกลับไปหาตัวเองในวัยหนุ่ม ที่คุ้นหน้าคุ้นตา...
วินาทีนี้ เราอยู่ในเกมชีวิตเดียวกัน แตกต่างกันที่เลเวล...
ผมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะมันคงยากที่ใครจะเชื่อ...
อกของผมเต็มตื้นขึ้นมา จนเปลือกตาร้อนผ่าว
ผมของเขายังสีดำ ใบหน้าแลสุขภาพดี แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา สวมเสื้อโค้ทปอน ๆ สีดำ
เขานั่งหลังตรง บุคลิคดีสมวัย เพียงแต่สีหน้าเท่านั้นที่ดูว้าเหว่ปนเศร้า ใครเห็นก็รู้ว่า เหงาในใจ
เขายังใหม่ต่อชีวิตนัก ใหม่เหลือเกิน...
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผม...
"ขอโทษนะ ฉันคิดว่านี่เป็นที่นั่งของฉันเสียอีก" ผมพูดอาย ๆ
เขาเชิญชวนให้ผมนั่ง น้ำเสียงฟังดูอ่อนแอเหลือเกิน...
ผมปกปิดชื่อ และอาชีพที่แท้จริงไว้...
ผมอยากจะบอกเขาจากใจจริง ว่าสิ่งที่น่าตกใจจากนี้ไป... ยังมีอีกมากนัก นี่เป็นแค่บทโหมโรงของการเติบโตเท่านั้น
จากนี้ไปเขาจะได้เรียนรู้จักชีวิต จะพบเจอผู้คนที่เดินอยู่บนเส้นทางในความฝัน
และเรื่องราวต่าง ๆ ให้ตัดสินใจอีกมากมายบนโลกใบนี้
แต่ไม่ต้องกังวลหรอก เพราะไม่ว่าเขาจะพบเรื่องเลวร้าย สะเทือนใจขนาดใหน
เดี๋ยวมันก็ผ่านพ้นไป... อีกไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างจะเรียบร้อยดี มันเป็นแบบนั้นมาเสมอ และจะเป็นตลอดไป...