#สร้างแบรนด์ #สร้างเพจขายของ #การตลาดออนไลน์ #เทคนิคการขายออนไลน์ #ขายออนไลน์ #MarketingOnline #GF #GFnextstep #สร้างเว็บ #เขียนSEO #เขียนGoogleAds #FacebookAds #GoogleAds #ตลาดออนไลน์แบบง่าย
ทำไมต้องจ้างทำ SEO และถ้าทำด้วยตัวเองจะทำได้อย่างไร?
SEO หรือชื่อเต็มคือ Search Engine Optimization คือขั้นตอนการทำให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณถูกค้นหาเจอได้ด้วย Google
โดยทั่วไปแล้วเมื่อคุณเริ่มทำเว็บไซต์หรือแฟนเพจ เพื่อขายสินค้าในช่วงแรก คุณจะไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์จนกว่าคุณจะแนะนำตัวกับ Google ได้สำเร็จ โดยมีขั้นตอนหลายอย่างที่ต้องค่อยๆ ทำจนกว่า google จะมั่นใจว่าคุณเป็นใคร และการค้นหาแบบไหน หรือผู้คนหากลุ่มไหน เหมาะสมกับร้านค้าของคุณ
การทำ SEO มีทั้งการทำ Content และ การปรับปรุงโครงสร้างหน้าเว็บให้เหมาะสมกับ Keywod (คีย์เวิร์ด) ในปัจจุบัน การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับแรกๆ ของผลการค้นหาบน Google และมีโอกาสขายของได้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหลายคนต้องทำเมื่อเข้าร่วมแข่งขันบนตลาดออนไลน์ อย่าง Google มีการปรับ Algorithm ที่ใช้จัดอันดับเว็บไซต์บนหน้า Search Engine Results Page อยู่เสมอ ดังนั้นการทำ SEO จึงต้องตามทัน Algorithm ของ Google ด้วย แต่การจ้างมันก็มีค่าใช้จ่ายที่สูง ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าสามารถทำด้วยตัวเองได้หรือไม่? แล้วทำไมต้องจ้างทำ หรือถ้าจะทำด้วยตัวเองจะมีวิธีการอย่างไร? อยากรู้แล้วใช่ไหม...ไปดูกัน
4 เหตุผลที่ทำไมต้องจ้างทำ SEO
1. ต้องเลือก Keyword ให้เป็นKeyword
เพื่อที่ว่าเว็บไซต์ของเราจะได้ติดอันดับแรกๆ ของผลการค้นหาด้วย Keyword นั้นๆ การเลือก Keyword มีผลอย่างมากในการใทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับแรกๆ ของผลการค้นหาบน Google ตัวอย่างเช่น
- Mass Keyword หรือ Broad Keyword : คือ คำกว้างๆไม่เฉพาะเจาะจง ปริมาณค้นหาสูง คู่แข่งมีจำนวนมาก เช่น รองเท้า กระเป๋า ถ้าจ้างทำ SEO ต้องใช้เงินเยอะในการทำให้ติดอันดับ
- Niche Keyword : คือคำที่ขยายความ Mass Keyword จึงมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น มีโอกาสติดอันดับแรกๆ ได้มากกว่า เช่น เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง รองเท้าส้นสูงผู้หญิง เป็นต้น
- Longtail Niche Keyword : คือ คำที่เฉพาะเจาะจงมาก เช่น มีชื่อยี่ห้อ ชื่อสินค้า ชื่อรุ่น หรือระบุพื้นที่ ถ้าทำให้ติดอันดับแรกๆ ได้จะมีโอกาสขายของได้สูงมาก และเป็น Keyword ที่แนะนำสำหรับการเริ่มต้นทำ SEO ด้วยตัวเอง เช่น เปรี๊ยวจี๊ดเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง รองเท้าส้นสูงผู้หญิง เป็นต้น
2. ต้องมีทีมงานที่เก่งหลายด้าน
การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ ได้ ต้องมีองค์ประกอบที่ดีในหลายด้าน ซึ่งแต่ละด้านก็มีรายละเอียดยิบย่อยลงไปอีก เช่น
- ด้านโครงสร้างและประสิทธิภาพ : ทีมงานต้องมีความรู้ในการวิเคราะห์และปรับแก้เว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลักของ SEO
- ด้านประสบการณ์การใช้งาน : ทีมงานต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง UX (User Experience) ที่จะออกแบบเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้ เพื่อให้ได้คะแนน SEO ที่ดี
- ด้านเนื้อหา : ทีมงานต้องสร้างเนื้อหา รวมทั้งเขียนบทความให้รองรับกับ SEO และใส่ Keyword อย่างเหมาะสม ตลอดจนทำภาพประกอบให้น่าสนใจ
3. ต้องติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ SEO อยู่ตลอด
SEO มีการปรับ Algorithm ที่ใช้จัดอันดับเว็บไซต์บนหน้า Search Engine Results Page อยู่เสมอ ดังนั้นการทำ SEO จึงต้องตามทัน Algorithm ของ Google ด้วย แต่ด้วย Google ปรับ Algorithm อยู่เสมอ เราอาจไม่มีเวลามาคอยติดตามและปรับปรุงเว็บไซต์ จนอันดับหล่นไป ไม่อยู่ในอันดับต้นๆ ดังนั้นการจ้างทำ SEO กับทีมงานที่มีหน้าที่คอยติดตามข่าวสารและคอยดูแลปรับปรุงเว็บไซต์อยู่เสมอจึงเป็นเรื่องที่ดีกว่า
4. ต้องพึ่งพาหลายเว็บไซต์
ส่วนหนึ่งขององค์ประกอบด้านเนื้อหาคือ Backlink ที่เป็นลิงค์จากเว็บไซต์อื่นที่ชี้มายังเว็บไซต์ของเรา โดยต้องเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ มีคนเข้าเยี่ยมชมจริงๆ และเนื้อหาในบทความต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์เรา ทำให้เว็บไซต์เรามีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น แม้ปัจจุบัน Google จะลดความสำคัญของ Backlink ลงมาก แต่ก็ยังมีความจำเป็นอยู่ โดย Backlink ที่นิยมทำในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
Natural Link Building หรือ Organic Link Building คือ การที่เว็บไซต์อื่นทำการอ้างอิงเนื้อหาในเว็บไซต์ของเรา ส่วนใหญ่เป็นเพราะเนื้อหาของเราเป็นเนื้อหาที่ดีและมีประโยชน์
Manual Link Building คือ Backlink ที่เราทำเอง โดยมีหลากรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น
- การโพสตามเว็บต่างๆ แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น เว็บประกาศ, เว็บบอร์ด, สารบัญเว็บไซต์ (Directory)
- การแชร์ลิงค์เว็บไซต์ใน Social Media ต่างๆ เช่น Facebook, YouTube
- การทำ PBN (Private Blog Network) เพื่อลงบทความและส่งลิงค์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา
- การไปซื้อพื้นที่ลงบทความในเว็บไซต์อื่น แล้วส่งลิงค์กลับมายังเว็บไซต์
สำหรับการทำ SEO ด้วยตัวเอง แล้วอยากได้ Backlink ที่มีคุณภาพและยั่งยืน ก็แนะนำให้ทำเนื้อหาเว็บไซต์ของเราเองให้มีประโยชน์ เพื่อที่เว็บไซต์อื่นๆ จะได้นำไปเป็นข้อมูลอ้างอิงและแปะลิงค์เราบนเว็บไซต์ รวมถึงการแชร์ลิงค์ตาม Social Media หรือถ้าอยากได้ Backlink แบบทันใจ ก็ต้องซื้อพื้นที่ในเว็บไซต์อื่นเพื่อลงบทความที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรา ซึ่งการจ้างทำ SEO กับบริษัทที่น่าเชื่อถือ เราก็จะได้ Backlink ที่มีคุณภาพซึ่งช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ได้เช่นกัน
สรุป
การทำ SEO เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพราะปัจจุบันมีแหล่งศึกษาหาความรู้มากมาย ทั้ง อินเทอร์เน็ต หนังสือ เวิร์คช็อป คอร์สอบรมต่างๆ แต่ทั้งนี้ SEO มีรายละเอียดยิบย่อยหลายอย่าง รวมถึงต้องใช้ประสบการณ์สะสมความรู้ในการพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ การจะทำทั้งหมดด้วยตัวเอง ก็อาจต้องเสียเวลาและต้นทุนไม่น้อย
ดังนั้นการจ้างผู้เชี่ยวชาญทำ SEO จึงช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มาก อย่างไรก็ตามเราก็ควรมีความรู้ด้าน SEO เบื้องต้นเอาไว้ด้วย เพื่อไว้พัฒนาเว็บไซต์ของเราเอง รวมทั้งเพื่อไม่ให้ถูกหลอกเวลาจ้างทำ SEO
ขอบคุณที่มา : www.gfnextstep.com
Line : @GFnextstep
ทำไมต้องจ้างทำ SEO?
ทำไมต้องจ้างทำ SEO และถ้าทำด้วยตัวเองจะทำได้อย่างไร?
SEO หรือชื่อเต็มคือ Search Engine Optimization คือขั้นตอนการทำให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณถูกค้นหาเจอได้ด้วย Google
โดยทั่วไปแล้วเมื่อคุณเริ่มทำเว็บไซต์หรือแฟนเพจ เพื่อขายสินค้าในช่วงแรก คุณจะไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์จนกว่าคุณจะแนะนำตัวกับ Google ได้สำเร็จ โดยมีขั้นตอนหลายอย่างที่ต้องค่อยๆ ทำจนกว่า google จะมั่นใจว่าคุณเป็นใคร และการค้นหาแบบไหน หรือผู้คนหากลุ่มไหน เหมาะสมกับร้านค้าของคุณ
การทำ SEO มีทั้งการทำ Content และ การปรับปรุงโครงสร้างหน้าเว็บให้เหมาะสมกับ Keywod (คีย์เวิร์ด) ในปัจจุบัน การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับแรกๆ ของผลการค้นหาบน Google และมีโอกาสขายของได้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหลายคนต้องทำเมื่อเข้าร่วมแข่งขันบนตลาดออนไลน์ อย่าง Google มีการปรับ Algorithm ที่ใช้จัดอันดับเว็บไซต์บนหน้า Search Engine Results Page อยู่เสมอ ดังนั้นการทำ SEO จึงต้องตามทัน Algorithm ของ Google ด้วย แต่การจ้างมันก็มีค่าใช้จ่ายที่สูง ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าสามารถทำด้วยตัวเองได้หรือไม่? แล้วทำไมต้องจ้างทำ หรือถ้าจะทำด้วยตัวเองจะมีวิธีการอย่างไร? อยากรู้แล้วใช่ไหม...ไปดูกัน
4 เหตุผลที่ทำไมต้องจ้างทำ SEO
1. ต้องเลือก Keyword ให้เป็นKeyword
เพื่อที่ว่าเว็บไซต์ของเราจะได้ติดอันดับแรกๆ ของผลการค้นหาด้วย Keyword นั้นๆ การเลือก Keyword มีผลอย่างมากในการใทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับแรกๆ ของผลการค้นหาบน Google ตัวอย่างเช่น
- Mass Keyword หรือ Broad Keyword : คือ คำกว้างๆไม่เฉพาะเจาะจง ปริมาณค้นหาสูง คู่แข่งมีจำนวนมาก เช่น รองเท้า กระเป๋า ถ้าจ้างทำ SEO ต้องใช้เงินเยอะในการทำให้ติดอันดับ
- Niche Keyword : คือคำที่ขยายความ Mass Keyword จึงมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น มีโอกาสติดอันดับแรกๆ ได้มากกว่า เช่น เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง รองเท้าส้นสูงผู้หญิง เป็นต้น
- Longtail Niche Keyword : คือ คำที่เฉพาะเจาะจงมาก เช่น มีชื่อยี่ห้อ ชื่อสินค้า ชื่อรุ่น หรือระบุพื้นที่ ถ้าทำให้ติดอันดับแรกๆ ได้จะมีโอกาสขายของได้สูงมาก และเป็น Keyword ที่แนะนำสำหรับการเริ่มต้นทำ SEO ด้วยตัวเอง เช่น เปรี๊ยวจี๊ดเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง รองเท้าส้นสูงผู้หญิง เป็นต้น
2. ต้องมีทีมงานที่เก่งหลายด้าน
การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ ได้ ต้องมีองค์ประกอบที่ดีในหลายด้าน ซึ่งแต่ละด้านก็มีรายละเอียดยิบย่อยลงไปอีก เช่น
- ด้านโครงสร้างและประสิทธิภาพ : ทีมงานต้องมีความรู้ในการวิเคราะห์และปรับแก้เว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลักของ SEO
- ด้านประสบการณ์การใช้งาน : ทีมงานต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง UX (User Experience) ที่จะออกแบบเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้ เพื่อให้ได้คะแนน SEO ที่ดี
- ด้านเนื้อหา : ทีมงานต้องสร้างเนื้อหา รวมทั้งเขียนบทความให้รองรับกับ SEO และใส่ Keyword อย่างเหมาะสม ตลอดจนทำภาพประกอบให้น่าสนใจ
3. ต้องติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ SEO อยู่ตลอด
SEO มีการปรับ Algorithm ที่ใช้จัดอันดับเว็บไซต์บนหน้า Search Engine Results Page อยู่เสมอ ดังนั้นการทำ SEO จึงต้องตามทัน Algorithm ของ Google ด้วย แต่ด้วย Google ปรับ Algorithm อยู่เสมอ เราอาจไม่มีเวลามาคอยติดตามและปรับปรุงเว็บไซต์ จนอันดับหล่นไป ไม่อยู่ในอันดับต้นๆ ดังนั้นการจ้างทำ SEO กับทีมงานที่มีหน้าที่คอยติดตามข่าวสารและคอยดูแลปรับปรุงเว็บไซต์อยู่เสมอจึงเป็นเรื่องที่ดีกว่า
4. ต้องพึ่งพาหลายเว็บไซต์
ส่วนหนึ่งขององค์ประกอบด้านเนื้อหาคือ Backlink ที่เป็นลิงค์จากเว็บไซต์อื่นที่ชี้มายังเว็บไซต์ของเรา โดยต้องเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ มีคนเข้าเยี่ยมชมจริงๆ และเนื้อหาในบทความต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์เรา ทำให้เว็บไซต์เรามีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น แม้ปัจจุบัน Google จะลดความสำคัญของ Backlink ลงมาก แต่ก็ยังมีความจำเป็นอยู่ โดย Backlink ที่นิยมทำในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
Natural Link Building หรือ Organic Link Building คือ การที่เว็บไซต์อื่นทำการอ้างอิงเนื้อหาในเว็บไซต์ของเรา ส่วนใหญ่เป็นเพราะเนื้อหาของเราเป็นเนื้อหาที่ดีและมีประโยชน์
Manual Link Building คือ Backlink ที่เราทำเอง โดยมีหลากรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น
- การโพสตามเว็บต่างๆ แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น เว็บประกาศ, เว็บบอร์ด, สารบัญเว็บไซต์ (Directory)
- การแชร์ลิงค์เว็บไซต์ใน Social Media ต่างๆ เช่น Facebook, YouTube
- การทำ PBN (Private Blog Network) เพื่อลงบทความและส่งลิงค์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา
- การไปซื้อพื้นที่ลงบทความในเว็บไซต์อื่น แล้วส่งลิงค์กลับมายังเว็บไซต์
สำหรับการทำ SEO ด้วยตัวเอง แล้วอยากได้ Backlink ที่มีคุณภาพและยั่งยืน ก็แนะนำให้ทำเนื้อหาเว็บไซต์ของเราเองให้มีประโยชน์ เพื่อที่เว็บไซต์อื่นๆ จะได้นำไปเป็นข้อมูลอ้างอิงและแปะลิงค์เราบนเว็บไซต์ รวมถึงการแชร์ลิงค์ตาม Social Media หรือถ้าอยากได้ Backlink แบบทันใจ ก็ต้องซื้อพื้นที่ในเว็บไซต์อื่นเพื่อลงบทความที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรา ซึ่งการจ้างทำ SEO กับบริษัทที่น่าเชื่อถือ เราก็จะได้ Backlink ที่มีคุณภาพซึ่งช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ได้เช่นกัน
สรุป
การทำ SEO เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพราะปัจจุบันมีแหล่งศึกษาหาความรู้มากมาย ทั้ง อินเทอร์เน็ต หนังสือ เวิร์คช็อป คอร์สอบรมต่างๆ แต่ทั้งนี้ SEO มีรายละเอียดยิบย่อยหลายอย่าง รวมถึงต้องใช้ประสบการณ์สะสมความรู้ในการพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ การจะทำทั้งหมดด้วยตัวเอง ก็อาจต้องเสียเวลาและต้นทุนไม่น้อย
ดังนั้นการจ้างผู้เชี่ยวชาญทำ SEO จึงช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มาก อย่างไรก็ตามเราก็ควรมีความรู้ด้าน SEO เบื้องต้นเอาไว้ด้วย เพื่อไว้พัฒนาเว็บไซต์ของเราเอง รวมทั้งเพื่อไม่ให้ถูกหลอกเวลาจ้างทำ SEO
ขอบคุณที่มา : www.gfnextstep.com
Line : @GFnextstep