-5-
รถไฟแล่นผ่านมหาสมุทร คลื่นลมสงบเงียบ
ผมเห็นผืนน้ำ พร่างพราวราวอัญมณี น้ำสีเงินเข้มประกายระยิบระยับ
ส่วนฟากฟ้า ดาวแผร่กระจายตระการตา เราทั้งสองชื่นชมทิวทัศน์...
วินาทีถัดมา ลมทะเลเย็นวูบพัดเข้าปะทะใบหน้า
"หน้านี้ก็ลมแรงยังงี้แหละ" ชายชรากล่าวช้า ๆ เอนหลังพิงเบาะ "แต่ที่นี่อากาศดีนะ"
"ใช่ครับ ดีมากจริง ๆ" ผมเอนหลังพิงพนักบ้าง
แสงจันทร์ฉายแสงลอดผ่านหน้าต่าง รัศมีแรงกล้าสาดสว่างทั่วห้อง
เผยให้เห็นหน้าตาเขาชัดชึ้น ผมลอบมองอย่างสังเกต พลางนึกทบทวนในความทรงจำ
ผมเคยเห็นใบหน้านี้ ดวงตาคู่นี้ และคุ้นกับเสียงนี้ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ความทรงจำเลือนลางเหมือนหมอกในอุโมงค์...
"เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าครับ ?" ผมถามอย่างสุภาพ
"ไม่หรอก... ฉันเพิ่งเคยพบเธอครั้งแรก"
"แปลกจริง ๆ"
"ทำไมเหรอ ?" เขาถามอย่างอยากรู้
"ผมสัมผัสถึงความสนิทชิดเชื้อ ที่เกิดขึ้นระหว่างเรา เหมือนได้พบสมาชิกครอบครัว ที่หายไปนานหลายปีนะครับ"
"หึหึ ฉันก็เหมือนกัน" เขาหัวเราะ
ผมชวนคุยไปเรื่อย ชี้ให้เขาดูโน่นดูนี่ ไม่นานก็เอ่ยถึงเรื่องที่อยากเป็นนักเขียน
"ผมเป็นนักเขียนครับ ชอบทำงานเงียบ ๆ เขียนอ่านตอนกลางคืน"
"เหรอ... ฉันชักอยากทำงานแนวนี้ " ชายชรายิ้มออกมา จนเห็นรอยลักยิ้ม
"ผมสนุกที่ได้ขีดเขียน แก้ไขชะตาชีวิตคน เหมือนงานของพระเจ้าเลย ว่ามั้ยครับ ?"
"เธอมีสามัญสำนึก ที่ไม่สามัญเลยแม้แต่น้อย..." เขาตอบ น้ำเสียงเข้มขึ้น
ผมก้มหยิบสมุดปกน้ำตาลในกระเป๋า และปากกาจากเสื้อนอกขึ้นมา
ชายชรามองผมแบบขัน ๆ ระหว่างขีดเขียน
"จดนะครับ" ผมเงยหน้ามองเขาแว๊บนึง "ความคิดคือผู้มาเยือน มันเข้ามาและจากไป ต้องรีบจดเก็บไว้"
"หึหึหึ คุยกับเธอ ฉันได้ยินแต่สำนวนแปลก ๆ" เสียงเขามีชีวิตชีวาขึ้นอีก
"แล้วชอบมั้ยละครับ ?" รอยยิ้มผมประดับริมฝีปาก
ชายสูงวัยพยักหน้าให้เล็กน้อย...
"หนังสือเป็นเพื่อนที่เงียบที่สุด... " เขาพูดอย่างคิดถึง ขณะที่สายตามองชุดเรื่องสั้นที่วางบนโต๊ะ
"คุณลุงเป็นนักอ่านเหมือนกันเหรอครับ ?" ผมอดถามไม่ได้
"ใคร ๆ ก็เรียกฉันว่าประตูห้องสมุด"
"ผมรู้จักคำนี้" ผมพูดขึ้นทันที "มันหมายถึง ผู้ปลดปล่อยให้ได้รับเสรีภาพ"
มือซ้ายเขา หยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นพินิจ... พลางใช้ปลายนิ้วเปิดผ่าน ๆ
"นักเขียนชื่อ โอเฮนรี่ ครับ " ผมว่า และพูดต่อ
"เขาเคยติดคุกมาก่อน คลุกคลีกับพวกนอกกฏหมาย ทำให้เขียนเรื่องสั้นได้หลากหลายระหว่างโดนคุมขัง"
"ใช่ เพราะคุกนี่แหละ ทำให้เขาสร้างผลงานเป็นอมตะได้มาก ๆ" ชายชราแทรกขึ้น ราวกับว่า เขาอ่านผมออกเหมือนอ่านหนังสือ
"คุณลุงรู้จักเขาด้วยเหรอครับ ?"
"ฉันก็เคยมีหนังสือเล่มนี้" เขายิ้มสารภาพและยกไหล่
วินาทีนี้ผมเริ่มเปิดใจมากขึ้น
"การเขียนเรื่องสั้นไม่ใช่ของง่ายครับ เนื้อเรื่องที่ดี จะไม่ดีเลย ถ้าจบแย่" ผมพูดอย่างท้อแท้
"ตอนนี้เธอแต่งนิยายอยู่เหรอ ?"
"เรื่องสั้นนะครับ ค้างอยู่สองเรื่อง ยังไปไม่ถึงใหน ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านนี้รึเปล่า บางครั้งคิดสำนวนดี ๆ ไม่ออกเลย"
ผมพูดเสียงเศร้า...
ชายสูงวัยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาผมอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นเอ่ยว่า
"นักเขียนที่แท้จริง คือการลงมือเขียน ส่วนพรสวรรค์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น"
"คิดยังงั้นเหรอครับ ?"
"ไม่ได้คิด แต่รู้" เขาวางสมุดลงพูดต่อ "พรสวรรค์เปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ เธอต้องเป็นคนเลี้ยงมันให้เจริญงอกงาม"
"พูดเป็นนักปรัชญาเชียวนะครับ" ผมหัวเราะน้อย ๆ
"ฉันจะบอกเทคนิคการเขียนเรื่องสั้นให้ เขียนไปก่อน ให้จบแบบเร็ว ๆ จากนั้นเธอจะค้นพบเองว่าตรงจุดใหนที่ควรแก้" หมวกเขาหลุบลงมาเหนือหน้าผากจนบังนัยน์ตา
"คุณลุงอยู่ในวงการเขียนเหรอครับ ?" น้ำเสียงผมมีแววสงสัย
"เปล่าหรอก" เขาหยุดนิดนึง "ฉันเอ่อ... เป็นพนักงานขายตั๋วในโรงหนัง"
FT 5 | เรื่องสั้น ปาฏิหาริย์คืนสิ้นปี ตอนที่ 5
ผมเห็นผืนน้ำ พร่างพราวราวอัญมณี น้ำสีเงินเข้มประกายระยิบระยับ
ส่วนฟากฟ้า ดาวแผร่กระจายตระการตา เราทั้งสองชื่นชมทิวทัศน์...
วินาทีถัดมา ลมทะเลเย็นวูบพัดเข้าปะทะใบหน้า
"หน้านี้ก็ลมแรงยังงี้แหละ" ชายชรากล่าวช้า ๆ เอนหลังพิงเบาะ "แต่ที่นี่อากาศดีนะ"
"ใช่ครับ ดีมากจริง ๆ" ผมเอนหลังพิงพนักบ้าง
แสงจันทร์ฉายแสงลอดผ่านหน้าต่าง รัศมีแรงกล้าสาดสว่างทั่วห้อง
เผยให้เห็นหน้าตาเขาชัดชึ้น ผมลอบมองอย่างสังเกต พลางนึกทบทวนในความทรงจำ
ผมเคยเห็นใบหน้านี้ ดวงตาคู่นี้ และคุ้นกับเสียงนี้ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ความทรงจำเลือนลางเหมือนหมอกในอุโมงค์...
"เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าครับ ?" ผมถามอย่างสุภาพ
"ไม่หรอก... ฉันเพิ่งเคยพบเธอครั้งแรก"
"แปลกจริง ๆ"
"ทำไมเหรอ ?" เขาถามอย่างอยากรู้
"ผมสัมผัสถึงความสนิทชิดเชื้อ ที่เกิดขึ้นระหว่างเรา เหมือนได้พบสมาชิกครอบครัว ที่หายไปนานหลายปีนะครับ"
"หึหึ ฉันก็เหมือนกัน" เขาหัวเราะ
ผมชวนคุยไปเรื่อย ชี้ให้เขาดูโน่นดูนี่ ไม่นานก็เอ่ยถึงเรื่องที่อยากเป็นนักเขียน
"ผมเป็นนักเขียนครับ ชอบทำงานเงียบ ๆ เขียนอ่านตอนกลางคืน"
"เหรอ... ฉันชักอยากทำงานแนวนี้ " ชายชรายิ้มออกมา จนเห็นรอยลักยิ้ม
"ผมสนุกที่ได้ขีดเขียน แก้ไขชะตาชีวิตคน เหมือนงานของพระเจ้าเลย ว่ามั้ยครับ ?"
"เธอมีสามัญสำนึก ที่ไม่สามัญเลยแม้แต่น้อย..." เขาตอบ น้ำเสียงเข้มขึ้น
ผมก้มหยิบสมุดปกน้ำตาลในกระเป๋า และปากกาจากเสื้อนอกขึ้นมา
ชายชรามองผมแบบขัน ๆ ระหว่างขีดเขียน
"จดนะครับ" ผมเงยหน้ามองเขาแว๊บนึง "ความคิดคือผู้มาเยือน มันเข้ามาและจากไป ต้องรีบจดเก็บไว้"
"หึหึหึ คุยกับเธอ ฉันได้ยินแต่สำนวนแปลก ๆ" เสียงเขามีชีวิตชีวาขึ้นอีก
"แล้วชอบมั้ยละครับ ?" รอยยิ้มผมประดับริมฝีปาก
ชายสูงวัยพยักหน้าให้เล็กน้อย...
"หนังสือเป็นเพื่อนที่เงียบที่สุด... " เขาพูดอย่างคิดถึง ขณะที่สายตามองชุดเรื่องสั้นที่วางบนโต๊ะ
"คุณลุงเป็นนักอ่านเหมือนกันเหรอครับ ?" ผมอดถามไม่ได้
"ใคร ๆ ก็เรียกฉันว่าประตูห้องสมุด"
"ผมรู้จักคำนี้" ผมพูดขึ้นทันที "มันหมายถึง ผู้ปลดปล่อยให้ได้รับเสรีภาพ"
มือซ้ายเขา หยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นพินิจ... พลางใช้ปลายนิ้วเปิดผ่าน ๆ
"นักเขียนชื่อ โอเฮนรี่ ครับ " ผมว่า และพูดต่อ
"เขาเคยติดคุกมาก่อน คลุกคลีกับพวกนอกกฏหมาย ทำให้เขียนเรื่องสั้นได้หลากหลายระหว่างโดนคุมขัง"
"ใช่ เพราะคุกนี่แหละ ทำให้เขาสร้างผลงานเป็นอมตะได้มาก ๆ" ชายชราแทรกขึ้น ราวกับว่า เขาอ่านผมออกเหมือนอ่านหนังสือ
"คุณลุงรู้จักเขาด้วยเหรอครับ ?"
"ฉันก็เคยมีหนังสือเล่มนี้" เขายิ้มสารภาพและยกไหล่
วินาทีนี้ผมเริ่มเปิดใจมากขึ้น
"การเขียนเรื่องสั้นไม่ใช่ของง่ายครับ เนื้อเรื่องที่ดี จะไม่ดีเลย ถ้าจบแย่" ผมพูดอย่างท้อแท้
"ตอนนี้เธอแต่งนิยายอยู่เหรอ ?"
"เรื่องสั้นนะครับ ค้างอยู่สองเรื่อง ยังไปไม่ถึงใหน ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านนี้รึเปล่า บางครั้งคิดสำนวนดี ๆ ไม่ออกเลย"
ผมพูดเสียงเศร้า...
ชายสูงวัยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาผมอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นเอ่ยว่า
"นักเขียนที่แท้จริง คือการลงมือเขียน ส่วนพรสวรรค์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น"
"คิดยังงั้นเหรอครับ ?"
"ไม่ได้คิด แต่รู้" เขาวางสมุดลงพูดต่อ "พรสวรรค์เปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ เธอต้องเป็นคนเลี้ยงมันให้เจริญงอกงาม"
"พูดเป็นนักปรัชญาเชียวนะครับ" ผมหัวเราะน้อย ๆ
"ฉันจะบอกเทคนิคการเขียนเรื่องสั้นให้ เขียนไปก่อน ให้จบแบบเร็ว ๆ จากนั้นเธอจะค้นพบเองว่าตรงจุดใหนที่ควรแก้" หมวกเขาหลุบลงมาเหนือหน้าผากจนบังนัยน์ตา
"คุณลุงอยู่ในวงการเขียนเหรอครับ ?" น้ำเสียงผมมีแววสงสัย
"เปล่าหรอก" เขาหยุดนิดนึง "ฉันเอ่อ... เป็นพนักงานขายตั๋วในโรงหนัง"