ตัดนม.....ก้าวแรกของตัวตนที่ค้นพบ
ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ขอแนะนำตัวเองก่อน เราชื่อ ขวัญ อายุ 31ปี อาศัยอยู่ที่อเมริกา ทำงานเป็นทหารเรืออยู่ที่นั่น เราอยากมาแชร์ประสบการณ์ในทุกคนฟัง กับการผ่าตัดเอาหน้าอกออกของเรา
เริ่มแรกเลย เราเคยเสริมหน้าอกมาก่อนหน้านี้ เกือบ7ปีแล้ว. “ อย่าเพิ่งตกใจ !!” เรามีเหตุผล อย่าดราม่ากันไป ว่าทำทำไม นู่นนั่นนี่ เพราะทุกคนต่างมีเหตุผลและอาจจะมีเรื่องที่ตัดสินใจผิดพลาด ก็คือ เราเคยมีแฟนเป็นเลสเบี้ยน แฟนเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันเนี่ยแหละ ซึ่งตอนคบกัน เราก็มีเรื่องทะเลาะกันบ่อย ไม่เข้าใจกัน เขาบอกกับเราว่า “ขวัญดูแมนเกินไป นมก็ไม่มี…ไปเสริมนมได้ไหมจะได้ดูสาวขึ้น” ตอนนั้นความรัก หรือความหลง หรืออะไรไม่รู้ดลใจเราให้ไปทำหน้าอก แฟนเราคนนั้นก็พาไป ทำเสร็จ เวลาผ่านไป เราก็ทะเลาะกับแฟนอีกในเรื่องอื่นๆอีก เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น ทำให้เราคิดว่าจริงๆแล้วการทำนมมาไม่ได้ทำให้เรารักกันมากขึ้นเลย สุดท้ายก็เลิกกัน - .. - แต่นมที่ทำมาสิ “มันยังอยู่กับเราอ่ะ” ซึ่งมันไม่ใช่ตัวตนของเรา คิดได้อีกทีก็สายไปแล้ว แต่เราก็ใช้ชีวิตมาได้จนปัจจุบัน (อยากบอกทุกคนว่า อารมณ์ชั่ววูบ มันส่งผลกระทบต่อชีวิตในอนาคตมาก จะทำอะไรคิดเยอะๆ )
ระหว่างนั้นที่เราอยู่อเมริกา เราก็มีความคิดที่จะเอามันออก เพราะเราก็รู้ตัวเองว่าเราต้องการอะไรในตอนนี้ เราก็หาข้อมูล เก็บข้อมูลจากทางอินเตอร์เน็ต โซเชียล ถามจากเพื่อนที่เคยตัดแล้ว ดูรีวิวตามคลินิก โรงพยาบาล อยู่นานเลยเกือบ 2 ปี เนื่องจากเราอยู่ไกลด้วย มันทำให้การตัดสินใจยากขึ้น เพราะทำแล้วต้องทำให้ออกมาดีที่สุด กว่าจะตัดสินใจจริงๆ ก็ทำเอาคิดไม่ตก จนเราไปเจอรีวิวของโรงพยาบาลนี้ ส่วนมากจะเป็นรีวิวของต่างชาติ ประเทศอื่นๆมากมาย จนเราต้องถามคนรอบข้างที่รู้จัก ว่าที่นี่ดีไหม ทุกคนบอกว่าดี โอเคเลย ดังอยู่ ดังในต่างประเทศมาก เอาล่ะ!! เราก็ตัดสินใจเลยว่าที่นี่แหละ !! เราก็บินกลับมาเลย จองตั๋วไปจ้า… นับวันรอ
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.62 ถึงไทยประมาณ ตี1 วันที่ 22 เราก็พักผ่อน ตื่นมาอีกทีก็ ไปโรงพยาบาลตอน 10โมง เพื่อปรึกษาหมอ เราปรึกษาหมอเสร็จ ขอคิวหมอเลย ผ่าพรุ่งนี้ !! ใจร้อนมาก มาไกล แต่ตัดสินใจละที่นี่แหละ
ก่อนที่จะรับการผ่าตัด หมอให้สิ่งเตรียมตัวดังนี้
1. งดน้ำงดอาหาร 6-8 ชั่วโมง
2. งดแอลกอฮอล์ (ซึ่งเรางดมาก่อนมาทำแล้ว 1 เดือน)
3. งดสูบบุหรี่ (ไม่สูบอยู่แล้ว…สบายเลย)
4. งดอาหารเสริม วิตามิน
ก็ประมาณนี้…ไม่มีอะไรมาก ที่สำคัญมากๆ คือข้อ1
พอวันรุ่งขึ้น เวลา 10 โมง เราไปที่โรงพยาบาล อย่างแรกที่ทำเลยคือ พยาบาลจะพาเราไปตรวจร่างกาย มีตรวจเลือด และเอ็กซ์เรย์ ซึ่งขั้นตอนนี้ผลออกมาว่าผลเลือดของเรามีค่าโพรแทสเซียมสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่า
ค่าโพรแทสเซียมสูง (K+)จะมีผลต่อการผ่าตัด ต้องกินยาลดโพรแทสเซียมเสียก่อนถึงจะเข้ารับการผ่าตัดได้ จากนั้นก็ให้เรากินยา ซึ่งเราคิดว่าถ้าเราทำที่อื่นที่ไม่ได้ตรวจร่างกายละเอียดแบบนี้ เราอาจเกิดอันตรายระหว่างผ่าตัดได้ เพราะเราไม่เคยรู้เลยว่าโพแทสเซียมเราสูง คิดถูกมากๆที่เลือกผ่าตัดที่นี้
พอตรวจร่างกายเสร็จ มั่นใจว่าพร้อมสำหรับการผ่าตัด พยาบาลก็พาไปพักที่ห้องพักผู้ป่วยของเรา(ซึ่งเราต้องอยู่ที่ห้องนี้3-4วัน) เก็บของเสร็จ ก็เปลี่ยนชุดสำหรับรอผ่าตัด (พยาบาลน่ารักใจดีทุกคน)
ผ่านไป 2-3ชั่วโมง พยาบาลก็เข้ามาวัดความดันอีกรอบ พร้อมกับ ให้น้ำเกลือ สงสัยกลัวเราหิว 555+
เราก็เล่นเกมส์รอไปเลย พอเวลาผ่านไป ตอน 17:00น. พยาบาลก็มารับเราไปเตรียมตัวขึ้นเขียง ตอนแรกไม่ตื่นเต้นนะ พอจะทำเท่านั้นแหละ ตื่นเต้นมาก แล้วมาดูกันหลังออกจากห้องเป็นยังไง
เราใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นานเท่าไหร่ แต่ลืมบอกไป เคสของเราถือว่าเป็นที่ทำค่อนข้างยาก
เพราะเราผ่าเอาซิลิโคนหน้าอกออกด้วย หลังผ่าตัดเสร็จทางโรงพยาบาลให้อยู่ในห้องพักฟื้นหลังผ่าตัดเพื่อดูอาการก่อน ถึงจะกลับเข้าห้องพักผู้ป่วยได้ เราได้เข้าห้องพักผู้ป่วย ตอนประมาณ ตี5เกือบ 6โมงเช้าของอีกวัน
มีแต่คนถามว่าเจ็บไหม?? สำหรับเราไม่เจ็บเลย แค่ตึงๆ เพราะมีผ้ารัดตรงหน้าอกไว้แค่นั้น หลังจากผ่าตัดเสร็จบอกตรงๆสิ่งเดียวที่รู้สึก คือ “หิวมาก” เราลุกเดินเข้าห้องน้ำได้ปกติ แปรงฟันยกแขนได้ แต่ยกได้ไม่สูง ก็เพิ่งผ่าตัดมาอ่ะเนาะ มันก็ได้แค่นี้แหละ
พอเวลาประมาณ 11 โมง พยาบาลก็เอายาก่อนอาหารมาให้ พร้อม มื้อที่แสนอร่อย (หิวมากจริงๆ) 555+
ถึงเวลาล้างแผล ก็มีพยาบาลเข้ามาล้างแผลให้ แล้วพยาบาลก็ตรวจเช็คสายเดรน ที่มีเลือดเสียออกมา ยิ่งเลือดออกมาเยอะยิ่งดีต่อแผล เพราะจะทำให้ไม่มีเลือดคลั่งที่เกิดจากการผ่าตัด สายเดรนจะอยู่กับเราไปประมาณ 3-4วันแล้วแต่ว่าเลือดออกหมดไหม แต่จะให้ดียิ่งนานยิ่งดี
เห็นแผลเราใช่ไหม??? ตรงหัวนมของเรา ได้ย้ายหัวนมด้วย เพราะให้มีลักษณะเหมือนหัวนมผู้ชายมากที่สุด (เพื่ออนาคตต่อไป…มีแพลนจะทำอย่างอื่น ^^)
พยาบาลก็เข้ามาตรวจเช็คแบบนี้ทุกวัน จนถึงวันที่เรา ต้องเอาสายเดรนออก ตื่นเต้นอีกรอบเพราะ จะได้เดินแบบไม่ต้องมีย่ามใส่สายเดรนแล้ว มีคุณหมอเข้ามาถอดสายเดรนออกให้ เหมือนจะเจ็บแต่จริงๆไม่รู้สึกเลย (แต่สำหรับคนอื่นไม่แน่ใจนะ)แนะนำเลยนะ ถ้าจะมาผ่าตัด ต้องมีคนคอยดูแลตลอด เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะเจ็บตอนไหน หรืออยากลุกไปไหนทำอะไรจะได้ไม่ลำบาก ส่วนเรามีแฟนเรามาคอยดูแลตลอด น่ารักกก ^^
หลังจากนั้นวันที่ 4 ก็ถึงเวลาได้ออกจากโรงพยาบาล ก่อนออกคุณหมอและพยาบาลก็จะเข้ามาแนะนำว่า
1. วิธีการล้างแผลเอง ต้องเตรียมอะไร ทำยังไง
2. ข้อห้ามต่างๆในการรักษาแผลให้หายเร็ว ฟื้นตัวเร็ว ก็ปกติเลย
- งดแอลกอฮอล์
- งดของหมักดอง
- งดอาหารรสชาติจัดๆ
- งดสูบบุหรี่
- ไม่เดินเยอะ เพราะอาจจะทำให้แผลปริได้
- ห้ามยกของหนักๆในช่วง 1-2 เดือนแรกเด็ดขาด
3. สุดท้ายก่อนออกจากโรงพยาบาล คุณหมอก็จะนัดให้มาดูแผลและตัดไหม เมื่อครบ 1 สัปดาห์
เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ ก็กลับมาตรวจแผลกับคุณหมออีกครั้งเพื่อตัดไหม และเปิดกราฟ ปานนมว่าแผลติดดีไหม ปรากฏว่าติดดี หมอบอกว่าแผลดีมาก สวยมาก เราก็โล่ง บอกแล้วต้องหาคนดูแลดีดี (ของเราคนดูแล ดูแลดีจริงๆ อิอิ
คุณหมอก็จะแนะนำ อีกว่าหลังจากนี้ควรดูแลแผลต่อไปยังไง หลังจากนั้นหมอจะนัดมาตรวจอีก หลังจากนี้ 1 เดือน
ผ่านไปอีก 1 เดือนก็กลับมาพบหมออีกครั้ง ซึ่งแผลเราก็แห้งดีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ถือว่าแผลออกมาดีมาก ต่อไปเวลาใส่เสื้อผ้าก็คงไม่ต้องกังวลอีกแล้ว ได้พบเจอตัวตนของตัวเองสักที ในตอนที่ดูแลรักษาแผลนั้น จะต้องพันผ้ารัดหน้าอกไว้เสมอ เพื่อให้เนื้อที่อยู่ด้านในติดกันให้เร็วที่สุด ทางโรงพยาบาลก็จะมีเสื้อรัดมาให้เราใส่ เราต้องใส่เสื้อรัดนานประมาณ 4-6เดือน
หลังจากนั้นใครที่อยากออกกำลังกาย ต้องให้พ้น 3 เดือนไปก่อน เพื่อจะได้ไม่เสี่ยงที่แผลจะเกิดการฉีก หลังจาก3เดือนไปอยากจะออกกำลังกายเอาเลย ^^
“มาโชว์กันหน่อย ไปเที่ยวเชียงใหม่ ถอดเสื้อ ท้าลมหนาวกันไปเลย “
ตอนนี้แผลที่ผ่าตัดเอาหน้าออกมาสวยมาก พอใจกับแผลมากๆ ยิ่งเคสเราเป็นเคสแปลก ยิ่งทำให้รู้เลยว่าตัดสินใจถูกที่บินมาไกล เพื่อมาทำที่นี่ การที่เรามาเขียนรีวิวในครั้งนี้เพื่อจะแบ่งปันประสบการณ์ที่เคยทำผิดพลาด แบ่งปันข้อมูลสำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยากจะตัดหน้าอกออก ถ้าหากใครสนใจอยากจะทำและอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อมาที่ FB เฟสบุ๊ค ของขวัญได้ ชื่อ Juthamard Promchana หรือ แฟนเพจของโรงพยาบาลได้เลย
[SR] ตัดนม.....ก้าวแรกของตัวตนที่ค้นพบ
เริ่มแรกเลย เราเคยเสริมหน้าอกมาก่อนหน้านี้ เกือบ7ปีแล้ว. “ อย่าเพิ่งตกใจ !!” เรามีเหตุผล อย่าดราม่ากันไป ว่าทำทำไม นู่นนั่นนี่ เพราะทุกคนต่างมีเหตุผลและอาจจะมีเรื่องที่ตัดสินใจผิดพลาด ก็คือ เราเคยมีแฟนเป็นเลสเบี้ยน แฟนเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันเนี่ยแหละ ซึ่งตอนคบกัน เราก็มีเรื่องทะเลาะกันบ่อย ไม่เข้าใจกัน เขาบอกกับเราว่า “ขวัญดูแมนเกินไป นมก็ไม่มี…ไปเสริมนมได้ไหมจะได้ดูสาวขึ้น” ตอนนั้นความรัก หรือความหลง หรืออะไรไม่รู้ดลใจเราให้ไปทำหน้าอก แฟนเราคนนั้นก็พาไป ทำเสร็จ เวลาผ่านไป เราก็ทะเลาะกับแฟนอีกในเรื่องอื่นๆอีก เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น ทำให้เราคิดว่าจริงๆแล้วการทำนมมาไม่ได้ทำให้เรารักกันมากขึ้นเลย สุดท้ายก็เลิกกัน - .. - แต่นมที่ทำมาสิ “มันยังอยู่กับเราอ่ะ” ซึ่งมันไม่ใช่ตัวตนของเรา คิดได้อีกทีก็สายไปแล้ว แต่เราก็ใช้ชีวิตมาได้จนปัจจุบัน (อยากบอกทุกคนว่า อารมณ์ชั่ววูบ มันส่งผลกระทบต่อชีวิตในอนาคตมาก จะทำอะไรคิดเยอะๆ )
ระหว่างนั้นที่เราอยู่อเมริกา เราก็มีความคิดที่จะเอามันออก เพราะเราก็รู้ตัวเองว่าเราต้องการอะไรในตอนนี้ เราก็หาข้อมูล เก็บข้อมูลจากทางอินเตอร์เน็ต โซเชียล ถามจากเพื่อนที่เคยตัดแล้ว ดูรีวิวตามคลินิก โรงพยาบาล อยู่นานเลยเกือบ 2 ปี เนื่องจากเราอยู่ไกลด้วย มันทำให้การตัดสินใจยากขึ้น เพราะทำแล้วต้องทำให้ออกมาดีที่สุด กว่าจะตัดสินใจจริงๆ ก็ทำเอาคิดไม่ตก จนเราไปเจอรีวิวของโรงพยาบาลนี้ ส่วนมากจะเป็นรีวิวของต่างชาติ ประเทศอื่นๆมากมาย จนเราต้องถามคนรอบข้างที่รู้จัก ว่าที่นี่ดีไหม ทุกคนบอกว่าดี โอเคเลย ดังอยู่ ดังในต่างประเทศมาก เอาล่ะ!! เราก็ตัดสินใจเลยว่าที่นี่แหละ !! เราก็บินกลับมาเลย จองตั๋วไปจ้า… นับวันรอ
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.62 ถึงไทยประมาณ ตี1 วันที่ 22 เราก็พักผ่อน ตื่นมาอีกทีก็ ไปโรงพยาบาลตอน 10โมง เพื่อปรึกษาหมอ เราปรึกษาหมอเสร็จ ขอคิวหมอเลย ผ่าพรุ่งนี้ !! ใจร้อนมาก มาไกล แต่ตัดสินใจละที่นี่แหละ
ก่อนที่จะรับการผ่าตัด หมอให้สิ่งเตรียมตัวดังนี้
1. งดน้ำงดอาหาร 6-8 ชั่วโมง
2. งดแอลกอฮอล์ (ซึ่งเรางดมาก่อนมาทำแล้ว 1 เดือน)
3. งดสูบบุหรี่ (ไม่สูบอยู่แล้ว…สบายเลย)
4. งดอาหารเสริม วิตามิน
ก็ประมาณนี้…ไม่มีอะไรมาก ที่สำคัญมากๆ คือข้อ1
พอวันรุ่งขึ้น เวลา 10 โมง เราไปที่โรงพยาบาล อย่างแรกที่ทำเลยคือ พยาบาลจะพาเราไปตรวจร่างกาย มีตรวจเลือด และเอ็กซ์เรย์ ซึ่งขั้นตอนนี้ผลออกมาว่าผลเลือดของเรามีค่าโพรแทสเซียมสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าค่าโพรแทสเซียมสูง (K+)จะมีผลต่อการผ่าตัด ต้องกินยาลดโพรแทสเซียมเสียก่อนถึงจะเข้ารับการผ่าตัดได้ จากนั้นก็ให้เรากินยา ซึ่งเราคิดว่าถ้าเราทำที่อื่นที่ไม่ได้ตรวจร่างกายละเอียดแบบนี้ เราอาจเกิดอันตรายระหว่างผ่าตัดได้ เพราะเราไม่เคยรู้เลยว่าโพแทสเซียมเราสูง คิดถูกมากๆที่เลือกผ่าตัดที่นี้
พอตรวจร่างกายเสร็จ มั่นใจว่าพร้อมสำหรับการผ่าตัด พยาบาลก็พาไปพักที่ห้องพักผู้ป่วยของเรา(ซึ่งเราต้องอยู่ที่ห้องนี้3-4วัน) เก็บของเสร็จ ก็เปลี่ยนชุดสำหรับรอผ่าตัด (พยาบาลน่ารักใจดีทุกคน)
ผ่านไป 2-3ชั่วโมง พยาบาลก็เข้ามาวัดความดันอีกรอบ พร้อมกับ ให้น้ำเกลือ สงสัยกลัวเราหิว 555+
เราก็เล่นเกมส์รอไปเลย พอเวลาผ่านไป ตอน 17:00น. พยาบาลก็มารับเราไปเตรียมตัวขึ้นเขียง ตอนแรกไม่ตื่นเต้นนะ พอจะทำเท่านั้นแหละ ตื่นเต้นมาก แล้วมาดูกันหลังออกจากห้องเป็นยังไง
เราใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นานเท่าไหร่ แต่ลืมบอกไป เคสของเราถือว่าเป็นที่ทำค่อนข้างยาก เพราะเราผ่าเอาซิลิโคนหน้าอกออกด้วย หลังผ่าตัดเสร็จทางโรงพยาบาลให้อยู่ในห้องพักฟื้นหลังผ่าตัดเพื่อดูอาการก่อน ถึงจะกลับเข้าห้องพักผู้ป่วยได้ เราได้เข้าห้องพักผู้ป่วย ตอนประมาณ ตี5เกือบ 6โมงเช้าของอีกวัน
มีแต่คนถามว่าเจ็บไหม?? สำหรับเราไม่เจ็บเลย แค่ตึงๆ เพราะมีผ้ารัดตรงหน้าอกไว้แค่นั้น หลังจากผ่าตัดเสร็จบอกตรงๆสิ่งเดียวที่รู้สึก คือ “หิวมาก” เราลุกเดินเข้าห้องน้ำได้ปกติ แปรงฟันยกแขนได้ แต่ยกได้ไม่สูง ก็เพิ่งผ่าตัดมาอ่ะเนาะ มันก็ได้แค่นี้แหละ
พอเวลาประมาณ 11 โมง พยาบาลก็เอายาก่อนอาหารมาให้ พร้อม มื้อที่แสนอร่อย (หิวมากจริงๆ) 555+
ถึงเวลาล้างแผล ก็มีพยาบาลเข้ามาล้างแผลให้ แล้วพยาบาลก็ตรวจเช็คสายเดรน ที่มีเลือดเสียออกมา ยิ่งเลือดออกมาเยอะยิ่งดีต่อแผล เพราะจะทำให้ไม่มีเลือดคลั่งที่เกิดจากการผ่าตัด สายเดรนจะอยู่กับเราไปประมาณ 3-4วันแล้วแต่ว่าเลือดออกหมดไหม แต่จะให้ดียิ่งนานยิ่งดี
เห็นแผลเราใช่ไหม??? ตรงหัวนมของเรา ได้ย้ายหัวนมด้วย เพราะให้มีลักษณะเหมือนหัวนมผู้ชายมากที่สุด (เพื่ออนาคตต่อไป…มีแพลนจะทำอย่างอื่น ^^)
พยาบาลก็เข้ามาตรวจเช็คแบบนี้ทุกวัน จนถึงวันที่เรา ต้องเอาสายเดรนออก ตื่นเต้นอีกรอบเพราะ จะได้เดินแบบไม่ต้องมีย่ามใส่สายเดรนแล้ว มีคุณหมอเข้ามาถอดสายเดรนออกให้ เหมือนจะเจ็บแต่จริงๆไม่รู้สึกเลย (แต่สำหรับคนอื่นไม่แน่ใจนะ)แนะนำเลยนะ ถ้าจะมาผ่าตัด ต้องมีคนคอยดูแลตลอด เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะเจ็บตอนไหน หรืออยากลุกไปไหนทำอะไรจะได้ไม่ลำบาก ส่วนเรามีแฟนเรามาคอยดูแลตลอด น่ารักกก ^^
หลังจากนั้นวันที่ 4 ก็ถึงเวลาได้ออกจากโรงพยาบาล ก่อนออกคุณหมอและพยาบาลก็จะเข้ามาแนะนำว่า
1. วิธีการล้างแผลเอง ต้องเตรียมอะไร ทำยังไง
2. ข้อห้ามต่างๆในการรักษาแผลให้หายเร็ว ฟื้นตัวเร็ว ก็ปกติเลย
- งดแอลกอฮอล์
- งดของหมักดอง
- งดอาหารรสชาติจัดๆ
- งดสูบบุหรี่
- ไม่เดินเยอะ เพราะอาจจะทำให้แผลปริได้
- ห้ามยกของหนักๆในช่วง 1-2 เดือนแรกเด็ดขาด
3. สุดท้ายก่อนออกจากโรงพยาบาล คุณหมอก็จะนัดให้มาดูแผลและตัดไหม เมื่อครบ 1 สัปดาห์
เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ ก็กลับมาตรวจแผลกับคุณหมออีกครั้งเพื่อตัดไหม และเปิดกราฟ ปานนมว่าแผลติดดีไหม ปรากฏว่าติดดี หมอบอกว่าแผลดีมาก สวยมาก เราก็โล่ง บอกแล้วต้องหาคนดูแลดีดี (ของเราคนดูแล ดูแลดีจริงๆ อิอิ
คุณหมอก็จะแนะนำ อีกว่าหลังจากนี้ควรดูแลแผลต่อไปยังไง หลังจากนั้นหมอจะนัดมาตรวจอีก หลังจากนี้ 1 เดือน
ผ่านไปอีก 1 เดือนก็กลับมาพบหมออีกครั้ง ซึ่งแผลเราก็แห้งดีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ถือว่าแผลออกมาดีมาก ต่อไปเวลาใส่เสื้อผ้าก็คงไม่ต้องกังวลอีกแล้ว ได้พบเจอตัวตนของตัวเองสักที ในตอนที่ดูแลรักษาแผลนั้น จะต้องพันผ้ารัดหน้าอกไว้เสมอ เพื่อให้เนื้อที่อยู่ด้านในติดกันให้เร็วที่สุด ทางโรงพยาบาลก็จะมีเสื้อรัดมาให้เราใส่ เราต้องใส่เสื้อรัดนานประมาณ 4-6เดือน
หลังจากนั้นใครที่อยากออกกำลังกาย ต้องให้พ้น 3 เดือนไปก่อน เพื่อจะได้ไม่เสี่ยงที่แผลจะเกิดการฉีก หลังจาก3เดือนไปอยากจะออกกำลังกายเอาเลย ^^
“มาโชว์กันหน่อย ไปเที่ยวเชียงใหม่ ถอดเสื้อ ท้าลมหนาวกันไปเลย “
ตอนนี้แผลที่ผ่าตัดเอาหน้าออกมาสวยมาก พอใจกับแผลมากๆ ยิ่งเคสเราเป็นเคสแปลก ยิ่งทำให้รู้เลยว่าตัดสินใจถูกที่บินมาไกล เพื่อมาทำที่นี่ การที่เรามาเขียนรีวิวในครั้งนี้เพื่อจะแบ่งปันประสบการณ์ที่เคยทำผิดพลาด แบ่งปันข้อมูลสำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยากจะตัดหน้าอกออก ถ้าหากใครสนใจอยากจะทำและอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อมาที่ FB เฟสบุ๊ค ของขวัญได้ ชื่อ Juthamard Promchana หรือ แฟนเพจของโรงพยาบาลได้เลย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม