จากกระทู้นี้...ตอนนี้เรื่องจบแล้วค่ะ
https://ppantip.com/topic/39262502
ทำไมรถเราโดนชน เรายังต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายอะไรพวกนี้อีก
ส่วนหนึ่งต้องขอขอบคุณตัวแทนที่ขายประกันภัยรถยนต์ให้กับเรา ที่คอยเป็นที่ปรึกษาและคอยให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อไม่ให้เราเสียผลประโยชน์
เหตุการณ์เริ่มจาก....
วันที่ 3 ส.ค. รถเราจอดไว้หน้าบ้าน รถบ้านตรงข้ามถอยมาชนประตูฝั่งขวาล่าง มีรอยบุบเล็กน้อย รถคู่กรณีมีประกันภัยของอาคเนย์
วันที่ 20 ส.ค. รถเราโดนชนท้ายบนทางด่วน ท้ายบุบเข้าไปเยอะมาก รถคู่กรณีมีประกันภัยของวิริยะ
แต่สภาพรถยังขับได้อยู่ ซึ่งช่วงนั้นออเดอร์ขนมเราเยอะมาก ต้องส่งขนม ซื้อของทำขนม วนไปเกือบทุกวัน
จนเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ไฟท้ายด้านขวาหลุด เราเลยจำเป็นต้องเอารถเข้าอู่ซ่อมซะที ซึ่งเราเลือกอู่ที่รับซ่อมทั้ง 2 ประกันภัย
จะได้จอดซ่อมที่เดียว
ซึ่งพี่ที่เป็นตัวแทนขายประกันให้กับเรา แนะนำให้เราไปเช่ารถใช้ระหว่างซ่อม แต่ต้องเป็นบริษัทที่ให้เช่ารถถูกต้อง
มีใบเสร็จรับเงิน จึงจะเบิกค่าเช่ารถให้เต็มจำนวน แต่รุ่นของรถก็ควรจะใกล้เคียงกันด้วย
เช่น รถเราฮอนด้าซิตี้ เครื่อง 1,500 เราก็เลือกเช่าวีออส เครื่อง 1,600 ค่าเช่าวันละ 700 บาท
(จะไปเช่าแอคคอร์ด, แคมรี่, ซีอาร์วี, ฟอร์จูนเนอร์ วันละ 1,500 บาท แบบนี้เบิกเต็มจำนวนไม่ได้นะคะ)
วันที่ 25 ส.ค. รถเราจอดซ่อมที่อู่แถวบ้าน
เราก็เริ่มเช่ารถตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. เลยค่ะ แต่เราต้องสำรองจ่ายค่าเช่ารถไปก่อนนะคะ
เราทำสัญญาเช่ารถ 1 เดือน เป็นเงิน 19,500 บาท เมื่อครบ 1 เดือนเราโทรสอบถามไปที่อู่ รถยังไม่เสร็จ
เราจึงหาบริษัทให้เช่ารถที่ใหม่ เพราะถ้าเราต้องสำรองจ่ายเดือนละ 2 หมื่นแบบนี้ เราไม่ไหวแน่ๆ
จึงได้เช่ารถกับทางอู่ที่รับซ่อมรถ เป็นวีออสรุ่นเก่า ค่าเช่าวันละ 400 บาท
จนเมื่อวันที่ 16 พ.ย. อู่โทรมาแจ้งว่ารถซ่อมเสร็จแล้ว ให้มารับรถ และมาชำระค่าเช่ารถ
จำนวน 53 วัน x 400 บาท เป็นเงิน 21,200 บาท
รวมแล้ว รถเราจอดซ่อม 85 วัน สำรองจ่ายค่าเช่ารถไป 40,700 บาท (19,500 + 21,200)
และยังมีค่าเชื้อเพลิงที่เป็นรายจ่ายเพิ่มขึ้นมากว่า 7,000 บาท
รถเราติดแก๊ส LPG เติมอาทิตย์ละ 1 ครั้งๆ ละ ประมาณ 300 บาท น้ำมันเดือนละ 1 ครั้งๆ ละ 500 บาท
ซึ่งรถที่เช่ามาต้องเติมน้ำมันอาทิตย์ละ 1 ถังๆ ละประมาณ 1,000 บาท
คำนวณคร่าวๆ รถเราจอดซ่อมประมาณ 12 สัปดาห์
ถ้าเราใช้รถเราเอง จะจ่ายค่าเชื้อเพลิงประมาณ 5,100 บาท
แต่รถเช่า เราจ่ายค่าเชื้อเพลิงไปประมาณ 12,000 บาท
แล้วยังต้องมาเจอเรื่องจัดเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อไปทำเรื่องเบิกเงินอีก จะไม่ให้เราอารมณ์เสียได้อย่างไร
คืออยู่ดีๆ ต้องหาเงินมาสำรองจ่ายเกือบ 5 หมื่น
ไม่ได้โลกสวยนะคะ แต่เงิน 5 หมื่น สำหรับคนทำมาค้าขายอย่างเรา มันเยอะมาก
เงินขาดสภาพคล่อง เงินหมุนจะไปซื้อของก็แทบจะไม่มี ต้องกดเงินบัตรเครดิตมาหมุนก่อน
จนเมื่อวันที่ 27 พ.ย. เราพอมีเวลาว่าง จึงจัดเตรียมเอกสารและไปดำเนินการเรียกร้องค่าขาดผลประโยชน์
ซึ่งอาคเนย์ ให้เรา 2,000 บาท ประเมินแล้ว น่าจะจอดซ่อมแค่ 3 วัน
เราไปติดต่อที่วิริยะต่อ
ตอนแรก พนง.โทรไปสอบถามที่อู่ ทางอู่แจ้งว่า เวลาในการซ่อมจริงๆ 18 วัน แต่ที่ต้องจอดรถนานเพราะต้องรออะไหล่นาน
เนื่องจากรถเราเก่าแล้ว หาอะไหล่ยาก
เรา : แล้วในระหว่างที่รออะไหล่ เราสามารถเอารถออกมาใช้งานได้เหรอคะ ก็ไม่ได้นะ
พนง. : แต่เรานับวันที่ซ่อมจริงๆ และไม่นับวันหยุดของทางอู่นะครับ
เรา : แล้วไงคะ
พนง. : ทางเราสามารถช่วยคุณได้เท่านี้จริงๆ ครับ
เรา : แล้วไงคะ...เรารู้แค่ว่า ถ้าเรามีใบเสร็จรับเงินค่าเช่ารถถูกต้อง เราสามารถเบิกได้เต็มจำนวนค่ะ
พนง.โทรไปสอบถามอู่อีกครั้ง...และแจ้งเราว่า ให้เราได้เต็มที่ 28 วัน
เราเริ่มโมโห และหยิบใบเสร็จรับเงินค่าเช่ารถทั้ง 2 บริษัทให้พนง. ดูอีกครั้ง พร้อมทั้งย้ำว่า
เรารู้แค่ว่า เราสามารถเบิกค่าเช่ารถได้เต็มจำนวนค่ะ
พนง.: แต่ค่าเช่ารถ ไม่สามารถเบิกได้ในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์นะครับ
เรา : คุณกำลังจะบอกเราว่า เมื่อถึงเย็นวันศุกร์ เราต้องเอารถไปคืนบริษัทเช่ารถ
และเช้าวันจันทร์ เราต้องไปทำเรื่องเช่ารถใหม่หนะเหรอ คุณคิดว่า มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เหรอคะ
พนง. หายไปคุยกับใครก็ไม่รู้ประมาณ 10 นาที และมาแจ้งเราว่า ทางเราให้คุณที่ 40,000 บาทครับ
จบไหมครับ...
เรา : ยังไม่จบค่ะ เพราะมีค่าเชื้อเพลิงที่เป็นส่วนต่างที่เราไม่จำเป็นต้องจ่าย หากรถเราไม่โดนชนนะคะ
พนง. : บริษัทฯ ช่วยคุณได้แค่นี้ครับ ส่วนค่าเชื้อเพลิง ไม่มีบริษัทไหนจ่ายให้หรอกครับ
เรา : แล้วคุณให้เราบรรยายมาทำไมคะ ว่าเราเสียผลประโยชน์อะไรบ้าง นี่เรายังไม่คิดว่าแท็กซี่วันที่เราเอารถไปจอดซ่อมที่อู่ แล้วเราต้องนั่งแท็กซี่กลับมาบ้านนะคะ และยังมีค่าเสียเวลาที่เราจะต้องเดินทางมาติดต่อคุณเนี่ย...
พนง. : งั้นคุณต้องไปเรียกร้องกับ คปภ.เองนะครับ
เรา : โอเคค่ะ ค่าเชื้อเพลิงอีกประมาณ 5,600 บาท เราจะลองไปปรึกษา คปภ.ดูนะคะ ว่าจะเรียกร้องได้ไหม
เหตุการณ์ผ่านไป 2 อาทิตย์ เรายังไม่มีเวลาไป คปภ.เลย แต่อยากได้เงินก้อนนี้มาก่อนปีใหม่
เมื่อวันก่อน จึงไปยุติข้อตกลงกับวิริยะ รับเช็คมาที่ 40,000 บาทค่ะ
สรุปนะคะ ที่เราเรียกไปทั้งหมด 47,600 บาท ได้มา 42,000 บาท
1. ค่าเช่ารถ 40,700 บาท
2. ค่าเชื้อเพลิง 6,900 บาท
เรียกค่าขาดผลประโยชน์ 47,600 บาท ได้มา 42,000 บาท
https://ppantip.com/topic/39262502
ทำไมรถเราโดนชน เรายังต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายอะไรพวกนี้อีก
ส่วนหนึ่งต้องขอขอบคุณตัวแทนที่ขายประกันภัยรถยนต์ให้กับเรา ที่คอยเป็นที่ปรึกษาและคอยให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อไม่ให้เราเสียผลประโยชน์
เหตุการณ์เริ่มจาก....
วันที่ 3 ส.ค. รถเราจอดไว้หน้าบ้าน รถบ้านตรงข้ามถอยมาชนประตูฝั่งขวาล่าง มีรอยบุบเล็กน้อย รถคู่กรณีมีประกันภัยของอาคเนย์
วันที่ 20 ส.ค. รถเราโดนชนท้ายบนทางด่วน ท้ายบุบเข้าไปเยอะมาก รถคู่กรณีมีประกันภัยของวิริยะ
แต่สภาพรถยังขับได้อยู่ ซึ่งช่วงนั้นออเดอร์ขนมเราเยอะมาก ต้องส่งขนม ซื้อของทำขนม วนไปเกือบทุกวัน
จนเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ไฟท้ายด้านขวาหลุด เราเลยจำเป็นต้องเอารถเข้าอู่ซ่อมซะที ซึ่งเราเลือกอู่ที่รับซ่อมทั้ง 2 ประกันภัย
จะได้จอดซ่อมที่เดียว
ซึ่งพี่ที่เป็นตัวแทนขายประกันให้กับเรา แนะนำให้เราไปเช่ารถใช้ระหว่างซ่อม แต่ต้องเป็นบริษัทที่ให้เช่ารถถูกต้อง
มีใบเสร็จรับเงิน จึงจะเบิกค่าเช่ารถให้เต็มจำนวน แต่รุ่นของรถก็ควรจะใกล้เคียงกันด้วย
เช่น รถเราฮอนด้าซิตี้ เครื่อง 1,500 เราก็เลือกเช่าวีออส เครื่อง 1,600 ค่าเช่าวันละ 700 บาท
(จะไปเช่าแอคคอร์ด, แคมรี่, ซีอาร์วี, ฟอร์จูนเนอร์ วันละ 1,500 บาท แบบนี้เบิกเต็มจำนวนไม่ได้นะคะ)
วันที่ 25 ส.ค. รถเราจอดซ่อมที่อู่แถวบ้าน
เราก็เริ่มเช่ารถตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. เลยค่ะ แต่เราต้องสำรองจ่ายค่าเช่ารถไปก่อนนะคะ
เราทำสัญญาเช่ารถ 1 เดือน เป็นเงิน 19,500 บาท เมื่อครบ 1 เดือนเราโทรสอบถามไปที่อู่ รถยังไม่เสร็จ
เราจึงหาบริษัทให้เช่ารถที่ใหม่ เพราะถ้าเราต้องสำรองจ่ายเดือนละ 2 หมื่นแบบนี้ เราไม่ไหวแน่ๆ
จึงได้เช่ารถกับทางอู่ที่รับซ่อมรถ เป็นวีออสรุ่นเก่า ค่าเช่าวันละ 400 บาท
จนเมื่อวันที่ 16 พ.ย. อู่โทรมาแจ้งว่ารถซ่อมเสร็จแล้ว ให้มารับรถ และมาชำระค่าเช่ารถ
จำนวน 53 วัน x 400 บาท เป็นเงิน 21,200 บาท
รวมแล้ว รถเราจอดซ่อม 85 วัน สำรองจ่ายค่าเช่ารถไป 40,700 บาท (19,500 + 21,200)
และยังมีค่าเชื้อเพลิงที่เป็นรายจ่ายเพิ่มขึ้นมากว่า 7,000 บาท
รถเราติดแก๊ส LPG เติมอาทิตย์ละ 1 ครั้งๆ ละ ประมาณ 300 บาท น้ำมันเดือนละ 1 ครั้งๆ ละ 500 บาท
ซึ่งรถที่เช่ามาต้องเติมน้ำมันอาทิตย์ละ 1 ถังๆ ละประมาณ 1,000 บาท
คำนวณคร่าวๆ รถเราจอดซ่อมประมาณ 12 สัปดาห์
ถ้าเราใช้รถเราเอง จะจ่ายค่าเชื้อเพลิงประมาณ 5,100 บาท
แต่รถเช่า เราจ่ายค่าเชื้อเพลิงไปประมาณ 12,000 บาท
แล้วยังต้องมาเจอเรื่องจัดเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อไปทำเรื่องเบิกเงินอีก จะไม่ให้เราอารมณ์เสียได้อย่างไร
คืออยู่ดีๆ ต้องหาเงินมาสำรองจ่ายเกือบ 5 หมื่น
ไม่ได้โลกสวยนะคะ แต่เงิน 5 หมื่น สำหรับคนทำมาค้าขายอย่างเรา มันเยอะมาก
เงินขาดสภาพคล่อง เงินหมุนจะไปซื้อของก็แทบจะไม่มี ต้องกดเงินบัตรเครดิตมาหมุนก่อน
จนเมื่อวันที่ 27 พ.ย. เราพอมีเวลาว่าง จึงจัดเตรียมเอกสารและไปดำเนินการเรียกร้องค่าขาดผลประโยชน์
ซึ่งอาคเนย์ ให้เรา 2,000 บาท ประเมินแล้ว น่าจะจอดซ่อมแค่ 3 วัน
เราไปติดต่อที่วิริยะต่อ
ตอนแรก พนง.โทรไปสอบถามที่อู่ ทางอู่แจ้งว่า เวลาในการซ่อมจริงๆ 18 วัน แต่ที่ต้องจอดรถนานเพราะต้องรออะไหล่นาน
เนื่องจากรถเราเก่าแล้ว หาอะไหล่ยาก
เรา : แล้วในระหว่างที่รออะไหล่ เราสามารถเอารถออกมาใช้งานได้เหรอคะ ก็ไม่ได้นะ
พนง. : แต่เรานับวันที่ซ่อมจริงๆ และไม่นับวันหยุดของทางอู่นะครับ
เรา : แล้วไงคะ
พนง. : ทางเราสามารถช่วยคุณได้เท่านี้จริงๆ ครับ
เรา : แล้วไงคะ...เรารู้แค่ว่า ถ้าเรามีใบเสร็จรับเงินค่าเช่ารถถูกต้อง เราสามารถเบิกได้เต็มจำนวนค่ะ
พนง.โทรไปสอบถามอู่อีกครั้ง...และแจ้งเราว่า ให้เราได้เต็มที่ 28 วัน
เราเริ่มโมโห และหยิบใบเสร็จรับเงินค่าเช่ารถทั้ง 2 บริษัทให้พนง. ดูอีกครั้ง พร้อมทั้งย้ำว่า
เรารู้แค่ว่า เราสามารถเบิกค่าเช่ารถได้เต็มจำนวนค่ะ
พนง.: แต่ค่าเช่ารถ ไม่สามารถเบิกได้ในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์นะครับ
เรา : คุณกำลังจะบอกเราว่า เมื่อถึงเย็นวันศุกร์ เราต้องเอารถไปคืนบริษัทเช่ารถ
และเช้าวันจันทร์ เราต้องไปทำเรื่องเช่ารถใหม่หนะเหรอ คุณคิดว่า มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เหรอคะ
พนง. หายไปคุยกับใครก็ไม่รู้ประมาณ 10 นาที และมาแจ้งเราว่า ทางเราให้คุณที่ 40,000 บาทครับ
จบไหมครับ...
เรา : ยังไม่จบค่ะ เพราะมีค่าเชื้อเพลิงที่เป็นส่วนต่างที่เราไม่จำเป็นต้องจ่าย หากรถเราไม่โดนชนนะคะ
พนง. : บริษัทฯ ช่วยคุณได้แค่นี้ครับ ส่วนค่าเชื้อเพลิง ไม่มีบริษัทไหนจ่ายให้หรอกครับ
เรา : แล้วคุณให้เราบรรยายมาทำไมคะ ว่าเราเสียผลประโยชน์อะไรบ้าง นี่เรายังไม่คิดว่าแท็กซี่วันที่เราเอารถไปจอดซ่อมที่อู่ แล้วเราต้องนั่งแท็กซี่กลับมาบ้านนะคะ และยังมีค่าเสียเวลาที่เราจะต้องเดินทางมาติดต่อคุณเนี่ย...
พนง. : งั้นคุณต้องไปเรียกร้องกับ คปภ.เองนะครับ
เรา : โอเคค่ะ ค่าเชื้อเพลิงอีกประมาณ 5,600 บาท เราจะลองไปปรึกษา คปภ.ดูนะคะ ว่าจะเรียกร้องได้ไหม
เหตุการณ์ผ่านไป 2 อาทิตย์ เรายังไม่มีเวลาไป คปภ.เลย แต่อยากได้เงินก้อนนี้มาก่อนปีใหม่
เมื่อวันก่อน จึงไปยุติข้อตกลงกับวิริยะ รับเช็คมาที่ 40,000 บาทค่ะ
สรุปนะคะ ที่เราเรียกไปทั้งหมด 47,600 บาท ได้มา 42,000 บาท
1. ค่าเช่ารถ 40,700 บาท
2. ค่าเชื้อเพลิง 6,900 บาท