เราจะมาเล่าขั้นตอนการเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ที่เราเรียกจากประกันคู่กรณีให้เพื่อนๆได้รู้ค่ะ เรื่องเหมือนจะง่ายแต่พอมาเจอประกันคู่กรณีที่ไม่อยากจะจ่ายเงินให้เราตามที่เรียกไปทั้งทีเราว่าเราเรียกไม่เยอะ ความปวดหัวก็บังเกิดจริงๆ
เริ่มจากรถของเราโดนชนท้ายวันที่ 23 ตุลาคม 62 รถเราเป็ฯประกันชั้น 1 ของวิริยะ ส่วนคู่กรณีประกันชั้น 1 ของไทยวิวัฒน์ โดยเราเป็นฝ่ายถูกเพราะคู่กรณีก้มหาโทรศัพท์มือถืออยู่เลยปล่อยรถไหลมาชนท้ายรถแบบเต็มๆ (รถกระเด้งไปข้างหน้าเลยดีไม่ชนคันหน้า)
อันนี้ขอบอกเป็นข้อควรจำไว้นะค่ะว่า ถึงมีประกันชั้น 1 ทั้งคู่ ถ้าสามารถรอประกันได้โดยไม่ขวางการจารจรก็ควรรอค่ะ เราโทรไปถามวิริยะตอนที่โดนชนเพราะเราก็เข้าใจว่าให้ถ่ายรูป แลกเอกสารและแยกเลย แต่ทาง CC บอกเราว่าถ้าสามารถรอได้ ขอให้รอเพราะจะได้ไม่มีปัญหา หรือ ต้องนัดมาเจอกันอีกรอบ เพราะเอกสารที่แลกกันนั้นถ้าไม่มีการติ๊กว่าใครเป็นฝ่ายผิดอาจจะมีปัญหาทีหลังได้
เราก็รอให้เจ้าหน้าที่ประกันทั้ง 2 ฝ่ายมาค่ะ คู่กรณีเรานิสัยดีมากๆ เราลงมาจากรถคือเขาขอโทษเราไม่หยุดเลย บอกทันทีว่าเขาเป็นฝ่ายผิด เพราะมัวแต่หามือถือ พอประกันฝ่ายเขามาก็ย้ำอีกว่าเขาเป็นฝ่ายผิด
ความเสียหายคือ รถเรา Toyota RV4 โดนชนท้ายบริเวณยางอะไหล่ รถคู่กรณีกระแทกด้านล่างของผ้าครอบยางอะไหล่จนยุบลงไป ตรงประตูหลังของรถ ยุบ และมีรอยแตก (ช่างบอกถ้าแรงกว่านี้ก็ต้องเปลี่ยนเลยอันนั้นรออะไหล่ไปยาวๆ 45 วัน) ในขณะที่คู่กรณี BMW ขอบกระโปรงหน้ารถยุบนิดเดียวแทบดูไม่ออก (แอบอิจฉาอย่างแรง ตัวถังเขาแข็งจริง)
หลังจากประกันทั้ง 2 ฝ่ายมาถ่ายรูปและรถออกเอกสาร ขอถ่ายรูปใบขับขีเราไปแล้ว เราก็รับเอกสารจากประกันของเรามา จุดนนี้ต้องดูให้ละเอียดว่าเขาลงว่ารถเราเสียหายตรงไหน และ ติ๊กว่าเราเป็นฝ่ายถูก เราแลกเบอร์ติดต่อกับเจ้าของรถไว้ด้วย
หลังจากส่งรถเข้าอู่ไปแล้วเราก็โทรไปถามที่วิริยะเรื่องการเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
ซึ่งเรื่องนี้เราต้องไปยื่นเองที่ประกันของคู่กรณี คือ ประกันภัยไทยวิวัฒน์
เอกสารที่เราเตรียมคือ
1. สำเนาใบรับรองความเสียหายของเรา (ตัวจริงเราต้องเอาให้อู่ของวิริยะตอนส่งซ่อม)
2.สำเนาบันทึกความเสียหายจาก ไทยวิวัฒน์ ตัวนี้เราขอจากเจ้าหน้าที่ประกันวิริยะที่มาทำเรื่องให้เรา เขาส่งเป็นรูปถ่ายมาให้
3. เอกสารจากทางอู่ที่ระบุว่า รับรถเข้า และ ออกวันไหน (ของเราเอกสารระบุ 28 ต.ค 62 - 1 พ.ย.62 แต่เอารถเข้าจริงคือบ่าย 26ต.ค.62)
4. จดหมายแจ้งเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ (เราเขียนขึ้นเองโดยหาตัวอย่างจากgoogle ระบุรายละเอียดและจำนวนเงินที่เรียก)
5.สำเนาสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (อันนี้แอบยุ่งหน่อยเพราะชื่อเจ้าของรถเป็นชื่อพี่สาวเรา เวลาไปติดต่อเลยต้องไปด้วยกัน)
6. สำเนาหน้าบัญชีที่จะให้โอนเงิน (ของพี่สาว)
7. สำเนาบัตประชาชน ของเจ้าของรถ (ของพี่สาว)
ในจดหมายแจ้งค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ เราเรียกค่าเดินทางไป - กลับ จากบ้านที่พระราม 3 ไป ออฟฟิศที่วิภาวดีใกล้ตึกการบินไป ค่าแท๊กซี่และค่าทางด่วน รวม 3,600 บาท (เฉลี่ย 600 บาทต่อวัน) สำหรับค่าเดินทาง 6 วันไม่รวมเสาร์ - อาทิตย์
สำหรับคนที่เช่ารถ คุณสามารถเช่ารถที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือ ต่ำกว่ารถของคุณที่โดนชน อย่างของเราสามารถเช่ารถกลุ่มSUV ได้ โดยเราต้องจ่ายค่าเช่าไปก่อน แล้วเอาใบเสร็จที่ระบุชื่อเราเป็นผู้เช่า วันไหนถึงวันไหน (ระยะเวลาต้องเท่ากับเอกสารที่ส่งรถเข้าอู่) รวมเป็นเงินเท่าไหร่ โดยเราถ่ายสำเนาเก็บไว้ แนบตัวจริงไป
หลังจากยื่นเอกสารไปวันที่ 6 พ.ย.62 วันที่ 11 พ.ย.62 เราได้SMS แจ้งว่าค่าขาดประโยชน์ที่เราเรียกไปนั้น สูงเกินกว่าอัตรามาตราฐาน ทางบริษัทให้ได้ 2,000 ถ้าเรายินดีรับเงินให้ติดคุณ......เบอร์...... ถ้าไม่ตกลงติดต่อ Complain Unit 1231กด 5 (อ่านแล้วขึ้นเลยขอบอก)
วันรุ่งขึ้นติดต่อไป คือรอสายนานมากกกกก รอบแรก 6.32 นาที รอบที่ 2 11.18 นาที ทางนั้นรับเรื่องว่าเราไม่ยอนรับ ขอยืนยันที่จำนวนเดิม ทางนั้นก็บอกจะรับเรื่องแล้วประสานงานต่อ เราก็รอไปจนเมื่อวาน 22 พ.ย.62 เจ้าหน้าที่ของไทยวิวัฒน์ โทรมาโดยที่ถามเราทันทีว่าจำนวนเงินที่เราเรียกไปนะ ให้ได้ 2,000 เรา OK ใช่ไหม หายไป10 วันไม่ได้ประสานงานกันเลย เรายืนยันไม่ok ของจำนวนเดิม ทางไทยวิวัฒน์แจ้งเราว่าสำหรับรถส่วนบุคคลให้ได้แค่วันละ 500 บาท ทั้งๆที่เราไปเช็คในเวปของ คปภ ระบุว่าขั้นต่ำคือ 500
เราแย้งในเรื่องที่เราไม่มีรถใช้ ในจดหมายก็ระบุแล้วว่าบ้านเราอยู่ไหน ออฟฟิศเราอยู่ไหน เราเรียกแค่นี้เรามองว่าสมควรแล้ว เขายังเอาเรื่องการเอารถเข้าอู่มาแย้งเราอีกว่าตามเอกสารการส่งรถเข้านั้น วันแรกที่ส่งรถเข้าเขาจะไม่นับ คือจะเอารถเข้ากี่โมงมันก็คือไม่มีรถใช้ไหม กรณีเราคือเข้าตั้งแต่วันเสาร์ 26 ต.ค.62 ด้วยซ้ำ ถ้าจะรวมวันที่ไม่มีรถคือ 9 วัน (26 ต.ค62 - 1 พ.ย.62) แต่เราเรียกแค่ค่าเดินทางวันไปทำงาน 6 วันเท่านั้น กว่าจะตกลงกันได้สรุปคือจบที่ 3,000 บาท เราคือแบบเซ็งมากนี้คือเราเป็นฝ่ายถูกนะ นี้ก็รอดูว่าวันที่เขานัดว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีจะได้ 3,000 จะได้จริงอย่างที่บอกไหม
พี่สาวเรานั่งอยู่ด้วย ยังบอกเลยว่านี้ดีนะเราไม่ได้ไปเช่ารถมาขับ เพราะถ้าเช่ามา อย่างน้อยก็ประมาณ 7-8 วัน ค่าใช้จ่ายในการเช่ารถขนาดรถรุ่นเล็กพวกแจ๊ส หรือ ยาริส เฉลี่ยอยู่ 1,000 บาทต่อวัน ไม่รวมค่าน้ำมัน ถ้าเราเช่ารเรื่องมันจะแย่กว่านี้แค่ไหน
ประสบการณ์นี้ทำให้รู้ว่า ถึงคุณจะเป็นฝ่ายถูก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเรียกร้องค่าเสียประโยชน์ได้ตามจริง
ประสบการณ์การเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ จากประกันภัยไทยวิวัฒน์
เริ่มจากรถของเราโดนชนท้ายวันที่ 23 ตุลาคม 62 รถเราเป็ฯประกันชั้น 1 ของวิริยะ ส่วนคู่กรณีประกันชั้น 1 ของไทยวิวัฒน์ โดยเราเป็นฝ่ายถูกเพราะคู่กรณีก้มหาโทรศัพท์มือถืออยู่เลยปล่อยรถไหลมาชนท้ายรถแบบเต็มๆ (รถกระเด้งไปข้างหน้าเลยดีไม่ชนคันหน้า)
อันนี้ขอบอกเป็นข้อควรจำไว้นะค่ะว่า ถึงมีประกันชั้น 1 ทั้งคู่ ถ้าสามารถรอประกันได้โดยไม่ขวางการจารจรก็ควรรอค่ะ เราโทรไปถามวิริยะตอนที่โดนชนเพราะเราก็เข้าใจว่าให้ถ่ายรูป แลกเอกสารและแยกเลย แต่ทาง CC บอกเราว่าถ้าสามารถรอได้ ขอให้รอเพราะจะได้ไม่มีปัญหา หรือ ต้องนัดมาเจอกันอีกรอบ เพราะเอกสารที่แลกกันนั้นถ้าไม่มีการติ๊กว่าใครเป็นฝ่ายผิดอาจจะมีปัญหาทีหลังได้
เราก็รอให้เจ้าหน้าที่ประกันทั้ง 2 ฝ่ายมาค่ะ คู่กรณีเรานิสัยดีมากๆ เราลงมาจากรถคือเขาขอโทษเราไม่หยุดเลย บอกทันทีว่าเขาเป็นฝ่ายผิด เพราะมัวแต่หามือถือ พอประกันฝ่ายเขามาก็ย้ำอีกว่าเขาเป็นฝ่ายผิด
ความเสียหายคือ รถเรา Toyota RV4 โดนชนท้ายบริเวณยางอะไหล่ รถคู่กรณีกระแทกด้านล่างของผ้าครอบยางอะไหล่จนยุบลงไป ตรงประตูหลังของรถ ยุบ และมีรอยแตก (ช่างบอกถ้าแรงกว่านี้ก็ต้องเปลี่ยนเลยอันนั้นรออะไหล่ไปยาวๆ 45 วัน) ในขณะที่คู่กรณี BMW ขอบกระโปรงหน้ารถยุบนิดเดียวแทบดูไม่ออก (แอบอิจฉาอย่างแรง ตัวถังเขาแข็งจริง)
หลังจากประกันทั้ง 2 ฝ่ายมาถ่ายรูปและรถออกเอกสาร ขอถ่ายรูปใบขับขีเราไปแล้ว เราก็รับเอกสารจากประกันของเรามา จุดนนี้ต้องดูให้ละเอียดว่าเขาลงว่ารถเราเสียหายตรงไหน และ ติ๊กว่าเราเป็นฝ่ายถูก เราแลกเบอร์ติดต่อกับเจ้าของรถไว้ด้วย
หลังจากส่งรถเข้าอู่ไปแล้วเราก็โทรไปถามที่วิริยะเรื่องการเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
ซึ่งเรื่องนี้เราต้องไปยื่นเองที่ประกันของคู่กรณี คือ ประกันภัยไทยวิวัฒน์
เอกสารที่เราเตรียมคือ
1. สำเนาใบรับรองความเสียหายของเรา (ตัวจริงเราต้องเอาให้อู่ของวิริยะตอนส่งซ่อม)
2.สำเนาบันทึกความเสียหายจาก ไทยวิวัฒน์ ตัวนี้เราขอจากเจ้าหน้าที่ประกันวิริยะที่มาทำเรื่องให้เรา เขาส่งเป็นรูปถ่ายมาให้
3. เอกสารจากทางอู่ที่ระบุว่า รับรถเข้า และ ออกวันไหน (ของเราเอกสารระบุ 28 ต.ค 62 - 1 พ.ย.62 แต่เอารถเข้าจริงคือบ่าย 26ต.ค.62)
4. จดหมายแจ้งเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ (เราเขียนขึ้นเองโดยหาตัวอย่างจากgoogle ระบุรายละเอียดและจำนวนเงินที่เรียก)
5.สำเนาสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (อันนี้แอบยุ่งหน่อยเพราะชื่อเจ้าของรถเป็นชื่อพี่สาวเรา เวลาไปติดต่อเลยต้องไปด้วยกัน)
6. สำเนาหน้าบัญชีที่จะให้โอนเงิน (ของพี่สาว)
7. สำเนาบัตประชาชน ของเจ้าของรถ (ของพี่สาว)
ในจดหมายแจ้งค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ เราเรียกค่าเดินทางไป - กลับ จากบ้านที่พระราม 3 ไป ออฟฟิศที่วิภาวดีใกล้ตึกการบินไป ค่าแท๊กซี่และค่าทางด่วน รวม 3,600 บาท (เฉลี่ย 600 บาทต่อวัน) สำหรับค่าเดินทาง 6 วันไม่รวมเสาร์ - อาทิตย์
สำหรับคนที่เช่ารถ คุณสามารถเช่ารถที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือ ต่ำกว่ารถของคุณที่โดนชน อย่างของเราสามารถเช่ารถกลุ่มSUV ได้ โดยเราต้องจ่ายค่าเช่าไปก่อน แล้วเอาใบเสร็จที่ระบุชื่อเราเป็นผู้เช่า วันไหนถึงวันไหน (ระยะเวลาต้องเท่ากับเอกสารที่ส่งรถเข้าอู่) รวมเป็นเงินเท่าไหร่ โดยเราถ่ายสำเนาเก็บไว้ แนบตัวจริงไป
หลังจากยื่นเอกสารไปวันที่ 6 พ.ย.62 วันที่ 11 พ.ย.62 เราได้SMS แจ้งว่าค่าขาดประโยชน์ที่เราเรียกไปนั้น สูงเกินกว่าอัตรามาตราฐาน ทางบริษัทให้ได้ 2,000 ถ้าเรายินดีรับเงินให้ติดคุณ......เบอร์...... ถ้าไม่ตกลงติดต่อ Complain Unit 1231กด 5 (อ่านแล้วขึ้นเลยขอบอก)
วันรุ่งขึ้นติดต่อไป คือรอสายนานมากกกกก รอบแรก 6.32 นาที รอบที่ 2 11.18 นาที ทางนั้นรับเรื่องว่าเราไม่ยอนรับ ขอยืนยันที่จำนวนเดิม ทางนั้นก็บอกจะรับเรื่องแล้วประสานงานต่อ เราก็รอไปจนเมื่อวาน 22 พ.ย.62 เจ้าหน้าที่ของไทยวิวัฒน์ โทรมาโดยที่ถามเราทันทีว่าจำนวนเงินที่เราเรียกไปนะ ให้ได้ 2,000 เรา OK ใช่ไหม หายไป10 วันไม่ได้ประสานงานกันเลย เรายืนยันไม่ok ของจำนวนเดิม ทางไทยวิวัฒน์แจ้งเราว่าสำหรับรถส่วนบุคคลให้ได้แค่วันละ 500 บาท ทั้งๆที่เราไปเช็คในเวปของ คปภ ระบุว่าขั้นต่ำคือ 500
เราแย้งในเรื่องที่เราไม่มีรถใช้ ในจดหมายก็ระบุแล้วว่าบ้านเราอยู่ไหน ออฟฟิศเราอยู่ไหน เราเรียกแค่นี้เรามองว่าสมควรแล้ว เขายังเอาเรื่องการเอารถเข้าอู่มาแย้งเราอีกว่าตามเอกสารการส่งรถเข้านั้น วันแรกที่ส่งรถเข้าเขาจะไม่นับ คือจะเอารถเข้ากี่โมงมันก็คือไม่มีรถใช้ไหม กรณีเราคือเข้าตั้งแต่วันเสาร์ 26 ต.ค.62 ด้วยซ้ำ ถ้าจะรวมวันที่ไม่มีรถคือ 9 วัน (26 ต.ค62 - 1 พ.ย.62) แต่เราเรียกแค่ค่าเดินทางวันไปทำงาน 6 วันเท่านั้น กว่าจะตกลงกันได้สรุปคือจบที่ 3,000 บาท เราคือแบบเซ็งมากนี้คือเราเป็นฝ่ายถูกนะ นี้ก็รอดูว่าวันที่เขานัดว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีจะได้ 3,000 จะได้จริงอย่างที่บอกไหม
พี่สาวเรานั่งอยู่ด้วย ยังบอกเลยว่านี้ดีนะเราไม่ได้ไปเช่ารถมาขับ เพราะถ้าเช่ามา อย่างน้อยก็ประมาณ 7-8 วัน ค่าใช้จ่ายในการเช่ารถขนาดรถรุ่นเล็กพวกแจ๊ส หรือ ยาริส เฉลี่ยอยู่ 1,000 บาทต่อวัน ไม่รวมค่าน้ำมัน ถ้าเราเช่ารเรื่องมันจะแย่กว่านี้แค่ไหน
ประสบการณ์นี้ทำให้รู้ว่า ถึงคุณจะเป็นฝ่ายถูก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเรียกร้องค่าเสียประโยชน์ได้ตามจริง