สุดารัตน์ ควง ฟิล์มรัฐภูมิ ลุยขอคะแนนคนรุ่นใหม่ เลือก ธนิก มาสีพิทักษ์
https://www.springnews.co.th/politics/589587
วันที่ 20 ธ.ค. เมื่อเวลา 07.30 น. ที่หน้าโรงเรียนหนองเรือวิทยา อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนาย
รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นาย
จิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ ส.ส.มหาสารคาม เดินทักทายผู้ค้าบริเวณหน้าโรงเรียนและพบปะ เยาวชน เพื่อประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 ธันวาคม
ขณะเดียวกันคุณหญิง
สุดารัตน์ได้แนะนำ ฝากเยาวชนสื่อสารกับผู้ปกครองให้เลือก นาย
ธนิก มาสีพิทักษ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีนักเรียนรวมถึงเยาวชน ให้ความสนใจ ขอถ่ายรูป เป็นจำนวนมาก
จากนั้น เวลา 08.15 คุณหญิง
สุดารัตน์พร้อมนาย
รัฐภูมิ เดินทางต่อมายังตลาด หลังอำเภอหนองเรือ พบปะผู้ค้าซึ่งได้รับกำลังใจอย่างเนืองแน่น โดยซื้อหาอาหารเช้าติดมือกลับไปรับประทานบนรถ จากนั้นได้ขึ้นรถแห่เพื่อขอคะแนน ภายในพื้นที่หลังอำเภอหนองเรือ สลับกับการเดิน เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนตามบ้านเรือน ซึ่งได้รับคำอวยพรขอให้โชคดีในการเลือกตั้ง พร้อมจะสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
โดยคุณหญิง
สุดารัตน์ ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสในพื้นที่ เนื่องจากเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเพียงบางจุดเท่านั้น แต่เท่าที่ลงพื้นที่ ปราศรัยที่อ.หนองเรือ หรือปราศรัยในพื้นที่ต่างๆ มีพี่น้องประชาชนมาร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสอยู่ตลอด
ดังนั้นเมื่อทราบว่ากกต.ลงตรวจพื้นที่ จึงอยากให้กกต.กำชับหน่วยงานทุกหน่วยงานให้เป็นกลาง โดยเฉพาะข้าราชการปกครองทหารตำรวจ ที่เข้าไปทำงานต้องปฏิบัติตัวเป็นกลาง
ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ทำหนังสือร้องเรียน โดยหัวหน้าพรรค ขอให้กกต.ตรวจสอบการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เช่น การขานคะแนนไม่โชว์ให้ประชาชนเห็นป้าย การนับคะแนนเข้าไปอยู่ข้างในลึกมองไม่เห็น การขานคะแนนไม่โปร่งใส รวมถึงการรวมคะแนน บัตรเชิญบัตรเขย่งต่างๆ
“สิ่งเหล่านี้เราหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งเขตเดียว อย่าให้เกิดปัญหาความไม่โปร่งใสในคูหาเลือกตั้ง ไม่ให้เกิดความไม่โปร่งใสในการนับคะแนน ในการขานคะแนนและการจดคะแนน” คุณหญิง
สุดารัตน์กล่าว
ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกคนทราบว่า ประชาชนมีสิทธิ์ ท้วงติง มีสิทธิ์ที่จะไปเฝ้าการนับคะแนน การลงคะแนนให้เป็นไปตามกฎหมาย
อย่าให้การเลือกตั้งมีรอยด่างพร้อย ทั้งปัญหาการปราบปรามการใช้อำนาจรัฐและการใช้เงิน ต้องทำได้อย่างจริงจังและในวันลงคะแนนจะต้องไม่ให้มีการทุจริต ไม่มีข้อครหาหรือกังขาอย่างการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา
จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เดินทางต่อ ไปขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกับแกนนำพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร ซึ่งตั้งเวที ที่อำเภอมัญจาคีรี นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายกิตติรัตน์ ณระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและส.ส. พรรคเพื่อไทย
โพลชี้FC'พปชร.'ไม่ปลื้ม พรรคแบ่งเป็นก๊ก-แย่งชามข้าว
https://www.dailynews.co.th/politics/747943
ซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจ”เสียงของคนพลังประชารัฐ”พบแฟนคลับไม่พอใจ เรื่องการแก่งแย่งอำนาจ แย่งชามข้าว ปกป้องพวกพ้อง ขณะที่ผลงานยังไม่มีความชัดเจน
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.
นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง เสียงของคนพลังประชารัฐ กรณีศึกษาเฉพาะกลุ่มประชาชนที่เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,125 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ระหว่าง 18 - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา
5 อันดับแรกคนในพรรคพลังประชารัฐผู้ทรงอิทธิพลดูแลพรรคได้ดี ได้แก่
พลเอก
ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 43.1
รองลงมาคือ นาย
อุตตม สาวนายน ร้อยละ 26.7
นาย
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ร้อยละ 26.0
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ร้อยละ 18.4
และนาย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ร้อยละ 15.8 ตามลำดับ
5 อันดับแรกผลงานสะท้อนภาพลักษณ์ของพรรคพลังประชารัฐที่ประชาชนพอใจ ได้แก่
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 43.5
รองลงมาคือ ดูแลบ้านเมืองสงบสุข ร้อยละ 42.7
ชิมช้อปใช้ ร้อยละ 40.9
น้ำมัน B 10 ช่วยชาวสวนปาล์ม ร้อยละ 36.7
และจัดการคนสร้างข่าวเท็จและทำผิดกฎหมายในโลกโซเชียล ร้อยละ 34.4 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ ภาพลักษณ์พรรคพลังประชารัฐที่ประชาชนผู้เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐไม่พอใจ ได้แก่
แก่งแย่งอำนาจ แย่งผลประโยชน์ แย่งชามข้าว ร้อยละ 62.7
แบ่งเป็นพวก แบ่งเป็นก๊ก ไม่สามัคคี ไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน ร้อยละ 60.8
ล่าช้าแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ร้อยละ 53.1
ปกป้องพรรคพวกตนเอง ร้อยละ 49.7
และยังไม่มีผลงานชัดเจน ร้อยละ 42.8 ตามลำดับ
ที่น่าพิจารณาคือ ความคาดหวังของผู้เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐต่อพรรคพลังประชารัฐในปีหน้า ได้แก่
แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ส่งเสริมราคาและผลผลิตการเกษตร ร้อยละ 84.5
ซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 79.5
ทำบ้านเมืองให้สงบสุข ไม่วุ่นวาย ร้อยละ 65.3
แก้ปัญหายาเสพติด อาชญากรรม ร้อยละ 57.8
และมีผลงานรูปธรรมจับต้องได้ ร้อยละ 54.5 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ถ้าพรรคพลังประชารัฐทำให้ผิดหวัง ผู้เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐจะมีจุดยืนทางการเมืองคือ
เกินครึ่งหรือร้อยละ 53.4 จะกลายเป็นพลังเงียบ
ร้อยละ 30.8 จะเปลี่ยนไปเลือกพรรคอื่น
ในขณะที่ร้อยละ 15.8 จะยังคงเลือกพรรคพลังประชารัฐ ต่อไป
JJNY : สุดารัตน์ควงฟิล์มลุยขอคะแนน/โพลชี้FCพปชร.ไม่ปลื้ม/พีมูฟจี้ปัญหาเหลื่อมล้ำ-ที่ดิน 4ด.ไม่คืบ/ไล่ล่าภาษีอี-คอมเมิร์ซ
https://www.springnews.co.th/politics/589587
วันที่ 20 ธ.ค. เมื่อเวลา 07.30 น. ที่หน้าโรงเรียนหนองเรือวิทยา อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ ส.ส.มหาสารคาม เดินทักทายผู้ค้าบริเวณหน้าโรงเรียนและพบปะ เยาวชน เพื่อประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 ธันวาคม
ขณะเดียวกันคุณหญิงสุดารัตน์ได้แนะนำ ฝากเยาวชนสื่อสารกับผู้ปกครองให้เลือก นายธนิก มาสีพิทักษ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีนักเรียนรวมถึงเยาวชน ให้ความสนใจ ขอถ่ายรูป เป็นจำนวนมาก
จากนั้น เวลา 08.15 คุณหญิงสุดารัตน์พร้อมนายรัฐภูมิ เดินทางต่อมายังตลาด หลังอำเภอหนองเรือ พบปะผู้ค้าซึ่งได้รับกำลังใจอย่างเนืองแน่น โดยซื้อหาอาหารเช้าติดมือกลับไปรับประทานบนรถ จากนั้นได้ขึ้นรถแห่เพื่อขอคะแนน ภายในพื้นที่หลังอำเภอหนองเรือ สลับกับการเดิน เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนตามบ้านเรือน ซึ่งได้รับคำอวยพรขอให้โชคดีในการเลือกตั้ง พร้อมจะสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสในพื้นที่ เนื่องจากเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเพียงบางจุดเท่านั้น แต่เท่าที่ลงพื้นที่ ปราศรัยที่อ.หนองเรือ หรือปราศรัยในพื้นที่ต่างๆ มีพี่น้องประชาชนมาร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสอยู่ตลอด
ดังนั้นเมื่อทราบว่ากกต.ลงตรวจพื้นที่ จึงอยากให้กกต.กำชับหน่วยงานทุกหน่วยงานให้เป็นกลาง โดยเฉพาะข้าราชการปกครองทหารตำรวจ ที่เข้าไปทำงานต้องปฏิบัติตัวเป็นกลาง
ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ทำหนังสือร้องเรียน โดยหัวหน้าพรรค ขอให้กกต.ตรวจสอบการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เช่น การขานคะแนนไม่โชว์ให้ประชาชนเห็นป้าย การนับคะแนนเข้าไปอยู่ข้างในลึกมองไม่เห็น การขานคะแนนไม่โปร่งใส รวมถึงการรวมคะแนน บัตรเชิญบัตรเขย่งต่างๆ
“สิ่งเหล่านี้เราหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งเขตเดียว อย่าให้เกิดปัญหาความไม่โปร่งใสในคูหาเลือกตั้ง ไม่ให้เกิดความไม่โปร่งใสในการนับคะแนน ในการขานคะแนนและการจดคะแนน” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกคนทราบว่า ประชาชนมีสิทธิ์ ท้วงติง มีสิทธิ์ที่จะไปเฝ้าการนับคะแนน การลงคะแนนให้เป็นไปตามกฎหมาย
อย่าให้การเลือกตั้งมีรอยด่างพร้อย ทั้งปัญหาการปราบปรามการใช้อำนาจรัฐและการใช้เงิน ต้องทำได้อย่างจริงจังและในวันลงคะแนนจะต้องไม่ให้มีการทุจริต ไม่มีข้อครหาหรือกังขาอย่างการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา
จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เดินทางต่อ ไปขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกับแกนนำพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร ซึ่งตั้งเวที ที่อำเภอมัญจาคีรี นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายกิตติรัตน์ ณระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและส.ส. พรรคเพื่อไทย
โพลชี้FC'พปชร.'ไม่ปลื้ม พรรคแบ่งเป็นก๊ก-แย่งชามข้าว
https://www.dailynews.co.th/politics/747943
ซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจ”เสียงของคนพลังประชารัฐ”พบแฟนคลับไม่พอใจ เรื่องการแก่งแย่งอำนาจ แย่งชามข้าว ปกป้องพวกพ้อง ขณะที่ผลงานยังไม่มีความชัดเจน
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง เสียงของคนพลังประชารัฐ กรณีศึกษาเฉพาะกลุ่มประชาชนที่เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,125 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ระหว่าง 18 - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา
5 อันดับแรกคนในพรรคพลังประชารัฐผู้ทรงอิทธิพลดูแลพรรคได้ดี ได้แก่
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 43.1
รองลงมาคือ นายอุตตม สาวนายน ร้อยละ 26.7
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ร้อยละ 26.0
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ร้อยละ 18.4
และนาย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ร้อยละ 15.8 ตามลำดับ
5 อันดับแรกผลงานสะท้อนภาพลักษณ์ของพรรคพลังประชารัฐที่ประชาชนพอใจ ได้แก่
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 43.5
รองลงมาคือ ดูแลบ้านเมืองสงบสุข ร้อยละ 42.7
ชิมช้อปใช้ ร้อยละ 40.9
น้ำมัน B 10 ช่วยชาวสวนปาล์ม ร้อยละ 36.7
และจัดการคนสร้างข่าวเท็จและทำผิดกฎหมายในโลกโซเชียล ร้อยละ 34.4 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ ภาพลักษณ์พรรคพลังประชารัฐที่ประชาชนผู้เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐไม่พอใจ ได้แก่
แก่งแย่งอำนาจ แย่งผลประโยชน์ แย่งชามข้าว ร้อยละ 62.7
แบ่งเป็นพวก แบ่งเป็นก๊ก ไม่สามัคคี ไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน ร้อยละ 60.8
ล่าช้าแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ร้อยละ 53.1
ปกป้องพรรคพวกตนเอง ร้อยละ 49.7
และยังไม่มีผลงานชัดเจน ร้อยละ 42.8 ตามลำดับ
ที่น่าพิจารณาคือ ความคาดหวังของผู้เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐต่อพรรคพลังประชารัฐในปีหน้า ได้แก่
แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ส่งเสริมราคาและผลผลิตการเกษตร ร้อยละ 84.5
ซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 79.5
ทำบ้านเมืองให้สงบสุข ไม่วุ่นวาย ร้อยละ 65.3
แก้ปัญหายาเสพติด อาชญากรรม ร้อยละ 57.8
และมีผลงานรูปธรรมจับต้องได้ ร้อยละ 54.5 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ถ้าพรรคพลังประชารัฐทำให้ผิดหวัง ผู้เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐจะมีจุดยืนทางการเมืองคือ
เกินครึ่งหรือร้อยละ 53.4 จะกลายเป็นพลังเงียบ
ร้อยละ 30.8 จะเปลี่ยนไปเลือกพรรคอื่น
ในขณะที่ร้อยละ 15.8 จะยังคงเลือกพรรคพลังประชารัฐ ต่อไป