>> มาถึง วันที่2  เราวางแผนไป Nikko ก่อน ถือว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ควรผลาดในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี!!!
ถามว่าที่Nikko มีอะไรน่าเที่ยว  เป็นเมืองที่มี ธรรมชาติ วัฒนธรรม และเป็นเมืองมรดกโลกที่มนเสน่ห์ที่ต้องมาเยือนสักครั้ง
แถมไม่ไกลจากโตเกียว สามารถเที่ยวไปเช้าเย็นกลับได้     ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >>  https://matcha-jp.com/th/3055

>>การเดินทาง มีหลายรูปแบบทั้งรถบัส รถไฟธรรมดา หรือรถด่วน  เราเลือกซื้อตั๋ว jr tokyo wide pass เนื่องจากมีplan
จะไปนอกเมืองอยู่แล้ว ถือว่าคุ้มค่ามาก แค่นั่งรถไฟชินคันเซ็นไปกกลับเก๋ๆก็คุ้มแล้ว  ประหยัดเวลา และ save พลังงานเราได้มากที่เดียว555 
แต่ราคาอาจสูงกว่ารถไฟปกติ สงวน  ราคา ตั๋วผู้ใหญ่ 12 ปีขึ้นไป ￥10,000 ( 2,800 บาท)     เด็ก 6-11 ปี  ￥5,000(1,400บาท) 
โดยเส้นทาง jr tokyo wide pass ดังนี้


ข้อจำกัดของตั๋ว  jr tokyo wide pass คือ
-ตั๋ว นี้ออกให้นักท่องเที่ยวที่มี passport และต้องใช้ติดต่อกัน 3วันนับตั้งแต่ตอกบัตรครั้งแรก เท่านั้น
-ตั๋ว นี้ใช้ได้กับเฉพาะรถไฟของ JR เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro และรถบัสในเมืองโตเกียวได้
-ไม่สามารถนั่งรถไฟซิงคันเซนโทไคโด (Tokaido Shinkansens ) และ JR bus ได้
-ไม่สามารถขึ้นรถ Hayabusa, Komachi, และ GranClass หากต้องการขึ้นต้องชำระค่าเดินทางเพิ่มเติม
สำหรับรถ Fujikyu Railway ต้องซื้อตั๋วเพิ่มเมื่อใช้นั่งรถ Fujisan Express ไปยัง Fuji Tozan Densha และ Fujisan Station
หากใช้ขึ้นรถไฟสาย Tobu Line ต้นทางและปลายทางจะต้องขึ้นลงที่สถานี JR เท่านั้น

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >>>https://www.talonjapan.com/jr-tokyo-wide-pass/  

>>ก่อนอื่นต้องไปซื้อตั๋วก่อน555 จริงๆ jr tokyo wide pass สามารถซื้อที่สนามบิน หรือตามสถานีใหญ่ๆเช่น Tokyo ,Ueo ได้เลย
แต่วันแรกไม่ทัน เพราะเคาน์เตอร์ปิดเร็ว (เปิดทำการ 8.30-17.00 น) ไม่ได้มีขายทุกสถานีนะคะ **


>>เมื่อวานพลาดไม่ทัน วันนี้ฉันจะไม่พลาด55 มาแต่เช้าตรู่ ซื้อเสร็จก็รีบวิ่งไปชานชาลา หาป้าย Shinkansen วิ่งๆจนไม่ได้ถ่ายรูปเลยเกือบไม่ทัน ความสนุกมันอยู่ตรงนี้ เพราะชานชาลาลึกพอสมควร ช่วงเช้าแบบนี้คนเยอะมากกก เดินงงในดงคนหลงเอาง่ายๆ ถึงแล้วเล่นเอาหอบเลยที่เดียว
ทันแบบฉิวเฉียด 5555

>>เส้นทางการเดินทางของ  คือ
เราขึ้นShinkansen ที่สถานี Ueno เวลาประมาณ9.00 น. > ลง Utsunimiya (ใช้เวลา 50นาที)> ต่อรถไฟ Nikko Line (ใช้เวลา45นาที)
ถึงสถานี Nikko เวลาประมาณ11.00 น.จากTokyo  มาNikko เกือบ150km. ถ้ามารถไฟธรรมดาใช้เวลา 2ชม.เป็นอย่างต่ำ  
หากคุณมีแผนกำหนดการที่แน่นอน แนะนำให้จองล่วงหน้าได้เลย เพราะบางเที่ยวคนเยอะ เต็มได้ค่ะ


>>มาถึงสถานี Nikko ประมาณ11.00น. โดยตั๋วการเดินทางในNikko มีหลายแบบ สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่>>https://www.emagtravel.com/archive/nikko-trip.html

เราไปเช้าเย็นกลับ เที่ยวได้เฉพาะโซนมรดกโลก (แค่นี้ก็ใช้เวลาเกือบ3ชม.แล้ว) จึงเลือก ตั๋ว รถบัส World Heritage bus
ราคา￥500 (140บาท)  ไม่จำกัดเที่ยว  เพราะสะดวกและประหยัดที่สุดสำหรับเรา   ที่Nikko มีหลายโซน  กว้างมาก เก็บไม่หมด
ควรมาพัก 1คืนเป็นอย่างต่ำค่ะ    // โซนต่างๆของNikko ตามนี้เลยค่ะ



>>>ขึ้นBus มาตามเส้นทางลงป้ายตามหมายเลขได้เลย    เราลงที่สถานี หมายเลข7 ชมShinkyo (สะพานแดงชินเคียว)ก่อน เพราะกลัวว่าตอนเย็นคนเยอะ แล้วก็ขึ้นต่อไปลงที่หมายเลข85 ไกลก่อน เดินไล่ลงมา  มันเชื่อมถึงกัน อากาศเย็นสบาย ชิวๆ เดินได้เรื่อยๆสบายๆค่ะ 
(ข้อควรระวังคือ ห้ามชิวเกินนะคะ555 เพราะโซนนี้ปิดเร็ว 16.00น.เขาเริ่มปิดประตูไม่ให้เข้าแล้ว )

หมายเหตุ : ขออนุญาตเจ้าของภาพด้วยนะคะ หาจากNet  >.<

>>1. จุดแรก สถานีหมายเลข 7 : Shinkyo(สะพานแดงชินเคียว)  ฟรีไม่มีค่าเข้าชม  สวยเหมือนภาพวาดเลยค่ะ ยอมใจ

>> 2. ลงBus ป้ายหมายเลข 85 : Taiyuin futarasan jinja mae ป้ายนี้จะอยู่ใกล้วัดไทยูอิน และ ศาลเจ้าฟุตาระซัง

>> จุดแรก วัดไทยูอิน(Taiyuin Temple)  : โครงสร้างของวัดไทยูอิน นั้นมีความคล้ายคลึงกับศาลเจ้าโทโชกุ นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะโชกุนที่สาม อิเอะมิตสึ (Iemitsu) ได้จ้างสถาปนิกและช่างฝีมือเจ้าเดียวกันเพื่อสร้างสุสานสองหลัง หลังแรกสำหรับท่านปู่อิเอะยะสุ โชกุนท่านแรกของยุคเอโดะ และอีกหนึ่งที่สำหรับโชกุนอิเอะมิตสึเอง โชกุนอิเอะมิตสุไม่ประสงค์ที่จะทำตนให้สำคัญกว่าผู้เริ่มต้นระบบโชกุนของยุคเอโดะ ประกอบกับความเคารพต่อท่านปู่ โชกุนอิเอะมิตสึ จึงสร้างให้วัดไทยูอินเล็กกว่า และมีสิ่งประดับประดาน้อยกว่าวัดโทโชกุ แต่ถึงอย่างนั้น วัดไทยุอินก็ยังเป็นสถานที่เยี่ยมชมที่น่าสนใจมาก และถูกกำหนดโดยองค์การยูเนสโกให้เป็นสถานที่ทางมรดกโลก ตัววัดตั้งอยู่ข้างภูเขา มีพื้นที่บริเวณราบที่ใจกลางของวัดเรียกว่า ฮนเดน (honden) ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา คุ้มค่าแน่นอนในการไต่บันไดไปชมอาคารสีแดงเข้มงามหลังนี้ ชมดูรูปปั้นแกะสลักต่างๆ ภาพวาดศิลปะ เสาและเครื่องประดับทองคำ ผ่อนคลายไปกับธรรมชาติในต้นสนที่ล้อมรอบ
 
>>ค่าเข้าชมราคา ￥550 (154บาท)  ,เด็ก ￥250  (70บาท)  



>> จุดที่สอง : ศาลเจ้าฟุตาระซัง ( Futarasan Shrine) เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุด มีอายุกว่า1000ปี ที่มีต้นกำเนิดจากความเชื่อแบบยามะชินโกในนิกโก้ (山信仰 ความเชื่อที่ว่าภูเขาเป็นที่สถิตของเทพ) ศาลเจ้าประกอบด้วย "ศาลเจ้าหลัก" (本社 / Honsha) ในย่านซันไน (山内 / Sannai) ของอำเภอนิกโก้ "ศาลเรือนกลาง" (中宮祠 / Chugushi ชูกูชิ) บนชายฝั่งของทะเลสาบชูเซ็นจิ และ "เรือนใน" (奥宮 / Okumiya โอคุมิยะ) ที่ยอดภูเขานันไต (男体山 / Nantaisan) เป็นหนึ่งใน "วัดและศาลเจ้าแห่งนิกโก้" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับศาลเจ้านิกโก้โทโชกูและวัดรินโนจิ 

ค่าเข้าราคา  :  ผู้ใหญ่ ￥200 (55บาท)  ,เด็ก ￥100 (27บาท)   



>>จุดที่สาม : ศาลเจ้าโทโชกุ (Tosho-gu Shrine) คือศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดามรดกโลกทั้งหมดในเมืองนิกโกะ เป็นที่ประดิษฐาน โทคุงะวะ อิเอะยะสุ โชกุนท่านแรกของตระกูลโทคุงะวะในสมัยเอโดะ ในขณะที่ท่านโชกุนยังอยู่ ท่านประสงค์ให้บ้านเมืองสงบสุข ศาลเจ้าโทโชกุนี้ จึงสร้างขึ้นในสถานที่อันสงบสุขในภูเขา หนึ่งปีหลังจากการสวรรคตของท่านโชกุนใน ปี พ.ศ. 2159 อย่างไรก็ตามศาลเจ้าได้มีการปรับปรุงใหม่ในปี พ.ศ. 2179 เป็นแบบสถาปัตยกรรมที่มีความอลังการยิ่งใหญ่กว่าเดิม ตามความประสงค์ของโชกุนที่สาม โชกุนโทคุงะวะ อิเอะมัตสึนั่นเองค่ะ สัญลักษณ์ที่รู้จักกันดีของศาลเจ้าคือประตูโยเมม่อน ที่มีรูปแกะสลักวิจิตระการตากว่า 500 รูป มีอายุได้ 400 ปี เพื่อบูชา โชกุนโทคุงะวะ อิเอะยะสุค่ะ ก่อนจะกลับ อย่าพลาดรูปแกะสลัก เนมุริเนโกะ หรือ แมวง่วงนอน ซึ่งเป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น ซึ่งประกอบกับรูปแกะสลักนกกระจอกแล้ว เป็นสัญลักษณ์แห่งความสงบสุขของบ้านเมืองในยุคที่ตระกูลโทคุงะวะปกครองค่ะ  (อันนี้สวยมากค่ะ มีความต่างจากที่อื่นตรง มีลวดลายสีขาวตัดกับสีทอง ทำให้ดูแปลกตา งดงามจริงๆค่ะ) 

ค่าเข้าราคา  :  ผู้ใหญ่ ￥1,300 เยน (360บาท)

 


 >>>ภาพเก็บตก ระหว่างทางเดินชมวิวสวยๆเรื่อยๆ ดีงามมากจริงๆ สวยสมคำล้ำลือ   แล้วกลับมาขึ้นรถที่ ซึ่งเราจำหมายเลขป้ายไม่ได้ 55
เอาเป็นว่าเดินลงมาเรื่อยๆตามทางจาก ศาลเจ้าโทโชกุ ก็เจอแล้ว

** โซนมรดกปิดเร็ว  ช่วงพ.ย ถึง มี.ค ปิด16.00 น. และ ไม่สามารถเข้าได้ 30 นาทีก่อนเวลาปิดทำการ  
>>ส่วนการเดินทางกลับเหมือนกับขามา ขอไม่ลงซ้ำนะคะ 55 >3< 


>> ข้อแนะนำในการมา Nikko
1) มาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี สวยที่สุด ช่วง ต.ค-ต้น ธ.ค ของทุกปี 
2) อากาศเย็น เตรียมเสื้อผ้าให้อบอุ่นนะคะ เป็นห่วง >,<
3) หากใครมาแบบเช้าเย็นกลับ วางแผนดีๆ เพราะโซนมรดกโลกปิดเร็ว 
4) Nikko มีหลายโซนทั้ง ธรรมชาติ ออนเซ็น หรือมรดกโลก หากมีเวลาแนะนำให้มาค้าง สักคืน
5) การเดินทางที่สะดวก เร็ว และไม่ต้องต่อรถเยอะคือใช้ jr tokyo wide pass ถือว่าตอบโจทย์มากค่ะ

>>วันนี้พอแค่นี้ก่อน มาต่อพรุ่งนี้นะคะ ยังไงอย่าลืมติดตามนะคะ >,<