ผมพบวิธีแก้ปัญหาการว่างงานแล้วครับ ยินดีด้วยครับทุกๆคน
ปีๆนึงเรามีทหารเกณฑ์ประมาณ 100,000 คน หากเราเปลี่ยนจากระบบเกณฑ์ (คนโดนคือไม่อยากเป็น เพราะถ้าอยากเป็นก็สมัครได้) เป็นระบบสมัครใจ เราจะมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นทันที 100,000 ตำแหน่งครับ
ไม่เพียงเท่านั้น ทหารเกณฑ์ไม่จำเป็นต้องจำกัดเฉพาะผู้ชาย ยุคนี้ปี 2019 แล้วผู้หญิงก็ทัดเทียมเสมอกันและงานหลายๆอย่างของทหารเกณฑ์ ก็อย่างที่ทราบๆกันดี ผู้หญิงอาจจะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ เช่น งานเอกสาร งานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ งานประชาสัมพันธ์ งานบ้านทั่วไป ล้างจาน กวาดใบไม้ ถูพื้น ซักผ้า คือจากจำนวน 100,000 คน มีจำนวนที่เหมาะสมเพียงพอทุกคนแน่ๆ
แต่ในเมื่อเป็นระบบสมัครใจก็ควรมีฐานะทัดเทียมข้าราชการคนหนึ่ง มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพเป็นลำดับไป เพื่อจูงใจให้คนมาเป็น และด้วยเหตุนี้เหมือนกัน กองทัพก็ต้องพัฒนาภาพลักษณ์เพื่อจูงใจคนให้อยากมาสมัครด้วย ปัญหาการซ้อมจนตายจะลดลงไปเอง
ถามว่าจะเอางบจากไหน
1. หลายคนคงไม่ทราบ ปัจจุบันทหารเกณฑ์รับสุทธิน่าจะหมื่นต้นๆแล้ว (ใครทราบตัวเลขชัดๆก็อัพเดทได้นะครับ ตอนผมเป็นเมื่อปี 52 จะมีบวกเพิ่มค่าครองชีพให้ได้รวมประมาณ 8,500) ดังนั้นก็มีงบในส่วนนี้แล้วส่วนนึง
2. ลดจำนวนลง คือเดิมเนี๊ย 100,000 คน ไม่ได้เป็นทั้ง 100,000 คนหรอก สมมติหักยอดรายชื่อผีหักหัวคิวไป 5,000 คน หักยอดทหารรับใช้ตามบ้าน (พวกนี้อยู่ประจำที่บ้านนายทหารนั้นๆเลย 24 ชม. ไม่มีหรอกทหารรับใช้ตามบ้านที่ไปเป็นครั้งๆตามร้องขอแบบในข่าว ขี่ห๊กทั่งเพ) อีกซัก 20,000 แค่นี้ก็เหลือยอด 75,000 เอายอดส่วนต่างมาเป็นงบได้
3.ลดนายพล ไทยมี 2,xxx คน ตำแน่งที่มีฟังก์ชั่นจริงๆคงไว้ ส่วนพวกตำแหน่งแขวน (คือทหารจบนายร้อยเค้าจะพยายามช่วยๆกันดันห้ได้อย่างน้อย พล.ต. หากไม่พอก็จะมีแบบตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิ อะไรแบบนี้ คือจริงๆไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน) ก็ปิดอัตราให้หมด น่าจะลดได้ซํกครึ่งนึง
สุดท้ายหากงบที่ต้องใช้จริงๆจะเพิ่มขึ้นอีกตามเหตุตามผล ประชาชนคงไม่มีใครว่า (ถ้าเอาตามหลักก็ทำประชามติ) เพราะคุณจะได้คนที่อยากทำอาชีพนี้จริงๆ ยกตัวอย่าง ตอนผมเป็นอยู่ 2 ปี ผมโดนใบแดง ถามว่ามีศึกสงครามคนอย่างผมเหรอจะไปสู้รบแลกเลือดนี้ ไม่มีหรอก ผมคงหนีทัพแน่นอน
แล้วอย่าลืมคำนวณค่าเสียโอกาสของการเเอาคนที่ไม่อยากเป็นมาเป็นนะ บางคนอายุ 24 25 อาชีพการงานอาจไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ถ้าต้องมาเกณฑ์ทหารคือเสียเวลาไปเลย 2 ปี
ผมพบวิธีแก้ปัญหาการว่างงานแล้วครับ ยินดีด้วยครับทุกๆคน
ปีๆนึงเรามีทหารเกณฑ์ประมาณ 100,000 คน หากเราเปลี่ยนจากระบบเกณฑ์ (คนโดนคือไม่อยากเป็น เพราะถ้าอยากเป็นก็สมัครได้) เป็นระบบสมัครใจ เราจะมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นทันที 100,000 ตำแหน่งครับ
ไม่เพียงเท่านั้น ทหารเกณฑ์ไม่จำเป็นต้องจำกัดเฉพาะผู้ชาย ยุคนี้ปี 2019 แล้วผู้หญิงก็ทัดเทียมเสมอกันและงานหลายๆอย่างของทหารเกณฑ์ ก็อย่างที่ทราบๆกันดี ผู้หญิงอาจจะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ เช่น งานเอกสาร งานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ งานประชาสัมพันธ์ งานบ้านทั่วไป ล้างจาน กวาดใบไม้ ถูพื้น ซักผ้า คือจากจำนวน 100,000 คน มีจำนวนที่เหมาะสมเพียงพอทุกคนแน่ๆ
แต่ในเมื่อเป็นระบบสมัครใจก็ควรมีฐานะทัดเทียมข้าราชการคนหนึ่ง มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพเป็นลำดับไป เพื่อจูงใจให้คนมาเป็น และด้วยเหตุนี้เหมือนกัน กองทัพก็ต้องพัฒนาภาพลักษณ์เพื่อจูงใจคนให้อยากมาสมัครด้วย ปัญหาการซ้อมจนตายจะลดลงไปเอง
ถามว่าจะเอางบจากไหน
1. หลายคนคงไม่ทราบ ปัจจุบันทหารเกณฑ์รับสุทธิน่าจะหมื่นต้นๆแล้ว (ใครทราบตัวเลขชัดๆก็อัพเดทได้นะครับ ตอนผมเป็นเมื่อปี 52 จะมีบวกเพิ่มค่าครองชีพให้ได้รวมประมาณ 8,500) ดังนั้นก็มีงบในส่วนนี้แล้วส่วนนึง
2. ลดจำนวนลง คือเดิมเนี๊ย 100,000 คน ไม่ได้เป็นทั้ง 100,000 คนหรอก สมมติหักยอดรายชื่อผีหักหัวคิวไป 5,000 คน หักยอดทหารรับใช้ตามบ้าน (พวกนี้อยู่ประจำที่บ้านนายทหารนั้นๆเลย 24 ชม. ไม่มีหรอกทหารรับใช้ตามบ้านที่ไปเป็นครั้งๆตามร้องขอแบบในข่าว ขี่ห๊กทั่งเพ) อีกซัก 20,000 แค่นี้ก็เหลือยอด 75,000 เอายอดส่วนต่างมาเป็นงบได้
3.ลดนายพล ไทยมี 2,xxx คน ตำแน่งที่มีฟังก์ชั่นจริงๆคงไว้ ส่วนพวกตำแหน่งแขวน (คือทหารจบนายร้อยเค้าจะพยายามช่วยๆกันดันห้ได้อย่างน้อย พล.ต. หากไม่พอก็จะมีแบบตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิ อะไรแบบนี้ คือจริงๆไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน) ก็ปิดอัตราให้หมด น่าจะลดได้ซํกครึ่งนึง
สุดท้ายหากงบที่ต้องใช้จริงๆจะเพิ่มขึ้นอีกตามเหตุตามผล ประชาชนคงไม่มีใครว่า (ถ้าเอาตามหลักก็ทำประชามติ) เพราะคุณจะได้คนที่อยากทำอาชีพนี้จริงๆ ยกตัวอย่าง ตอนผมเป็นอยู่ 2 ปี ผมโดนใบแดง ถามว่ามีศึกสงครามคนอย่างผมเหรอจะไปสู้รบแลกเลือดนี้ ไม่มีหรอก ผมคงหนีทัพแน่นอน
แล้วอย่าลืมคำนวณค่าเสียโอกาสของการเเอาคนที่ไม่อยากเป็นมาเป็นนะ บางคนอายุ 24 25 อาชีพการงานอาจไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ถ้าต้องมาเกณฑ์ทหารคือเสียเวลาไปเลย 2 ปี