ขอใส่รูปหน้าปกนิดนึง คือหน้าปกต้องปั๊วๆอะแม่
เรามาต่อกันเลยคะ ความเดิมตอนที่แล้วจาก EP 1
https://ppantip.com/topic/39460167
จริงๆอยากถ่ายทุกอย่างให้อยู่ในแนวนอน แต่บางอย่างมันก็ทำไม่ได้จริงๆ เช้าวันที่ 3 ของเราก่อนจะออกจากพุกามเราแวะที่ เจดีย์บู้พะย่า หรือเจดีย์น้ำเต้า ซึ่งตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำอิรวดีเลยคะ
วัดนี้จะมีตำรวจคอยดูแล เราใส่ผ้าใบไป แล้วคนเยอะมาก เลยคิดว่าจะถือเข้าไป ปรากฏว่าเค้าไม่ให้เอาเข้าไปคร้า อย่างที่เคยบอกไปว่ารองเท้าเป็นของต่ำ ไม่ให้ใส่เข้าวัด แม้แต่ถือเข้าไปก็ไม่ได้คะ
ในวัดคนเยอะรถเยอะของขายก็เยอะเช่นกัน มีของขายหลายอย่างเลย เช่นพวกผ้าถุงและของที่ระลึกต่างๆ สามารถช็อปปิ้งได้อีกที่นึง
ออกจากวัดเรามุ่งหน้าเดินทางกลับมัณฑะเลย์ต่อเลยคะ หนทางยาวไกล ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
มาถึงมัณฑะเลย์ก็เย็นๆพอดี เหลือเวลาเราเลยแวะเที่ยวพระราชวังมัณฑะเลย์ Mandalay Royal Palace ไปต่อเลยคะ
รูปถ่ายหน้าวัง คือกำแพงใหญ่โตมาก มีน้ำล้อมรอบ อารมณ์เหมือน คูเมืองเชียงใหม่ แต่ที่นี้ใหญ่กว่า เมื่อมาถึงจุดนี้ เราสามารถลงซื้อบัตรเข้าเมืองได้คะ
ที่พม่าเวลาจะเข้าแต่ละเมืองก็ต้องเสียค่าเข้าด้วยคะ ซึ่งหน้าตาบัตรเข้าเมืองเป็นแบบในรูป สามารถใช้ไปสถานที่ต่างๆได้ อยู่ได้ 5 วัน เวลาใช้ก็ยืนบัตรนี้ให้เจ้าหน้าที่เค้าจดบันทึกคะ ราคาบัตรคนละ 10,000 kyats (คิดเป็นเงินไทย ราคา 199 บาท)
จากประตูวัง ขับรถเข้าไปนิดนึงถึง Mandalay Royal Palace หรือพระราชวังมัณฑะเลย์จำลอง ที่เรายืนอยู่นี้จำลองเป็นท้องพระโรงซึ่งเป็นห้องที่ใช้เป็นที่พิธีประกอบพระบรมราชาภิเษก และพิธีอื่นๆ ขึ้นบันไดเข้าไปด้านในจะมีรูปปั้นจำลองของกษัตริย์ พระราชวังของจริงนั้นใช้ไม้สักเพื่อแต่งท้องพระโรง
ถ้าไปอ่านประวัติของพระราชวังแห่งนี้ จะขนลุกขึ้นมาทันที ในสมัยทีพระเจ้ามินดงปกครอง มีมเหสีหลายพระองค์ พระนางนัมมะดอ เป็นมเหสีเอกที่ทรงคุณธรรม และพระนางอเลนันดอเป็นพระมเหสีรองที่มักใหญ่ใฝ่สูง (ได้ทำทุกทางจนตนเองกลายเป็นมเหสีเอก)
ต่อมาพระเจ้ามินดงทรงสนใจทางธรรมเอาเวลาไปใส่ใจศาสนามากเกินไปทำให้ การปกครองอ่อนลงเป็นเหตุให้พม่าถูกโจมตี และพระองค์ไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาท พระนางอเลนันดอ วางแผนให้ พระเจ้าสีป่อ (พระราชโอรสจากมเหสีไทใหญ่) ขึ้นเป็นกษัตริย์หุ่นเชิด และกำจัดรัชทายาทคนอื่นๆ และจัดอภิเษกกับธิดาของตน
ขอเล่าประวัติย่อเพร็บนะคะ
ธิดาองค์น้องเจ้าฟ้าศุภยลัต ได้ฆ่าพี่สาวของตนเอง เพื่อที่ตนจะได้ขึ้นเป็นมเหสีเอก เพื่อให้กุมอำนาจของพระเจ้าสีป่อได้ เธอได้ฉายาว่า ซูสีไทเฮาแห่งลุ่มอิรวดี และแผนชั่วร้ายที่สุดคือ พระนางวางแผนให้มีการเล่นละครนอก 3 วัน 3 คืนเพื่อให้เพชฌฆาตทยอย ฆ่าราชวงค์ที่ต่อต้านอำนาจแก พอมีเสียงเล็ดลอดที่พระเจ้าสีปอ สงสัย แกก็สั่งดนตรีให้บรรเลงให้ดังขึ้น และศพที่ถูกฆ่าถูกฝังอยู่ในพระราชวัง พอศพอืดดันดินขึ้นมา พระนางให้ช้างมาเหยียบกดลงไป บางส่วนก็ขนไปทิ้งที่แม่น้ำ ในตอนกลางคืน ชาวบ้านหวาดผว่าจากเสียงร้องโหยหวยของวิญญาณที่ถูกฆ่า (จบก่อนประมาณนี้คะ)
ถ้าหันหน้าเข้าพระราชวัง ปีกด้านซ้ายมือจะมีหอคอย สามารถขึ้นไปชมวิวได้ จะมองเห็นพระราชวังทั้งหมด ส่วนอาคารสีขาวสร้างในสมัยที่วังโดนยึด สร้างเป็นสโมสรสระน้ำให้ทหารอังกฤษ
เอาจริงๆตอนเดินๆ มันตอนเย็นแล้ว บรรยากาศเงียบๆ มืดๆ ดูน่ากลัวนิดๆ ขอตัวกลับก่อนดีกว่า แฮร๋
เราออกจากพระราชวังจำลอง แวะที่ วัดชะเวนันดอว์ เป็นวัดเก่าแก่โบราณที่รอดจากระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (เก่ามากจริงๆ)
วัดนี้สร้างจากไม้สักทอง และใช้ทองคำปิด ต่อมาทองค่อยลอกไปเหลือแต่ไม้สักจริงๆ ถ้าสังเกต หลังคา หรือเสา จะเห็นถึงความปราณีตในการสร้างวัดนี้มาก เสาทุกเสามีการแกะสลัก
มาที่นี่ทำไม มาจะได้รู้และสัมผัสความเก่าแก่ เก่าจริงๆ เก่ามาก ขลังมาก อย่าอยู่จนมืดเลยไปอื่นต่อดีกว่า
รูปที่ Su Taung Pyi Pagoda หรือเจดีย์สุตองพี
เรารีบมุ่งหน้ามายังเจดีย์ Su Taung Pyi ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน เพื่อมาชมวิวพระอาทิตย์ตกที่นี้นั่นเอง ตัววัดให้ความรู้สึกเหมือนวัดที่เขาค้อเลยคะ (เสียค่าขึ้นวัด 1,000 จ๊าด) ขึ้นลิฟต์ไป วัดอยู่บนยอดเขาสูงมองเห็นเมืองมัณฑะเลย์
วิวด้านบนสวยๆจริงๆ ตัววัดมีขนาดใหญ่ เดินได้รอบ มีพระพุทธรูปทุกด้านเลย
หิวแล้วไปหาไรกินกัน
ได้เวลาอาหารเย็น จริงๆไม่มีรูปอาหารมาฝากตามเคย แต่เอาวิวมาฝากร้านนี้ ขายอาหารไทย ที่จะบอกคืออร่อยทุกอย่าง ชื่อร้านครัวไทย อยู่ในตลาดมัณฑะเลย์
และที่พักของเราคืนนี้คือ Hotel Amazing Mandaly ประมาณ 1,200 หารกันสองคนตกคนละ 600 บาท ที่นี้ก็ดีนะ มีอาหารเช้าให้แต่ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร ห้องนอนสบายดี ห้องกว้าง เตียงใหญ่ แต่ข้อเสียอย่างนึงคือ ถ้าให้ใครนอนตั้งแต่สามทุ่มเนี่ย อาจจะนอนไม่ได้เพราะกลางคืนติดกับโรงแรมมีร้านอาหาร และดนตรีเสียงดังเลยแหละ
วันที่ 4
เราไปวัดใกล้ๆโรงแรมก่อนเลยคะ วัด Kuthodaw หรือเจดีย์กุโสดอว์ เป็นวัดที่เก่าแก่ โดดเด่นเรื่องความขาว (เราอยากมาเพราะสีวัด) วัดนี้สร้างในสมัยพระเจ้ามินดง ทรงสั่งให้จารึกพระไตรปิฏกลงไปในแผ่นหิน 729 แผ่น เก็บไว้ในเจดีย์ขาวๆเล็กๆนี้
ร่มนี้ได้จากเมืองพุกาม ซื้อมาเพื่อการถ่ายรูปโดยเฉพาะ อันละ 100 บาท
ดอกไม้ซื้อมาไหว้พระ แต่ขอเอามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนนะ คือดอกไม้สวย
วัดนี้ใครถ่ายก็สวยจริงๆ อะถ้าแม่เป็นแบบบ้าง คือจะบอกว่าสวยจริงๆไม่ได้โม้ ถ้าคุณน้าคุณอาอ่านก็เพิ่มแสงให้รูปสว่างๆหน่อยก็สวยแล้ว (นิแม่ก็หน้าไม่ได้แต่งรูปยังสวยเลย อิอ)
สำหรับวัดกุโสดอห์ เราให้คะแนนเต็ม 10 คือถ่ายรูปมุมไหนก็สวยอะ ดีมาก ด้านในมีเจดีย์สีทองตรงกลาง ได้สองอารมณ์อะ ต้องมาพูดเลย อยู๋ในตัวเมืองใกล้กับที่พัก จริงเรามาวัดนี้นั่งสามล้อมา แล้วก็ให้ไซดาวมาตามเก็บเราอีกที
สำหรับสายคูล สายตากล้อง เราแนะนำมาแต่เช้าเลยคะ คนไม่เยอะมาก เวลายิงกล้องไปได้ไม่มีใครบังเรา อยู่ไปเลยในซอกขาวๆ อยู่ได้เป็นชั่วโมงอะ (พระเพรอะไม่ต้องไหว้แล้ว วันนั้นเกือบไม่ได้ไหว้พระ มัวแต่ตื่นเต้นกับสีขาวด้านนอก ถ่ายเสร็จให้เดินไปข้างในต่ออีกนิดจะเจอเจดีย์สีทองขนาดใหญ่เลย อารมณ์เหมือนเชียงใหม่อะประมาณนั่น)
ไปต่อคะ
จุดจอดถ่ายรูปบนสะพาน
มาถึงแล้วเจดีย์สีขาวที่อยากมา มากกกกกก ส่วนตัวคือเราชอบสีขาวนั่นเอง ไม่ต้องบรรยายมาก ให้ภาพด้านบนเล่าความรู้สึกไป คือมันสวยมาก เพื่อนถามเราทำไมวัดขาวจัง (เห้ยมันก็ขาวนะ สงสัยเรามาตอนที่เค้าทาสีปรับปรุง เพราะนางบอกบางจุดสีถลอก งั้นก็แล้วแต่ดวงใครดวงมัน) บอกได้คำเดียวว่าสวยและร้อนมากด้วย (เพื่อความสวยต้องทน)
เจดีย์นี้ชื่อว่า Mya Thein Tan หรือ เมี๊ยะเต็งตาน หรือเจดีย์ชินพิวเม ถูกสร้างโดยกษัตริย์ Min Ye Nandameit ของ Innwa เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ กล่าวอีกชื่อหนึ่งคือ ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดีนั่นเอง สวยอลังการถูกใจวัยรุ่น
เวลามาที่นี้ ถ้ามีวัยรุ่นเดินตามบอกมุมถ่ายรูป เราก็อุดหนุนเค้าไปเถอะ ให้เค้าช่วยถ่ายให้ จะได้รูปเกร๋ๆแบบข้างบน 55 รูปทั้งหมดที่ถ่ายที่เจดีย์ชินพิวเมนี้ เราก็ใช้บริการเด็กๆแถวนั่นถ่ายให้ เค้าไม่บังคับว่าต้องให้กี่บาท แถมพาเราไปถ่ายหลายมุมมาก
ถ้าถ่ายเองรูปก็จะได้ประมาณนี้ มืดๆหน่อย ตัวก็จะเล็กๆ
ถัดมานิดนึง (เราแวะส่วนที่ไกลสุดก่อน) เป็นระฆังมิงกุล ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก มาที่นี้ก็ต้องมาฟังเสียงความกังวาน (ไม่กล้าตีกลัวเพื่อนหูอื้อ)
ถัดมาอีกนิดนึงเป็น Mingun Pahtodawgui หรือเจดีย์มิงกุน เราขึ้นบันไดไปเฉพาะด้านหน้า ด้านข้างสามารถเดินขึ้นไปดูวิวบนยอดได้ เจดีย์ถูกสร้างโดยพระเจ้าปดุง ประสงค์จะสร้างให้เจดีย์มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่พระองค์สวรรคตก่อน
เจดีย์นี้เราไม่ได้เอาอะไรเยอะ เพราะไปเยอะกับเจดีย์ชินพิวเม แล้ว จะไม่แวะก็ได้ แต่ผ่านแล้วก็แวะหน่อย มันก็ใหญ่มากจริงๆนะ อารนณ์เหมือนภูเขาหิน แต่มันคือเจดีย์ที่คนสร้างคะคุณ
[CR] เที่ยวพุกาม มัณฑะเลย์ เที่ยวสบายๆ สายบุญ สายคูล สายไหนก็ได้ EP 2
ขอใส่รูปหน้าปกนิดนึง คือหน้าปกต้องปั๊วๆอะแม่
เรามาต่อกันเลยคะ ความเดิมตอนที่แล้วจาก EP 1 https://ppantip.com/topic/39460167
จริงๆอยากถ่ายทุกอย่างให้อยู่ในแนวนอน แต่บางอย่างมันก็ทำไม่ได้จริงๆ เช้าวันที่ 3 ของเราก่อนจะออกจากพุกามเราแวะที่ เจดีย์บู้พะย่า หรือเจดีย์น้ำเต้า ซึ่งตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำอิรวดีเลยคะ
วัดนี้จะมีตำรวจคอยดูแล เราใส่ผ้าใบไป แล้วคนเยอะมาก เลยคิดว่าจะถือเข้าไป ปรากฏว่าเค้าไม่ให้เอาเข้าไปคร้า อย่างที่เคยบอกไปว่ารองเท้าเป็นของต่ำ ไม่ให้ใส่เข้าวัด แม้แต่ถือเข้าไปก็ไม่ได้คะ
ในวัดคนเยอะรถเยอะของขายก็เยอะเช่นกัน มีของขายหลายอย่างเลย เช่นพวกผ้าถุงและของที่ระลึกต่างๆ สามารถช็อปปิ้งได้อีกที่นึง
ออกจากวัดเรามุ่งหน้าเดินทางกลับมัณฑะเลย์ต่อเลยคะ หนทางยาวไกล ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
มาถึงมัณฑะเลย์ก็เย็นๆพอดี เหลือเวลาเราเลยแวะเที่ยวพระราชวังมัณฑะเลย์ Mandalay Royal Palace ไปต่อเลยคะ
รูปถ่ายหน้าวัง คือกำแพงใหญ่โตมาก มีน้ำล้อมรอบ อารมณ์เหมือน คูเมืองเชียงใหม่ แต่ที่นี้ใหญ่กว่า เมื่อมาถึงจุดนี้ เราสามารถลงซื้อบัตรเข้าเมืองได้คะ
ที่พม่าเวลาจะเข้าแต่ละเมืองก็ต้องเสียค่าเข้าด้วยคะ ซึ่งหน้าตาบัตรเข้าเมืองเป็นแบบในรูป สามารถใช้ไปสถานที่ต่างๆได้ อยู่ได้ 5 วัน เวลาใช้ก็ยืนบัตรนี้ให้เจ้าหน้าที่เค้าจดบันทึกคะ ราคาบัตรคนละ 10,000 kyats (คิดเป็นเงินไทย ราคา 199 บาท)
จากประตูวัง ขับรถเข้าไปนิดนึงถึง Mandalay Royal Palace หรือพระราชวังมัณฑะเลย์จำลอง ที่เรายืนอยู่นี้จำลองเป็นท้องพระโรงซึ่งเป็นห้องที่ใช้เป็นที่พิธีประกอบพระบรมราชาภิเษก และพิธีอื่นๆ ขึ้นบันไดเข้าไปด้านในจะมีรูปปั้นจำลองของกษัตริย์ พระราชวังของจริงนั้นใช้ไม้สักเพื่อแต่งท้องพระโรง
ถ้าไปอ่านประวัติของพระราชวังแห่งนี้ จะขนลุกขึ้นมาทันที ในสมัยทีพระเจ้ามินดงปกครอง มีมเหสีหลายพระองค์ พระนางนัมมะดอ เป็นมเหสีเอกที่ทรงคุณธรรม และพระนางอเลนันดอเป็นพระมเหสีรองที่มักใหญ่ใฝ่สูง (ได้ทำทุกทางจนตนเองกลายเป็นมเหสีเอก)
ต่อมาพระเจ้ามินดงทรงสนใจทางธรรมเอาเวลาไปใส่ใจศาสนามากเกินไปทำให้ การปกครองอ่อนลงเป็นเหตุให้พม่าถูกโจมตี และพระองค์ไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาท พระนางอเลนันดอ วางแผนให้ พระเจ้าสีป่อ (พระราชโอรสจากมเหสีไทใหญ่) ขึ้นเป็นกษัตริย์หุ่นเชิด และกำจัดรัชทายาทคนอื่นๆ และจัดอภิเษกกับธิดาของตน
ขอเล่าประวัติย่อเพร็บนะคะ
ธิดาองค์น้องเจ้าฟ้าศุภยลัต ได้ฆ่าพี่สาวของตนเอง เพื่อที่ตนจะได้ขึ้นเป็นมเหสีเอก เพื่อให้กุมอำนาจของพระเจ้าสีป่อได้ เธอได้ฉายาว่า ซูสีไทเฮาแห่งลุ่มอิรวดี และแผนชั่วร้ายที่สุดคือ พระนางวางแผนให้มีการเล่นละครนอก 3 วัน 3 คืนเพื่อให้เพชฌฆาตทยอย ฆ่าราชวงค์ที่ต่อต้านอำนาจแก พอมีเสียงเล็ดลอดที่พระเจ้าสีปอ สงสัย แกก็สั่งดนตรีให้บรรเลงให้ดังขึ้น และศพที่ถูกฆ่าถูกฝังอยู่ในพระราชวัง พอศพอืดดันดินขึ้นมา พระนางให้ช้างมาเหยียบกดลงไป บางส่วนก็ขนไปทิ้งที่แม่น้ำ ในตอนกลางคืน ชาวบ้านหวาดผว่าจากเสียงร้องโหยหวยของวิญญาณที่ถูกฆ่า (จบก่อนประมาณนี้คะ)
ถ้าหันหน้าเข้าพระราชวัง ปีกด้านซ้ายมือจะมีหอคอย สามารถขึ้นไปชมวิวได้ จะมองเห็นพระราชวังทั้งหมด ส่วนอาคารสีขาวสร้างในสมัยที่วังโดนยึด สร้างเป็นสโมสรสระน้ำให้ทหารอังกฤษ
เอาจริงๆตอนเดินๆ มันตอนเย็นแล้ว บรรยากาศเงียบๆ มืดๆ ดูน่ากลัวนิดๆ ขอตัวกลับก่อนดีกว่า แฮร๋
เราออกจากพระราชวังจำลอง แวะที่ วัดชะเวนันดอว์ เป็นวัดเก่าแก่โบราณที่รอดจากระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (เก่ามากจริงๆ)
วัดนี้สร้างจากไม้สักทอง และใช้ทองคำปิด ต่อมาทองค่อยลอกไปเหลือแต่ไม้สักจริงๆ ถ้าสังเกต หลังคา หรือเสา จะเห็นถึงความปราณีตในการสร้างวัดนี้มาก เสาทุกเสามีการแกะสลัก
มาที่นี่ทำไม มาจะได้รู้และสัมผัสความเก่าแก่ เก่าจริงๆ เก่ามาก ขลังมาก อย่าอยู่จนมืดเลยไปอื่นต่อดีกว่า
รูปที่ Su Taung Pyi Pagoda หรือเจดีย์สุตองพี
เรารีบมุ่งหน้ามายังเจดีย์ Su Taung Pyi ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน เพื่อมาชมวิวพระอาทิตย์ตกที่นี้นั่นเอง ตัววัดให้ความรู้สึกเหมือนวัดที่เขาค้อเลยคะ (เสียค่าขึ้นวัด 1,000 จ๊าด) ขึ้นลิฟต์ไป วัดอยู่บนยอดเขาสูงมองเห็นเมืองมัณฑะเลย์
วิวด้านบนสวยๆจริงๆ ตัววัดมีขนาดใหญ่ เดินได้รอบ มีพระพุทธรูปทุกด้านเลย
หิวแล้วไปหาไรกินกัน
ได้เวลาอาหารเย็น จริงๆไม่มีรูปอาหารมาฝากตามเคย แต่เอาวิวมาฝากร้านนี้ ขายอาหารไทย ที่จะบอกคืออร่อยทุกอย่าง ชื่อร้านครัวไทย อยู่ในตลาดมัณฑะเลย์
และที่พักของเราคืนนี้คือ Hotel Amazing Mandaly ประมาณ 1,200 หารกันสองคนตกคนละ 600 บาท ที่นี้ก็ดีนะ มีอาหารเช้าให้แต่ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร ห้องนอนสบายดี ห้องกว้าง เตียงใหญ่ แต่ข้อเสียอย่างนึงคือ ถ้าให้ใครนอนตั้งแต่สามทุ่มเนี่ย อาจจะนอนไม่ได้เพราะกลางคืนติดกับโรงแรมมีร้านอาหาร และดนตรีเสียงดังเลยแหละ
วันที่ 4
เราไปวัดใกล้ๆโรงแรมก่อนเลยคะ วัด Kuthodaw หรือเจดีย์กุโสดอว์ เป็นวัดที่เก่าแก่ โดดเด่นเรื่องความขาว (เราอยากมาเพราะสีวัด) วัดนี้สร้างในสมัยพระเจ้ามินดง ทรงสั่งให้จารึกพระไตรปิฏกลงไปในแผ่นหิน 729 แผ่น เก็บไว้ในเจดีย์ขาวๆเล็กๆนี้
ร่มนี้ได้จากเมืองพุกาม ซื้อมาเพื่อการถ่ายรูปโดยเฉพาะ อันละ 100 บาท
ดอกไม้ซื้อมาไหว้พระ แต่ขอเอามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนนะ คือดอกไม้สวย
วัดนี้ใครถ่ายก็สวยจริงๆ อะถ้าแม่เป็นแบบบ้าง คือจะบอกว่าสวยจริงๆไม่ได้โม้ ถ้าคุณน้าคุณอาอ่านก็เพิ่มแสงให้รูปสว่างๆหน่อยก็สวยแล้ว (นิแม่ก็หน้าไม่ได้แต่งรูปยังสวยเลย อิอ)
สำหรับวัดกุโสดอห์ เราให้คะแนนเต็ม 10 คือถ่ายรูปมุมไหนก็สวยอะ ดีมาก ด้านในมีเจดีย์สีทองตรงกลาง ได้สองอารมณ์อะ ต้องมาพูดเลย อยู๋ในตัวเมืองใกล้กับที่พัก จริงเรามาวัดนี้นั่งสามล้อมา แล้วก็ให้ไซดาวมาตามเก็บเราอีกที
สำหรับสายคูล สายตากล้อง เราแนะนำมาแต่เช้าเลยคะ คนไม่เยอะมาก เวลายิงกล้องไปได้ไม่มีใครบังเรา อยู่ไปเลยในซอกขาวๆ อยู่ได้เป็นชั่วโมงอะ (พระเพรอะไม่ต้องไหว้แล้ว วันนั้นเกือบไม่ได้ไหว้พระ มัวแต่ตื่นเต้นกับสีขาวด้านนอก ถ่ายเสร็จให้เดินไปข้างในต่ออีกนิดจะเจอเจดีย์สีทองขนาดใหญ่เลย อารมณ์เหมือนเชียงใหม่อะประมาณนั่น)
ไปต่อคะ
จุดจอดถ่ายรูปบนสะพาน
มาถึงแล้วเจดีย์สีขาวที่อยากมา มากกกกกก ส่วนตัวคือเราชอบสีขาวนั่นเอง ไม่ต้องบรรยายมาก ให้ภาพด้านบนเล่าความรู้สึกไป คือมันสวยมาก เพื่อนถามเราทำไมวัดขาวจัง (เห้ยมันก็ขาวนะ สงสัยเรามาตอนที่เค้าทาสีปรับปรุง เพราะนางบอกบางจุดสีถลอก งั้นก็แล้วแต่ดวงใครดวงมัน) บอกได้คำเดียวว่าสวยและร้อนมากด้วย (เพื่อความสวยต้องทน)
เจดีย์นี้ชื่อว่า Mya Thein Tan หรือ เมี๊ยะเต็งตาน หรือเจดีย์ชินพิวเม ถูกสร้างโดยกษัตริย์ Min Ye Nandameit ของ Innwa เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ กล่าวอีกชื่อหนึ่งคือ ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดีนั่นเอง สวยอลังการถูกใจวัยรุ่น
เวลามาที่นี้ ถ้ามีวัยรุ่นเดินตามบอกมุมถ่ายรูป เราก็อุดหนุนเค้าไปเถอะ ให้เค้าช่วยถ่ายให้ จะได้รูปเกร๋ๆแบบข้างบน 55 รูปทั้งหมดที่ถ่ายที่เจดีย์ชินพิวเมนี้ เราก็ใช้บริการเด็กๆแถวนั่นถ่ายให้ เค้าไม่บังคับว่าต้องให้กี่บาท แถมพาเราไปถ่ายหลายมุมมาก
ถ้าถ่ายเองรูปก็จะได้ประมาณนี้ มืดๆหน่อย ตัวก็จะเล็กๆ
ถัดมานิดนึง (เราแวะส่วนที่ไกลสุดก่อน) เป็นระฆังมิงกุล ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก มาที่นี้ก็ต้องมาฟังเสียงความกังวาน (ไม่กล้าตีกลัวเพื่อนหูอื้อ)
ถัดมาอีกนิดนึงเป็น Mingun Pahtodawgui หรือเจดีย์มิงกุน เราขึ้นบันไดไปเฉพาะด้านหน้า ด้านข้างสามารถเดินขึ้นไปดูวิวบนยอดได้ เจดีย์ถูกสร้างโดยพระเจ้าปดุง ประสงค์จะสร้างให้เจดีย์มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่พระองค์สวรรคตก่อน
เจดีย์นี้เราไม่ได้เอาอะไรเยอะ เพราะไปเยอะกับเจดีย์ชินพิวเม แล้ว จะไม่แวะก็ได้ แต่ผ่านแล้วก็แวะหน่อย มันก็ใหญ่มากจริงๆนะ อารนณ์เหมือนภูเขาหิน แต่มันคือเจดีย์ที่คนสร้างคะคุณ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้