Working & Holiday คืออะไร?
สรุปสั้นๆ สั้นมากๆ คือ เป็นโครงการให้เยาวชนที่เรียนจบมหาลัยจนถึงอายุ30ปี (ณ วันที่กดvisa)
ได้มีโอกาสไปทำงาน/เรียน/ท่องเที่ยวในต่างประเทศได้เป็นระยะเวลา 1ปี ภายใต้เงื่อนไขอีกร้อยแปดพันเก้า
ต่างประเทศที่พูดถึงนั้นมี ประเทศออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
ปล.โครงการนี้เป็นโควตาจำกัดจำนวนในแต่ล่ะปี มีสิทธิ์กดโควตาได้ต่อเมื่อมีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนด
และ ที่สำคัญที่สุดคือ!
ดวงต้องดี!!!
เริ่มจะยาวล่ะ พอแค่นี้ก่อน
ข้อมูลเพิ่มเติม เพจ Thaiwahclub.com
ของเรากดโควตาได้ปี2017 บิน2018กลับ2019
ประเทศที่กดได้คือนิวซีแลนด์ รับโควต้าแค่ปีล่ะ100คนเท่านั้นนะ!
แต่คนกดเป็น1,000ถ้าไม่มากับดวงก็ไม่รู้จะว่ายังไงล่ะ
เกริ่นมาพอประมาณแล้วจะเริ่มเข้าเรื่องเลยล่ะกัน
พอกดได้ปุ๊บ ขอวีซ่าผ่านเรียบร้อย เราก็ทำงานเก็บเงินจนเกือบครบปีในระยะเวลาที่เค้าให้
ก็ตัดสินใจลาออกจากบริษัท เตรียมตัวร่ำลาเพื่อนๆ ครอบครัวเรียบร้อยก็ออกเดินทาง!
เมืองแรกที่เราเลือกไปอยู่คือWellington (เมืองหลวง)เพราะเรามีลูกพี่ลูกน้องและหลานๆอยู่ที่นั่น
อย่างน้อยก็มีที่พักและก็ไม่เหงา
ปล.บ้านลูกพี่ลูกน้องเราอยู่ห่างจากเมืองประมาณ45นาที รอบๆก็จะเจอน้องแกะ น้องวัวและหญ้าเขียวๆเยอะหน่อย
เอ้า!เครื่องแลนด์ปุ๊บ วันถัดไปตื่นเช้าออกเดินทางไปเที่ยวเกาะใต้ในอุณหภูมิติดลบเลยจ้า
รีวิวทริปการเดินทางครั้งนั้น ...
https://ppantip.com/topic/38215451
นิวซีแลนด์เวลาเร็วกว่าที่ไทย5 ชม. แรกๆมีอาการ jetlagบ้าง แต่โชคดีที่เป็นคนขี้เซานอนง่าย
เลยปรับตัวเรื่องนี้ได้ไวหน่อย(ดูดีขึ้นมาเชียว)
ส่วนอาหารประจำชาติก็น่าจะเป็นFish&Chips มั้ง555 ไปที่ไหนก็เจอ แล้วก็พวกแฮมเบอร์เกอร์ สเต็ก อาหารฝรั่งต่างๆ
หลักๆที่ทุกคนจะกังวลเห็นจะเป็นเรื่องหางานทำ ไหนจะกังวลเรื่อง Skill ภาษาอังกฤษของตัวเองแล้ว
ยังต้องมาเจองานที่ไม่ชิน ไม่เคยทำอีกมากมาย
งานที่จะหาได้ง่ายที่สุดในความคิดเราคือร้านอาหารไทย แต่ต้องระวังเรื่องค่าแรง เพราะร้านส่วนมากชอบกดราคาหรือให้ราคาแบบเหมาจ่าย
ยกตัวอย่างง่ายๆ เรทค่าแรงขั้นต่ำ 16.50ดอล(ปี2018) ร้านอาจจะกดเหลือ14-15 หรือเหมา5ชม. 50ดอลก็มี
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
ในระยะเวลา1ปีของเรา ทำงานไปทั้งหมด 7งาน
1.ร้านอาหารไทย(Kitchen hand)
2.Cafe (Barista&café staff)
3.ร้านไทย(Front of house)
4.Seasonal job (เก็บสตอเบอร์รี่)
5.ร้านราเมงญี่ปุ่น(Front of house)
6.Cafe (Baker&café staff)
7.Cafe (Barista)
งานที่เราหาหลักๆจะเป็นคาเฟ่ บาริสต้า เพราะชอบทำกาแฟ ทำลาเต้อาร์ทได้พอประมาณ
แต่งานอื่นๆนั้นทำเพื่อความอยู่รอดของปากท้องโดยแท้จริง555
เหนือสิ่งอื่นใดที่ต้องรู้ก่อนเริ่มทำงาน
1.ต้องมีเบอร์โทรศัพท์
How to ซื้อซิมโทรศัพท์ prepay
จริงๆมีหลายเครือข่ายแต่วันที่จะซื้อดันเจอแต่vodafone ก็เลยตามเลย
Sim - $5
Package - มีให้เลือกตั้งแต่ 500MB, 1, 1.5, 2, 2.5, 3, 3.5, 4GB ราคาก็ต่างกัน
เราเลือก 3GB/28days
Text 50
Call 50 = 29nz
*ไม่unlimited นะจ๊ะ หมดก็หมดเลย
สามารซื้อvodafone passเพิ่มได้
ถ้าเล่นแอปนั้นๆบ่อย มันจะไม่มาดึงเน็ตในpackage สามารถใช้ได้ไม่อั้น
*เบอร์ก็ไม่มีให้เลือก อยากได้เบอร์พารวย เบอร์เสริมดวงอะไรไม่มีทั้งนั้น
Top up ได้ทีล่ะ30nz จะซื้อจากminimart หรือเติมในแอปเลยก็ได้
2.ต้องมีบัญชี
How to เปิดบัญชีธนาคาร ANZ
-เตรียมเอกสารpassport, address, tel.number
*address -ถ้าอยู่กับญาติสามารถให้ญาติเขียนรับรองที่อยู่ให้ได้เลย (แค่เขียนชื่อ บอกรับรองที่อยู่แล้วเซ็นมาในกระดาษA4ธรรมดา)
*ถ้าอยู่hostel ต้องขอproof addressจากhostelมาก่อน / ให้ Landlordหรือเจ้าของบ้านเช่า เขียนรับรองที่อยู่ให้
-บอกว่าจะขอเปิดบัญชีใหม่
เจ้าหน้าที่จะนัดวันเวลาให้มาอีกครั้งถ้าเอกสารเรียบร้อย (อาจจะได้คิววันนั้นเลยหรืออีก2-3วันระบบเค้าจะช้าๆต้องนัด ต้องรอไม่เหมือนบ้านเรา)
วันนัด
-นั่งรอแล้วเจ้าหน้าที่จะเดินมาเรียกเอง
-ขอเอกสารเพิ่ม copy visa
-ถามว่าจะเอาบัญชีแบบไหน เราเลือกแบบ Go มีบัตรatm ให้สามารถทำธุรกรรมผ่านตู้ได้โดยไม่เสียเงิน แต่ถ้าทำผ่านเคาท์เตอร์เสียครั้งล่ะ3nz
-เหมือนแบบแรกแต่เหมาเดือนล่ะ5nz (สำหรับคนที่ทำธุรกรรมผ่านเคาท์เตอร์เยอะๆ)
-ให้เลือกอีกว่าจะทำ online bankingด้วยรึเปล่า (เราไม่ได้เลือก)
(บัตร atm แบบทำธุรกรรมผ่านตู้+ซื้อของตามร้านค้า ฟรีค่าธรรมเนียม)
-ทำธุรกรรมผ่านตู้+ซื้อของตามร้าน+ซื้อของออนไลน์ 10nz/ปี (เราเลือกแบบนี้) *ถ้าอยากให้มีชื่อเราบนบัตร
รอ1อาทิตย์เค้าจะส่งไปให้ตามที่อยู่ สามารถขอset password ไว้ก่อนได้เลย ไม่งั้นต้องมาอีกรอบ
เค้าเขียนเบอร์บัญชีมาให้ สามารถเอาไปยื่นให้นายจ้างได้เลย ไม่มีbook bankให้นะ
3.ต้องมีเลขIRD(เลขประจำตัวผู้เสียภาษี)
สมัครผ่านอีเมลที่imส่งมาให้/ยื่นเอกสารผ่านไปรษณีย์
4.เมื่อมี1-3ครบเราก็สามารถเริ่มทำงานได้
เอาล่ะจะเริ่มรีวิวงานแต่ล่ะประเภททั้งข้อดีและข้อเสีย อย่างที่เราได้เจอมากับตัวจริงๆ
งานร้านไทยร้านแรก ได้ทำในครัว เป็นแผนกทอดของ ทำพวกของกินเล่น Entrée
เตรียมจัดจานให้เชฟ หั่นผัก ห่อเกี๊ยว เตรียมวัตถุดิบตามที่เชฟสั่ง เก็บร้าน ทำความสะอาดภายในครัว
แรกๆภาษาเรายังงูๆปลาๆ ฟังสำเนียงเค้าไม่ค่อยออก เจ้าของร้านเป็นคนจีน เชฟคนไทย เด็กเสิร์ฟในร้านเป็นฝรั่ง
ก็จะใช้ภาษาอังกฤษซะส่วนมาก พูดไทยแค่กับเชฟ ฟ
เจ้าของร้านก็จะสอนงานตั้งแต่การทอดของ เตรียมอุปกรณ์ กินในร้านใส่จานไหน จัดจานยังไง น้ำจิ้มแบบไหน
ห่อกลับบ้านใส่ถุงยังไง บลาๆ ทอดไหม้บ้าง จำไม่ได้บ้าง ช่วงแรกๆ แต่พอโดนด่าบ่อยๆโรคจำไม่ค่อยได้นี้จะหายไปเอง
ประจำตำแหน่ง
ข้าวที่เชฟทำให้กลับบ้าน
Skill ห่อ
ทำได้อาทิตย์ล่ะ3-4วัน ช่วงเย็น พอเริ่มเข้าที่เข้าทาง ร้านก็ให้มาตั้งแต่บ่าย2มาช่วยเตรียมของ จนปิดร้าน 3-4ทุ่ม
ค่าแรง$16 + holiday pay หักTax
ข้อดี
-ได้กินข้าวฟรี
-ได้ข้าวกลับบ้าน
-ใกล้ที่พัก
-สกิลการห่อเกี๊ยว หั่นผัก ทอดของ ต่างๆ โปรมาก
ข้อเสีย
-เหนื่อย(เออเอาจริงๆคือเหนื่อยทุกงานแหละ แต่งานแรกมันก็ไม่ค่อยชิน เคยแต่นั่งทำงานแอร์เย็นๆในออฟฟิศ)
-ร้อน เพราะทำงานหน้าเตา
-หน้ามัน สิวขึ้น
-ยืนนานก็ล้าๆบ้าง
-จ่ายน้อยกว่าเรทขั้นต่ำ
ร้านที่2 Cafe (Barista&café staff) งานนี้ได้หลังจากทำร้านไทยได้ประมาณ3อาทิตย์ ก็เลยทำคู่กันไป
เช้าไปคาเฟ่ เย็นไปร้านไทย กลับบ้านนอน ตื่นไปทำงาน วนลูปไปงี้ บางอาทิตย์ทำ7วันติด 9วันติด หยุด1วันก็มี
ช่วงนี้จะเหนื่อยหน่อยเพราะที่คาเฟ่เค้าเป็นร้านค่อนข้างใหญ่ มีขายอาหาร ขนม เบเกอรี่ เครื่องดื่ม จัดอีเว้นท์ งานแต่ง มีสวนดอกไม้ เสาร์อาทิตย์คนแน่นแบบไม่มีที่จะนั่ง พนักงานก็มือเป็นระวิงไม่ได้พักหายใจกันเลย
เปลืองยานวดสุดๆ ชโลมทั้งตัวก็ยังเอาไม่อยู่
ทั้งร้านเป็นฝรั่งหมดเลย มีเชฟเป็นคนจีนแล้วก็เราที่เป็นเอเชีย แค่นั้น
สำเนียงแต่ล่ะคนต่างกันมาก บางคนพูดในคอ ฟังโคตรยาก ไหนจะพูดเร็วๆตอนเดินสวนกันอีก
สมองยังประเมินไม่ทันก็ ฟิ้ว...อ่าวเดินไปไหนซะล่ะ =”=โถ...
เวลาแต่ล่ะคนพูดรัวๆมา เราก็จะยืนช็อตๆไปหลายวิแล้วส่ายหัวไม่เข้าใจ รับออเดอร์ก็ฟังไม่ออก ทอนเงินผิดๆถูกๆ
แล้วภาษาง่อยๆของเราก็เป็นที่เลื่องลือ ว่าจะให้ทำอะไรหรือสอนงานต้องทำให้ดู ชี้ แสดงท่าทาง แล้วหลังจากนั้นจะทำได้เอง นึกแล้วก็ขำตัวเอง เวลาเมเนเจอร์จะให้ไปหยิบอะไรก็จะทำท่าให้ดูเช่นที่กวาดพื้น นางก็ทำท่ากวาดพื้น บลาๆ
อาหารKiwi(คนนิวซีแลนด์)มีส่วนผสมอะไรบ้างนี่ก็ไม่รู้เลย แถมมีฝรั่งที่แพ้นู้นนี่เยอะแยะ แพ้นม แพ้ถั่ว แพ้กลูเตน แพ้ซอสถั่วเหลือง แพ้ๆ โอ๊ย งงมากจ้า
จนเค้าต้องเอาเราไปเก็บในครัวไปช่วยหลังร้านก่อน555 ป่วนมาก
ไปยืนล้างจาน กวาดพื้น ทำความสะอาด เสิร์ฟทำกาแฟบ้างถ้าร้านไม่ยุ่ง
ทำได้ซักเดือนนึง อินี่ขยันมาก คือไม่เคยยืนว่างๆเลย จะหานู้นนี่ทำตลอดจนเชฟเดินมากระซิบว่าแอบๆอู้บ้างก็ได้ ฮ่าๆ
เล่าย้อนไปตอนไปinterviewเค้าก็ดู CVถามว่าเออYouเคยทำกาแฟมายังไงบ้าง บลาๆ
แล้วก็กดออเดอร์มาเกือบทุกเมนูให้ทำจริง
LB = Long black (กาแฟดำคล้ายอเมริกาโน่ แต่ใส่น้ำร้อนก่อนใส่กาแฟทีหลัง เสิร์ฟแก้วเล็กกว่า)
FWTrim = Flat white with trim milk (กาแฟนมคล้ายลาเต้แต่ฟองน้อยกว่า เสิร์ฟแก้วเล็กกว่า)
LT soy 1sg = latte with soy milk 1sugar
Fluffy = ฟองนมสำหรับเด็ก
Americano
ประมาณนี้ แล้วก็ทำไปเสิร์ฟคนในร้าน พอทุกคนกินเสร็จก็รู้เลยว่าได้งานหรือไม่ได้
โดยปกติเค้าสามารถเรียกเราไปtrial งานได้ฟรี2ชม.ตามกฏหมาย
แต่เราไม่ว่างวันนั้นเค้าก็เลยให้กลับก่อนแล้วจะtextบอกอีกที
เย็นนั้นเราก็ได้text เลยว่าให้มาเริ่มงานในอีกสองวันถัดมา เย้!!!
กว่าจะได้ทำตำแหน่งบาริสต้าจริงจังก็ปาเข้าไปเดือนครึ่ง เพราะเรายังทำได้ไม่เร็วพอ เร็วในวันที่ยุ่งนี้คือต้องเร็วมากจริงๆ แถมสติต้องมี ทำผิดแก้วนึงคือรวนเลย
แต่พอเค้าให้เราลองวันที่ยุ่งๆแล้วเราเอาตัวรอดได้ ลูกค้าชมว่ากาแฟอร่อยบ่อยๆก็ได้เข้าประจำที่
ลาเต้อาร์ทช่วงแรก
เริ่มได้อยู่ตั้งแต่เปิดร้านยันปิดร้าน ชิฟยาวๆ 8ชม. ร่ำรวยมากไม่มีเวลาใช้เงินจร้า
Greg เจ้าของร้านที่ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่เชฟ บาริสต้า ซื้อของ ปลูกต้นไม้ ยาวไปจนซ่อมอุปกรณ์ต่างๆในร้าน
เราสองคนคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่555 นางชอบพูดในคอเสียงต่ำๆใช้ศัพท์ยากๆ แต่ใจดีม๊ากกก เลิฟฟฟ
พอครบ3เดือนตามเงื่อนไขวีซ่าประเภทนี้สำหรับคนไทย ถูกกำหนดให้เราต้องเปลี่ยนนายจ้างทุก3เดือน
ก็เป็นอันต้องบอกลากันไป
ค่าแรง$17+Holiday pay หักTax ->เดือนที่สองปรับให้เป็น$18
ข้อดี
-เจ้าของ พนักงานทุกคนใจดี ช่วยเหลือดีมากๆ
-ให้เรทสูงกว่าขั้นต่ำ
-ได้ชิฟเยอะ
-เรียนรู้งานและภาษาเยอะมาก
-กล้าพูดกับลูกค้ามากขึ้น(เราเป็นคนไม่ค่อยยิ้ม เจ้าของจะเดินมาเตือนตลอดให้ smile smile แล้วบอกให้เดินไปชวนลูกค้าคุยบ่อยๆ จนเรากล้าขึ้นเอง)
ข้อเสีย
-ต้องทำหลายสิ่งหลายอย่าง(ในช่วงแรกๆ)
-ชิฟเยอะก็เหนื่อยๆหน่อย
พอจบงานนี้เราตัดสินใจย้ายไปอยู่เมืองAuckland เป็นเมืองใหญ่ที่ใหญ่กว่าเมืองหลวง
จะได้ไปเห็นแสงสีกับเค้าบ้างแล้วโว๊ย!!!
Auckland ช่วงแรกๆตื่นตาตื่นใจมาก เหมือนคนได้ออกจากป่ามาเจอเมือง เจอห้าง ผู้คนมากมาย
ที่สำคัญ มีชานมไข่มุก!!!!! ทุกหัวถนนก็ว่าได้
ของกินมีหมด โอ๊ยแฮปปี้ ชีวิตดี
พอย้ายมาก็เหมือนเริ่มต้นใหม่ หาบ้าน หางาน หาเพื่อน ใหม่หมด
เรามีเพื่อนที่กดวีซ่าได้ทีหลังกำลังจะตามมาก็ตัดสินใจว่าอยู่ด้วยกันเลยจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆได้
บ้านที่หาก็เลยต้องอยู่แบบสองคน มีที่จอดรถ และไม่แพงเกินไป
เราดูบ้านอยู่ประมาณ2อาทิตย์ รวมๆแล้วประมาณ10ที่ หาจากเพจ Flatmates wanted in Auckland
เจอทั้งตรงปกและไม่ตรง อันนี้ต้องไปดูเองจริงๆ แบบไปเจอคนในบ้าน เจอสภาพจริงของบ้าน
ระยะห่างจากซุปเปอร์ ป้ายรถบัส ว่าเป็นจริงอย่างที่เขียนรึเปล่า attitudeคนในบ้านเข้ากันได้รึเปล่า
สรุปมาถูกใจบ้านนึง ห่างออกมาจากใจกลางเมืองประมาณ 25-30นาที flatmates ดูนิสัยน่าจะเข้ากันได้
เป็นคนจีน ฟิลิปินส์ กี่วี่ กีวี่-จีน(5ห้องนอน อยู่กันทั้งหมด7คน ถ้ารวมเราและเพื่อนด้วย)
ราคา$220/week รวมทุกอย่างแล้ว(น้ำ ไฟ เน็ต ที่จอดรถ)หารสองกับเพื่อนอีกก็เหลือ $110/week
ซึ่งถือว่าถูกมาก
[CR] 365วันกับประสบการณ์การไป working&holiday ประเทศNew Zealand
Working & Holiday คืออะไร?
สรุปสั้นๆ สั้นมากๆ คือ เป็นโครงการให้เยาวชนที่เรียนจบมหาลัยจนถึงอายุ30ปี (ณ วันที่กดvisa)
ได้มีโอกาสไปทำงาน/เรียน/ท่องเที่ยวในต่างประเทศได้เป็นระยะเวลา 1ปี ภายใต้เงื่อนไขอีกร้อยแปดพันเก้า
ต่างประเทศที่พูดถึงนั้นมี ประเทศออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
ปล.โครงการนี้เป็นโควตาจำกัดจำนวนในแต่ล่ะปี มีสิทธิ์กดโควตาได้ต่อเมื่อมีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนด
และ ที่สำคัญที่สุดคือ!
ดวงต้องดี!!!
เริ่มจะยาวล่ะ พอแค่นี้ก่อน
ข้อมูลเพิ่มเติม เพจ Thaiwahclub.com
ของเรากดโควตาได้ปี2017 บิน2018กลับ2019
ประเทศที่กดได้คือนิวซีแลนด์ รับโควต้าแค่ปีล่ะ100คนเท่านั้นนะ!
แต่คนกดเป็น1,000ถ้าไม่มากับดวงก็ไม่รู้จะว่ายังไงล่ะ
เกริ่นมาพอประมาณแล้วจะเริ่มเข้าเรื่องเลยล่ะกัน
พอกดได้ปุ๊บ ขอวีซ่าผ่านเรียบร้อย เราก็ทำงานเก็บเงินจนเกือบครบปีในระยะเวลาที่เค้าให้
ก็ตัดสินใจลาออกจากบริษัท เตรียมตัวร่ำลาเพื่อนๆ ครอบครัวเรียบร้อยก็ออกเดินทาง!
เมืองแรกที่เราเลือกไปอยู่คือWellington (เมืองหลวง)เพราะเรามีลูกพี่ลูกน้องและหลานๆอยู่ที่นั่น
อย่างน้อยก็มีที่พักและก็ไม่เหงา
ปล.บ้านลูกพี่ลูกน้องเราอยู่ห่างจากเมืองประมาณ45นาที รอบๆก็จะเจอน้องแกะ น้องวัวและหญ้าเขียวๆเยอะหน่อย
เอ้า!เครื่องแลนด์ปุ๊บ วันถัดไปตื่นเช้าออกเดินทางไปเที่ยวเกาะใต้ในอุณหภูมิติดลบเลยจ้า
รีวิวทริปการเดินทางครั้งนั้น ... https://ppantip.com/topic/38215451
นิวซีแลนด์เวลาเร็วกว่าที่ไทย5 ชม. แรกๆมีอาการ jetlagบ้าง แต่โชคดีที่เป็นคนขี้เซานอนง่าย
เลยปรับตัวเรื่องนี้ได้ไวหน่อย(ดูดีขึ้นมาเชียว)
ส่วนอาหารประจำชาติก็น่าจะเป็นFish&Chips มั้ง555 ไปที่ไหนก็เจอ แล้วก็พวกแฮมเบอร์เกอร์ สเต็ก อาหารฝรั่งต่างๆ
หลักๆที่ทุกคนจะกังวลเห็นจะเป็นเรื่องหางานทำ ไหนจะกังวลเรื่อง Skill ภาษาอังกฤษของตัวเองแล้ว
ยังต้องมาเจองานที่ไม่ชิน ไม่เคยทำอีกมากมาย
งานที่จะหาได้ง่ายที่สุดในความคิดเราคือร้านอาหารไทย แต่ต้องระวังเรื่องค่าแรง เพราะร้านส่วนมากชอบกดราคาหรือให้ราคาแบบเหมาจ่าย
ยกตัวอย่างง่ายๆ เรทค่าแรงขั้นต่ำ 16.50ดอล(ปี2018) ร้านอาจจะกดเหลือ14-15 หรือเหมา5ชม. 50ดอลก็มี
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
ในระยะเวลา1ปีของเรา ทำงานไปทั้งหมด 7งาน
1.ร้านอาหารไทย(Kitchen hand)
2.Cafe (Barista&café staff)
3.ร้านไทย(Front of house)
4.Seasonal job (เก็บสตอเบอร์รี่)
5.ร้านราเมงญี่ปุ่น(Front of house)
6.Cafe (Baker&café staff)
7.Cafe (Barista)
งานที่เราหาหลักๆจะเป็นคาเฟ่ บาริสต้า เพราะชอบทำกาแฟ ทำลาเต้อาร์ทได้พอประมาณ
แต่งานอื่นๆนั้นทำเพื่อความอยู่รอดของปากท้องโดยแท้จริง555
เหนือสิ่งอื่นใดที่ต้องรู้ก่อนเริ่มทำงาน
1.ต้องมีเบอร์โทรศัพท์
How to ซื้อซิมโทรศัพท์ prepay
จริงๆมีหลายเครือข่ายแต่วันที่จะซื้อดันเจอแต่vodafone ก็เลยตามเลย
Sim - $5
Package - มีให้เลือกตั้งแต่ 500MB, 1, 1.5, 2, 2.5, 3, 3.5, 4GB ราคาก็ต่างกัน
เราเลือก 3GB/28days
Text 50
Call 50 = 29nz
*ไม่unlimited นะจ๊ะ หมดก็หมดเลย
สามารซื้อvodafone passเพิ่มได้
ถ้าเล่นแอปนั้นๆบ่อย มันจะไม่มาดึงเน็ตในpackage สามารถใช้ได้ไม่อั้น
*เบอร์ก็ไม่มีให้เลือก อยากได้เบอร์พารวย เบอร์เสริมดวงอะไรไม่มีทั้งนั้น
Top up ได้ทีล่ะ30nz จะซื้อจากminimart หรือเติมในแอปเลยก็ได้
2.ต้องมีบัญชี
How to เปิดบัญชีธนาคาร ANZ
-เตรียมเอกสารpassport, address, tel.number
*address -ถ้าอยู่กับญาติสามารถให้ญาติเขียนรับรองที่อยู่ให้ได้เลย (แค่เขียนชื่อ บอกรับรองที่อยู่แล้วเซ็นมาในกระดาษA4ธรรมดา)
*ถ้าอยู่hostel ต้องขอproof addressจากhostelมาก่อน / ให้ Landlordหรือเจ้าของบ้านเช่า เขียนรับรองที่อยู่ให้
-บอกว่าจะขอเปิดบัญชีใหม่
เจ้าหน้าที่จะนัดวันเวลาให้มาอีกครั้งถ้าเอกสารเรียบร้อย (อาจจะได้คิววันนั้นเลยหรืออีก2-3วันระบบเค้าจะช้าๆต้องนัด ต้องรอไม่เหมือนบ้านเรา)
วันนัด
-นั่งรอแล้วเจ้าหน้าที่จะเดินมาเรียกเอง
-ขอเอกสารเพิ่ม copy visa
-ถามว่าจะเอาบัญชีแบบไหน เราเลือกแบบ Go มีบัตรatm ให้สามารถทำธุรกรรมผ่านตู้ได้โดยไม่เสียเงิน แต่ถ้าทำผ่านเคาท์เตอร์เสียครั้งล่ะ3nz
-เหมือนแบบแรกแต่เหมาเดือนล่ะ5nz (สำหรับคนที่ทำธุรกรรมผ่านเคาท์เตอร์เยอะๆ)
-ให้เลือกอีกว่าจะทำ online bankingด้วยรึเปล่า (เราไม่ได้เลือก)
(บัตร atm แบบทำธุรกรรมผ่านตู้+ซื้อของตามร้านค้า ฟรีค่าธรรมเนียม)
-ทำธุรกรรมผ่านตู้+ซื้อของตามร้าน+ซื้อของออนไลน์ 10nz/ปี (เราเลือกแบบนี้) *ถ้าอยากให้มีชื่อเราบนบัตร
รอ1อาทิตย์เค้าจะส่งไปให้ตามที่อยู่ สามารถขอset password ไว้ก่อนได้เลย ไม่งั้นต้องมาอีกรอบ
เค้าเขียนเบอร์บัญชีมาให้ สามารถเอาไปยื่นให้นายจ้างได้เลย ไม่มีbook bankให้นะ
3.ต้องมีเลขIRD(เลขประจำตัวผู้เสียภาษี)
สมัครผ่านอีเมลที่imส่งมาให้/ยื่นเอกสารผ่านไปรษณีย์
4.เมื่อมี1-3ครบเราก็สามารถเริ่มทำงานได้
เอาล่ะจะเริ่มรีวิวงานแต่ล่ะประเภททั้งข้อดีและข้อเสีย อย่างที่เราได้เจอมากับตัวจริงๆ
งานร้านไทยร้านแรก ได้ทำในครัว เป็นแผนกทอดของ ทำพวกของกินเล่น Entrée
เตรียมจัดจานให้เชฟ หั่นผัก ห่อเกี๊ยว เตรียมวัตถุดิบตามที่เชฟสั่ง เก็บร้าน ทำความสะอาดภายในครัว
แรกๆภาษาเรายังงูๆปลาๆ ฟังสำเนียงเค้าไม่ค่อยออก เจ้าของร้านเป็นคนจีน เชฟคนไทย เด็กเสิร์ฟในร้านเป็นฝรั่ง
ก็จะใช้ภาษาอังกฤษซะส่วนมาก พูดไทยแค่กับเชฟ ฟ
เจ้าของร้านก็จะสอนงานตั้งแต่การทอดของ เตรียมอุปกรณ์ กินในร้านใส่จานไหน จัดจานยังไง น้ำจิ้มแบบไหน
ห่อกลับบ้านใส่ถุงยังไง บลาๆ ทอดไหม้บ้าง จำไม่ได้บ้าง ช่วงแรกๆ แต่พอโดนด่าบ่อยๆโรคจำไม่ค่อยได้นี้จะหายไปเอง
ประจำตำแหน่ง
ข้าวที่เชฟทำให้กลับบ้าน
Skill ห่อ
ทำได้อาทิตย์ล่ะ3-4วัน ช่วงเย็น พอเริ่มเข้าที่เข้าทาง ร้านก็ให้มาตั้งแต่บ่าย2มาช่วยเตรียมของ จนปิดร้าน 3-4ทุ่ม
ค่าแรง$16 + holiday pay หักTax
ข้อดี
-ได้กินข้าวฟรี
-ได้ข้าวกลับบ้าน
-ใกล้ที่พัก
-สกิลการห่อเกี๊ยว หั่นผัก ทอดของ ต่างๆ โปรมาก
ข้อเสีย
-เหนื่อย(เออเอาจริงๆคือเหนื่อยทุกงานแหละ แต่งานแรกมันก็ไม่ค่อยชิน เคยแต่นั่งทำงานแอร์เย็นๆในออฟฟิศ)
-ร้อน เพราะทำงานหน้าเตา
-หน้ามัน สิวขึ้น
-ยืนนานก็ล้าๆบ้าง
-จ่ายน้อยกว่าเรทขั้นต่ำ
ร้านที่2 Cafe (Barista&café staff) งานนี้ได้หลังจากทำร้านไทยได้ประมาณ3อาทิตย์ ก็เลยทำคู่กันไป
เช้าไปคาเฟ่ เย็นไปร้านไทย กลับบ้านนอน ตื่นไปทำงาน วนลูปไปงี้ บางอาทิตย์ทำ7วันติด 9วันติด หยุด1วันก็มี
ช่วงนี้จะเหนื่อยหน่อยเพราะที่คาเฟ่เค้าเป็นร้านค่อนข้างใหญ่ มีขายอาหาร ขนม เบเกอรี่ เครื่องดื่ม จัดอีเว้นท์ งานแต่ง มีสวนดอกไม้ เสาร์อาทิตย์คนแน่นแบบไม่มีที่จะนั่ง พนักงานก็มือเป็นระวิงไม่ได้พักหายใจกันเลย
เปลืองยานวดสุดๆ ชโลมทั้งตัวก็ยังเอาไม่อยู่
ทั้งร้านเป็นฝรั่งหมดเลย มีเชฟเป็นคนจีนแล้วก็เราที่เป็นเอเชีย แค่นั้น
สำเนียงแต่ล่ะคนต่างกันมาก บางคนพูดในคอ ฟังโคตรยาก ไหนจะพูดเร็วๆตอนเดินสวนกันอีก
สมองยังประเมินไม่ทันก็ ฟิ้ว...อ่าวเดินไปไหนซะล่ะ =”=โถ...
เวลาแต่ล่ะคนพูดรัวๆมา เราก็จะยืนช็อตๆไปหลายวิแล้วส่ายหัวไม่เข้าใจ รับออเดอร์ก็ฟังไม่ออก ทอนเงินผิดๆถูกๆ
แล้วภาษาง่อยๆของเราก็เป็นที่เลื่องลือ ว่าจะให้ทำอะไรหรือสอนงานต้องทำให้ดู ชี้ แสดงท่าทาง แล้วหลังจากนั้นจะทำได้เอง นึกแล้วก็ขำตัวเอง เวลาเมเนเจอร์จะให้ไปหยิบอะไรก็จะทำท่าให้ดูเช่นที่กวาดพื้น นางก็ทำท่ากวาดพื้น บลาๆ
อาหารKiwi(คนนิวซีแลนด์)มีส่วนผสมอะไรบ้างนี่ก็ไม่รู้เลย แถมมีฝรั่งที่แพ้นู้นนี่เยอะแยะ แพ้นม แพ้ถั่ว แพ้กลูเตน แพ้ซอสถั่วเหลือง แพ้ๆ โอ๊ย งงมากจ้า
จนเค้าต้องเอาเราไปเก็บในครัวไปช่วยหลังร้านก่อน555 ป่วนมาก
ไปยืนล้างจาน กวาดพื้น ทำความสะอาด เสิร์ฟทำกาแฟบ้างถ้าร้านไม่ยุ่ง
ทำได้ซักเดือนนึง อินี่ขยันมาก คือไม่เคยยืนว่างๆเลย จะหานู้นนี่ทำตลอดจนเชฟเดินมากระซิบว่าแอบๆอู้บ้างก็ได้ ฮ่าๆ
เล่าย้อนไปตอนไปinterviewเค้าก็ดู CVถามว่าเออYouเคยทำกาแฟมายังไงบ้าง บลาๆ
แล้วก็กดออเดอร์มาเกือบทุกเมนูให้ทำจริง
LB = Long black (กาแฟดำคล้ายอเมริกาโน่ แต่ใส่น้ำร้อนก่อนใส่กาแฟทีหลัง เสิร์ฟแก้วเล็กกว่า)
FWTrim = Flat white with trim milk (กาแฟนมคล้ายลาเต้แต่ฟองน้อยกว่า เสิร์ฟแก้วเล็กกว่า)
LT soy 1sg = latte with soy milk 1sugar
Fluffy = ฟองนมสำหรับเด็ก
Americano
ประมาณนี้ แล้วก็ทำไปเสิร์ฟคนในร้าน พอทุกคนกินเสร็จก็รู้เลยว่าได้งานหรือไม่ได้
โดยปกติเค้าสามารถเรียกเราไปtrial งานได้ฟรี2ชม.ตามกฏหมาย
แต่เราไม่ว่างวันนั้นเค้าก็เลยให้กลับก่อนแล้วจะtextบอกอีกที
เย็นนั้นเราก็ได้text เลยว่าให้มาเริ่มงานในอีกสองวันถัดมา เย้!!!
กว่าจะได้ทำตำแหน่งบาริสต้าจริงจังก็ปาเข้าไปเดือนครึ่ง เพราะเรายังทำได้ไม่เร็วพอ เร็วในวันที่ยุ่งนี้คือต้องเร็วมากจริงๆ แถมสติต้องมี ทำผิดแก้วนึงคือรวนเลย
แต่พอเค้าให้เราลองวันที่ยุ่งๆแล้วเราเอาตัวรอดได้ ลูกค้าชมว่ากาแฟอร่อยบ่อยๆก็ได้เข้าประจำที่
ลาเต้อาร์ทช่วงแรก
เริ่มได้อยู่ตั้งแต่เปิดร้านยันปิดร้าน ชิฟยาวๆ 8ชม. ร่ำรวยมากไม่มีเวลาใช้เงินจร้า
Greg เจ้าของร้านที่ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่เชฟ บาริสต้า ซื้อของ ปลูกต้นไม้ ยาวไปจนซ่อมอุปกรณ์ต่างๆในร้าน
เราสองคนคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่555 นางชอบพูดในคอเสียงต่ำๆใช้ศัพท์ยากๆ แต่ใจดีม๊ากกก เลิฟฟฟ
พอครบ3เดือนตามเงื่อนไขวีซ่าประเภทนี้สำหรับคนไทย ถูกกำหนดให้เราต้องเปลี่ยนนายจ้างทุก3เดือน
ก็เป็นอันต้องบอกลากันไป
ค่าแรง$17+Holiday pay หักTax ->เดือนที่สองปรับให้เป็น$18
ข้อดี
-เจ้าของ พนักงานทุกคนใจดี ช่วยเหลือดีมากๆ
-ให้เรทสูงกว่าขั้นต่ำ
-ได้ชิฟเยอะ
-เรียนรู้งานและภาษาเยอะมาก
-กล้าพูดกับลูกค้ามากขึ้น(เราเป็นคนไม่ค่อยยิ้ม เจ้าของจะเดินมาเตือนตลอดให้ smile smile แล้วบอกให้เดินไปชวนลูกค้าคุยบ่อยๆ จนเรากล้าขึ้นเอง)
ข้อเสีย
-ต้องทำหลายสิ่งหลายอย่าง(ในช่วงแรกๆ)
-ชิฟเยอะก็เหนื่อยๆหน่อย
พอจบงานนี้เราตัดสินใจย้ายไปอยู่เมืองAuckland เป็นเมืองใหญ่ที่ใหญ่กว่าเมืองหลวง
จะได้ไปเห็นแสงสีกับเค้าบ้างแล้วโว๊ย!!!
Auckland ช่วงแรกๆตื่นตาตื่นใจมาก เหมือนคนได้ออกจากป่ามาเจอเมือง เจอห้าง ผู้คนมากมาย
ที่สำคัญ มีชานมไข่มุก!!!!! ทุกหัวถนนก็ว่าได้
ของกินมีหมด โอ๊ยแฮปปี้ ชีวิตดี
พอย้ายมาก็เหมือนเริ่มต้นใหม่ หาบ้าน หางาน หาเพื่อน ใหม่หมด
เรามีเพื่อนที่กดวีซ่าได้ทีหลังกำลังจะตามมาก็ตัดสินใจว่าอยู่ด้วยกันเลยจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆได้
บ้านที่หาก็เลยต้องอยู่แบบสองคน มีที่จอดรถ และไม่แพงเกินไป
เราดูบ้านอยู่ประมาณ2อาทิตย์ รวมๆแล้วประมาณ10ที่ หาจากเพจ Flatmates wanted in Auckland
เจอทั้งตรงปกและไม่ตรง อันนี้ต้องไปดูเองจริงๆ แบบไปเจอคนในบ้าน เจอสภาพจริงของบ้าน
ระยะห่างจากซุปเปอร์ ป้ายรถบัส ว่าเป็นจริงอย่างที่เขียนรึเปล่า attitudeคนในบ้านเข้ากันได้รึเปล่า
สรุปมาถูกใจบ้านนึง ห่างออกมาจากใจกลางเมืองประมาณ 25-30นาที flatmates ดูนิสัยน่าจะเข้ากันได้
เป็นคนจีน ฟิลิปินส์ กี่วี่ กีวี่-จีน(5ห้องนอน อยู่กันทั้งหมด7คน ถ้ารวมเราและเพื่อนด้วย)
ราคา$220/week รวมทุกอย่างแล้ว(น้ำ ไฟ เน็ต ที่จอดรถ)หารสองกับเพื่อนอีกก็เหลือ $110/week
ซึ่งถือว่าถูกมาก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้