MovieMouthy:ภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์เรื่อง " The Bodyguard " (มีสปอยล์นะจ๊ะ)

สวัสดีค่ะ สำหรับภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์รอบนี้เป็นเรื่อง The Bodyguard ค่ะ
พอดีก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสมารู้ที่มาที่ไปของเพลง I Will Always Love You เพลงดังที่ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้จากรายการ Shine on with Reese ทาง Netflix ค่ะ  ก็เลยทำให้คิดถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ (จะลงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเพลงให้ตอนท้ายนะคะ )
The Bodyguard เป็นอีกหนึ่งหนังรักในช่วงต้น 90s ที่เวลาดูแล้วบรรยากาศตอนเด็กก็จะหวนคืนมาหน่อยๆค่ะ
ทั้งแฟชั่นสูทผู้ชายโคร่งๆ ผู้หญิงผมฟูๆ เพลงประกอบที่มีเสียงของเเซ็กโซโฟน เนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้ซับซ้อนมากนักแต่ก็พอจะมีปมให้เราติดตามว่าใครคือคนร้ายกันแน่? แถมยังมีพระเอกเท่ๆและโรแมนติก แต่ก็ไม่ได้น้ำเน่า ดูแล้วหัวใจเบิกบานดีแท้ค่ะ ฮ่าๆๆ
( คิดถึงหนังแบบนี้จัง รู้สึกเดี๋ยวนี้ไม่เห็นมีให้ดูเลย)
และสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นก็คือเพลงของเรื่องนี้ซึ่งเพราะมากๆ ถือว่าเป็นอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ขายดีตลอดกาลอัลบั้มหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ
โดยในปีนั้นมีเพลงที่ได้เข้าชิงออสการ์ถึง 2 เพลงด้วยกัน คือเพลง “I Have Nothing” และ “Run to You” แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายค่ะที่ท้ายที่สุดแล้ว
ทั้ง 2 เพลงนี้กลับไม่มีเพลงไหนที่ชนะรางวัลในปีนั้นเลย …... เจ้าของกระทู้เองก็แปลกใจจนต้องเสิชเหมือนกันค่ะ อยากรู้เหลือเกินว่าเรื่องอะไรกัน??
ที่สามารถชนะหนังที่เพลงโดดเด่นขนาดนี้ไปได้….ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก... ให้ทายเล่นๆค่ะว่าเพลงอะไรที่ชนะออสการ์ในปีนั้น……???
.....................
ผู้ชนะในปีนั้นคือ “A Whole New World” จาก Aladdin ค่ะ โอ๊ยย มีแต่เพลงอมตะทั้งนั้นเลย
Cr.>> macmillandictionary.com , idioms.thefreedictionary.com 

(ติดตามเนื้อหาอื่นๆได้ใน https://www.facebook.com/moviemouthy ค่ะ^^)
   
"Freeze" นอกจากจะแปลว่า "แช่แข็ง" เเล้ว ยังนำมาใช้เวลาสั่งให้ใคร "หยุดอยู่กับที่" ค่ะ ประมาณว่าห้ามขยับเลยนะ หยุดเหมือนโดนแช่แข็งเลยน่ะค่ะ
ซีนนี้เป็นซีนเปิดตัวพระเอกของเรื่อง โดยแฟรงค์ กำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด และสั่งให้คนคนหนึ่งหยุดอยู่กับที่ อย่าขยับ!
.....................
ตัวอย่างอื่น เช่น
Freeze! Don’t move a muscle!
= หยุดนะ! อย่าขยับ! 
"Turn down" นอกจากจะใช้พูดในความหมาย "หรี่เสียงลง"แล้ว ยังมีความหมายว่า "ปฏิเสธ" ข้อเสนอด้วยค่ะ
ในซีนนี้ แฟรงค์ถูกเดวานีย์ชักชวนให้ไปเป็นบอดี้การ์ดของเรเชล(นางเอก) ซึ่งเป็นนักร้องชื่อดังค่ะ 
แต่แฟรงค์ก็ตอบปฏิเสธ เดวานีย์เลยบอกว่าจะปฏิเสธข้อเสนอที่ให้เงินดีถึง 2000 เหรียญต่อสัปดาห์งั้นเหรอ??
.....................
ตัวอย่างอื่น เช่น
How could you turn down such a fantastic job?
= คุณปฏิเสธงานที่แสนวิเศษแบบนั้นไปได้ยังไง? 
"No such thing" มีความหมายว่า "ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกน่า" เป็นการพูดเน้นย้ำว่าสิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้น,ไม่มีอยู่จริงหรอก
ในซีนนี้ แฟรงค์บอกว่าเขาไม่ได้สนใจทำงานให้คนในวงการบันเทิง แล้วก็แนะนำบอดี้การ์ดฝีมือดีคนอื่นให้กับเดวานีย์ แต่เดวานีย์กลับบอกว่า เค้าต้องการแฟรงค์เพราะรู้มาว่าแฟรงค์เก่งที่สุด แฟรงค์เลยตอบว่า ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกน่า...
.....................
 ตัวอย่างอื่น เช่น
There’s no such thing as a free advertisement.
=มันไม่มีอะไรที่โฆษณาให้ฟรีๆหรอก 
"Get by" ในที่นี้มีความหมายว่า "ผ่านไปได้" ลักษณะว่าเล็ดรอดผ่านไปได้ ไม่มีใครสังเกตเห็นค่ะ
ในซีนนี้ แฟรงค์ได้มาเป็นบอดี้การ์ดให้กับเรเชลเเล้วค่ะ และเรเชลก็อ้างว่าเธอจะไปเดตกับใครได้ล่ะ แฟรงค์คงต้องตามเธอไปทุกที่ งั้นคงต้องเดตกับแฟรงค์เองซะแล้วแหละ...แหม....และระหว่างที่นั่งกันอยู่ในร้านอาหารเรเชลก็แกล้งทักว่า แม้ในร้านแบบนี้ แฟรงค์ยังคงคิดว่าไม่มีใครผ่านหรือรอดพ้นตัวจากเขาไปได้หรอกใช่มั้ย
.....................
ตัวอย่างอื่น เช่น
Quick, let's get by the guard before he wakes up!
= เร็วเข้า! รีบผ่านยามไปก่อนที่เขาจะตื่นเหอะ!
Wow, I can't believe you noticed that. Nothing gets by you, huh?
= ว้าว ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเธอสังเกตเห็นสิ่งนั้น คงไม่มีอะไรเล็ดรอดผ่านเธอไปได้เลยสินะ
"Cop out" มีความหมายว่า "เลี่ยงหนีในสิ่งที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ" ทำนองว่า "ชิ่งหนีไป" น่ะค่ะ
ในซีนนี้ หลังจากแฟรงค์พูดว่า เค้ายึดถือในหน้าที่เเละวินัยของอาชีพเขา ถ้าเค้าต้องเสี่ยงเอาตัวเองไปปกป้องอีกคนด้วยชีวิต เขาก็ทำเพราะเป็นบอดี้การ์ด แต่เรเชลบอกว่าเธอไม่เชื่อเรื่องวินัย เธอคิดว่า ถ้ามีอะไรุนเเรงเกิดขึ้น เธอคงเลี่ยงหนีไปค่ะ
.....................
ตัวอย่างอื่น เช่น
He has copped out of his responsibilities.
= เค้าหนีความรับผิดชอบของเขา
Don't cop out of this by not coming to the meeting—you need to take responsibility for your actions!
= อย่าเลี่ยงหนีเรื่องนี้ด้วยการไม่ไปร่วมประชุมนะ เธอต้องมีความรับผิดชอบในการกระทำของเธอสิ!
"Out of line" มีความหมายว่า "ทำผิด,ทำสิ่งที่ไม่สมควร" ค่ะ ทำนองว่าไปทำพฤติกรรมที่มันน่าเกลียดเกินเลย ไม่สมควรไปเบียดเบียนคนอื่นค่ะ
ในซีนนี้ เป็นช่วงที่แฟรงค์กับเรเชลได้ชอบพอกันเเละได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันไปแล้วค่ะ พอพี่สาวเรเชลรู้ก็มาแอบจิกกัดแฟรงค์ พอแฟรงค์มองหน้า เธอเลยบอกขอโทษ ที่เธอพูดไปมันผิด มันไม่สมควร นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอเลย
.....................
ตัวอย่างอื่น เช่น
You can disagree with her, but calling her dishonest was out of line.
= คุณจะไม่เห็นด้วยกับเธอก็ได้ แต่จะเรียกเธอว่าเป็นคนไม่ซื่อสัตย์มันไม่สมควรเลยนะ
"No offense" มีความหมายว่า "ไม่ว่ากันนะ , อย่าถือกันนะ" ไว้ใช้พูดในลักษณะที่เราพูดอะไรสักอย่างเเล้วไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าเราไปดูถูกหรือต้องการทำให้เค้าขุ่นเคืองใจนะ อาจจะใช้ในลักษณะที่เราต้องการพูดอะไรตรงๆออกไป เเล้วไม่อยากให้เค้าโกรธ หรือบางทีพูดอะไรบางอย่างแล้วมันไปกระทบกับเค้าโดยที่เราไม่ตั้งใจค่ะ
ในซีนนี้ เป็นช่วงที่เรเชลกับแฟรงค์มีปัญหากันเพราะแฟรงค์ตัดสินใจจะไม่สานสัมพันธ์ต่อกับเรเชลในแง่ชู้สาวเพราะรู้สึกผิดต่ออาชีพตัวเอง เรเชลเลยไม่พอใจ แฟรงค์ หลังจากนั้นก็ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาความปลอดภัยเลย แอบออกไปช้อปปิ้งกับการ์ดอีกคนหน้าตาเฉย พอโดนดุ ก็พูดเหน็บแนมแฟรงค์ว่าเธอเบื่อนี่นาต้องมาอยู่กับคนเย็นชาตลอดเวลา เเต่คำพูดนี้ก็ไปกระทบกับการ์ดที่ชื่อโทนี่ด้วยเพราะก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่กับเรเชลตลอด เธอเลยหันไปบอกว่า "อย่าว่ากันนะโทนี่ "
.....................
ตัวอย่างอื่น เช่น
No offense, but I think it may be time you cleaned up your kitchen.
= อย่าว่ากันนะ เเต่ฉันคิดว่ามันอาจจะถึงเวลาเเล้วที่เธอต้องทำความสะอาดครัว
All I'm saying is that I think we could use some more help with the renovation. No offense, John, you've been a big help.
= สิ่งที่ฉันอยากพูดก็คือฉันคิดว่าเราควรใช้ผู้ช่วยเพิ่มในการปรับปรุงครั้งนี้ อย่าว่ากันนะจอห์น ตลอดมาคุณช่วยได้เยอะมาก 
(ไม่อยากให้จอห์นเข้าใจผิดว่าการช่วยเหลือของเค้ามันไม่ดีพอค่ะ)
"Be Through" ในที่นี้มีความหมายว่า "พอแล้ว,พอกันที,จบแล้ว" ค่ะ
ในซีนนี้ หลังจากที่เรเชลไม่ให้ความร่วมมือกับการทำงานรักษาความปลอดภัยของแฟรงค์ ทำให้แฟรงค์ปั่นป่วนทำงานไม่ได้ เค้าเลยบอกว่า พอแล้ว ไม่เอาเเล้ว ขอจบงานละ
.....................
ตัวอย่างอื่น เช่น
Ugh, I'm through with this nonsense—I refuse to participate in it anymore.
= เอ่อ ฉันพอเเล้วกับเรื่องไร้สาระนี่ ขอไม่มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้วนะ 
"Save it" มีความหมายว่า "หยุดพูดเถอะ" เก็บคำของเธอเอาไว้เถอะ ไม่ต้องพูดให้เราฟังแล้ว เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาอีกเราก็ไม่สนใจหรอก ออกแนวอารมณ์เสีย รำคาญๆน่ะค่ะ
ในซีนนี้ หลังจากแฟรงค์บอกกับเดวานีย์ทีมงานของเรเชลว่าเขาพอเเล้ว ไม่ขอทำงานต่อไปละ เดวานีย์ก็ไม่ยอมค่ะ เเถมบอกว่าเมื่อตะกี้เพิ่งจะมีโทรศัพท์โรคจิตขู่ฆ่าเรเชลโทรมาอีกแล้วนะ เเต่แฟรงค์ก็ว่า หยุดเถอะ ไม่ต้องพูดเเล้ววว!!
.....................
ตัวอย่างอื่น เช่น
You can save it, because I don't believe a word you're saying.
= คุณหยุดพูดเถอะ เพราะฉันไม่เชื่อในสิ่งที่คุณพูดสักคำ
A: "I swear, it wasn't me!" B: "Save it! The security camera caught you red-handed!"
= A: ฉันสาบานว่าไม่ใช่ชั้น! B: พอเถอะ! กล้องวงจรปิดจับคุณได้คาหนังคาเขา!


**มีต่อจ้า**
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่