MovieMouthy:English Talk in About time (มีสปอยล์ค่ะ)


หลังจากคราวที่แล้ว MovieMouthy ได้นำเสนอฉากประทับใจต่างๆจากหนังเรื่อง About time ก็เลยอยู่ในช่วงที่อินกับหนังค้างค่ะ เลยจับหนังเรื่องนี้มาทำ ‪‎EnglishTalk‬ ซะเลยดีกว่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่รอบนี้ทำออกมาช้าไปหน่อย คือตอนดูหนังอีกรอบเพื่อรวบรวมคำศัพท์ ครอปรูปไปก็จะร้องไห้ไปอ่ะค่ะ มันซึ้งกินใจมากก แต่พ่อก็นั่งอยู่ถัดไป จะร้องฮือๆหน้าคอมก็เขินพ่ออยู่เหมือนกัน เลยต้องกลั้นๆ แล้วมีพักยกไปเช็ดน้ำมูกน้ำตาอ่ะค่ะ เป็นหนังที่ตัวเอกย้อนเวลาได้ แล้วชีวิตมีความหมายขึ้น ได้เห็นมุมมองดีๆในชีวิต คือส่วนใหญ่ย้อนเวลาได้ทีไรมักจะต้องพบเจอหายนะเเละความเศร้าทั้งหลายแหล่อ่ะค่ะ ดูอย่าง terminator สิคะ -_- ...ถ้าใครที่อยากหาหนังฟีลกู้ดดีๆสักเรื่อง ที่ได้ทั้งความโรแมนติกและความอบอุ่น ชีวิตสดใสขึ้นบ้างสัก 50-80% ก็ลองรับชมเรื่องนี้ดูสิคะ เชียร์ค่ะ♥ ‪
{สามารถติดตามเนื้อหาอื่นๆได้ที่เพจ facebook.com/moviemouthy ค่ะ }


"Time on his hands" มีความหมายว่า "มีเวลาว่างเหลือเฟือ,มีเวลาว่างเป็นของตัวเอง" ค่ะ

ในซีนนี้พระเอกกำลังบรรยายครอบครัวตัวเองให้กับผู้ชม
อย่างเราฟังกันค่ะ พอบรรยายมาถึงคุณพ่อ พระเอกก็บอกว่า "พ่อดูมักจะมีเวลาว่างเสมอ"...แหงสิ ตอนนี้พระเอกยังไม่รู้ความลับของพ่อสินะ หึหึ

ตัวอย่างอื่นเช่น
If you have time on your hands,try to visit that restaurant.
=ถ้าคุณพอมีเวลาเหลือ ลองแวะไปที่ร้านอาหารร้านนั้นสิ


"Give up" มีความหมายว่า "ล้มเลิกการทำอะไรบางอย่างที่ปกติทำอยู่เป็นประจำ"

เช่น ในซีนนี้ พระเอกกำลังเล่าว่าพ่อได้เลิกเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยค่ะ

ตัวอย่างอื่นเช่น
He did not give up smoking.
=เขาไม่ยอมเลิกสูบบุหรี่

นอกจากนี้ ยังมีความหมายว่าล้มเลิกความพยายามในอะไรบางอย่าง หรือเลิกศรัทธาเชื่อในอะไรบางอย่างก็ได้ค่ะ เช่น
I won't give up on us.
= ผมจะไม่ยอมแพ้ในเรื่องของเรา
Decide what you want and then don’t give up until you’ve achieved it.
=ตัดสินใจว่าคุณต้องการอะไรแล้วอย่าล้มเลิกความตั้งใจ
นั้นจนกว่าจะสำเร็จ


"All in all" มีความหมายว่า "โดยรวมแล้ว"

ในซีนนี้ หลังจากพระเอกแนะนำสมาชิกในครอบครัวเเล้ว ซึ่งเเต่ละคนก็มีแปลกบ้างดีบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็เป็นชีวิตที่ดีทีเดียวค่ะ

ตัวอย่างอื่นเช่น
All in all, I think it has been a very successful conference.
=โดยรวมแล้ว ฉันคิดว่าการประชุมนี้สำเร็จด้วยดีนะ

สำหรับคำว่า "Pretty" นอกจากจะแปลว่าสวย,น่ารัก แล้ว ยังมีความหมายว่า "มาก,ค่อนข้าง" ค่ะ ดังนั้น
"Pretty good" จึงหมายความว่า "ดีมาก,ดีทีเดียว" ในซีนนี้ก็แปลความหมายได้ว่า เป็นช่วงชีวิตที่ดีงาม งดงาม ค่ะ

ตัวอย่างอื่นเช่น
He looks pretty tired.
=เขาดูเหนื่อยล้ามาก
My TV’s getting pretty old now.
= ทีวีของฉันเครื่องนี้ค่อนข้างเก่าซะแล้ว
I can see they’ve made a pretty good job of it.
=ฉันว่าพวกเขาทำงานได้ออกมาดีมาก


"By the time" มีความหมายว่า "เมื่อตอนที่..." ค่ะ ไว้ใช้เล่าเรื่องทั่วๆไปว่า "ตอนที่เรา.... ได้เกิดอะไรขึ้น" ค่ะ

ในซีนนี้พระเอกกำลังเล่าว่า ตอนที่พระเอกอายุได้ 21 ปี ครอบครัวพวกเขาก็ยังคงต้องมานั่งดื่มชากันที่ริมหาดเป็นประจำค่ะ (ประโยคว่าดื่มชาจะต่อกับอีกรูปถัดไปค่ะ)

ตัวอย่างอื่นเช่น
By the time I arrived, My friends were already there.
=ตอนที่ฉันไปถึง เพื่อนๆก็อยู่ที่นั่นกันแล้ว


"Every single day" มีความหมายว่า "ทุกๆวัน" ค่ะ แต่ความรู้สึกอาจจะเน้นย้ำกว่าคำว่า "Every day" ให้รู้ว่าทุกๆวันจริงๆ ไม่มีเว้นวันเลยนะ

ในซีนนี้จะเป็นคำพูดต่อกันกับรูปก่อนหน้าค่ะ คือครอบครัวพระเอกจะต้องมานั่งดื่มชากันที่ริมหาดทุกวันๆไม่มีหยุดหรือเว้นวันเลยค่ะ

ตัวอย่างอื่นเช่น
I have been working every single day.
=ฉันต้องทำงานทุกวันเลย ไม่มีหยุดเลย


"No matter what" มีความหมายว่า "ไม่ว่ายังไงก็ตาม,ไม่ว่าอะไรก็ตาม" เย้ๆๆ เราเจอคำกลุ่มนี้อีกแล้วนะคะ น้ำเคยนำเสนอไปครั้งนึงแล้วจากเรื่อง the Conjuring ค่ะ พอมาเรื่องนี้เจออีก ก็เลยเอามาฝากกันอีกสักครั้งละกันค่ะ เพราะดูเราน่าจะเอาไปใช้กันได้บ่อยเลย จะได้คุ้นๆกัน อิอิ

ในซีนนี้ก็ต่อเนื่องจากเรื่องการดื่มชาริมหาดของบ้านตาพระเอกนี่ล่ะค่ะ คือพี่พระเอกแกก็อธิบายย้ำเข้าไปอีกว่าบ้านเขายังไง๊ ยังไงก็ต้องดื่มชากัน อากาศจะเป็นไงก็ตาม ก็ต้องดื่มค่ะ!

ตัวอย่างอื่นเช่น
I love you no matter who you are.
=ฉันรักเธอไม่ว่าเธอจะเป็นใครก็ตาม


"When you're ready" มีความหมายว่า "เอาที่คุณพร้อมเลยนะ,ต่อเมื่อคุณพร้อมเลย" อะไรทำนองนี้ค่ะ เป็นประโยคไว้ใช้บอกกับอีกฝ่ายให้รู้ว่าเราจะรอจนกว่าอีกฝ่ายรู้สึกโอเคที่จะทำค่ะ

ในซีนนี้ พ่อพระเอกกำลังจะบอกความลับสำคัญของครอบครัวให้พระเอกรู้ แต่เจ้าความลับที่ว่ามันก็พิลึกกึกกือ จนพูดออกมาไม่ได้ซะที อาการที่พ่ออึกอักแบบนี้ ทำให้พระเอกนึกขำพ่อแล้วบอกออกมาว่า "When you're ready." พูดเมื่อพ่อพร้อมเลยละกันนะ ผมรอ...

ตัวอย่างอื่นเช่น
‘Shall I start now?’ ‘When you’re ready’.
=ให้ฉันเริ่มเลยมั้ยคะ? /ต่อเมื่อคุณพร้อมเลยครับ


"Sound" ในที่นี้ไม่ได้มีความหมายว่า "เสียง"ตรงตัวแบบนั้นค่ะ เเต่จะหมายถึงเรื่องที่คุยกันอยู่ "ฟังดู" เป็นอย่างไรค่ะ
"Sound strange" จึงมีความหมายว่า "ฟังดูแปลกๆ"

ในซีนนี้พ่อพระเอกกำลังพยายามบอกความลับที่ว่า "ผู้ชายตระกูลเราทุกคนสามารถเดินทางย้อนเวลาได้" แต่การที่จะบอกเรื่องแบบนี้ มันก็พูดยาก คุณพ่อเลยออกตัวก่อนว่า "จะฟังดูแปลกๆนะ"

ตัวอย่างอื่นเช่น ถ้ามีใครมาเล่าอะไรให้ฟัง แล้วเรารู้สึกว่าฟังดู...
It's sound great.= ฟังดูเข้าท่าทีเดียว,ฟังดูดี/เยี่ยมเลย
It's sound crazy= ฟังดูบ้ามากนะนั่น
that's sound horrible= ฟังดูน่ากลัวมากอ่ะ
เป็นต้นค่ะ


"Such a" ใช้เวลาพูดย้ำถึงอะไรบางอย่างค่ะ ให้รู้ว่าเป็นแบบนั้นมากๆค่ะ

ในซีนนี้เมื่อพ่อพระเอกได้พูดออกไปเรื่องที่ว่าผู้ชายในตระกูลนี้สามารถเดินทางย้อนเวลาได้ พระเอกก็งงเต๊กค่ะ เลยบอกว่าพ่อพูดมุขอะไรเนี่ยพิลึกมาก โดยใช้คำว่า "Such a weird joke" เพื่อย้ำว่านี่มันแปลกมากนะ

ตัวอย่างอื่นเช่น
She's such a lovely girl.
=เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก
If it’s such a secret, why did you tell me?
=ถ้ามันเป็นความลับขนาดนั้น เธอเอามาบอกฉันทำไมกัน?


"The eye of the storm" ความหมายตรงๆคือ "ใจกลางของพายุ" ค่ะ ในที่นี้จะหมายถึงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาใหญ่ๆค่ะ

ในซีนนี้ พระเอกกำลังเล่าว่าจะได้เจอกับรักแรก ซึ่งเขามองว่าเป็นปัญหาที่ตัวเองแก้ไม่ตก ทำตัวไปถูก เลยเกริ่นว่า ฤดูร้อนนั้นเขากำลังจะเดินเข้าไปเจอกับปัญหาใหญ่ค่ะ


"all at once" แปลว่า "ในคราวเดียว,ในครั้งดียว" ค่ะ

ในซีนนี้พระเอกจะต้องย้ายเข้าไปทำงานในลอนดอนแล้วค่ะ คุณลุงที่มีอาการไม่ค่อยเต็มเต็ง(แต่น่ารักมาก) จึงให้เหรียญเงินจำนวนหนึ่งกับพระเอก แล้วเตือนว่าอย่าใช้หมดในครั้งเดียวล่ะ!

ตัวอย่างอื่น เช่น
I will finish my works all at once.
=ฉันจะทำงานให้เสร็จในคราวเดียวเลย


"I mean it" มีความหมายว่า "เอาจริงนะ,พูดจริงนะ" ใช้พูดเวลาที่เราบอกอะไรกับใครไป แล้วบอกย้ำไปว่า เราเอาจริงนะ! ไม่ได้พูดเล่น ต้องตามนั้นนะ

ในซีนนี้ พระเอกต้องมาอาศัยอยู่กับเพื่อนพ่อ ซึ่งเป็นคน
ติสต์แตกค่ะ จะออกดุๆหน่อย พอเข้ามาพระเอกก็ถูกสั่งว่าให้อยู่เงียบๆก่อน แล้วโดนย้ำว่า เอาจริงนะ! พูดจริง! ห้ามส่งเสียง

ตัวอย่างเช่น
Don't you ever comยิ้ม again.I mean it.
=เธออย่าได้มาที่นี่อีก ฉันพูดจริงนะ! (ให้รู้ว่าเอาจริง ถ้าขืนมามีเรื่องแน่ค่ะ)


"End up" มีความหมายว่า "ลงเอย,ลงท้าย,ในที่สุด" ค่ะ

ในซีนนี้ พระเอกเค้าบ่นอ่ะค่ะ ว่าตั้งเเต่มาลอนดอน ก็กะจะได้แฟนสักคน แต่ตั้งแต่มาอยู่ไม่เห็นจะได้เลย ผู้หญิงมากมายแค่ไหน แต่พระเอกก็ต้องมาลงเอยอยู่กับคู่หูที่ทำงานด้วยกันประจำเลย

ตัวอย่างอื่น เช่น
I ended up living in that house.
= ในท้ายที่สุดฉันก็อาศัยที่บ้านหลังนั้น


"Out of the blue" มีความหมายว่า "โดยไม่คาดฝัน,โดยไม่คาดคิด" ค่ะ ใช้สำหรับการพูดถึงอะไรบางอย่างที่จู่ๆก็เกิดขึ้นโดยไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันมาก่อน หรือไม่ได้มีทีท่าอะไรมาก่อนค่ะ

ในซีนนี้หลังจากที่กำลังบ่นๆว่าไม่มีแฟน ก็กลายเป็นว่าวันหนึ่งจู่ๆก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น คือหลังจากนี้พระเอกเค้าจะ
ได้มีโอกาสไปร้านนัดเดทหนุ่มสาว แล้วทำให้ได้เจอกับนางเอกอ่ะค่ะ

ตัวอย่างอื่น เช่น
Out of the blue she said, ‘Your name’s John, isn’t it?’
=จู่ๆเธอก็ก็พูดว่า "คุณชื่อจอห์นใช่มั้ย"


"Sort of" มีความหมายว่า "ประมาณนั้น,ทำนองนั้น,จำพวกนั้น,คล้ายๆ" ค่ะ

ในซีนนี้ พระเอกกับเพื่อนไปร้านอาหารที่ให้บริการ Blind Date คือไปเดทกับใครที่เราเองก็ไม่รู้จักค่ะ และร้านก็จะปิดไฟทั้งร้านให้มืด ให้นั่งคุยทำความรู้จักกันผ่านเสียงไปก่อน นางเอกก็แซวตัวเองว่าเหมือนกระรอก เลยใช้คำว่า "Sort of" ค่ะ ให้ความรู้สึกว่า "ฉันออกคล้ายๆกระรอกแหละ"

ตัวอย่างอื่น เช่น
I’m sort of worried about her.
=ฉันรู้สึกค่อนข้างห่วงเธอน่ะ
Are you hungry?Sort of.
=คุณหิวมั้ย? ก็ทำนองนั้น
I don't like this sort of music.
=ฉันไม่ชอบเพลงพวกนี้เท่าไหร่



"Just in case" มีความหมายว่า "เผื่อ" ค่ะ

ในซีนนี้พระเอกเค้าขอเบอร์นางเอกค่ะ ก็พยายามจะหาเหตุผลที่ขอ ก็เลยบอกว่า "เผื่อต้องโทรหาคุณเรื่อง..." แต่สุดท้ายก็นึกข้ออ้างไม่ออกค่ะ ได้แต่ จุดจุดจุด ฮ่าๆๆๆๆ

ตัวอย่างอื่น เช่น
I’ll bring some foods, just in case.
=ฉันจะเอาอาหารไปด้วย เผื่อไว้ก่อน


"Line" ในที่นี้มีความหมายว่า "ประโยคพูด,บทพูด,ข้อความ" ค่ะ

ในซีนนี้ รูมเมทพระเอกซึ่งเป็นนักเขียนบทละครเวที เล่าให้ฟังว่าละครที่เพิ่งจัดแสดงเจ๊งไม่เป็นท่า เพราะนักแสดงคนหนึ่งได้ลืมบทพูดของตัวเอง แถมไม่ได้ลืมไม่กี่ประโยค แต่ลืมหมดเลยย

ตัวอย่างอื่น เช่น
I'll drop you a line.
=ฉันจะทิ้งข้อความไว้ให้คุณ
Don't give me that line!
=อย่ามาพูดกับฉันด้วยประโยคนั้นนะ!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่