ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 ก่อนที่มิ้นท์จะเดินทางมาทําวิจัยที่ดูไบเป็นครั้งแรก ณ ตอนนั้น "ดูไบ" ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพการจัดงาน "World Expo 2020" เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว
ยิ่งใหญ่อลังกาล ตัวเราก็คือมดจิ๋วๆ
ดูไบ ได้ประกาศ 12 โครงการ ซึ่งล้วนเป็นโครงการเมกะโปรเจค เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่จะเดินทางมางาน World Expo 2020 หลายล้านคน และ Dubai Frame ก็เป็นหนึ่งในโครงการเมกะโปรเจคนั้น
ตอนที่มิ้นท์นั่งเเท็กซี่ออกมาจากสนามบินปี 2015 มิ้นท์ก็เห็นโครงสร้างเหล็กขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนกรอบรูปหรืออะไรสักอย่าง แต่ยังไม่เป็นสีทองสวยงามเหมือนในปัจจุบัน มิ้นท์ยังสงสัยว่าเค้าจะสร้างอะไรกันน้า?
ตอนเเรกยังคิดเล่นๆว่าเป็นกระจกเงา สะท้อนภาพเมือง แต่ถ้าเเดดเเรงขนาดนี้แล้วมาติดกระจกเงา จากกระจกเงาสะท้อนภาพเมือง ก็อาจจะกลายเป็นกระจกสะท้อนรังสียูวีขนาดยักษ์ไปแผดเผาเมืองมากกว่าฮ่าๆๆๆ....พออยากรู้ลึกๆ มิ้นท์ก็เลยหาข้อมูลสิ!!!......
ระหว่างที่มิ้นท์เดินทางไปกลับดูไบบ่อยๆ 2015 - 2018 มิ้นท์ได้เห็นการก่อสร้าง การพัฒนาของ Dubai Frame อยู่เรื่อยๆ ค่อยๆได้เห็นการเปลี่ยนแปลง จากที่นึกว่า นี่มันตึกอะไรเนี้ย!!!!??? กลับกลายมาเป็น โหหหห นี่มันสุดยอดแลนด์มาร์ค ที่มาดูไบแล้วต้องห้ามพลาด เลยนะ!!!
แต่ที่ต้องทึ่งที่สุดก็น่าจะเป็น concept ของการสร้างตึกนี้ ที่มีความหมายลึกลํ้ามาก....นั่นก็คือ กรอบรูปนี้เปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจ เป็นกรอบรูปที่เเสดงภาพความเป็นเมืองเก่าของดูไบในสมัยก่อน และเป็นก็ยังเป็นกรอบรูปที่เเสดงถึงความสําเร็จของดูไบในการสร้างเมืองใหม่และการเป็นสถานที่ตั้งของสถาปัตยกรรมระดับโลกอย่าง "Burj Khalifa" ในเวลาเดียวกัน
สุดอ่ะ วิวตรงนี้!!!
จุดพีค!!!! ของการอธิบายความหมายของทั้งการไม่ลืมที่มาของตัวเอง และการมองความสําเร็จของตัวเองได้ในเวลาเดียวกันนั้น ก็อยู่ที่การเลือกโลเคชั่น นั่นก็คือ Zabeel Park ซึ่งอยู่ใจกกลางระหว่างเมืองเก่า (Deira) และเมืองใหม่ (Bur Dubai) ของดูไบพอดี๊!!!! ขอบอกว่าคุณป๋าฯ Sheikh Mohammed Bin Rashid Al Maktoum เจ้าผู้ครองนครรัฐดูไบ ได้เลือกโลเคชั่นที่สุดยอดมาก สะท้อนความหมายของการสร้าง Dubai Frame มาได้เป็นอย่างดี....ตอนที่มิ้นท์ขึ้นไปต้องขนลุก เพราะมิ้นท์หนาว เอ้ย!!! ไม่ใช่ๆๆๆๆ!!! เพราะว่า เมื่อเราขึ้นไปที่ด้านบน เรามองไปด้านหนึ่งเราจะเห็นเมืองเก่า และพอมองมาอีกฝั่งหนึ่งเราก็จะเห็นเมืองใหม่..............
มิ้นท์จึงได้เข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้ที่ว่า "เราไม่ควรลืมว่าเรามาจากที่ไหน...และเราเลือกได้ว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไร"
ทําแอคท่าให้เข้ากับแคปชั่นไปงั้นๆแหล่ะ ฮ่าๆๆๆ
ในที่สุด Dubai Frame ก็เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ เมื่อต้นปี 2018 ที่ผ่านมา มิ้นท์ก็ผ่านไป ผ่านมาหลายที เเต่ยังไม่ได้เเวะเข้าไป จนผ่านไปหนึ่งปีนับตั้งแต่เปิดทําการ ก็เพิ่งมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมด้านใน
ตามมิ้นท์ไปเที่ยว Dubai Frame กันเลยจ้าาาาาาาา!!!! เย้ๆๆๆๆๆ
มิ้นท์ต้องนั่งแท็กซี่กันมา ก็เพราะว่าที่ Dubai Frame ไม่มีสถานี metro ที่อยู่ใกล้เคียง แต่ถ้าเพื่อนๆไม่อยากนั่งแท็กซี่มาจากสถานที่ไกลๆ ก็สามารถนั่ง metro มาลงที่สถานี Al Jafiliya แล้วค่อยต่อเเท็กซี่มา อีกนิดเดียวก็ได้นะคะ
ถึงเเล้ว เย้ๆๆๆ คนเยอะเฟ่อร์รรรร
วันนั้นเรามาถึงกันประมาณช่วงเกือบๆ 5 โมงเย็น เราตั้งใจมาเวลานั้นก็เพราะว่า เราจะได้ขึ้นไปชมวิวข้างบนก่อนพระอาทิตย์ตก เเละรอจนได้เห็นวิวตอนกลางคืนด้วยนั่นเอง จากนั้นพวกเราต่อเเถวเพื่อซื้อบัตรกันสักพัก นานเหมือนกันค่ะเกินครึ่งชั่วโมง ><" คิวยาวมากๆ
เราจ่ายค่าเข้าคนละ 50 ดิรฮัม (ประมาณ 400 กว่าบาท) และแล้วก็ได้ตั๋วหน้าตาสวยงามมา ตั๋วก็มีความเก๋เล็กๆจ้าาาาา เพราะว่าหน้าตาไม่เหมือนกันนะตะเอง แม้จะซื้อมาพร้อมกันก็ตาม!!!
พอเข้ามาเราก็จะต้องขึ้นบันไดเลื่อนไป 1 ชั้น ซึ่งจะเป็นทางเข้าไปสู่พิพิธภัณฑ์ของ Dubai Frame ในโซนเเรกนี้ ทางเข้าจะเท่ๆหน่อยจะเป็นควันๆหมอกๆลงมา มีความรู้สึกคล้ายว่าเรากําลังจะหลุดเข้าไปในอดีตของดูไบก่อนการก่อตั้งประเทศอะไรทํานองนั้น (โดเรม่อนเอาประตูมา!!!)
ทางขึ้นสู่อดีต
ม่านหมอกโดเรม่อน...จะไปอดีตเเล้วน้าาา
พอพ้นม่านหมอกเข้ามาก็จะเป็นโซนเเสดงถึงดูไบในสมัยโบราณ ตั้งเเต่การทําฟาร์มหอยมุก การเย็บปักถักร้อย การขายเครื่องเทศในอดีต และสถาปัตยกรรมสมัยโบราณ เป็นต้น
หลังจากชมความเก่า และวัฒนธรรมของดูไบในสมัยก่อน เราก็จะมาเจอลิฟท์ที่จะพาเราเข้าไปสู่ด้านบนสุดของกรอบรูป....พอขึ้นไปถึงข้างบนปุ๊บ โอ้โห!!! ตื่นตาตื่นใจมากๆค่ะ มีพนักงานอธิบายอยู่ให้ฟังว่า มองไปทางขวานะคะ จะเป็นเมืองเก่าของดูไบที่มีมาตั้งเเต่สมัยก่อน และทางซ้ายของคุณคือเมืองใหม่ เเละตรงนั้นคือวิว "Burj Khalifa” ตึกที่สูงที่สุดในโลก!!!.....สุดยอด!!!!
วิวซ้ายมือ เมืองใหม่ Bur Dubai
วิวขวามือ เมืองเก่า Deira
มิ้นท์เดินข้ามไปดูวิวทั้งสองฝั่ง ข้ามไป ข้ามมา ข้ามมา ข้ามไปอยู่นั่น ชอบมากเลยค่ะ สวยมากๆตามภาพที่ได้นํามาฝากนี้เลย พอมิ้นท์มาเดินตรงกลาง เค้าสร้างเป็นกระจกใสๆที่มองเห็นด้านล่าง พอไปยืนเเล้วเห็นพื้นด้านล่าง เเล้วใจสั่นๆยังไงชอบกล รู้สึกว่าจะกลัวความสูงเล็กน้อยถึงปานกลาง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ป๊อดเว่อร์รรรรรรรรรรร
ความลํ้าของชั้นบนสุด ณ จุดชมวิวเมือง
พอดื่มดำ่กับวิวด้านบนเรียบร้อย อยู่เป็นเวลานาน เราก็จะต้องลงลิฟท์ไปสู่โซนที่สามค่ะ โซนนี้เป็นโซนอนาคต ตรงนี้จะเป็นห้องฉายภาพยนต์ดูลํ้าๆหน่อย เเสดงภาพของดูไบ ไล่ไปเป็นตอนๆจนถึงร้อยปีข้างหน้า (อย่างที่บอกว่าดูไบเค้ามี Centennial Policy หรือแผนพัฒนา 100 ปี ล่วงหน้า) มีทั้งเรื่องการรักษาโรค เรื่องการพัฒนาทางด้านอวกาศ การคมนาคมขนส่ง ฯลฯ โอ้ยยยย ดูลํ้าไปหมด !!!
จอฉาย 360 องศาเลยนะตะเอง กรี๊ดๆๆๆๆ
ตอนนั้นมิ้นท์คิดว่า ถ้ามิ้นท์ยังทําเพจ"ดูอะไร...ที่ดูไบ"อยู่ มิ้นท์จะต้องสามารถทํา Hologram นําเสนอเรื่องดูไบไปที่บ้านของเพื่อนๆในเพจได้เเล้วแน่ๆ!!!
พอดูจบครบทั้งสามโซน โซนอดีต โซนดูวิวเมืองเก่า เมืองใหม่ และโซนอนาคต มิ้นท์รู้สึกว่าเต็มอิ่มมาก คุ้มค่ากับค่าเข้าสุดๆๆๆๆ โดยส่วนตัวคิดว่าคุ้มกว่าการขึ้นยอด Burj Khalifa เสียอีกนะคะ แต่ไม่รู้นะก็เเล้วเเต่ว่าเพื่อนๆ จะชอบแบบไหน แต่มิ้นท์เป็นคนชอบข้อมูลเยอะๆๆๆ ก็เลยคิดว่าไป Dubai Frame เนี่ยเเหล่ะเหมาะกับมิ้นท์มากๆเลยจ้าาาาาาา
และสุดท้ายนี้ มิ้นท์ขอจบการรีวิว Dubai Frame ด้วยข้อความสุดฮิตในดูไบ ซึ่งเป็นคํากล่าวของเจ้าผู้ครองนครรัฐดูไบ Sheikh Mohammed Bin Rashid Al Maktoum ว่า.....
.......คําว่าเป็นไปไม่ได้....ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของ ยูเออี.....
ช่างเป็นสถานที่ที่สร้างแรงบันดาลใจเป็นอย่างยิ่งเพคะ (^/\^)
#ThankYouDubai #MyDubai
#DubaiDiary #ดูอะไรที่ดูไบ
Website: whattoseeindubai.com
Email: whattoseeindubai@gmail.com
FB:
https://goo.gl/CSlbMF
IG: whattoseeindubai
[CR] ดูอะไร...ที่ดูไบ : Dubai Frame กรอบรูปที่ใหญ่ที่สุดในปฐพี!!!
ตอนที่มิ้นท์นั่งเเท็กซี่ออกมาจากสนามบินปี 2015 มิ้นท์ก็เห็นโครงสร้างเหล็กขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนกรอบรูปหรืออะไรสักอย่าง แต่ยังไม่เป็นสีทองสวยงามเหมือนในปัจจุบัน มิ้นท์ยังสงสัยว่าเค้าจะสร้างอะไรกันน้า?
ตอนเเรกยังคิดเล่นๆว่าเป็นกระจกเงา สะท้อนภาพเมือง แต่ถ้าเเดดเเรงขนาดนี้แล้วมาติดกระจกเงา จากกระจกเงาสะท้อนภาพเมือง ก็อาจจะกลายเป็นกระจกสะท้อนรังสียูวีขนาดยักษ์ไปแผดเผาเมืองมากกว่าฮ่าๆๆๆ....พออยากรู้ลึกๆ มิ้นท์ก็เลยหาข้อมูลสิ!!!......
ระหว่างที่มิ้นท์เดินทางไปกลับดูไบบ่อยๆ 2015 - 2018 มิ้นท์ได้เห็นการก่อสร้าง การพัฒนาของ Dubai Frame อยู่เรื่อยๆ ค่อยๆได้เห็นการเปลี่ยนแปลง จากที่นึกว่า นี่มันตึกอะไรเนี้ย!!!!??? กลับกลายมาเป็น โหหหห นี่มันสุดยอดแลนด์มาร์ค ที่มาดูไบแล้วต้องห้ามพลาด เลยนะ!!!
แต่ที่ต้องทึ่งที่สุดก็น่าจะเป็น concept ของการสร้างตึกนี้ ที่มีความหมายลึกลํ้ามาก....นั่นก็คือ กรอบรูปนี้เปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจ เป็นกรอบรูปที่เเสดงภาพความเป็นเมืองเก่าของดูไบในสมัยก่อน และเป็นก็ยังเป็นกรอบรูปที่เเสดงถึงความสําเร็จของดูไบในการสร้างเมืองใหม่และการเป็นสถานที่ตั้งของสถาปัตยกรรมระดับโลกอย่าง "Burj Khalifa" ในเวลาเดียวกัน
มิ้นท์จึงได้เข้าใจความหมายอย่างถ่องแท้ที่ว่า "เราไม่ควรลืมว่าเรามาจากที่ไหน...และเราเลือกได้ว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไร"
ตามมิ้นท์ไปเที่ยว Dubai Frame กันเลยจ้าาาาาาาา!!!! เย้ๆๆๆๆๆ
มิ้นท์ต้องนั่งแท็กซี่กันมา ก็เพราะว่าที่ Dubai Frame ไม่มีสถานี metro ที่อยู่ใกล้เคียง แต่ถ้าเพื่อนๆไม่อยากนั่งแท็กซี่มาจากสถานที่ไกลๆ ก็สามารถนั่ง metro มาลงที่สถานี Al Jafiliya แล้วค่อยต่อเเท็กซี่มา อีกนิดเดียวก็ได้นะคะ
เราจ่ายค่าเข้าคนละ 50 ดิรฮัม (ประมาณ 400 กว่าบาท) และแล้วก็ได้ตั๋วหน้าตาสวยงามมา ตั๋วก็มีความเก๋เล็กๆจ้าาาาา เพราะว่าหน้าตาไม่เหมือนกันนะตะเอง แม้จะซื้อมาพร้อมกันก็ตาม!!!
พอเข้ามาเราก็จะต้องขึ้นบันไดเลื่อนไป 1 ชั้น ซึ่งจะเป็นทางเข้าไปสู่พิพิธภัณฑ์ของ Dubai Frame ในโซนเเรกนี้ ทางเข้าจะเท่ๆหน่อยจะเป็นควันๆหมอกๆลงมา มีความรู้สึกคล้ายว่าเรากําลังจะหลุดเข้าไปในอดีตของดูไบก่อนการก่อตั้งประเทศอะไรทํานองนั้น (โดเรม่อนเอาประตูมา!!!)
หลังจากชมความเก่า และวัฒนธรรมของดูไบในสมัยก่อน เราก็จะมาเจอลิฟท์ที่จะพาเราเข้าไปสู่ด้านบนสุดของกรอบรูป....พอขึ้นไปถึงข้างบนปุ๊บ โอ้โห!!! ตื่นตาตื่นใจมากๆค่ะ มีพนักงานอธิบายอยู่ให้ฟังว่า มองไปทางขวานะคะ จะเป็นเมืองเก่าของดูไบที่มีมาตั้งเเต่สมัยก่อน และทางซ้ายของคุณคือเมืองใหม่ เเละตรงนั้นคือวิว "Burj Khalifa” ตึกที่สูงที่สุดในโลก!!!.....สุดยอด!!!!
พอดูจบครบทั้งสามโซน โซนอดีต โซนดูวิวเมืองเก่า เมืองใหม่ และโซนอนาคต มิ้นท์รู้สึกว่าเต็มอิ่มมาก คุ้มค่ากับค่าเข้าสุดๆๆๆๆ โดยส่วนตัวคิดว่าคุ้มกว่าการขึ้นยอด Burj Khalifa เสียอีกนะคะ แต่ไม่รู้นะก็เเล้วเเต่ว่าเพื่อนๆ จะชอบแบบไหน แต่มิ้นท์เป็นคนชอบข้อมูลเยอะๆๆๆ ก็เลยคิดว่าไป Dubai Frame เนี่ยเเหล่ะเหมาะกับมิ้นท์มากๆเลยจ้าาาาาาา
และสุดท้ายนี้ มิ้นท์ขอจบการรีวิว Dubai Frame ด้วยข้อความสุดฮิตในดูไบ ซึ่งเป็นคํากล่าวของเจ้าผู้ครองนครรัฐดูไบ Sheikh Mohammed Bin Rashid Al Maktoum ว่า.....
#DubaiDiary #ดูอะไรที่ดูไบ
Website: whattoseeindubai.com
Email: whattoseeindubai@gmail.com
FB: https://goo.gl/CSlbMF
IG: whattoseeindubai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้