[CR] บันทึกการเดินทางตะลุยญี่ปุ่นแบบกึ่ง unseen 6 เมือง 14 วัน งบไม่ถึงแสน "ขับรถชมวิวภูเขาฟูจิสองที่ทตโตริ เมืองเกษตรกรรม"

ติดตามตอนที่แล้วได้ที่ลิงค์นี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


วันนี้เป็นอีกวันที่เราจะต้องเช่ารถขับยาวๆ ที่ทตโตริ ขออธิบายเรื่องปั๊มน้ำมันนิดหน่อย ปั๊มของญี่ปุ่นจะมีอยู่ 2 ประเภทคือ
แบบที่มีพนักงานเติมให้ กับแบบที่เป็นบริการตนเอง คนญี่ปุ่นจะเรียกว่า เซรุฟุ (セルフ) แบบพนักงานเติมให้นี่เราคุ้นชินกันอยู่แล้ว
แต่แบบเติมเองนี่ส่วนใหญ่เราจะไม่ค่อยชิน แต่การเติมน้ำมันเองก็ไม่ยากครับ ส่วนใหญ่น้ำมันที่ใช้กับรถเช่าจะเป็นแบบ Regular レギュラー  ในปั๊มจะมีกำกับไว้ชัดเจนที่หัวจ่าย ขอแค่เติมให้ถูกก็พอ ตรงนี้ถ้ามีเวลาผมจะอธิบายอย่างละเอียดในกระทู้แยกครับ ทั้งเรื่องการกดตู้เติมน้ำมันและการชำระเงิน
ถ้าฉุกเฉินไม่เข้าใจจริงๆให้มองหาพนักงานภายในปั๊ม ให้เขาช่วย เพราะทุกปั๊มเขามีคนดูแลอยู่ครับ


DAY 5 ||| 6 พ.ย.62 ||| เดินทางสู่จ.ทตโตริ, ศึกษาฟาร์มธรรมชาติตีนภูเขาไดเซ็น, ฟาร์มนมวัววิวภูเขาไดเซ็น

08.00น. ผมเก็บของเช็คเอ้าท์จากโรงแรมแต่เช้า ลากกระเป๋ามาที่สถานีโอคายามะ เพื่อมาจองตั๋วรถไฟสำหรับไปที่ สถานีโยนาโกะ 米子駅 เที่ยว 10 โมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเศษๆ 

โยนาโกะเป็นสถานีเล็กๆก่อนถึงตัวเมือง จ. ทตโตริ เนื่องจากจังหวัดนี้ไม่มีรถไฟชินคันเซนผ่าน เลยต้องนั่งรถไฟธรรมดาไปแทน ขบวนที่เราจะใช้เดินทางเป็นรถไฟด่วนยาคุโมะ Yakumo Limited Express สามารถใช้ JR Pass จองได้เลย แนะนำว่าควรไปจองที่นั่งก่อนล่วงหน้า 1 วันหรือมากกว่าเพราะรถคนเยอะ ที่นั่งมักจะเต็ม ไม่งั้นจะต้องระเห็ดไปหาที่นั่งเอาดาบหน้า (ที่นั่งแบบไม่ได้จอง Unreserved seat) ซึ่งจะอยู่ตู้ที่ 3 เป็นต้นไป

เช็คขบวนรถกับชานชาลาที่เราจะต้องขึ้นบนป้ายไฟที่แสดงอยู่ในสถานี หลังจากอวดบัตรเบ่งกับเจ้าหน้าที่แล้ว ให้เราเดินหาป้ายบอกทางไปชานชาลาที่เขียนว่า Yonago 米子 จากนั้นไปรอรถไฟได้เลย ตามบอร์ดป้ายไฟจะเขียนว่าปลายทางจอดที่สถานี Izumo 出雲市 แต่เราจะลงป้ายก่อนหน้า 

รถไฟมาแล้วครับ รูปร่างรถไฟดูค่อนข้างแปลกตา 

ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า รถไฟสายนี้ค่อนข้างโยกเยก ซึ่งจะชวนให้คลื่นไส้นิดหน่อย ใครแพ้หรือมึนง่ายแนะนำให้ติดยาไปด้วยนะครับ ตลอดทางผมไม่ได้ชมวิวเลย เนื่องจากไม่ได้ที่นั่งริมหน้าต่าง และคนญี่ปุ่นที่นั่งข้างๆผมแกปิดม่านหมด 

12.20 ถึงสถานีโยนาโกะเรียบร้อยตามเวลาเป๊ะ 
รอลุ้นว่าจะเจอใบไม้เปลี่ยนสีหรือเปล่า ทตโตริเป็นเมืองที่ดูแล้วน่าจะหนาวสุดในทริป อากาศประมาณ 6-10 องศา

ด้านหน้าสถานีมีแลนด์มาร์กเป็นรถไฟแบบนี้ครับ
 
เมื่อมาถึงก็รีบเอาสัมภาระไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน แล้วออกมารับรถที่บริษัทเช่ารถที่ข้างๆสถานี เพราะวันนี้เรามีเวลาแค่ช่วงบ่าย และคิวเที่ยวค่อนข้างแน่น เมืองนี้เป็นเมืองเล็กครับ คราวนี้โรงแรมอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ เดิน 3 นาทีถึง บริษัทเช่ารถก็อยู่ห่างจากโรงแรมไปนิดเดียว
รอบนี้ผมเช่ารถกับบริษัท Orix Rental Car ที่นี่สะดวกมากเวลาคืนรถเพราะบริษัทอยู่ในปั๊มน้ำมันเลย ไม่ต้องไปเติมไกล


ไฮไลท์ของที่นี่คือภูเขาไดเซน (Mt. Daisen 大山) ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,729 เมตร และยังได้รับขนานนามว่าเป็นภูเขาไฟฟูจิ 2 หรือมินิฟูจิ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่คล้ายคลึงกันนั่นเอง การมาชมภูเขาไดเซนฤดูกาลที่สวยมากๆคือ ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ช่วงฤดูร้อนจะได้เห็นภูเขาสีเขียวสดใสพร้อมกับทุ่งดอกไม้ป่าสีสันสวยงาม หากมาฤดูใบไม้ร่วง ภูเขาเกือบทั้งลูกจะกลายเป็นสีแดงสลับส้ม (ต้องช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยมาก)

13.40น. จุดแรกที่เราจะไปคือ ฟาร์มศึกษาธรรมชาติดะโจ ผมเจอที่แห่งนี้จากรายการซูโก้ยเจแปนของคุณฮิโระ และต้องการมาตามรอย เนื่องจากผมเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ บวกกับอยากมาดูว่าคนญี่ปุ่นเขาทำเกษตรกรรมกันแบบไหน อยากสัมผัสบรรยากาศ เลยตามมาที่นี่ ก็ได้เจอคุณลุงมัตสึดะซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์ม คุณลุงเปิดฟาร์มให้เด็กๆกับครอบครัวได้มาเรียนรู้วิถีชีวิตและประสบการณ์ของชาวไร่ชาวนา

คุณลุงรักการทำฟาร์มเป็นชีวิตจิตใจ แกเล่าให้ฟังว่าแกลาออกมาจากงานประจำตั้งแต่อายุประมาณ 50 และหันหน้าเข้าหาธรรมชาติ ใช้เวลาสร้างฟาร์มนี้อยู่ 5-6 ปีกว่าจะเป็นรูปร่าง และทำมาจนถึงตอนนี้
แปลงผักทั้งหมดคุณลุงดูแลเองกับมือคนเดียว มีทั้งหัวไชเท้า กะหล่ำปลี ผักกาดหอม พริกหยวก มะเขือเทศ เห็ดหอม สตรอเบอรี่ ยูซุ เชอร์รี่ เกาลัด ฯลฯ โดยปลูกผักด้วยวิถีธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง ที่สำคัญไม่ได้ปลูกไว้เพื่อขายหรือทำเป็นธุรกิจ

ฟาร์มดะโจ ดะโจ แปลว่า นกกระจอกเทศ ซึ่งต้องมีนกกระจอกเทศสิ 

ต้นซากุระ ตอนนี้ร่วงโรยหมดแล้ว ฤดูใบไม้ผลิคงจะสวยมาก

แพะที่คุณลุงเลี้ยงไว้

15.40น. เดินเล่นกันสักพักก็ต้องบอกลาคุณลุง แกให้ผักและเกาลัดสดๆจากฟาร์ม มาถุงใหญ่ๆ ดูขนาดเทียบกับมือ

จุดหมายถัดไปที่เราจะไปก็คือ ฟาร์มนมวัวไดเซน (Daisen Milk Ranch Village 大山みるくの里) ขณะขับรถไปตามทางเราจะได้เห็นวิวภูเขาไดเซนใกล้กว่าเดิม เพราะเราจะต้องมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ภูเขาตั้งอยู่นั่นเอง ที่นี่ใช้เวลาเดินทางจากสถานีโยนาโกะ ประมาณ 35-40 นาที (ระยะทาง 21 กิโลเมตร) ที่จอดรถฟรีครับ

น่าเสียดายที่ช่วงที่ผมไป ยังไม่ใช่ช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขาเลยยังไม่ค่อยมีสีส้มกับแดงเท่าไร แต่ก็เริ่มเห็นไรๆ ตีนเขาเป็นทุ่งหญ้าที่เขาจะเลี้ยงวัวนม ปล่อยเดินตามธรรมชาติ


สิ่งที่พลาดไม่ได้และไม่อยากให้พลาดคือ ซอฟต์ครีมนมสดของที่นี่ ราคา 350 เยน รสชาติเข้มข้นหอมนมมากๆ อยากจะซื้อกลับไปกินที่โรงแรมต่อเลยครับ

เราจะต้องกดซื้อตั๋วซอฟต์ครีมจากตู้อัตโนมัติ ระบุได้เลยว่าจะซื้อกี่แท่ง และนำตั๋วที่ได้ไปให้พนักงานเพื่อรับไอศกรีม

17.00น. ขับรถกลับเข้าเมือง พร้อมกับชมวิวระหว่างทางของที่นี่ จ.ทตโตริขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกข้าว และปศุสัตว์ (วัวนม)  ผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี่คือลูกแพร์ หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันในชื่อ สาลี่ วันพรุ่งนี้ผมจะพาไปที่พิพิธภัณฑ์ลูกแพร์ของที่นี่ด้วยครับ 

วิวพระอาทิตย์ตกดินระหว่างเดินทางกลับจากฟาร์มนมวัว

มาถึงแล้วก็เข้ามาเช็คอินที่โรงแรม สองคืนนี้โรงแรมที่เราพักชื่อว่า Super Hotel Yonago จองผ่านเว็บไซต์บุคกิ้งราคาคืนละประมาณ 3,180 บาท ผมเพิ่งเคยได้พักโรงแรมในเครือซูเปอร์ ระบบการบริการของที่นี่ค่อนข้างแตกต่างจากโรงแรมอื่น การชำระเงินค่าที่พักจ่ายกับตู้เก็บเงินอัตโนมัติ แต่ก็มีพนักงานคอยช่วยเหลืออยู่นะครับ

เช็คอินเรียบร้อยแล้วพนักงานจะให้แผ่นกระดาษแจ้งรหัสเข้าห้องของเรามา ที่นี่ไม่มีกุญแจห้องให้ครับ เราจะเข้าห้องโดยการกดรหัสแทนการไขกุญแจหรือคีย์การ์ด

เข้ามาด้านในห้อง เตียงจะสภาพประมาณนี้ครับ ทำไมหมอนเป็นแบบนั้น? คือที่ล็อบบี้โรงแรมจะมีหมอนให้เลือกหยิบขึ้นไปใช้ที่ห้อง ฟังไม่ผิดครับ หมอน หลากหลายประเภท เช่น หมอนแข็ง หมอนนุ่ม หมอนสุขภาพ แล้วแต่ความชอบของเรา พอดีผมไม่ได้ถ่ายรูปมา ตามคอนเซ็ปต์ของโรงแรมคือ การที่ให้ลูกค้าหลับพักผ่อนได้สนิทและสบายเหมือนอยู่บ้าน ส่วนชุดคลุมอาบน้ำก็หยิบเอาจากล็อบบี้ได้เลย

สำหรับแขกเข้าพักที่เป็นคุณผู้หญิง ทางโรงแรมจะมีของขวัญเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ของใช้ดูแลผิวให้หยิบคนละ 5 อย่างต่อคืน เช่น มาสก์หน้า มาสก์เท้า เซรั่มบำรุงผม โลชั่นบำรุงผิว ฯลฯ

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีไม่ต่างจากโรงแรมทั่วไป

ห้องน้ำแคบเหมือนปกติ แต่สภาพใหม่ ฝารองนั่งชักโครกมีฮีทเตอร์

อาหารเช้าของที่นี่คือเวลา 06.30-08.30น. วันธรรมดา หากเป็นวันหยุดจะเสิร์ฟอาหารถึง 09.00น. โรงแรมนี้จะมีบ่อน้ำร้อนให้แช่ เป็นน้ำแร่ธรรมชาติจากภูเขาไดเซน กำหนดเวลาเปิดให้แช่แยกเป็นผู้หญิงกับผู้ชาย ตามตารางด้านล่างนี้ครับ เพื่อความปลอดภัยสุดๆ ห้องแช่น้ำร้อนของผู้หญิงจะต้องมีการกดรหัสเข้าห้อง ซึ่งพนักงานจะนำใบรหัสมาให้กับมือคุณผู้หญิงตอนที่เช็คอินครับ

กฏกติกาการแช่น้ำก็เหมือนๆกับออนเซนที่อื่นครับ อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนลงแช่ และห้ามนำผ้าขนหนูเข้าไปในบริเวณบ่อน้ำ

วิวจากที่ห้องพักของโรงแรมชั้น 10

เช็คอินที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว แพลนถัดไปของเราก็คือ ถนนมิสึกิชิเกรุโร้ด (みずきしげるロード)หรือถนนผีการ์ตูนคิทาโร่ ตั้งอยู่ในเขตซาไกมินาโตะ ห่างจากโยนาโกะไปประมาณ 30-40 นาที  รอบนี้เราตัดสินใจไปตอนกลางคืน น่าจะได้บรรยากาศในอีกแบบนึง
ชื่อสินค้า:   ประเทศญี่ปุ่น
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่