เรื่องสั้น เรื่องที่ 2 (อาจจะมีเรื่องที่ 3 ตามมาในวันพุธ หรือไม่ก็พฤหัสครับ)
เรื่องนี้ออกแนวสยองขวัญ...
ชายคนหนึ่งกำลังเดินไปในซอยเปลี่ยวยามหลังเที่ยงคืน แถมเป็นคืนเดือนมืดอีกต่างหาก...
เขาไปแถวๆ นั้น ทำไม ???
และจะเจอกับอะไร ???
ตามอ่านกันเลยครับ ^^
....คืนเดือนมืด ในเวลาเลยเที่ยงคืนนั้นร้างผู้คน โดยเฉพาะตามตรอกซอกซอยที่ไม่ใช่ถนนสายหลัก ยิ่งรกร้างว่างเปล่า ชวนวังเวงน่ากลัว อย่างที่ไม่มีใครอยากเดินผ่าน
ถนนสายย่อยเส้นหนึ่งซึ่งตัดตรงเข้าไปยังหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่นับกิโลเมตรเส้นนี้ก็เช่นกันที่ให้ความรู้สึกเช่นนั้น ไฟทางริบหรี่ ติดๆ ดับๆ หญ้าคาบริเวณไหล่ทางที่สูงท่วมหัว ช่วยแต่งเติมฉากให้สยองขวัญสำหรับผู้สัญจรยิ่งขึ้นไปอีก
มอเตอร์ไซด์รับจ้างที่เคยวิ่งกันจ้าละหวั่นรับส่งผู้โดยสารในช่วงเช้าและเย็นไม่เหลือสักคันแล้ว ฝนที่พรำลงมาตั้งแต่ช่วงเย็นคงช่วยไล่ให้พวกเขากลับเข้าบ้านเร็วกว่าที่ควรจะเป็น จึงเหลือเพียงเพิงรอรถถูกทิ้งร้างไว้ให้ดูต่างหน้าในเวลานี้
คนทั่วไปย่อมไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้เป็นแน่แท้ แต่สำหรับบางคนมันกลับกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การหาเหยื่อ
ลึกเข้าไปไม่กี่สิบเมตร เงาร่างหนึ่งยืนสงบนิ่ง เร้นกายอย่างเงียบเชียบ กลมกลืนไปกับเงามืดของไม้ใหญ่ สองมือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง เสื้อผ้าเปียกปอนไปทั่วทั้งตัว สายตาภายใต้ปีกหมวกแก๊ปสอดส่องไปมาอย่างคนรอคอยอะไรบางอย่าง
เสียงเปาะแปะ หวีดหวิว เสียดสี และเสียงร้องของแมลง ดังเล็ดลอดเข้าโสตประสาท หากไม่มีเสียงพวกนี้ ทั้งโลกคงจะเงียบสงัด และนั่นคงทำให้สมองจินตนาการ สร้างภาพอันน่าสยดสยองให้ตัวเองนึกหวาดกลัวเองได้ไม่ยาก
คนเราไม่ได้กลัวภูติผีปีศาจหรอก แต่เป็นความมืดและความเงียบต่างหาก
แต่กับชายผู้นี้แล้ว เขาไม่ได้เป็นอย่างนั้น จินตนาการในหัวทำอะไรเขาไม่ได้ สำหรับเขา ความมืดมิดเป็นเสมือนเพื่อนและผู้ร่วมงาน แม้จะนอนอยู่ในป่าช้าทั้งคืน ก็ไม่อาจมีสิ่งใดทำให้เขาสะทกสะท้านได้สักนิด
แสงสว่างจากพรายน้ำบนหน้าปัดนาฬิกา ทำให้เขามองเห็นว่าเวลาดึกดื่นขนาดนี้แล้ว มันทำให้เขาคิดว่า คืนนี้อาจจะต้องกลับบ้านมือเปล่า ก็คงไม่แปลกอะไร แม้ในคืนฝนพรำจะทำให้ผู้คนบางตา เหมาะแก่การหาเหยื่อ แต่กลับกัน มันก็ทำให้คนรีบเร่งกลับบ้านจนไม่เหลือเหยื่อให้เขาเช่นกัน
คิดไปเรื่อยเปื่อยก็พลันสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวบางอย่าง สัญชาตญาณในความมืดที่ถูกบ่มเพาะจนคมกริบ ทำให้แยกแยะออกได้อย่างง่ายดายว่ามันคือการเคลื่อนไหวของมนุษย์
แม้มองเห็นไม่ชัด แต่จากรูปร่าง การแต่งตัว ดูแล้วก็รู้ว่าเป็นผู้หญิง พลันได้ยินเสียงหัวใจตนเองเริ่มเต้นอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง มันช่วยปลุกรอยยิ้มเหี้ยมให้กลับมาโลดแล่นบนใบหน้า
ชายหนุ่มก้าวเท้าออกจากที่กำบัง และเริ่มออกเดินตามไปห่างๆ สายฝนช่วยกลบเสียงฝีเท้าได้ค่อนข้างมิดชิด ไม่มีทางเลยที่หญิงสาวผู้นี้จะทันรู้ตัวว่าถูกสะกดรอยอยู่
ใจกล้าจริงๆ นะ กลับบ้านดึกขนาดนี้คนเดียว ในซอยเปลี่ยนที่ฝนกำลังตก แถมยังเดินแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียอีก แต่แบบนี้แหละ ที่เขาชอบ เขาอยากรู้ว่าเวลาที่รู้ว่าความตายกำลังจะเข้ามาเยือน เธอยังจะทำใจเย็น ใจแข็งได้อีกหรือไม่
จังหวะการก้าวเท้าของชายหนุ่มแทบจะเป็นจังหวะเดียวกับหญิงสาว ประสบการณ์การล่าที่ผ่านมาเพาะบ่มจนทำให้เกิดการเลียนแบบ ปรับให้การเดินติดตามเหยื่อ เป็นจังหวะเดียวกันโดยอัตโนมัติ
การล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เขาใจเย็นพอที่จะรอให้เหยื่อเดินเข้าไปลึกขึ้นอีกสักหน่อย เพื่อที่ทุกอย่างจะได้ง่ายดายขึ้น และเพื่อยืดระยะเวลาแห่งความหฤหรรษ์ของเขาให้ยาวนานขึ้นอีกหน่อย
ทว่า จู่ๆ หญิงสาวที่กำลังตกเป็นเหยื่อก็กลับหยุดเดินเสียดื้อๆ จนเขาแทบจะหยุดฝีก้าวตามแทบไม่ทัน เธอรู้ตัวแล้วอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็คงต้องจัดการทุกเรื่องให้จบตรงนี้เลย มือล้วงไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมๆ กับดึงมีดพกออกมา
ยังไม่ลึกพอ หญ้าแถวนี้ไม่ค่อยสูง จัดการศพยากหน่อย แต่ก็น่าจะพอไหว
ชายหนุ่มสาวเท้ายาว พุ่งตัวเข้าประชิดก่อนที่หญิงสาวจะทันเคลื่อนไหวอะไรต่อ รวดเร็วจนไม่ทันแม้แค่จะหันกลับมามอง อึดใจเดียวร่างเล็กก็ถูกพันธนาการไว้ด้วยแขนทรงพลัง พร้อมๆ กับใบมีดเงาวับจ่ออยู่ตรงคอหอย
ชั่วแล่นทางความคิด จู่ๆ เขากลับรับรู้ได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างจนถึงกับขนลุกซู่ หญิงสาวในอ้อมกอดเนื้อตัวเย็นจนเกินไป เธอไม่ดิ้นรนขัดขืน ไม่แม้แต่จะร้องให้ได้ยินสักแอะ
“ฮิๆๆ”
เอ๋...เสียงหัวเราะอย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มได้ยินเสียงหัวเราะก่อนที่ใบคมจะเฉือนผ่านลำคอไป เลือดไหลทะลักออกมา ก่อนที่ร่างเล็กในอ้อมกอดจะกระตุกสองสามครั้งและแน่นิ่งไป เมื่อเขาคลายแรง ร่างเล็กก็ทิ้งตัวลงไปกับพื้นเบื้องหน้าทันที
แปลก แปลกจริงๆ คิดพลางมองดูเลือดที่อาบย้อมมือของเขาเองจนกลายเป็นสีคล้ำ เลือดไหลนองขนาดนี้ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงไออุ่นของเลือดเลยสักนิด แถมการล่าเหยื่อในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาตื่นเต้น ไม่ทำให้รู้สึกหฤหรรษ์เป็นสุขเลยสักนิด
อาจไม่พร้อม คิดมากไปเอง หรือมีอะไรผิดแผนไปก็เป็นได้ ช่างเถอะ รีบจัดการศพให้เสร็จๆ ไปดีกว่า จะได้รีบกลับไปพักผ่อน ส่วนเลือดก็คงถูกชะไปเองด้วยฝนตอนนี้ ไม่ต้องทำอะไรหรอก
แต่เมื่อคิดที่จะเก็บกวาด สิ่งที่เห็นกลับยิ่งทำให้ชายหนุ่มต้องตื่นตระหนก ศพของหญิงสาวที่ควรจะกองอยู่กับพื้นแฉะๆ ที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตรงหน้ากลับไม่อยู่ตรงนั้น ราวกับมันหายวับไปตอนไหนก็ไม่รู้
เหลียวซ้ายแลหวาเลิกลั่ก รอบตัวเขากลับไม่พบสิ่งใด เดินไปควานหาในพงหญ้าข้างทาง แต่ก็ปราศจากสิ่งที่เขาหมายจะเห็น
“ฮิ ฮิ ฮิ”
เสียงเล็กแหลมลอยมาตามลมจากที่ใดสักแห่ง อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่พบต้นเสียง ชายหนุ่มยิ่งสอดสายสายตา ควานหาอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็มีเพียงความมืดและสายฝนที่คว้ามาได้
“ฮิ ฮิ ฮิ”
จากเสียงที่ฟังธรรมดาในทีแรก จินตนาการได้ทำให้มันกลายเป็นเสียงอันน่าเกลียดน่ากลัว ซึ่งประทับความน่าสยดสยองหวาดหวั่นลงไปในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จู่ๆ ร่างกายก็สั่นสะท้านอย่างไม่ทราบสาเหตุ เส้นขนทั่วร่างพร้อมใจกันลุกเกรียวตั้งชัน
“ว๊าก ออกมาสิโว้ย”
ชายหนุ่มตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ตวัดมีดในมือไปมา ตัดเฉือนไปในอากาศที่ว่างเปล่าราวกับกำลังสู้กับใครอยู่
แล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจบางเบา ซึ่งปะปนมาด้วยกลิ่นสาปสางชวนสะอิดสะเอียน
“ในที่สุดก็กลับมา”
เสียงเย็นเยือกกระซิบอยู่ที่ข้างหู ชายหนุ่มซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับครั้งไม่ถ้วน เคยเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาโดยฝีมือตัวเองมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทำให้เขารู้สึกกลัวจับขั้วหัวใจได้มากเท่าครั้งนี้
กลิ่นเหม็นเน่าที่ปะปนมากับลมหายใจ ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านจนมีดในมือร่วงหล่น น้ำตาไหลออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
“ฉันรอแกกลับมาที่นี่มาตลอด”
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ผสมอยู่ในทุกอณูของหยาดฝนและไอดิน จนแทบจะอาเจียนออกมา แล้วจู่ๆ หยาดฝนแต่ละเม็ดก็กลับกลายเป็นหยดเลือดที่ละเลงทิวทัศน์ทั้งหมดจนแดงฉาน
“แกเคยฆ่าฉันมาแล้วครั้งหนึ่งที่นี่ เคยใช้มีดปาดคอฉันมาแล้ว จำได้ไหม”
ไอเย็นลูบไล้เกี่ยวพันไปทั่วร่าง คล้ายงูใหญ่บีบรัดจนไม่สามารถขยับตัวได้
“คราวนี้ ถึงคราวของแกแล้ว”
“ว๊าก...กกก”
เขาสลัดตัวเองออกจากพันธนาการที่มองไม่เห็นได้สำเร็จ หางตาเห็นใครบางคนยืนอยู่แต่พอหันกลับไปมองก็ไม่พบอะไร ตรงนั้นทีตรงนี้ทีจนเหนื่อยหอบ ไอเย็นคุกคามที่ท้ายทอยอีกครั้ง
และครั้งนี้เมื่อเขาหันกลับไป ก็พบใบหน้าขาวซีด ซึ่งมีเลือดสีคล้ำข้นทะลักออกมาจากลำคอ ประจันหน้ากับเขาในระยะประชิด
“ฮิ ฮิ ฮิ”
ร่างชุ่มโชกแสยะยิ้มมาให้
เช้าวันต่อมา มีผู้พบศพชายแปลกหน้านอนจมกองเลือดอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง บริเวณลำคอถูกปาดเป็นแผลเหวอะหวะ เลือดที่ไหลนองถูกเจือจางด้วยน้ำฝน จนเป็นสีแดงในวงกว้าง ในมือของเขากำมีดที่ใช้ปาดคอตัวเองไว้แน่น
และหลังจากเช้าวันนั้น คดีฆาตกรรมต่อเนื่องซึ่งเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในตอนนั้นก็ยุติลงอย่างไม่มีใครทราบสาเหตุ
/// จบ ///
ถุงมือรัตติกาล
🌾🌴🐌 ถุงมือยามว่าง : เรื่องสั้น #22/2 ปักษ์หลังเดือน พ.ย. ***เกมสุดท้ายของปีนี้*** "ซอยเปลี่ยว" 🐌🌴🌾
เรื่องนี้ออกแนวสยองขวัญ...
ชายคนหนึ่งกำลังเดินไปในซอยเปลี่ยวยามหลังเที่ยงคืน แถมเป็นคืนเดือนมืดอีกต่างหาก...
เขาไปแถวๆ นั้น ทำไม ???
และจะเจอกับอะไร ???
ตามอ่านกันเลยครับ ^^
....คืนเดือนมืด ในเวลาเลยเที่ยงคืนนั้นร้างผู้คน โดยเฉพาะตามตรอกซอกซอยที่ไม่ใช่ถนนสายหลัก ยิ่งรกร้างว่างเปล่า ชวนวังเวงน่ากลัว อย่างที่ไม่มีใครอยากเดินผ่าน
ถนนสายย่อยเส้นหนึ่งซึ่งตัดตรงเข้าไปยังหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่นับกิโลเมตรเส้นนี้ก็เช่นกันที่ให้ความรู้สึกเช่นนั้น ไฟทางริบหรี่ ติดๆ ดับๆ หญ้าคาบริเวณไหล่ทางที่สูงท่วมหัว ช่วยแต่งเติมฉากให้สยองขวัญสำหรับผู้สัญจรยิ่งขึ้นไปอีก
มอเตอร์ไซด์รับจ้างที่เคยวิ่งกันจ้าละหวั่นรับส่งผู้โดยสารในช่วงเช้าและเย็นไม่เหลือสักคันแล้ว ฝนที่พรำลงมาตั้งแต่ช่วงเย็นคงช่วยไล่ให้พวกเขากลับเข้าบ้านเร็วกว่าที่ควรจะเป็น จึงเหลือเพียงเพิงรอรถถูกทิ้งร้างไว้ให้ดูต่างหน้าในเวลานี้
คนทั่วไปย่อมไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้เป็นแน่แท้ แต่สำหรับบางคนมันกลับกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การหาเหยื่อ
ลึกเข้าไปไม่กี่สิบเมตร เงาร่างหนึ่งยืนสงบนิ่ง เร้นกายอย่างเงียบเชียบ กลมกลืนไปกับเงามืดของไม้ใหญ่ สองมือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง เสื้อผ้าเปียกปอนไปทั่วทั้งตัว สายตาภายใต้ปีกหมวกแก๊ปสอดส่องไปมาอย่างคนรอคอยอะไรบางอย่าง
เสียงเปาะแปะ หวีดหวิว เสียดสี และเสียงร้องของแมลง ดังเล็ดลอดเข้าโสตประสาท หากไม่มีเสียงพวกนี้ ทั้งโลกคงจะเงียบสงัด และนั่นคงทำให้สมองจินตนาการ สร้างภาพอันน่าสยดสยองให้ตัวเองนึกหวาดกลัวเองได้ไม่ยาก
คนเราไม่ได้กลัวภูติผีปีศาจหรอก แต่เป็นความมืดและความเงียบต่างหาก
แต่กับชายผู้นี้แล้ว เขาไม่ได้เป็นอย่างนั้น จินตนาการในหัวทำอะไรเขาไม่ได้ สำหรับเขา ความมืดมิดเป็นเสมือนเพื่อนและผู้ร่วมงาน แม้จะนอนอยู่ในป่าช้าทั้งคืน ก็ไม่อาจมีสิ่งใดทำให้เขาสะทกสะท้านได้สักนิด
แสงสว่างจากพรายน้ำบนหน้าปัดนาฬิกา ทำให้เขามองเห็นว่าเวลาดึกดื่นขนาดนี้แล้ว มันทำให้เขาคิดว่า คืนนี้อาจจะต้องกลับบ้านมือเปล่า ก็คงไม่แปลกอะไร แม้ในคืนฝนพรำจะทำให้ผู้คนบางตา เหมาะแก่การหาเหยื่อ แต่กลับกัน มันก็ทำให้คนรีบเร่งกลับบ้านจนไม่เหลือเหยื่อให้เขาเช่นกัน
คิดไปเรื่อยเปื่อยก็พลันสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวบางอย่าง สัญชาตญาณในความมืดที่ถูกบ่มเพาะจนคมกริบ ทำให้แยกแยะออกได้อย่างง่ายดายว่ามันคือการเคลื่อนไหวของมนุษย์
แม้มองเห็นไม่ชัด แต่จากรูปร่าง การแต่งตัว ดูแล้วก็รู้ว่าเป็นผู้หญิง พลันได้ยินเสียงหัวใจตนเองเริ่มเต้นอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง มันช่วยปลุกรอยยิ้มเหี้ยมให้กลับมาโลดแล่นบนใบหน้า
ชายหนุ่มก้าวเท้าออกจากที่กำบัง และเริ่มออกเดินตามไปห่างๆ สายฝนช่วยกลบเสียงฝีเท้าได้ค่อนข้างมิดชิด ไม่มีทางเลยที่หญิงสาวผู้นี้จะทันรู้ตัวว่าถูกสะกดรอยอยู่
ใจกล้าจริงๆ นะ กลับบ้านดึกขนาดนี้คนเดียว ในซอยเปลี่ยนที่ฝนกำลังตก แถมยังเดินแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียอีก แต่แบบนี้แหละ ที่เขาชอบ เขาอยากรู้ว่าเวลาที่รู้ว่าความตายกำลังจะเข้ามาเยือน เธอยังจะทำใจเย็น ใจแข็งได้อีกหรือไม่
จังหวะการก้าวเท้าของชายหนุ่มแทบจะเป็นจังหวะเดียวกับหญิงสาว ประสบการณ์การล่าที่ผ่านมาเพาะบ่มจนทำให้เกิดการเลียนแบบ ปรับให้การเดินติดตามเหยื่อ เป็นจังหวะเดียวกันโดยอัตโนมัติ
การล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เขาใจเย็นพอที่จะรอให้เหยื่อเดินเข้าไปลึกขึ้นอีกสักหน่อย เพื่อที่ทุกอย่างจะได้ง่ายดายขึ้น และเพื่อยืดระยะเวลาแห่งความหฤหรรษ์ของเขาให้ยาวนานขึ้นอีกหน่อย
ทว่า จู่ๆ หญิงสาวที่กำลังตกเป็นเหยื่อก็กลับหยุดเดินเสียดื้อๆ จนเขาแทบจะหยุดฝีก้าวตามแทบไม่ทัน เธอรู้ตัวแล้วอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็คงต้องจัดการทุกเรื่องให้จบตรงนี้เลย มือล้วงไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมๆ กับดึงมีดพกออกมา
ยังไม่ลึกพอ หญ้าแถวนี้ไม่ค่อยสูง จัดการศพยากหน่อย แต่ก็น่าจะพอไหว
ชายหนุ่มสาวเท้ายาว พุ่งตัวเข้าประชิดก่อนที่หญิงสาวจะทันเคลื่อนไหวอะไรต่อ รวดเร็วจนไม่ทันแม้แค่จะหันกลับมามอง อึดใจเดียวร่างเล็กก็ถูกพันธนาการไว้ด้วยแขนทรงพลัง พร้อมๆ กับใบมีดเงาวับจ่ออยู่ตรงคอหอย
ชั่วแล่นทางความคิด จู่ๆ เขากลับรับรู้ได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างจนถึงกับขนลุกซู่ หญิงสาวในอ้อมกอดเนื้อตัวเย็นจนเกินไป เธอไม่ดิ้นรนขัดขืน ไม่แม้แต่จะร้องให้ได้ยินสักแอะ
“ฮิๆๆ”
เอ๋...เสียงหัวเราะอย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มได้ยินเสียงหัวเราะก่อนที่ใบคมจะเฉือนผ่านลำคอไป เลือดไหลทะลักออกมา ก่อนที่ร่างเล็กในอ้อมกอดจะกระตุกสองสามครั้งและแน่นิ่งไป เมื่อเขาคลายแรง ร่างเล็กก็ทิ้งตัวลงไปกับพื้นเบื้องหน้าทันที
แปลก แปลกจริงๆ คิดพลางมองดูเลือดที่อาบย้อมมือของเขาเองจนกลายเป็นสีคล้ำ เลือดไหลนองขนาดนี้ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงไออุ่นของเลือดเลยสักนิด แถมการล่าเหยื่อในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาตื่นเต้น ไม่ทำให้รู้สึกหฤหรรษ์เป็นสุขเลยสักนิด
อาจไม่พร้อม คิดมากไปเอง หรือมีอะไรผิดแผนไปก็เป็นได้ ช่างเถอะ รีบจัดการศพให้เสร็จๆ ไปดีกว่า จะได้รีบกลับไปพักผ่อน ส่วนเลือดก็คงถูกชะไปเองด้วยฝนตอนนี้ ไม่ต้องทำอะไรหรอก
แต่เมื่อคิดที่จะเก็บกวาด สิ่งที่เห็นกลับยิ่งทำให้ชายหนุ่มต้องตื่นตระหนก ศพของหญิงสาวที่ควรจะกองอยู่กับพื้นแฉะๆ ที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตรงหน้ากลับไม่อยู่ตรงนั้น ราวกับมันหายวับไปตอนไหนก็ไม่รู้
เหลียวซ้ายแลหวาเลิกลั่ก รอบตัวเขากลับไม่พบสิ่งใด เดินไปควานหาในพงหญ้าข้างทาง แต่ก็ปราศจากสิ่งที่เขาหมายจะเห็น
“ฮิ ฮิ ฮิ”
เสียงเล็กแหลมลอยมาตามลมจากที่ใดสักแห่ง อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่พบต้นเสียง ชายหนุ่มยิ่งสอดสายสายตา ควานหาอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็มีเพียงความมืดและสายฝนที่คว้ามาได้
“ฮิ ฮิ ฮิ”
จากเสียงที่ฟังธรรมดาในทีแรก จินตนาการได้ทำให้มันกลายเป็นเสียงอันน่าเกลียดน่ากลัว ซึ่งประทับความน่าสยดสยองหวาดหวั่นลงไปในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ร่างกายก็สั่นสะท้านอย่างไม่ทราบสาเหตุ เส้นขนทั่วร่างพร้อมใจกันลุกเกรียวตั้งชัน
“ว๊าก ออกมาสิโว้ย”
ชายหนุ่มตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ตวัดมีดในมือไปมา ตัดเฉือนไปในอากาศที่ว่างเปล่าราวกับกำลังสู้กับใครอยู่
แล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจบางเบา ซึ่งปะปนมาด้วยกลิ่นสาปสางชวนสะอิดสะเอียน
“ในที่สุดก็กลับมา”
เสียงเย็นเยือกกระซิบอยู่ที่ข้างหู ชายหนุ่มซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับครั้งไม่ถ้วน เคยเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาโดยฝีมือตัวเองมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทำให้เขารู้สึกกลัวจับขั้วหัวใจได้มากเท่าครั้งนี้
กลิ่นเหม็นเน่าที่ปะปนมากับลมหายใจ ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านจนมีดในมือร่วงหล่น น้ำตาไหลออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
“ฉันรอแกกลับมาที่นี่มาตลอด”
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ผสมอยู่ในทุกอณูของหยาดฝนและไอดิน จนแทบจะอาเจียนออกมา แล้วจู่ๆ หยาดฝนแต่ละเม็ดก็กลับกลายเป็นหยดเลือดที่ละเลงทิวทัศน์ทั้งหมดจนแดงฉาน
“แกเคยฆ่าฉันมาแล้วครั้งหนึ่งที่นี่ เคยใช้มีดปาดคอฉันมาแล้ว จำได้ไหม”
ไอเย็นลูบไล้เกี่ยวพันไปทั่วร่าง คล้ายงูใหญ่บีบรัดจนไม่สามารถขยับตัวได้
“คราวนี้ ถึงคราวของแกแล้ว”
“ว๊าก...กกก”
เขาสลัดตัวเองออกจากพันธนาการที่มองไม่เห็นได้สำเร็จ หางตาเห็นใครบางคนยืนอยู่แต่พอหันกลับไปมองก็ไม่พบอะไร ตรงนั้นทีตรงนี้ทีจนเหนื่อยหอบ ไอเย็นคุกคามที่ท้ายทอยอีกครั้ง และครั้งนี้เมื่อเขาหันกลับไป ก็พบใบหน้าขาวซีด ซึ่งมีเลือดสีคล้ำข้นทะลักออกมาจากลำคอ ประจันหน้ากับเขาในระยะประชิด
“ฮิ ฮิ ฮิ”
ร่างชุ่มโชกแสยะยิ้มมาให้
เช้าวันต่อมา มีผู้พบศพชายแปลกหน้านอนจมกองเลือดอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง บริเวณลำคอถูกปาดเป็นแผลเหวอะหวะ เลือดที่ไหลนองถูกเจือจางด้วยน้ำฝน จนเป็นสีแดงในวงกว้าง ในมือของเขากำมีดที่ใช้ปาดคอตัวเองไว้แน่น
และหลังจากเช้าวันนั้น คดีฆาตกรรมต่อเนื่องซึ่งเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในตอนนั้นก็ยุติลงอย่างไม่มีใครทราบสาเหตุ