ผมเป็นคนที่สมองมีการคิดอะไรนู่นนี่อยู่ตลอดเวลา ขี้วิตกกังวล จนรู้สึกรำคาญตัวเองเลย

เกริ่นก่อน ว่า ผมเป็นคนคนนึงที่สนใจในความรู้รอบตัวมาก แต่ก็ไม่ได้ถึงขึ้นเอาแต่อ่าน เป็นเนิร์ด คุยกับใครไม่รู้เรื่องนะครับ

ตั้งแต่เด็กมา ผมคิดอะไรนู่นนี่อยู่ในหัวตลอดเวลา เรียกได้ว่าสมองส่วนความคิดนั้นทำงานตั้งแต่ลืมตาเลย
บางทีผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำครับว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
เวลาเข้าฟิตเนส ผมสามารถ ไปออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงจนครบ โดยที่ไม่ฟังเพลง ไม่ดูหนัง ไม่ทำอะไรให้บันเทิงเลย แล้วก็ไม่เบื่อ
แค่ออกกำลังกายเฉยๆ ยาวไป ไม่ทำไรเพิ่มระหว่างนั้น กลับกันในช่วงเวลาแบบนี้ผมกลับมีความคิดสร้างสรรค์ที่โลดแล่นมากๆ
เวลาเดินทางก็เช่นกันครับ ผมชอบนั่งรถ นั่งเครื่องบิน นั่งเรือ ก็นั่งเฉยๆ มองทางแล้วก็คิดอะไรไป ส่วนใหญ่ไอเดียแปลกใหม่ก็มักจะมาเวลาเดินทางครับ

นอกจากความคิดที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดแล้ว ผมก็ขี้สงสัยอย่างมาก
ผมเองในตอนเด็ก
- เวลาไปโรงแรมหรือบ้านผู้ใหญ่ที่สนิท ผมชอบเดินสำรวจสวิตซ์ไฟ ว่าอันไหนเปิดไฟตรงไหน
- เวลาใครซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ามาใหม่ ผมชอบไปเล่นรีโมตว่ามีอะไรให้ปรับบ้าง
หรือแม้กระทั่ง
- ถ้าเอามดไปแช่ฟรีซ แล้วเข้าไมโครเวฟ มันจะฟื้นคืนชีพมั้ย ?
- น้ำแข็งยังลอยน้ำ แล้วจะลอยน้ำมันหรือเปล่า ?
- ถ้าใส่น้ำแข็งแห้งไปในลูกโป่ง มันจะเป่าลูกโป่งให้เราได้ขนาดไหน ?
- ถ้าเอาสเปรย์ไล่ยุงผสมไปในสีทาบ้าน มันจะเป็นกำแพงไล่ยุงได้มั้ย ?
และมากมาย

แล้วผมก็ตั้งคำถามเก่งมากๆ ทำไม ทำไม ตลอดเวลา
ยกตัวอย่าง
- ขึ้น BTS ก็ ทำไมต้องทำที่นั่งเป็นที่ๆให้คนติดๆกัน ไม่ทำเป็นแถบยาวๆแบบม้านั่ง เพราะคนทำงานจะกลับบ้านบางคนมีของ บางคนตัวผอม มันมีที่ว่างเกิดขึ้นที่ไม่สามารถนั่งได้ เพราะเป็นขอบที่นั่ง ซึ่งเอามารวมกันแล้วน่าจะได้ที่ให้เกิน 50 คนด้วยซ้ำ
- ความสงสัยในเรื่องของภาษาก็เช่นกัน เช่น ปลาเผา มันคือการเอาปลาเสียบไม้เหนือถ่านที่คุกรุ่น ซึ่งเราก็ทำแบบนั้นกับไก่ได้เช่นกัน แต่เราไม่เรียก ไก่เผา เราเรียก ไก่หมุน หลายคนเรียกไก่ย่าง แต่ไม่มีใครเรียก ไก่เผา เลย ในขณะเดียวกัน ปลาย่าง คือปลาที่ไม่หมุน
- Air Fryer ชื่อที่ถูกจะต้องเป็นอะไรกันแน่ ภาษาไทยเราเรียก "หม้อทอดไฟฟ้า" "หม้ออบไฟฟ้า" ผมว่าไม่ใช่อะ "ทอด" หรือ "Fry" ตามความหมายคือทำให้สุกด้วยการเอาเนื้อไปแช่ไขมันเดือด ไม่จำเป็นต้องท่วม แต่นี่ไขมันไม่ขนาดนั้น ส่วน "อบ" คือ คลื่นความร้อนแผ่จากเหล็กร้อนมาทำให้สุก เป็น Radiation แต่ หลักการของเครื่องนี้คือการอัดอากาศแล้วเพิ่มอุณหภูมิก่อนพัดให้หมุนทั่ว นี่คือ Convection นะ ฉะนั้นจนตอนนี้ผมก็ไม่เรียกมันเป็นภาษาไทย เอาเข้าจริง Air Fryer ก็ผิดอะ ตามที่อธิบาย ถ้าให้ผมตั้งชื่อผมคงเรียก Air Stormer (นักสร้างพายุอากาศ)

ผมเคยไปเรียนพิเศษที่บ้านอาจารย์ อาจารย์ชมผมว่าผม ตั้งคำถามแปลกใหม่ได้เก่งมาก สอนมาไม่เคยเจอใครสงสัยอะไรแบบนี้

ในวิชาที่ต้องพรีเซ้นท์ ถ้าอาจารย์ให้คะแนนคนที่ยกมือถาม ผมก็จะถูกหมั่นไส้พอสมควร
ผมตั้งคำถามเก่งจนเพื่อนชอบถามว่า นี่ไปหาข้อมูลเรื่องที่เค้าพูดมาก่อนรึไง !!
เปล่าเลยนะคร้าบ T T ผมก็ฟังที่เพื่อนพรีเซนท์นั่นแหละ แล้วสงสัยจากตรงนั้น

อย่างพรีเซนท์เรื่อง โซล่าร์เซลล์ 
ผมก็สงสัยนะว่า โอเคควรติดในที่สูง แล้วมันเอาไปประยุกต์ติดกับกังหันลมได้มั้ย ?
ซึ่งผมก็ไม่ถาม รู้สึกว่าไกลตัวไป ไม่อยากแกล้งเพื่อน ถามไรเบสิคดีกว่า
อย่างเช่น มันจะต้องทำความสะอาดมั้ย หรือใช้ไประยะหนึ่งก็ทิ้งแล้วเปลี่ยน ?
แต่เพื่อนก็กลับตอบไม่ได้ แล้วหงุดหงิดผม.. ผมว่านี่คือความสงสัยธรรมดามากเลยนะ

แล้วผมก็หัวไวมาก สำหรับการคิดวางระบบ
- ตอนที่มีพิษสุนัขบ้าระบาดแล้วมีการ Set Zero ผมคุยกับคนคนนึง ว่า การฆ่าทิ้งอะ ไว้เป็นทางสุดท้ายเถอะ เราควรพยายามควบคุมปริมาณด้วยการเก็บค่ามัดจำการครอบครองสัตว์เลี้ยง แล้วคืนให้เจ้าของเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ขึ้นกับพันธ์สัตว์และรายได้เจ้าของ มีกรมควบคุมที่คอยเช็คทุกปี ว่าเราไม่ได้เอาไปแอบปล่อย (ไม่งั้นจะถูกเก็บเงินมหาศาล) จนครบกำหนดรับค่าครอบครองคืนซึ่งก็คืน 75 % ถ้าครบกำหนดแล้ว วันนึงไม่พร้อมเลี้ยง เอามาให้กรมได้ ต้องจ่ายเงินระดับนึง ถ้าช่วงยังไม่ครบกำหนดที่ระบุไว้ว่าต้องครอบครองสัตว์นานแค่ไหน เกิดสัตว์ตายก่อน ต้องแจ้งกรมมาตรวจสอบว่าไม่มีใครฆ่า อาจจะมีข้อโต้แย้งว่า แล้วถ้าคนที่ไม่พร้อมเลี้ยงด้านการเงินหรือจำเป็นต้องมีสัตว์ อย่างเช่นการเอาไปเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยซึมเศร้า ทางกรมก็ให้ยืมเลี้ยงได้ ก็จากที่กรณีก่อนหน้าเอาไปคืนนั่นละ แล้วกรมก็ให้ฟรี ทำสัตว์ตายได้ ถ้าตรวจสอบแล้วตั้งใจก็ให้จ่ายเงิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ในเรื่องของ ระบบ รหัส ผมเข้าใจได้เร็วมาก
ตอนเรียนวิชาเขียนโปรแกรมคอมพ์ ทุกอย่างมันง่ายมากเลยครับสำหรับผม ทั้งที่ผมไม่ได้เรียนคณะที่เกี่ยวกับคอมพ์ซักนิดเลยด้วยซ้ำ

ผมถนัดการหาตัวแปรเช่นกัน อย่างตอนคิดระบบจัดการเรื่องมีสัตว์ถูกทิ้งเกลื่อนเมือง
ผมพยายามคิดเหตุผลของคนต่างๆมากมายให้มากที่สุดเพื่อความสมบูรณ์แบบ จะเห็นจากตัวอย่างที่ผมคิดไปถึง ผู้ป่วยซึมเศร้า เลย
เพื่อการวางระบบที่จะมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดที่ผมทำได้

ที่จริงมีเยอะกว่านี้มากกกกกกกกกกกกก นี่แค่ตัวอย่างบางส่วน

พูดขนาดนี้อาจจะดูขี้โม้
แต่มันก็มีข้อเสียนะ 
ด้วยความที่คิดทุกอย่างตลอดเวลา ผมกลายเป็นคนที่คิดมาก ขี้วิตกกังวล ฟุ้งซ่าน เก็บทุกอย่างมาใส่ใจ
นอกจากนี้ผมยังมีอาการ ย้ำคิดย้ำทำขั้นรุนแรง และ สมาธิสั้น ด้วยครับ
เวลาทำอะไร ผมตั้งใจทำมาก แต่ผมกลับมีสมาธิกับมันได้ไม่นาน
กลับกัน การจับปลาสองมือ กลับทำมห้ผมทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า เบื่ออันนี้ ไปทำอีกอัน ซักพักกลับมาทำอันเดิม
การย้ำคิดย้ำทำมันทำให้ผมรอบคอบนะ แต่มันก็มากไปอะ บางทีล็อกห้องจะลงไปกินข้าว ล็อกเสร็จ หมุนลูกบิด เค ล็อกแล้ว เดินไปถึงลิฟท์แล้วหลายทียังต้องกลับมาเช็คอีกทีให้สบายใจ

ผมเบื่อตัวเองกับอาการพวกนี้อะครับ ผมไม่อยากเป็นคนที่ขี้วิตกกังวลดูเคร่งเครียดตลอดเวลา
ซึ่งก็ไม่ได้เนิร์ดหรอก แค่ดูจริงจังกับชีวิตมากไปในบางที
แล้วผมก็ยังเป็นนักศึกษา นี่มันคือวัยที่ควรจะสนุกกับชีวิตสิ ควรจะไม่เครียดอะไร ใช้ชีวิตกับเพื่อนให้เต็มที่

มีวิธีแก้ให้เลิกคิดมากและใส่ใจกับทุกอย่างมากเกินไปขนาดนี้ไหมครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่