สวัสดีครับ หลังจากเคยรีวิวเรื่องเกี่ยวกับสิงคโปร์ไปหนสองหน เกี่ยวกับร้านอาหารที่น่าสนใจที่นั่น บัดนี้ ผมว่าถึงเลาที่ผมจะมา update ร้านที่ผมได้มีโอกาสไปลองมาใหม่ ๆ ไม่กี่ร้านเดิมแต่มีการเปลี่ยนแปลงมาเล่าสู่กันฟังเพิ่มเติม เพื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับท่านที่แวะเวียนมาอ่านกระทู้ในพันทิปครับ
.............
การเก็บดาวที่สิงคโปร์ของผมเริ่มต้นขึ้นที่ร้านแรก ร้านนี้จองมาตั้งแต่กรุงเทพฯ ด้วยความอยากลองอาหารยุโรป เอาที่เดินทางง่าย ๆ แต่เก๋และแตกต่าง อัลมา โดย ฮวน อามาดอร์จึงเป็นคำตอบ เพราะเป็นร้านอาหารสเปน ตั้งอยู่ในระยะเขวี้ยงหินจากถนนออร์ชาร์ด และอยู่ในโรงแรมระดับตำนานอย่าง Goodwood Park ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรียนในสไตล์อังกฤษอินเดียแท้ ๆ ครับ
................
มื้อกลางวันน่าคบหา ด้วยราคาเพียง 39 ++ ถูกกว่าร้านเดิมคือ water library ตรงจามจุรีสแควร์ ของเชฟไฮคาล เชฟใหญ่ที่ี่นี่เสียอีกครับ ส่วนวันนี้ผมมาลองมื้อค่ำ จะมีให้เลือกสามแบบคือ สี่ หก หรือแปดคอร์ส ราคาก็จะไต่ระดับไป ผมเลือกหกคอร์ส 158++ ส่วนไวน์แพร์ริ่งราคาไม่แรง และหากสั่งเป็นแก้วก็น่าคบหาอยู่ แต่ผมน่ะเป็นคนกินง่ายดื่มง่าย เลยรับแค่น้ำประปาสิงคโปร์เย็น ๆ มาแทนเท่านั้นครับ
.................................
ก่อนจะเริ่มหกคอร์ส จะมีอภินันทนาการจากเชฟจำนวนถึงสี่อย่างก่อน ซึ่งโดดเด่นกว่าจานหลักบางจานเสียอีก จานแรกเป็นสตรอเบอร์รี่สด มากับไข่ปลาแซลมอนด้านบนเป็นชิปส์สตรอเบอร์รี่ รับประทานโดยยกซดทั้งช้อน เป็นแบบเค็มคาวตัดด้วยเปรี้ยวเข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่คิดว่าจะแปลกและสร้างสรรค์ได้ขนาดนี้
จานสองเป็นมะกอกดำ มะเขือเทศและโยเกิร์ต ทำแบบบิสกิตหนึ่งชิ้น รสชาติรวมกันได้ลงตัวอีกแล้ว เหมือนกินคานาเป้กรอบ ๆ ครับ
จานที่สามมาเป็นถุงกระดาษนึงกว่าได้มาจากร้านสังขยาชื่อดัง แต่ความจริงถุงพิมพ์ชื่อร้าน ข้างในเป็นโทสต์กับฟัวกราส์และปลาไหล มีกลิ่นองุ่นกับกาแฟที่ผสมไปอ่อน กินแล้วรู้ว่าเป็นของคาว แต่เนื้อสัมผัสและรูปลักษณ์คือขนมปังปิ้งไส้สังขยาขนาดย่อมครับ
สุดท้าย Sabel แบบญี่ปุ่น แต่ใช้กุ้ง เพิ่มความสดชื่นด้วยยูซู แต่อัดความเป็นสิงคโปร์ด้วยเครื่องลักซา เอาจริง ๆ เหมือนกินบิสกิตลักซาแห้ง แต่พอกัดแล้วยังชุ่มฉ่ำอยู่ อร่อยจริงครับ
.....................
ก่อนคอร์สหนึ่งจะมาก็มีขนมปังอบมา มีกลิ่นมันฝรั่งอ่อน ๆ ตามวัตถุดิบด้วย รสชาติอร่อย ส่วนเนยก็ดี หอมมากแต่ติดเค็มหนักไปหน่อยครับ จานแรกจะเรียกน้ำย่อยด้วยความชุ่มฉ่ำ เป็นหอยเชลล์สับเล็ก ปลาไหล และซอสที่ใช้เบสเป็นเสาวรสตัดกับกลิ่นวานิลลา เปรี้ยวล้างความคาวหอยได้ดี แล้วได้ความสดชื่นจากเปรี้ยวเสารสและความหอมจากวานิลา นับว่าเป็นการเรียกน้ำย่อยได้ดีมากครับ
..............
จานสอง ตับปลา monkfish มากับซอสบีทรูท เนื้อวัว มัสตาร์ด และเยลลี่ดาชิด้านล่าง สดชื่นดีครับ เพราะตัวเนื้อสัมผัสไอศกรีมมัสตาร์ด อร่อยทั่วถึงยกเว้นเยลลี่ดาชิที่ผมว่าเข้าพวกกับองค์ประกอบอื่นน้อยไปหน่อย ทานแล้วแอบแหยะ ๆ ไปนิดครับ
...................
จานสาม แอมเบอร์แจ๊ค ฮามาจิ หรือทูน่าหางเหลืองสุดแต่จะเรียก ย่างมิโซ ทานกับพิวเร่หัวผักกาดและซอสที่เบสเป็นน้ำมันมะกอก สั้น ๆ อร่อยเวอร์ ปลาสุกพอดี และพิวเร่เทิร์นนิปหรือหัวผักกาดคือเนียนมากและหวานชุ่มฉ่ำแบบธรรมชาติเช่นเดียวกับกุ้งหวานทอดด้านบน ตัดกับรสหนัก ๆ ของมิโซและความคาวของปลาได้เป็นอย่างดีครับ
......................
จานสี่ เนื่องจากมีผู้ร่วมโต๊ะสั่งสี่คอร์ส เลยเอารูปมาให้ดู เป็นคอหมูอิเบริโกเอาไปซูวีด์ก่อนมาปรุงด้วยแอ๊ปเปิ้ลเขียว แก่นตะวันเยรูซาเล็ม แล้วเวลาทานต้องราดซุปลงไปหน่อย ผู้รับจานนี้แจ้งว่าหมูนิ่มมาก ส่วนตัว pork reduction เค็มไปนิดนึงจริง ๆ ครับ
ในส่วนของผมจะได้เป็นหมูกรอบแทน อารมณ์หมูหันสเปนส่วนสามชั้นที่เสิร์ฟมาพร้อม rack เก๋ ๆ มีหนังหมูทอดอารมณ์เหมือนหมูกรอบแยกมาด้วย เสิร์ฟกับหน่อไม้ฝรั่งขาว และซอสกระเทียมป่า กินแล้วสวรรค์รำไรทีเดียว หมูกรอบคือกรอบมาก ส่วนเนื้อนุ่มอร่อย และซอสก็ตัดความมันของหมูได้หมดจด ชอบอีกแล้วครับ
.......................
จานหลักสุดท้าย แกะจากเทือกเขาพีเรนีส เชฟเลือกวัตถุดิบนี้เพราะแกะจากที่นี่มีกลิ่นน้อยที่สุด ก็คงจะจริงครับ เสิร์ฟกับแอปริคอต แองโชวี่ ไดกอน และดอกกะหล่ำ ส่วนตัวที่เป็นแท่ง ทำแบบพายไส้เป็นแกะกับเครื่องเทศสไตล์ตูนิเซีย คือ Ras El Hanout อร่อยแต่ผมว่ารสหนักไป สู้สันในแกะอีกสองชิ้นเล็กที่เหลือซึ่งชุ่มฉ่ำกว่าไม่ได้ครับ
..............
ของหวานเป็น White Russian เอาตรง ๆ ชอบจานนี้น้อยสุดทั้งช็อกโกแลตแผ่นเจลาตินด้านล่างที่ประหลาดไ เค้กดีคอนสตรัคก็เฉย ๆ ไม่มีอะไรเด่น ทั้งน้ำตาลมะพร้าว กาแฟเอสเปรสโซ เชอร์รี่คอมโพท และเหล้าคาลัว เฉยมาก เช่นเดียวกับไอศกรีมนมฮอกไกโด บอกก็แล้ว ชิมก็แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าเป็นไอศกรีมนมฮอกไกโด รสชาติอย่างอื่นกลบหมดครับ
...................
ร้านนี้รวมชากาแฟแล้ว ผมได้กาแฟลาเต้เย็น รสชาติคาบเส้นมาหนึ่งแก้ว
ส่วนเพตติเฟอร์ เชฟจะวางเรียงกันกินไปตามลำดับ โมจิไส้ตุ้บตั้บอันแรก สั้น ๆ ไม่รอด แปลกแต่ไม่อร่อย สำหรับมาการงขนุน นิยามตรง ๆ คือตายตามกันไปติด ๆ กินแล้วยิ่งตีกับชิ้นแรก ชิ้นสาม ชาเขียวฮันนี่โคม กลิ่นชาเขียวฉุนเฉียวมาก แบบคาวมากกว่าจะหอมนวล ขุดหลุมฝังได้เลย สุดท้ายรัมคาเนอเลส์ เอาเป็นว่าพอฟื้นชีพขึ้นได้บ้าง แต่ในฐานคาเนอเลส์แฟนคลับ ผมว่ามีอีกหลายร้านติดดาวมิชลินทำอร่อยกว่านี้ครับ
...................
Verdict บริการดี สถานที่ดี โต๊ะที่ได้คือมุมที่ดีสุดในร้านเพราะสงบแต่เห็นทั้งร้าน อาหารของคาวตั้งแต่จานแรกจานหลักยันอะมุซบุชถึงขนมปังคือดีหมด ส่วนของหวานและเพตติเฟอร์ สั้น ๆ คือผมชอบน้อยมาก ๆ อยากจะเทรดเอาของคาวมาเพิ่มอีกคอร์สแล้วตัดของหวานทิ้ง ก็เอาเป็นว่าแนะนำครับ ถ้าอยากย่อมเยามาตอนเที่ยงเลย ส่วนตอนค่ำแพงแต่ก็ยังไม่แรงเท่ามิชลินร้านอื่น ๆ ครับ
[CR] Singapore 5 ร้านอาหาร 1 ดาวมิชลินที่แนะนำให้ไปลองครับ
.............
การเก็บดาวที่สิงคโปร์ของผมเริ่มต้นขึ้นที่ร้านแรก ร้านนี้จองมาตั้งแต่กรุงเทพฯ ด้วยความอยากลองอาหารยุโรป เอาที่เดินทางง่าย ๆ แต่เก๋และแตกต่าง อัลมา โดย ฮวน อามาดอร์จึงเป็นคำตอบ เพราะเป็นร้านอาหารสเปน ตั้งอยู่ในระยะเขวี้ยงหินจากถนนออร์ชาร์ด และอยู่ในโรงแรมระดับตำนานอย่าง Goodwood Park ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรียนในสไตล์อังกฤษอินเดียแท้ ๆ ครับ
................
มื้อกลางวันน่าคบหา ด้วยราคาเพียง 39 ++ ถูกกว่าร้านเดิมคือ water library ตรงจามจุรีสแควร์ ของเชฟไฮคาล เชฟใหญ่ที่ี่นี่เสียอีกครับ ส่วนวันนี้ผมมาลองมื้อค่ำ จะมีให้เลือกสามแบบคือ สี่ หก หรือแปดคอร์ส ราคาก็จะไต่ระดับไป ผมเลือกหกคอร์ส 158++ ส่วนไวน์แพร์ริ่งราคาไม่แรง และหากสั่งเป็นแก้วก็น่าคบหาอยู่ แต่ผมน่ะเป็นคนกินง่ายดื่มง่าย เลยรับแค่น้ำประปาสิงคโปร์เย็น ๆ มาแทนเท่านั้นครับ
.................................
ก่อนจะเริ่มหกคอร์ส จะมีอภินันทนาการจากเชฟจำนวนถึงสี่อย่างก่อน ซึ่งโดดเด่นกว่าจานหลักบางจานเสียอีก จานแรกเป็นสตรอเบอร์รี่สด มากับไข่ปลาแซลมอนด้านบนเป็นชิปส์สตรอเบอร์รี่ รับประทานโดยยกซดทั้งช้อน เป็นแบบเค็มคาวตัดด้วยเปรี้ยวเข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่คิดว่าจะแปลกและสร้างสรรค์ได้ขนาดนี้
จานสองเป็นมะกอกดำ มะเขือเทศและโยเกิร์ต ทำแบบบิสกิตหนึ่งชิ้น รสชาติรวมกันได้ลงตัวอีกแล้ว เหมือนกินคานาเป้กรอบ ๆ ครับ
จานที่สามมาเป็นถุงกระดาษนึงกว่าได้มาจากร้านสังขยาชื่อดัง แต่ความจริงถุงพิมพ์ชื่อร้าน ข้างในเป็นโทสต์กับฟัวกราส์และปลาไหล มีกลิ่นองุ่นกับกาแฟที่ผสมไปอ่อน กินแล้วรู้ว่าเป็นของคาว แต่เนื้อสัมผัสและรูปลักษณ์คือขนมปังปิ้งไส้สังขยาขนาดย่อมครับ
สุดท้าย Sabel แบบญี่ปุ่น แต่ใช้กุ้ง เพิ่มความสดชื่นด้วยยูซู แต่อัดความเป็นสิงคโปร์ด้วยเครื่องลักซา เอาจริง ๆ เหมือนกินบิสกิตลักซาแห้ง แต่พอกัดแล้วยังชุ่มฉ่ำอยู่ อร่อยจริงครับ
.....................
ก่อนคอร์สหนึ่งจะมาก็มีขนมปังอบมา มีกลิ่นมันฝรั่งอ่อน ๆ ตามวัตถุดิบด้วย รสชาติอร่อย ส่วนเนยก็ดี หอมมากแต่ติดเค็มหนักไปหน่อยครับ จานแรกจะเรียกน้ำย่อยด้วยความชุ่มฉ่ำ เป็นหอยเชลล์สับเล็ก ปลาไหล และซอสที่ใช้เบสเป็นเสาวรสตัดกับกลิ่นวานิลลา เปรี้ยวล้างความคาวหอยได้ดี แล้วได้ความสดชื่นจากเปรี้ยวเสารสและความหอมจากวานิลา นับว่าเป็นการเรียกน้ำย่อยได้ดีมากครับ
..............
จานสอง ตับปลา monkfish มากับซอสบีทรูท เนื้อวัว มัสตาร์ด และเยลลี่ดาชิด้านล่าง สดชื่นดีครับ เพราะตัวเนื้อสัมผัสไอศกรีมมัสตาร์ด อร่อยทั่วถึงยกเว้นเยลลี่ดาชิที่ผมว่าเข้าพวกกับองค์ประกอบอื่นน้อยไปหน่อย ทานแล้วแอบแหยะ ๆ ไปนิดครับ
...................
จานสาม แอมเบอร์แจ๊ค ฮามาจิ หรือทูน่าหางเหลืองสุดแต่จะเรียก ย่างมิโซ ทานกับพิวเร่หัวผักกาดและซอสที่เบสเป็นน้ำมันมะกอก สั้น ๆ อร่อยเวอร์ ปลาสุกพอดี และพิวเร่เทิร์นนิปหรือหัวผักกาดคือเนียนมากและหวานชุ่มฉ่ำแบบธรรมชาติเช่นเดียวกับกุ้งหวานทอดด้านบน ตัดกับรสหนัก ๆ ของมิโซและความคาวของปลาได้เป็นอย่างดีครับ
......................
จานสี่ เนื่องจากมีผู้ร่วมโต๊ะสั่งสี่คอร์ส เลยเอารูปมาให้ดู เป็นคอหมูอิเบริโกเอาไปซูวีด์ก่อนมาปรุงด้วยแอ๊ปเปิ้ลเขียว แก่นตะวันเยรูซาเล็ม แล้วเวลาทานต้องราดซุปลงไปหน่อย ผู้รับจานนี้แจ้งว่าหมูนิ่มมาก ส่วนตัว pork reduction เค็มไปนิดนึงจริง ๆ ครับ
ในส่วนของผมจะได้เป็นหมูกรอบแทน อารมณ์หมูหันสเปนส่วนสามชั้นที่เสิร์ฟมาพร้อม rack เก๋ ๆ มีหนังหมูทอดอารมณ์เหมือนหมูกรอบแยกมาด้วย เสิร์ฟกับหน่อไม้ฝรั่งขาว และซอสกระเทียมป่า กินแล้วสวรรค์รำไรทีเดียว หมูกรอบคือกรอบมาก ส่วนเนื้อนุ่มอร่อย และซอสก็ตัดความมันของหมูได้หมดจด ชอบอีกแล้วครับ
.......................
จานหลักสุดท้าย แกะจากเทือกเขาพีเรนีส เชฟเลือกวัตถุดิบนี้เพราะแกะจากที่นี่มีกลิ่นน้อยที่สุด ก็คงจะจริงครับ เสิร์ฟกับแอปริคอต แองโชวี่ ไดกอน และดอกกะหล่ำ ส่วนตัวที่เป็นแท่ง ทำแบบพายไส้เป็นแกะกับเครื่องเทศสไตล์ตูนิเซีย คือ Ras El Hanout อร่อยแต่ผมว่ารสหนักไป สู้สันในแกะอีกสองชิ้นเล็กที่เหลือซึ่งชุ่มฉ่ำกว่าไม่ได้ครับ
..............
ของหวานเป็น White Russian เอาตรง ๆ ชอบจานนี้น้อยสุดทั้งช็อกโกแลตแผ่นเจลาตินด้านล่างที่ประหลาดไ เค้กดีคอนสตรัคก็เฉย ๆ ไม่มีอะไรเด่น ทั้งน้ำตาลมะพร้าว กาแฟเอสเปรสโซ เชอร์รี่คอมโพท และเหล้าคาลัว เฉยมาก เช่นเดียวกับไอศกรีมนมฮอกไกโด บอกก็แล้ว ชิมก็แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าเป็นไอศกรีมนมฮอกไกโด รสชาติอย่างอื่นกลบหมดครับ
...................
ร้านนี้รวมชากาแฟแล้ว ผมได้กาแฟลาเต้เย็น รสชาติคาบเส้นมาหนึ่งแก้ว
ส่วนเพตติเฟอร์ เชฟจะวางเรียงกันกินไปตามลำดับ โมจิไส้ตุ้บตั้บอันแรก สั้น ๆ ไม่รอด แปลกแต่ไม่อร่อย สำหรับมาการงขนุน นิยามตรง ๆ คือตายตามกันไปติด ๆ กินแล้วยิ่งตีกับชิ้นแรก ชิ้นสาม ชาเขียวฮันนี่โคม กลิ่นชาเขียวฉุนเฉียวมาก แบบคาวมากกว่าจะหอมนวล ขุดหลุมฝังได้เลย สุดท้ายรัมคาเนอเลส์ เอาเป็นว่าพอฟื้นชีพขึ้นได้บ้าง แต่ในฐานคาเนอเลส์แฟนคลับ ผมว่ามีอีกหลายร้านติดดาวมิชลินทำอร่อยกว่านี้ครับ
...................
Verdict บริการดี สถานที่ดี โต๊ะที่ได้คือมุมที่ดีสุดในร้านเพราะสงบแต่เห็นทั้งร้าน อาหารของคาวตั้งแต่จานแรกจานหลักยันอะมุซบุชถึงขนมปังคือดีหมด ส่วนของหวานและเพตติเฟอร์ สั้น ๆ คือผมชอบน้อยมาก ๆ อยากจะเทรดเอาของคาวมาเพิ่มอีกคอร์สแล้วตัดของหวานทิ้ง ก็เอาเป็นว่าแนะนำครับ ถ้าอยากย่อมเยามาตอนเที่ยงเลย ส่วนตอนค่ำแพงแต่ก็ยังไม่แรงเท่ามิชลินร้านอื่น ๆ ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้