ผู้ชายแบบนี้บนโลกมีอยู่จริง แต่ฉันสูญเสียเขาไปแล้ว จะใช้ชีวิตต่อไปยังไง

เรื่องคือ สามีของฉันเป็นคนดีมาก คบกันมารวมใช้ชีวิตคู่11 ปี
มีลูกด้วยกัน 1 คน สามีดูแลดี เอาใจเราทุกอย่าง
ช่วยทำงานบ้านได้ทุกอย่าง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดสามีไม่ดื่ม สารเสพติดไม่ยุ่งเกี่ยว บุรี่ไม่ดูด การพนันไม่เล่น ไม่เที่ยว ตั้งใจทำงาน เงินทุกบาททุกสตางค์ได้มาใส่มือให้เมียหมด ลูกเมียอยากกินอะไรอยากได้อะไรไม่เคยบ่น เทคแคร์ความรู้สึกคนรอบข้าง ใจบุญ เห็นคนเดือดร้อนชอบช่วยเหลือ เป็นคนตลกยิ้มแย้ม ไม่ได้หล่อมากพอไปวัดไปวาได้ อายุห่างจากเรา 15 ปี
ส่วนเราเป็นคนป่วยออดๆ แอดๆ ตลอด หน้าตาพอไปวัดไปวาได้เหมือนกัน เรารักเขามากและเป็นผู้ชายคนเดียวคนแรกที่เราเคยมี เราอายุ26 ปี เราและลูกใส่ใจเขาดีมากเหมือนกัน
ครอบครัวเรารักและติดกันมาก ครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวยอะไร หาพอได้ใช้  แต่มีความสุขกับครอบครัวเล็กๆ ของเรา
สายงานสามีต้องใช้รถใช้ถนนตลอด เป็นพนักงานขาย 
ปกติเราจะไปช่วยเขาทำงานเกือบทุกวัน พอมาช่วงเดือนตุลาคม ลูกสาวเราปิดเทอม พร้อมทั้งเราประจำเดือนขาด วินเวียนบ่อย เหนื่อยง่าย ปกติแม่เราจะดูแลลูกสาวให้ตอนเราออกไปทำงาน แต่แม่พ่อเราก็ได้ทำงานเหมือนกัน เราจึงจำเป็นต้องอยู่ดูแลลูกแทน และให้สามีออกไปทำงานคนเดียว 
วันที่เป็นฝันร้ายของเรากับลูกก็มาถึง สามีผู้เป็นที่รักและเสาหลักของบ้านก็ประสบอุบัติเหตุ วันที่22 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา แพทย์แจ้งว่าผ่าตัดสมองอาจจะรอด แต่คนไข้มีอาการตอบสนองน้อยมาก รอดมาก็อาจจะเป็นเจ้าชายนิทรา แต่ถ้าไม่ผ่าก็นอนรอวันเสียชีวิต เราจึงตัดสินใจให้ผ่า ตกดึกของวันที่22 ตุลาคม หมอเรียกเราเข้าไปคุย บอกว่าอาการคนไข้ไม่ดี และไม่ตอบสนองต่อยาที่รักษา มีไข้สูง หมออยากให้ทำใจ และอยากให้ญาติเซนต์อนุญาติว่าจะให้ป้ำหัวใจและฉีดยากระตุ้นหัวใจมั้ย เราขอให้ยื้อเขาไว้ให้ถึงที่สุด แต่ไม่เป็นผลอาการหนักลงเรื่อยๆ แพทย์จึงเรียกแม่สามีและเรามาตกลงกันอีกครั้ง และตกลงว่าไม่สามารถยื้อเขาไว้ได้ เพราะเขาเคยบอกหากเขาพิการแล้วทำครอบครัวลำบากเขาฟื้นมาก็ฆ่าตัวตายอยู่ดี ถ้าเป็นแบบนั้นให้ปล่อยเขาตายเถอะ เราเสียใจมากร้องไห้จนเป็นลม
เราฟื้นเราก็นั่งหน้าห้องICU ทั้งคืนไม่นอนแม้แต่น้อย ผวาตลอดที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ว่าหมอจะเรียกเราไปดูใจครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ วันที่22 ผ่านพ้นไป เช้าเราเข้าไปเยี่ยม
หมอบอก คนไข้ตอบสนองอยู่นะแต่น้อย ในห้องนี้รายนี้อาการหนักสุด หมอพึ่งเคยเจอเคสหนักขนาดนี้ เราจึงกระซิบบอกเขา ป๊ะป๋าถ้าได้ยินหนูกำมือหนูสิคะ เขาก็กำ แล้วก็ปล่อยสิคะเขาก็ปล่อย เราดีใจมาก หมดเวลาเยี่ยม เรารอๆๆๆๆ ช่วงเที่ยง เข้าเยี่ยมอีกครั้ง สิ่งที่เจอคือ สามีหัวใจเต้นเร็วมากกว่าคนปกติ สองเท่า ความดันก็สูงมาก หมอบอกคนไข้ติดเชื้อ แต่ยังหาเชื้อไม่ได้ ยาที่ให้ไป ไม่ถูกกับเชื้อเลยสักตัว ไข้ก็สูงมาก ให้ยายังไงก็ไม่ลด มือสามีเราคล้ำดำและเกร็งงอ เท้าซีดเซียว หน้าซีดเซียวมาก เทสการตอบสนองก็แทบไม่กระดิก หมดเวลาเยี่ยมเราออกมา รอช่วงค่ำอีกครั้ง คราวนี้หมอลงความเห็นว่าสมองตายแล้ว ม่านตาก็ไม่ตอบสนองต่อแสงเลย แม่และญาติๆ ก็เลยคุยกับสภากาชาติว่าขอบริจาคอวัยวะ เรายังไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่เป็นลม พอเราฟื้นหมอที่เป็นสะพานบุญเลยเชิญทุกคนเข้าห้อง รวมทั้งเราด้วย
หมอแจ้งว่าขอบริจาคอวัยวะของผู้ป่วยนะเนื่องจาคคนไข้สมองตายแล้ว แต่สิทธิ์ขาดอยู่ที่ภรรยานะ เรามองสายตาทุกคน และถามว่าบริจาคมั้ย ทุกคนตอบบริจาค ถือเป็นบุญส่งเขาสู่สวรรค์ ครั้งสุดท้าย ซึ่งทุกคนคุยกันก่อนหน้าแล้วในตอนที่เราเป็นลมอยู่ เพราะกลัวเรารับไม่ได้ เราจึงกลั้นใจเฮือกใหญ่ตกลงบริจาคค่ะ
หมอแจ้งให้กลับบ้าน เพราะหมอจะเจาะเลือดคนไข้ตรวจว่าผ่านมั้ย ผลเลือจะออกใน 12 ชั่วโมง จึงอยากให้ญาติกลับไปพักผ่อนและจะแจ้งผลประมาณ 10.00 น.ของวันพรุ่งนี้
และอย่างที่บอกค่ะ สามีดื่มเครื่องดื่มที่เป็นนมและน้ำผลไม้ น้ำวิตามินบางชนิดน้ำเปล่าเท่านั้น เครื่องดื่มชูกำลังก็ไม่ดื่ม
ผลเลือดออกมาผ่านหมด ดึกของวันที่ 24 ทีมแพทย์ทำการผ่าตัด และแจ้งว่า ผู้ป่วยสามารถบริจาคอวัยวะได้ทั้งหมดที่ต้องการ สามารถช่วยเหลือชีวิตคนอื่นต่อได้อีกถึงแปดคน และส่งศพกลับในวันที่  25 ตุลาคม
เหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งญาติทั้งพี่ที่ทำงาน ดูแลครอบครัวเราดีมาก เรารู้สึกซาบซึ้งใจและขอบคุณมาก
     มาถึงคำถาม เวลาผ่านล่วงเลยมาก็หลายวัน ในทุกเช้า เราคิดถึงตอนที่เราเตรียมตัวให้เขาออกทำงาน กอดกันหอมกันกับลูกและสามี ลูกเราจะบอกพ่อเขา ป๊ะป๋าขับรถห้ามเกิน 40 ตอนเที่ยงเจอกันนะ เราก็บอกหนูจะทำกับข้าวไว้รอ ขับรถดีๆ เดินทางปลอดภัยนะคะ ทุกเที่ยงเขาจะมาทานข้าวที่บ้านเสมอ เราอยากถามทุกคนที่เคยสูญเสีย ว่าอยู่กันยังไงให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ เรามืดแปดด้านไปหมด งานก็ยังไม่ได้ทำ เสาหลักผู้แสนดี
ผู้เป็นที่รักก็จากไปแล้ว ลูกสาวก็กำลังโต ทุกคนผ่านมันไปได้ยังไง บางวันเรากอดกันกับลูกร้องไห้ ตัวเราเองร้องไห้คิดถึงเขาทุกวัน นอกจากพ่อเรา คนที่เป็นคู่ชีวิตไม่มีใครมาแทนที่เขาได้ และคงไม่มีใครแสนดีแบบเขาอีกแล้ว เราทุกข์ใจมากและเสียใจมากที่วาสนามีน้อยนิดเหลือเกินที่ได้ใช้ชีวิตรักกับคนแสนดีเท่านี้
 เราอยากฝากทุกคนนะ ครอบครัวเราดูแลกันและทำทุกวันให้เป็นความสุขเสมอๆ ไม่มีอะไรที่ทำให้เราคิดว่าถ้าเขามีชีวิตอยู่เราน่าจะทำอย่างนู้นอย่างนี้เราไม่น่าทำอย่างนู้นอย่างนี้ เพราะเราภูมิใจที่ดูแลเขาดีที่สุดแล้วและเชื่อว่าเขาก็ภูมิใจที่ดูแลลูกกับเราอย่างดีแล้ว แต่เรายังรู้สึกเสียดาย ว่าช่วงเวลาความสุขมันชั่งสั้นนัก วาสนาเราน้อยเหลือเกิน คิดถึงมากมายเหลือเกิน
คุณๆ ที่ยังมีกันและกันเคียงข้างอยู่ รวมถึงคนรอบข้างด้วย ดูแลเขาดีๆ นะ 😭
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก
กระทู้นี้ถูกลบโดยระบบอัตโนมัติทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศการสนทนา ของเพื่อนสมาชิกโดยรวมค่ะ

ความคิดเห็นนี้ได้ถูก ppantip.com ลบออกไปจากระบบแล้ว หากเนื้อหาที่ถูกลบยังคงถูกนำไปแสดงใน application หรือเว็บไซต์ใดๆ
ทาง ppantip.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆด้วย การดำเนินการทางกฎหมายกรุณาติดต่อผู้พัฒนา application หรือเว็บไซต์นั้นๆโดยตรงค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 117
เหลือเพียงรูปและเกียรตินี้ที่ไว้ให้เรากับลูกภูมิใจ😢
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่