ทุกๆ คนคงเคยได้ยิน “โรคกระดูกพรุน” กันมาบ้างแล้ว โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่ใกล้ตัวเรามากๆ ค่ะ ทุกๆ คนล้วนมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน แต่โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่หลายๆ คนมองข้าม เพราะโรคนี้มักจะเกิดในวัยกลางคน, ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และมักจะไม่มีอาการหรือสัญญาณเตือนล่วงหน้าทำให้หลายๆ คนละเลยไม่ได้ให้ความสำคัญ
ก่อนหน้านี้เราเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับโรคกระดูกพรุนมากนัก จนวันหนึ่งเห็นว่าแม่ตัวเล็กลง น้ำหนักลด และเริ่มสังเกตว่าแม่ยืน เดิน นั่งลำบากขึ้น ยกของหรือสะดุดล้มแค่นิดหน่อยก็จะปวดหลัง ปวดสะโพกจึงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าแม่อาจจะเป็นโรคกระดูกพรุน
ก่อนที่จะพาแม่มารักษาเราได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาและค่าใช้จ่ายในการรักษาบางส่วนแล้ว จากนั้นจึงพาแม่ไปตรวจที่ รพ. วันแรก อจ.หมอซักประวัติสอบถามอาการเบื้องต้นแล้วส่งแม่ไป x-ray กระดูกสันหลัง ตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก และ MRI (แค่ตรวจอาการเบื้องต้นยังไม่ได้เริ่มต้นรักษาหมดไปเกือบ 15,000 แล้วค่ะ)
อาการกระดูกพรุนของแม่หนักมาก ตามความเข้าใจจากที่ อจ.หมอ อธิบายคือกระดูกข้างในพรุนเยอะ ข้างในมันกลวงเกือบหมด แม่อายุมากแล้ว จึงรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัด เราเองก็หาข้อมูลมาบางส่วนเกี่ยวกับวิธีการรักษาโดยการฉีดยาเพื่อประคองอาการและลดความเจ็บปวดมาบ้าง จากที่หาข้อมูลทางเน็ตราคายาฉีดกระดูกพรุน เข็มละประมาณ 12,000 บาท (ตอนหาข้อมูลเข้าใจว่า 1 เข็ม อยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน แต่จริงๆ คือฉีดต่อๆ กัน 4-5 เข็ม เข็มที่ 1 และ 2 ฉีดห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์ เข็มที่ 3 ห่างจากเข็มที่ 2 ประมาณ 1 เดือน) ด้วยราคายาที่สูงและไม่สามารถใช้สิทธิใดๆ ได้ อจ.หมอ จึงแนะนำให้ไปรักษาที่คลินิก ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่า
"โอ่ว!!!! เข้าใจผิดมาตลอดว่ารักษาโรงพยาบาล (เอกชน) ยังไงก็ถูกกว่าคลินิก"
จากนั้นจึงพาแม่มารักษาต่อที่คลินิกโดยการฉีดยาเข้าที่โพรงกระดูกสันหลัง ก่อนหน้านี้กังวลกับค่ารักษามากๆ กลัวว่าแม่จะได้รับการรักษาไม่ต่อเนื่อง หลังจากพาแม่มารักษาที่คลินิกหมอสุทธิภาศไม่ต้องกังวลเรื่องค่ายาฉีด เพราะถูกกว่าที่หาข้อมูลไว้ประมาณ 3 เท่า หลังฉีดแม่บอกว่าเดินขึ้นลงบันไดดีขึ้น ไม่ค่อยปวด เบาปวดไปเยอะ ตอนนี้แม่ฉีดไป 3 เข็มแล้วค่ะ
นอกจากค่าใช้จ่ายที่ถูกลง เราคิดว่าแม่โชคดีมากค่ะ ที่ได้รักษากับ อจ.หมอ ที่เก่งและใจดี เอาใส่ใจอาการของคนไข้และรับฟังปัญหา (คำบ่น) ของญาติคนไข้ด้วยค่ะ ตอนนี้แม่เดินดีขึ้น อารมณ์ดีขึ้นกลับมาป่วนประสาทเราได้เหมือนก่อนแล้วค่ะ
ที่สำคัญมารักษาที่คลินิกช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในกระเป๋าเราได้เยอะเลย
โรคกระดูกพรุนเป็นแล้วไม่หาย แต่เราป้องกันได้นะคะ ด้วยการทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D สูง หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่, แอลกอฮอล์, น้ำอัดลม, ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีนและมีค่าความเป็นกรดสูง, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และระมัดระวังการใช้ยาโดยเฉพาะยากลุ่มสเตียรอยด์ที่ต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
สำหรับใครที่อยู่เชียงใหม่หรือญาติผู้ใหญ่กำลังมีอาการปวดข้อ ปวดกระดูก อยากปรึกษา อจ.หมอ เชิญได้เลยค่ะ สามารถติดต่อหรือสอบถามข้อมูลในเพจ facebook หรือ ID Line และเบอร์โทรศัพท์ที่ระบุไว้ในรูปได้เลยค่ะ
ก่อนจบกระทู้นี้ *ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ จากทางคลินิกนะคะ* แต่เราคิดว่ากระทู้นี้น่าจะมีประโยชน์กับหลายๆ คนที่อาจจะเข้าใจผิดเหมือนกับเราว่าการรักษาที่คลินิกนั้นแพงกว่า
ซึ่งจริงๆ แล้วการรักษาที่คลินิกเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่าย สะดวก และไม่แพงอย่างที่เคยเข้าใจค่ะ
[CR] เข้าใจผิดมาตลอดว่ารักษาที่คลินิกแพงกว่าโรงพยาบาล
ก่อนหน้านี้เราเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับโรคกระดูกพรุนมากนัก จนวันหนึ่งเห็นว่าแม่ตัวเล็กลง น้ำหนักลด และเริ่มสังเกตว่าแม่ยืน เดิน นั่งลำบากขึ้น ยกของหรือสะดุดล้มแค่นิดหน่อยก็จะปวดหลัง ปวดสะโพกจึงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าแม่อาจจะเป็นโรคกระดูกพรุน
ก่อนที่จะพาแม่มารักษาเราได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาและค่าใช้จ่ายในการรักษาบางส่วนแล้ว จากนั้นจึงพาแม่ไปตรวจที่ รพ. วันแรก อจ.หมอซักประวัติสอบถามอาการเบื้องต้นแล้วส่งแม่ไป x-ray กระดูกสันหลัง ตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก และ MRI (แค่ตรวจอาการเบื้องต้นยังไม่ได้เริ่มต้นรักษาหมดไปเกือบ 15,000 แล้วค่ะ)
อาการกระดูกพรุนของแม่หนักมาก ตามความเข้าใจจากที่ อจ.หมอ อธิบายคือกระดูกข้างในพรุนเยอะ ข้างในมันกลวงเกือบหมด แม่อายุมากแล้ว จึงรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัด เราเองก็หาข้อมูลมาบางส่วนเกี่ยวกับวิธีการรักษาโดยการฉีดยาเพื่อประคองอาการและลดความเจ็บปวดมาบ้าง จากที่หาข้อมูลทางเน็ตราคายาฉีดกระดูกพรุน เข็มละประมาณ 12,000 บาท (ตอนหาข้อมูลเข้าใจว่า 1 เข็ม อยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน แต่จริงๆ คือฉีดต่อๆ กัน 4-5 เข็ม เข็มที่ 1 และ 2 ฉีดห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์ เข็มที่ 3 ห่างจากเข็มที่ 2 ประมาณ 1 เดือน) ด้วยราคายาที่สูงและไม่สามารถใช้สิทธิใดๆ ได้ อจ.หมอ จึงแนะนำให้ไปรักษาที่คลินิก ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่า
นอกจากค่าใช้จ่ายที่ถูกลง เราคิดว่าแม่โชคดีมากค่ะ ที่ได้รักษากับ อจ.หมอ ที่เก่งและใจดี เอาใส่ใจอาการของคนไข้และรับฟังปัญหา (คำบ่น) ของญาติคนไข้ด้วยค่ะ ตอนนี้แม่เดินดีขึ้น อารมณ์ดีขึ้นกลับมาป่วนประสาทเราได้เหมือนก่อนแล้วค่ะ ที่สำคัญมารักษาที่คลินิกช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในกระเป๋าเราได้เยอะเลย
โรคกระดูกพรุนเป็นแล้วไม่หาย แต่เราป้องกันได้นะคะ ด้วยการทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D สูง หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่, แอลกอฮอล์, น้ำอัดลม, ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีนและมีค่าความเป็นกรดสูง, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และระมัดระวังการใช้ยาโดยเฉพาะยากลุ่มสเตียรอยด์ที่ต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
สำหรับใครที่อยู่เชียงใหม่หรือญาติผู้ใหญ่กำลังมีอาการปวดข้อ ปวดกระดูก อยากปรึกษา อจ.หมอ เชิญได้เลยค่ะ สามารถติดต่อหรือสอบถามข้อมูลในเพจ facebook หรือ ID Line และเบอร์โทรศัพท์ที่ระบุไว้ในรูปได้เลยค่ะ
ก่อนจบกระทู้นี้ *ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ จากทางคลินิกนะคะ* แต่เราคิดว่ากระทู้นี้น่าจะมีประโยชน์กับหลายๆ คนที่อาจจะเข้าใจผิดเหมือนกับเราว่าการรักษาที่คลินิกนั้นแพงกว่า ซึ่งจริงๆ แล้วการรักษาที่คลินิกเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่าย สะดวก และไม่แพงอย่างที่เคยเข้าใจค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น