ได้รับแชร์ข้อความนี้จากทาง Line อ่านแล้วก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมเรื่องการแบน 3 สารจึงถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นใหญ่โต ...
ลองอ่านดูครับ เห็นด้วย-เห็นต่าง ก็ถกกันตามมารยาทด้วยความสุภาพและเป็นเหตุเป็นผลนะครับ
________________
อยากบอกให้รู้อีกด้านที่ผมได้รับรู้มานะครับ
ผมจบคณะเกษตรจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มา หลังจากจบมา 30 ปีแต่อยู่ในวงการเกษตรแค่ 3 ปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการเกษตรเลย ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในวงการเกษตรเลย มีแต่เพื่อนๆบางส่วนที่ทำงานในวงการเกษตร
สิ่งที่ผมจะพูดก็คือการแบน 3 สารที่เป็นข่าวดังในปัจจุบันนี้
สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจอย่างมากคือการที่รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยของพรรคหนึ่งซึ่งกระตือรือร้นและออกหน้าออกตาเป็นอย่างมากในการแบน 3 สาร ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีและถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเอง ซึ่งผมก็แอบชื่นชมด้วย เพราะตอนนี้ผมอยู่ในฐานะประชาชนและผู้บริโภคปลายทาง แต่สิ่งที่ทำให้ผมเกิดการเอ๊ะขึ้นมาเพราะว่าอาจารย์ที่เคยสอนรุ่นพี่ที่รู้จักน้องๆที่รู้จัก กลับต่อต้านในการแบนสารอย่างมาก ทำให้ผมอยากรู้รายละเอียดที่มากขึ้นว่าเป็นเพราะอะไร ผมจึงได้คุยกับรุ่นพี่ที่อยู่ในวงการเกษตรโดยเป็นพ่อค้าขายสารเคมี
คำถามที่ผมถามเขาไป
1.บริษัทที่ขายสารเคมีหรือพ่อค้าที่ขายสารเคมีได้ผลกระทบหรือเปล่า
2.รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยออกตัวแรงมากในเหตุการณ์นี้เพราะอะไร
3.กลุ่มปีเตอร์แพนที่บอกทำเพื่อประชาชนและผู้บริโภค ได้อะไรจากสิ่งนี้
คำตอบที่ได้รับนะครับ
1.บริษัทหรือพ่อค้าไม่ได้รับผลกระทบเพราะว่าถ้าแบนในการขายสารเหล่านี้เขาก็ไปขายตัวอื่น
2. มีการวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อที่จะเอาสารตัวอื่นเข้ามา
-มีผู้มีอิทธิพลของพรรคอยู่เบื้องหลัง ผู้มีอิทธิพลคนนี้เป็นคนที่ทำกีฬาฟุตบอลอยู่และโด่งดังเป็นที่รู้จักดีของเมืองไทย มีการดิวที่ใช้สารทดแทนจากต่างประเทศแล้ว 50,000 ตัน โดยมีผลต่างที่จะได้กิโลกรัมละเกือบ 300 บาท เขาจะพยายามที่จะให้แบนให้ได้โดยเด็ดขาด
(50,000 ตัน*1,000 กก.*300 บาทต่อ กก. = ? )
- งบประมาณที่จะใข้ในการที่จะกำจัดสารที่ยังมีสต็อกคงเหลืออีกมากมาย
3.ใกล้สิ้นปีแล้วจะต้องแสดงผลงานเพื่อที่จะได้ของบจากต่างประเทศได้
ข้อสังเกตว่าการที่เขาออกสื่อจะพยายามโฆษณาชวนเชื่อกับการใช้ที่ผิดๆให้เห็น เช่น
- ตัวอย่างที่มีการฉีดสารเคมีที่ออกสื่อ แต่รูปที่ออกมาเป็นการฉีดในไร่นาซึ่งปกติไม่มีการใช้ โดยที่คนฉีดไม่มีการป้องกันที่ถูกสุขลักษณะ
- สื่อที่มีการออกข่าวก็จะออกเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการแบนสารเท่านั้นไม่มีการสอบถามหรือออกสื่อในกลุ่มที่ต่อต้านไม่ให้การแบนสาร
-สารเคมีที่ใช้ส่วนใหญ่จะใช้ในพืชที่มาทำอุตสาหกรรมอาหารมากกว่า (อ้อย,ยางพารา,มันสำปะหลัง)ไม่ใช่ใช้ในการเกษตรบริโภคโดยตรง(ผัก,ผลไม้) และปกติเขาก็มีข้อจำกัดบังคับอยู่แล้วว่าให้มีการตกค้างได้อยู่เท่าไหร่
ลองคิดดูนะครับ เห็นแก่ผลประโยชน์โดยเอาประชาชนมาเป็นตัวประกันและให้ข้อมูลที่ค่อนข้างจะไม่ครบถ้วน
-ข้าราชการที่รู้เรื่องก็ไม่กล้าต่อต้านเพราะว่ากระแสแรงมากและผู้มีอำนาจโดดเข้าเต็มตัวขนาดนั้น มีผลต่อตำแหน่งและหน้าที่การงานได้
-คนที่ไม่เห็นด้วยในการแบนสารจะเป็นคนเลวในสายตาประชาชนหรือว่ามีผลประโยชน์ร่วมด้วย
- สื่อที่นำเสนอไม่รอบด้านทำให้เกิดการปักใจเชื่อไปในทางที่เขาต้องการ
ขอออกตัวก่อนนะครับ สิ่งที่ผมนำเสนอก็แค่บอกกล่าวให้รู้อีกด้านหนึ่งที่ผมได้รับมานะครับไม่มีผลประโยชน์ใดๆที่เกี่ยวข้องตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นครับ
Cr. ข้อความจาก Line
ถึง "บางอ้อ" กับความพยายามแบน 3 สาร
ลองอ่านดูครับ เห็นด้วย-เห็นต่าง ก็ถกกันตามมารยาทด้วยความสุภาพและเป็นเหตุเป็นผลนะครับ
________________
อยากบอกให้รู้อีกด้านที่ผมได้รับรู้มานะครับ
ผมจบคณะเกษตรจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มา หลังจากจบมา 30 ปีแต่อยู่ในวงการเกษตรแค่ 3 ปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการเกษตรเลย ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในวงการเกษตรเลย มีแต่เพื่อนๆบางส่วนที่ทำงานในวงการเกษตร
สิ่งที่ผมจะพูดก็คือการแบน 3 สารที่เป็นข่าวดังในปัจจุบันนี้
สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจอย่างมากคือการที่รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยของพรรคหนึ่งซึ่งกระตือรือร้นและออกหน้าออกตาเป็นอย่างมากในการแบน 3 สาร ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีและถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเอง ซึ่งผมก็แอบชื่นชมด้วย เพราะตอนนี้ผมอยู่ในฐานะประชาชนและผู้บริโภคปลายทาง แต่สิ่งที่ทำให้ผมเกิดการเอ๊ะขึ้นมาเพราะว่าอาจารย์ที่เคยสอนรุ่นพี่ที่รู้จักน้องๆที่รู้จัก กลับต่อต้านในการแบนสารอย่างมาก ทำให้ผมอยากรู้รายละเอียดที่มากขึ้นว่าเป็นเพราะอะไร ผมจึงได้คุยกับรุ่นพี่ที่อยู่ในวงการเกษตรโดยเป็นพ่อค้าขายสารเคมี
คำถามที่ผมถามเขาไป
1.บริษัทที่ขายสารเคมีหรือพ่อค้าที่ขายสารเคมีได้ผลกระทบหรือเปล่า
2.รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยออกตัวแรงมากในเหตุการณ์นี้เพราะอะไร
3.กลุ่มปีเตอร์แพนที่บอกทำเพื่อประชาชนและผู้บริโภค ได้อะไรจากสิ่งนี้
คำตอบที่ได้รับนะครับ
1.บริษัทหรือพ่อค้าไม่ได้รับผลกระทบเพราะว่าถ้าแบนในการขายสารเหล่านี้เขาก็ไปขายตัวอื่น
2. มีการวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อที่จะเอาสารตัวอื่นเข้ามา
-มีผู้มีอิทธิพลของพรรคอยู่เบื้องหลัง ผู้มีอิทธิพลคนนี้เป็นคนที่ทำกีฬาฟุตบอลอยู่และโด่งดังเป็นที่รู้จักดีของเมืองไทย มีการดิวที่ใช้สารทดแทนจากต่างประเทศแล้ว 50,000 ตัน โดยมีผลต่างที่จะได้กิโลกรัมละเกือบ 300 บาท เขาจะพยายามที่จะให้แบนให้ได้โดยเด็ดขาด
(50,000 ตัน*1,000 กก.*300 บาทต่อ กก. = ? )
- งบประมาณที่จะใข้ในการที่จะกำจัดสารที่ยังมีสต็อกคงเหลืออีกมากมาย
3.ใกล้สิ้นปีแล้วจะต้องแสดงผลงานเพื่อที่จะได้ของบจากต่างประเทศได้
ข้อสังเกตว่าการที่เขาออกสื่อจะพยายามโฆษณาชวนเชื่อกับการใช้ที่ผิดๆให้เห็น เช่น
- ตัวอย่างที่มีการฉีดสารเคมีที่ออกสื่อ แต่รูปที่ออกมาเป็นการฉีดในไร่นาซึ่งปกติไม่มีการใช้ โดยที่คนฉีดไม่มีการป้องกันที่ถูกสุขลักษณะ
- สื่อที่มีการออกข่าวก็จะออกเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการแบนสารเท่านั้นไม่มีการสอบถามหรือออกสื่อในกลุ่มที่ต่อต้านไม่ให้การแบนสาร
-สารเคมีที่ใช้ส่วนใหญ่จะใช้ในพืชที่มาทำอุตสาหกรรมอาหารมากกว่า (อ้อย,ยางพารา,มันสำปะหลัง)ไม่ใช่ใช้ในการเกษตรบริโภคโดยตรง(ผัก,ผลไม้) และปกติเขาก็มีข้อจำกัดบังคับอยู่แล้วว่าให้มีการตกค้างได้อยู่เท่าไหร่
ลองคิดดูนะครับ เห็นแก่ผลประโยชน์โดยเอาประชาชนมาเป็นตัวประกันและให้ข้อมูลที่ค่อนข้างจะไม่ครบถ้วน
-ข้าราชการที่รู้เรื่องก็ไม่กล้าต่อต้านเพราะว่ากระแสแรงมากและผู้มีอำนาจโดดเข้าเต็มตัวขนาดนั้น มีผลต่อตำแหน่งและหน้าที่การงานได้
-คนที่ไม่เห็นด้วยในการแบนสารจะเป็นคนเลวในสายตาประชาชนหรือว่ามีผลประโยชน์ร่วมด้วย
- สื่อที่นำเสนอไม่รอบด้านทำให้เกิดการปักใจเชื่อไปในทางที่เขาต้องการ
ขอออกตัวก่อนนะครับ สิ่งที่ผมนำเสนอก็แค่บอกกล่าวให้รู้อีกด้านหนึ่งที่ผมได้รับมานะครับไม่มีผลประโยชน์ใดๆที่เกี่ยวข้องตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นครับ
Cr. ข้อความจาก Line