สวัสดีค่ะ กระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่เราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต นั่นคือ ริดสีดวง
ก่อนอื่นขอท้าวความก่อนเนอะ
ปกติเราเป็นคนท้องผูกค่ะ แต่ไม่น่าจะใช่เคสที่หนามั้งคะ 5555 แบบ2-3วัน/ครั้ง
แล้วก็บางทีจะมีเจ้าติ่งเนื้อเนี่ยโผล่มาทักทายบ้างเป็นระยะๆแต่ก็สามารถดันกลับเข้าไปได้แล้วตามปกติ
หรือบางครั้งก็ไม่ต้องดันพอขับถ่ายเสร็จน้องก็เก็บตัวเองเข้าไปเอง มีแค่ความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยแค่นั้นเอง
รวมถึงในชีวิตนี้เราไม่เคยถ่ายเป็นเลือดเลยนะคะ ครั้งล่าสุดที่น้องเขาโผล่มาก็เมื่อประมาณ3สัปดาห์ที่แล้ว
คือตอนนั้นเรากินดีท๊อกแล้วเด๋อคือกินยังไงไม่รู้กลายเป็นท้องเสียเฉยเลย แต่พอหายท้องเสียน้องก็หายไปด้วยนะ
คำว่าหายไปของเราคือหายไปเลย เหลือแต่หูรูดเนียนๆอย่างเดียวเลยนะ
และหลังจากนั้นประมาณ1สัปดาห์เจ้าของกระทู้ไปเที่ยวทะเล ตอนไปเนี่ยก็ยังปกติดี ลั้ลลากับแก๊งเพื่อน
จนเมื่อไปเล่นเซิฟบอร์ด นั่นแหละน้องเขาก็คัมแบคมาอยากยิ่งใหญ่ ขณะที่กำลังยืนบนบอร์ดน้องเข้าก็โผล่มา บลุ๊บบบ....
ตอนนั้นก็รู้สึกอื้มๆ ก็เจ็บๆนะ แต่ไม่เป็นไรเรามีวิธี นั่นก็คือดันน้องเข้ากลับเข้าไป เราก็หาโอกาสจังหว่ะที่อยู่ในน้ำนั่นแหละจิ้มๆเข้าไป
(แบบจิ้มจากด้านนอกเสื้อผ้านะ เผื่อใครจินตนาการว่าเราเอามือจกเข้าไป55555)
เพราะห้องน้ำแถวทะเลเนี่ยไกลเหลือเกินพี่จ๋า แต่ว่าคราวนี้น้องเขาดื้ออ่ะ ดันปุ๊บ ไม่นานหรือแทบจะทุกครั้งที่เราขึ้นยืนบนบอร์ดเขาก็โผล่
เราก็ดันน้องเขาอยู่ประมาณ 4-5 ครั้ง จนรู้สึกว่า ไม่ดันแล้วเว้ยยย คงเพราะต้องยืนกางขามั้งเลยโผล่ ไว้เลิกเล่นแล้วค่อยไปจัดการทีเดียวไปเลย
จนเมื่อเราเล่นเสร็จเราก็ไปจัดการภารกิจดันน้องให้กลับเข้าที่เข้าทาง พอสบายตัวแล้วก็มาเก็บของเตรียมตัวกลับที่พัก
แต่ๆๆหลังจากนั้นสัก 10-15 นาที น้องก็โผล่อีก ตอนนั้นเราเห็นว่าเดี๋ยวก็จะขึ้นรถกลับละไว้ไปจัดการที่ห้องละกัน
สรุปพอกลับมาห้องก็อาการเดิมค่ะ จิ้มปุ้บ ไม่กี่นาทีน้องออก ตอนนั้นคือรู้สึกแบบเหมือนตัวเองทะเลาะกับริดสีดวงของตัวเองอ่ะ
แต่ที่พ่วงมาด้วยคือ คราวนี้รู้สึกว่าน้องเขาจะอ้วนท้วนสมบูรณ์มากกว่าปกติ แล้วก็ปกติเราจะรู้สึกเจ็บ แต่คราวนี้มันเจ็บแล้วค่อนไปทางปวดด้วย
กลายเป็นเราก็ทนให้น้องเขาโผล่รับอากาศและทนกับความเจ็บปวดที่น้องมอบให้ แต่ถ้ามีโอกาสเราก็จะไปจัดการน้องให้กลับเข้าไปอยู่ในที่ทางของตัวเอง ซึ่งเราก็ทนอยู่อย่างนี้ไปอีกหนึ่งวันเพราะวันถัดมาเป็นทริปดำน้ำ คือทั้งวันเราจะอยู่แค่กลางทะเลอย่างเดียวเลย
จนช่วงเย็นวันนั้นหลังจากกลับมาที่ห้องพัก เราก็ไปจัดการดันน้องเขา ที่นี้เราดันน้องเขาได้แบบครึ่งๆกลางอ่ะ ลองนึกอารมณ์แบบเจ้าติ่งอ้วนๆที่เราดันเข้าไปแต่ได้แค่ครึ่งตัวเพราะเขาบวมมาก ทีนี้มันเจ็บมากกก ทั้งเจ็บทั้งปวด แค่ตอนที่เราจับน้องแล้วดันก็เจ็บแล้ว แล้วพอมาเหมือนบีบเข้าไประหว่างหูรูด มันเจ็บไปกว่าเดิมอีก ทีนี้เราเลยโอเค ไม่ดันละถ้ามันได้ครึ่งๆกลางๆแบบนี้ เป็นว่าปล่อยน้องแล้วหาที่นั่งนิ่มๆแล้วรีบอาบน้ำนอนสะ (ส่วนตัวเราเชื่อว่าการนอนหลับพักผ่อน คือช่วงเวลาที่ร่างการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ) แล้วก็หวังว่าพรุ่งนี้น้องเขาจะบวมน้อยลง
กู๊ดมอนิ่งงง เช้าวันที่สดใส เราตื่นมายังมีอาการปวดน้องอีกตามเคย แต่พอหลังจากที่เราขับถ่ายพร้อมกับจัดการน้อง(ความจริงในใจคือ บ้าจริงวันอื่นนะไม่ค่อยจะอึหรอก ทีวันเจ็บตูดเนี่ยออกได้ออกดีจริงๆ) คราวนี้น้องสามารถกลับเข้าไปได้ทั้งหมด ถึงแม่ะมีอาการปวดตามมาด้วย แต่เราก็สบายใจที่น้องได้กลับไปอยู่ในที่ของเขา พร้อมกับทำการขมิบหรือเกร็งไว้เพราะเราเรียนรู้มาจาก2วันก่อน ว่าไม่นานน้องจะโผล่กลับมาท่องโลกอีกครั้ง ถึงปวดเราก็ทน ระหว่างนั้นก็เก็บข้าวของเตรียมเช็คเอ้าท์ และก็ไม่ลืมที่จะเสิร์ชหาข้อมูลเจ้าริดสีดวงที่รักทั้งจากพันทิปแลนด์และเว็บไซต์อื่นๆ แนะนำยาเน็บบ้าง ยาเพชรสังฆาต เราก็เก็บข้อมูลไว้เดี๋ยวเจอร้านขายยาแล้วจะจัด แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้แวะร้านขายยาเลย เพราะว่าใช้เวลาเดินทางนานพอสมควรในการเดินทางมาสนามบินแล้วก็แวะทำธุระอื่นๆด้วย
จนเมื่อถึงสนามบินตอนนั้นเรารู้สึกเจ็บและปวดมาก แบบมากๆ เลยบอกเพื่อนว่าจะไปห้องน้ำ ก่อนหน้านี้เปร่ยๆกับเพื่อนมาตลอดทริปแหละว่าเจ็บริดสีดวง ตอนเราเข้าไปทำภารกิจบอกเลยว่าถึงน้องจะเข้าได้ไม่ทั้งตัวและตอนจับตอนยัดเข้าไปจะเจ็บและปวดมากๆ จนต้องกัดปากและฮึบไว้ แต่มันก็ยังเบากว่าตอนที่เขาโผล่ออกมา จนเพื่อนยังแซวว่า ตอนก่อนเข้าห้องน้ำทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พอออกมาดี๊ด๊าเลยนะ และก็เหมือนเดิมตามสเต็ปเราขมิบหรือเกร็งไว้เพื่อไม่ให้น้องหลุดออกมาอีก คราวนี้ตอนที่เราเกร็งเรารู้สึกเจ็บนะแต่ยังพอทนได้ แต่ก็ด้วยความเจ็บอ่ะเราก็เกร็งได้ไม่นานสัก 10 นาทีมั้ง พอเราเลิกเกร็งน้อง บลุ๊บ...หลุดออกทันที คราวนี้เราไม่ไปเข้าห้องน้ำแล้ว เพราะกะว่าเดี๋ยวลงเครื่องแล้วค่อยไปเข้าอีกที
พอมาถึงเราก็ปรี่เข้าห้องน้ำเลยค่ะแล้วอาการก็เหมือนเดิมแต่ว่าปวดมากๆๆๆแบบนั่งก็ไม่ไหวเดินก็ไม่ไหว เราเลยให้แฟนไปซื้อยาเพชรสังฆาต ในเซเว่นมาให้กิน แล้วก็ทนกับความเจ็บปวดนี้ที่เจ้ามอบให้ กลับบ้านนอนด้วยความหวังว่าพรุ่งนี้จะดีขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาเรายังมีอาการทุกอย่างครบเลย เจ็บ ปวด บวม แต่ยังดีที่เราลางานไว้กะว่าจะไปธุระเลยต้องเลื่อนธุระไว้ก่อน และวันรุ่งขี้นก็เป็นวันที่23ตค.ด้วยยังมีเวลารักษาตัวให้หายอีกวัน เราเลยให้แฟนไปร้านขายยาซื้อยามาให้กิน จริงๆเภสัชก็บอกนะว่าจะอาการที่แฟนเราบอกน่าจะต้องไปผ่าแล้วแหละ กินยาน่าจะช่วยได้นิดเดียว แต่เราก็ยังไม่อยากผ่าทั้งกลัวด้วยแล้วก็ไม่อยากลางานด้วย สิ่งที่ได้จากร้านขายยามามีทั้งยารักษาริดสีดวง (ของตัวนอกราคากล่องละประมาณ500) , ยาแก้อักเสบ , ยาเน็บ และเราก็กินทีซินไมซินเพิ่มด้วย ทั้งกินทั้งเน็บ นอนพักรัวๆจนตาบวม กะว่ายังไงต้องหายทันไปทำงานแน่นอน เรื่องแค่นี้สบายยยย ริดสีดวงฉันเอาอยู่!!
เช้าวันที่23ตค. วันหยุดของฉันนนน ตื่นมากับความเจ็บปวดและบวม ยาที่กินที่เน็บมาไม่ได้ทำให้ดีขึ้นเลย จนกินข้าวกินยาตอนเที่ยงก็ยังไม่ดีขึ้น เลยตัดสินใจไปหาหมอดีกว่า ถึงแม้คนรอบข้างจะพูดว่าโดนผ่าแน่ๆ แต่ในใจเราคิดว่าคงไม่ผ่าหรอก หมอคงมีวิธีอื่น เช่นฉีดยาลดบวดลดบวมไรงี้
ณ ห้องตรวจ (เกร็ดนิดนึงค่ะ ตอนแรกเราก็ยังคิดไม่ออกว่าหมอที่รักษาริดสีดวงเนี่ยเป็นหมอแผนกไหน อายุกรรมรึป่าว แท้จริงคือ ศัลกรรม นะจ๊ะ)
หมอ : อ้าววว วันนี้เป็นอะไรมา
เรา : ริดสีดวงค่ะ
หมอ : งั้นขึ้นเตียงเลยหมอขอดูหน่อย ทันที่ที่หมอดูไม่ถึง 5 วินาที........ โอ้ยยย ผ่าเลย
เรา : ลงจากเตียงด้วยสีหน้าที่ซีดเผือก พร้อมถามหมอว่า ยังมาผ่าไม่ได้หรอคะ มีวิธีอื่นบ้างมั้ยคะหมอ
หมอ : ไม่ผ่าแล้วจะเก็บไว้ทำไร ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีขั้นที่ 5 แล้ว ไม่ผ่าก็ทนเจ็บเปล่าๆ ไม่หายด้วย ผ่าแปบเดียวเดี๋ยวก็หาย สบายตัวกว่าเยอะ
เรา : คิดในใจ ขั้นที่ 5 คือไรวะ ไหนว่ามีแค่ 4 ขั้นไง แต่นี่มาจากปากหมอเองเลยคงจริงแหละเลยไม่อยากถามอะไร อ้ะผ่าก็ผ่า พร้อมรับคำหมอ ค่ะ.....
หมอ : กินข้าวกินน้ำครั้งล่าสุดเมื่อไร
เรา : กินข้าวเที่ยงค่ะ แล้วก็ยังไม่ได้กินอะไรอีกเลยค่ะ
หมอ : โอเค ผ่าวันนี้เลย
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้เราทำตามขั้นตอน คือ เลือกห้องพัก เอ็กซ์เรย์ เจาะสายน้ำเกลือ และรอเจ้าหน้าที่พาไปห้องพัก
กฤกษ์ขึ้นเขียง คือ19.30น. แอบเร็วเหมือนกัน ความรู้สึกตอนนั้นคือหวั่นๆแหละ แบบตลกด้วยที่ตัวเองมาผ่าริดสีดวง คืออาการอ่ะมันไม่ตลกนะมันทรมานระดับนึงเลย แต่พอนึกชื่อโรคและบริเวณที่ต้องผ่ามันก็ตลกอ่ะ แบบผ่าที่ไหน? ทีตูดอ่ะ 55555 และอีกความรู้สึกคือตื่นเต้นอ่ะกลัวเจ็บด้วยจะผ่าตัด กลัวผ่ามาแล้วฉี่ไม่ออก ต้องสอดสายทรมานแน่ๆเลย (ปกติเราเป็นคนกลัวเจ็บมากๆนะแบบอะไรก็ได้อย่าเจ็บพอ)
19.30น. เจ้าหน้าที่มาเข็นเราโดยรถเตียงนอน ไปยังห้องผ่าตัด พอไปถึงจะเจอเจ้าหน้าที่อีกคน เราไม่รู้ว่าเรียกว่าอ่ะไร เขาก็จะมาคุยกับเราก่อนระหว่างรอหมอ แล้วก็เล่าลักษณะขั้นตอนการผ่าให้เราฟัง แล้วก็เอาหมวกห้องผ่าตัดมาสวมให้เรา รวมทั้งเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้เราด้วย
พอหมอมาเจ้าหน้าที่ก็พาเราเข้าห้องผ่าตัด แล้วก็ย้ายตัวไปนอนที่เตียงผ่าตัด แว้บแรบขอสำรวจห้องก่อนว่ามันเหมือนในหนังมั้ยน้อออ โคมไฟหลายๆดวง เปิดพรึ๊บมาที่เรามั้ย แล้วก็บรรยากาศห้องสะอาดจริงรึป่าว แล้วก็คอนเฟิร์มเลยค่ะว่า ไฟเยอะและห้องดูสะอาดสะอ้านจริง 100 %
แหละอีกไม่กี่อึดใจเจ้าหน้าที่ 4-5 คนก็เข้ามารุมแล้ว เหมือนตอนนั้นเรางงๆอ๋องๆไปเลย คือเหมือนทุกคนเข้ามาวุ่นวายกับเราจับแขนจับขาาทำโน่นทำนี่และก็มีเสียงนึง เป็นเสียงหวานๆอ่อนนุ่ม พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กล่าวแนะนำตัวว่า
สวัสดีค่ะ หมอชื่อ..... เป็นหมอวิสัญญีแพทย์นะคะ วันนี้หมอจะมาฉีดบล็อคหลังให้นะคะ โดยการบล็อคหลังเนี่ย จะทำให้ชาแค่เพียงครึ่งล่างตั้งแต่เอวลงไปถึงเท้านะคะ ไม่มีอะไรอันตรายและไม่เจ็บนะคะ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ ก็ให้เรานั่งแล้วก้มโค้งหลัง คางชิดกับไหปลาร้า แล้วก็จะสัมผัสได้ว่ามีเจ้าหน้าที่จับแขนเราไว้ทั้งสองข้าง และวิสัญญีแพทย์คลำบริเวณกระดูกสันหลัง นาทีนั้นเราคิดไว้ในใจต้องเจ็บมากๆแน่ๆเลย เตรียมใจไว้เจ็บแน่ๆ แต่ปรากฎว่าก็เหมือนฉีดยาปกติเลย หลังจากนั้นอีกอึกใจเดียวเรารู้สึกว่าเราชา แบบวิ่งไปเลยตั้งแต่เอวถึงเท้า ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ก็จับเรานอนในท่าที่เตรียมรับการผ่าตัด คือการขึ้นขาหยั่ง พร้อมกับขึงผ้าไว้ไม่ให้เรามองเห็นการผ่าตัด
ตอนนั้นเราก็ยังมีกังวลนะว่า ถ้ามันยังไม่ชาจะทำยังไง จะเจ็บแค่ไหน หรือจะรีบบอกไปเลยว่ายังไม่ชา เหมือนตอนถอนฟัน(เราเวลาถอนฟันจะบอกว่ายังบอกไม่ชาไว้ก่อน ให้ได้ยาชาเยอะๆไว้ก่อนดีที่สุด5555) แล้วยังมีอีกความคิดแทรกเข้ามาว่า อายเหมือนกันนะเนี้ยต้องมาขึ้นขาหยั่งดูสิคนเยอะแหยะเลย เขาจะมามองก้นเราแล้วเห็นอะไรๆไปถึงไหนเนี่ย แล้วก็ยังคิดต่ออีก โอ้ยยยย ใครเขาจะคิดอะไรเขาเห็นมาเป็นพันๆคนละ
ในขณะที่เรากำลังคิดเพลินๆเราก็นึกขึ้นได้ว่า เห้ยหมอยังไม่ผ่าตอนนี้กำลังเตรียมอุปกรณ์กันอยู่ รีบบอกดีกว่ายังไม่ชา เพราะเดี๋ยวตอนผ่าจะเจ็บเอา จังหวะนั้นเราหันไปเห็นโครเมี่ยมหรือกระจกนี่แหละไม่แน่ใจ เล็กๆตรงโคมไฟที่สะท้อนภาพ ปรากฎว่า เอ้า...หมอกำลังผ่าอยู่นี่ ไม่เจ็บเลยแหะเฉยๆมาก เตียงก็นอนสะบายดีอื้มๆ แล้วก็ไม่หนาวด้วย บรรยากาศในห้องผ่าตัดคือ คึกครื้นมาก ทุกคนคุยกันเฮฮา แล้วยังมีวิสัญญีแพทย์ก็นั่งอยู่ข้างๆเรา ค่อยถามพูดคุยอีก ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยแฮ่ะ เราก็ได้แต่นอนรอว่าเมื่อไรจะผ่าเสร็จ
หลังจากการผ่าตัดสดๆร้อนๆ เมื่อผ่าเสร็จแล้วคุณหมอก็เดินออกจากห้องไป ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ต้องเก็บของ เคลียร์อุปกรณ์ต่างๆ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอา เจ้าก้อนน้องริดซี่มาให้เราชื่นชมผลงาน ขุ่นพระ!!..... ก้อนขนาดเท้านิ้วโป้งมือเลยค่ะคุณใช้ได้เลย โบกมือลาแล้วนะ น้องริดซี่ที่รักของพี่บายยย เราไม่ได้ขอก้อนน้องเก็บไว้นะคะเพราะเจ้าหน้าที่บอกเราว่าเดี๋ยวจะเอาชิ้นเนื้อไปตรวจต่อ
แง้งงง ตัวอักษรไม่พอ เดี๋ยวมาต่อนะคะ
ลาก่อน ริดซี่ ที่รัก (ผ่าตัดริดสีดวง)
ก่อนอื่นขอท้าวความก่อนเนอะ
ปกติเราเป็นคนท้องผูกค่ะ แต่ไม่น่าจะใช่เคสที่หนามั้งคะ 5555 แบบ2-3วัน/ครั้ง
แล้วก็บางทีจะมีเจ้าติ่งเนื้อเนี่ยโผล่มาทักทายบ้างเป็นระยะๆแต่ก็สามารถดันกลับเข้าไปได้แล้วตามปกติ
หรือบางครั้งก็ไม่ต้องดันพอขับถ่ายเสร็จน้องก็เก็บตัวเองเข้าไปเอง มีแค่ความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยแค่นั้นเอง
รวมถึงในชีวิตนี้เราไม่เคยถ่ายเป็นเลือดเลยนะคะ ครั้งล่าสุดที่น้องเขาโผล่มาก็เมื่อประมาณ3สัปดาห์ที่แล้ว
คือตอนนั้นเรากินดีท๊อกแล้วเด๋อคือกินยังไงไม่รู้กลายเป็นท้องเสียเฉยเลย แต่พอหายท้องเสียน้องก็หายไปด้วยนะ
คำว่าหายไปของเราคือหายไปเลย เหลือแต่หูรูดเนียนๆอย่างเดียวเลยนะ
และหลังจากนั้นประมาณ1สัปดาห์เจ้าของกระทู้ไปเที่ยวทะเล ตอนไปเนี่ยก็ยังปกติดี ลั้ลลากับแก๊งเพื่อน
จนเมื่อไปเล่นเซิฟบอร์ด นั่นแหละน้องเขาก็คัมแบคมาอยากยิ่งใหญ่ ขณะที่กำลังยืนบนบอร์ดน้องเข้าก็โผล่มา บลุ๊บบบ....
ตอนนั้นก็รู้สึกอื้มๆ ก็เจ็บๆนะ แต่ไม่เป็นไรเรามีวิธี นั่นก็คือดันน้องเข้ากลับเข้าไป เราก็หาโอกาสจังหว่ะที่อยู่ในน้ำนั่นแหละจิ้มๆเข้าไป
(แบบจิ้มจากด้านนอกเสื้อผ้านะ เผื่อใครจินตนาการว่าเราเอามือจกเข้าไป55555)
เพราะห้องน้ำแถวทะเลเนี่ยไกลเหลือเกินพี่จ๋า แต่ว่าคราวนี้น้องเขาดื้ออ่ะ ดันปุ๊บ ไม่นานหรือแทบจะทุกครั้งที่เราขึ้นยืนบนบอร์ดเขาก็โผล่
เราก็ดันน้องเขาอยู่ประมาณ 4-5 ครั้ง จนรู้สึกว่า ไม่ดันแล้วเว้ยยย คงเพราะต้องยืนกางขามั้งเลยโผล่ ไว้เลิกเล่นแล้วค่อยไปจัดการทีเดียวไปเลย
จนเมื่อเราเล่นเสร็จเราก็ไปจัดการภารกิจดันน้องให้กลับเข้าที่เข้าทาง พอสบายตัวแล้วก็มาเก็บของเตรียมตัวกลับที่พัก
แต่ๆๆหลังจากนั้นสัก 10-15 นาที น้องก็โผล่อีก ตอนนั้นเราเห็นว่าเดี๋ยวก็จะขึ้นรถกลับละไว้ไปจัดการที่ห้องละกัน
สรุปพอกลับมาห้องก็อาการเดิมค่ะ จิ้มปุ้บ ไม่กี่นาทีน้องออก ตอนนั้นคือรู้สึกแบบเหมือนตัวเองทะเลาะกับริดสีดวงของตัวเองอ่ะ
แต่ที่พ่วงมาด้วยคือ คราวนี้รู้สึกว่าน้องเขาจะอ้วนท้วนสมบูรณ์มากกว่าปกติ แล้วก็ปกติเราจะรู้สึกเจ็บ แต่คราวนี้มันเจ็บแล้วค่อนไปทางปวดด้วย
กลายเป็นเราก็ทนให้น้องเขาโผล่รับอากาศและทนกับความเจ็บปวดที่น้องมอบให้ แต่ถ้ามีโอกาสเราก็จะไปจัดการน้องให้กลับเข้าไปอยู่ในที่ทางของตัวเอง ซึ่งเราก็ทนอยู่อย่างนี้ไปอีกหนึ่งวันเพราะวันถัดมาเป็นทริปดำน้ำ คือทั้งวันเราจะอยู่แค่กลางทะเลอย่างเดียวเลย
จนช่วงเย็นวันนั้นหลังจากกลับมาที่ห้องพัก เราก็ไปจัดการดันน้องเขา ที่นี้เราดันน้องเขาได้แบบครึ่งๆกลางอ่ะ ลองนึกอารมณ์แบบเจ้าติ่งอ้วนๆที่เราดันเข้าไปแต่ได้แค่ครึ่งตัวเพราะเขาบวมมาก ทีนี้มันเจ็บมากกก ทั้งเจ็บทั้งปวด แค่ตอนที่เราจับน้องแล้วดันก็เจ็บแล้ว แล้วพอมาเหมือนบีบเข้าไประหว่างหูรูด มันเจ็บไปกว่าเดิมอีก ทีนี้เราเลยโอเค ไม่ดันละถ้ามันได้ครึ่งๆกลางๆแบบนี้ เป็นว่าปล่อยน้องแล้วหาที่นั่งนิ่มๆแล้วรีบอาบน้ำนอนสะ (ส่วนตัวเราเชื่อว่าการนอนหลับพักผ่อน คือช่วงเวลาที่ร่างการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ) แล้วก็หวังว่าพรุ่งนี้น้องเขาจะบวมน้อยลง
กู๊ดมอนิ่งงง เช้าวันที่สดใส เราตื่นมายังมีอาการปวดน้องอีกตามเคย แต่พอหลังจากที่เราขับถ่ายพร้อมกับจัดการน้อง(ความจริงในใจคือ บ้าจริงวันอื่นนะไม่ค่อยจะอึหรอก ทีวันเจ็บตูดเนี่ยออกได้ออกดีจริงๆ) คราวนี้น้องสามารถกลับเข้าไปได้ทั้งหมด ถึงแม่ะมีอาการปวดตามมาด้วย แต่เราก็สบายใจที่น้องได้กลับไปอยู่ในที่ของเขา พร้อมกับทำการขมิบหรือเกร็งไว้เพราะเราเรียนรู้มาจาก2วันก่อน ว่าไม่นานน้องจะโผล่กลับมาท่องโลกอีกครั้ง ถึงปวดเราก็ทน ระหว่างนั้นก็เก็บข้าวของเตรียมเช็คเอ้าท์ และก็ไม่ลืมที่จะเสิร์ชหาข้อมูลเจ้าริดสีดวงที่รักทั้งจากพันทิปแลนด์และเว็บไซต์อื่นๆ แนะนำยาเน็บบ้าง ยาเพชรสังฆาต เราก็เก็บข้อมูลไว้เดี๋ยวเจอร้านขายยาแล้วจะจัด แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้แวะร้านขายยาเลย เพราะว่าใช้เวลาเดินทางนานพอสมควรในการเดินทางมาสนามบินแล้วก็แวะทำธุระอื่นๆด้วย
จนเมื่อถึงสนามบินตอนนั้นเรารู้สึกเจ็บและปวดมาก แบบมากๆ เลยบอกเพื่อนว่าจะไปห้องน้ำ ก่อนหน้านี้เปร่ยๆกับเพื่อนมาตลอดทริปแหละว่าเจ็บริดสีดวง ตอนเราเข้าไปทำภารกิจบอกเลยว่าถึงน้องจะเข้าได้ไม่ทั้งตัวและตอนจับตอนยัดเข้าไปจะเจ็บและปวดมากๆ จนต้องกัดปากและฮึบไว้ แต่มันก็ยังเบากว่าตอนที่เขาโผล่ออกมา จนเพื่อนยังแซวว่า ตอนก่อนเข้าห้องน้ำทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พอออกมาดี๊ด๊าเลยนะ และก็เหมือนเดิมตามสเต็ปเราขมิบหรือเกร็งไว้เพื่อไม่ให้น้องหลุดออกมาอีก คราวนี้ตอนที่เราเกร็งเรารู้สึกเจ็บนะแต่ยังพอทนได้ แต่ก็ด้วยความเจ็บอ่ะเราก็เกร็งได้ไม่นานสัก 10 นาทีมั้ง พอเราเลิกเกร็งน้อง บลุ๊บ...หลุดออกทันที คราวนี้เราไม่ไปเข้าห้องน้ำแล้ว เพราะกะว่าเดี๋ยวลงเครื่องแล้วค่อยไปเข้าอีกที
พอมาถึงเราก็ปรี่เข้าห้องน้ำเลยค่ะแล้วอาการก็เหมือนเดิมแต่ว่าปวดมากๆๆๆแบบนั่งก็ไม่ไหวเดินก็ไม่ไหว เราเลยให้แฟนไปซื้อยาเพชรสังฆาต ในเซเว่นมาให้กิน แล้วก็ทนกับความเจ็บปวดนี้ที่เจ้ามอบให้ กลับบ้านนอนด้วยความหวังว่าพรุ่งนี้จะดีขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาเรายังมีอาการทุกอย่างครบเลย เจ็บ ปวด บวม แต่ยังดีที่เราลางานไว้กะว่าจะไปธุระเลยต้องเลื่อนธุระไว้ก่อน และวันรุ่งขี้นก็เป็นวันที่23ตค.ด้วยยังมีเวลารักษาตัวให้หายอีกวัน เราเลยให้แฟนไปร้านขายยาซื้อยามาให้กิน จริงๆเภสัชก็บอกนะว่าจะอาการที่แฟนเราบอกน่าจะต้องไปผ่าแล้วแหละ กินยาน่าจะช่วยได้นิดเดียว แต่เราก็ยังไม่อยากผ่าทั้งกลัวด้วยแล้วก็ไม่อยากลางานด้วย สิ่งที่ได้จากร้านขายยามามีทั้งยารักษาริดสีดวง (ของตัวนอกราคากล่องละประมาณ500) , ยาแก้อักเสบ , ยาเน็บ และเราก็กินทีซินไมซินเพิ่มด้วย ทั้งกินทั้งเน็บ นอนพักรัวๆจนตาบวม กะว่ายังไงต้องหายทันไปทำงานแน่นอน เรื่องแค่นี้สบายยยย ริดสีดวงฉันเอาอยู่!!
เช้าวันที่23ตค. วันหยุดของฉันนนน ตื่นมากับความเจ็บปวดและบวม ยาที่กินที่เน็บมาไม่ได้ทำให้ดีขึ้นเลย จนกินข้าวกินยาตอนเที่ยงก็ยังไม่ดีขึ้น เลยตัดสินใจไปหาหมอดีกว่า ถึงแม้คนรอบข้างจะพูดว่าโดนผ่าแน่ๆ แต่ในใจเราคิดว่าคงไม่ผ่าหรอก หมอคงมีวิธีอื่น เช่นฉีดยาลดบวดลดบวมไรงี้
ณ ห้องตรวจ (เกร็ดนิดนึงค่ะ ตอนแรกเราก็ยังคิดไม่ออกว่าหมอที่รักษาริดสีดวงเนี่ยเป็นหมอแผนกไหน อายุกรรมรึป่าว แท้จริงคือ ศัลกรรม นะจ๊ะ)
หมอ : อ้าววว วันนี้เป็นอะไรมา
เรา : ริดสีดวงค่ะ
หมอ : งั้นขึ้นเตียงเลยหมอขอดูหน่อย ทันที่ที่หมอดูไม่ถึง 5 วินาที........ โอ้ยยย ผ่าเลย
เรา : ลงจากเตียงด้วยสีหน้าที่ซีดเผือก พร้อมถามหมอว่า ยังมาผ่าไม่ได้หรอคะ มีวิธีอื่นบ้างมั้ยคะหมอ
หมอ : ไม่ผ่าแล้วจะเก็บไว้ทำไร ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีขั้นที่ 5 แล้ว ไม่ผ่าก็ทนเจ็บเปล่าๆ ไม่หายด้วย ผ่าแปบเดียวเดี๋ยวก็หาย สบายตัวกว่าเยอะ
เรา : คิดในใจ ขั้นที่ 5 คือไรวะ ไหนว่ามีแค่ 4 ขั้นไง แต่นี่มาจากปากหมอเองเลยคงจริงแหละเลยไม่อยากถามอะไร อ้ะผ่าก็ผ่า พร้อมรับคำหมอ ค่ะ.....
หมอ : กินข้าวกินน้ำครั้งล่าสุดเมื่อไร
เรา : กินข้าวเที่ยงค่ะ แล้วก็ยังไม่ได้กินอะไรอีกเลยค่ะ
หมอ : โอเค ผ่าวันนี้เลย
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้เราทำตามขั้นตอน คือ เลือกห้องพัก เอ็กซ์เรย์ เจาะสายน้ำเกลือ และรอเจ้าหน้าที่พาไปห้องพัก
กฤกษ์ขึ้นเขียง คือ19.30น. แอบเร็วเหมือนกัน ความรู้สึกตอนนั้นคือหวั่นๆแหละ แบบตลกด้วยที่ตัวเองมาผ่าริดสีดวง คืออาการอ่ะมันไม่ตลกนะมันทรมานระดับนึงเลย แต่พอนึกชื่อโรคและบริเวณที่ต้องผ่ามันก็ตลกอ่ะ แบบผ่าที่ไหน? ทีตูดอ่ะ 55555 และอีกความรู้สึกคือตื่นเต้นอ่ะกลัวเจ็บด้วยจะผ่าตัด กลัวผ่ามาแล้วฉี่ไม่ออก ต้องสอดสายทรมานแน่ๆเลย (ปกติเราเป็นคนกลัวเจ็บมากๆนะแบบอะไรก็ได้อย่าเจ็บพอ)
19.30น. เจ้าหน้าที่มาเข็นเราโดยรถเตียงนอน ไปยังห้องผ่าตัด พอไปถึงจะเจอเจ้าหน้าที่อีกคน เราไม่รู้ว่าเรียกว่าอ่ะไร เขาก็จะมาคุยกับเราก่อนระหว่างรอหมอ แล้วก็เล่าลักษณะขั้นตอนการผ่าให้เราฟัง แล้วก็เอาหมวกห้องผ่าตัดมาสวมให้เรา รวมทั้งเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้เราด้วย
พอหมอมาเจ้าหน้าที่ก็พาเราเข้าห้องผ่าตัด แล้วก็ย้ายตัวไปนอนที่เตียงผ่าตัด แว้บแรบขอสำรวจห้องก่อนว่ามันเหมือนในหนังมั้ยน้อออ โคมไฟหลายๆดวง เปิดพรึ๊บมาที่เรามั้ย แล้วก็บรรยากาศห้องสะอาดจริงรึป่าว แล้วก็คอนเฟิร์มเลยค่ะว่า ไฟเยอะและห้องดูสะอาดสะอ้านจริง 100 %
แหละอีกไม่กี่อึดใจเจ้าหน้าที่ 4-5 คนก็เข้ามารุมแล้ว เหมือนตอนนั้นเรางงๆอ๋องๆไปเลย คือเหมือนทุกคนเข้ามาวุ่นวายกับเราจับแขนจับขาาทำโน่นทำนี่และก็มีเสียงนึง เป็นเสียงหวานๆอ่อนนุ่ม พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กล่าวแนะนำตัวว่า
สวัสดีค่ะ หมอชื่อ..... เป็นหมอวิสัญญีแพทย์นะคะ วันนี้หมอจะมาฉีดบล็อคหลังให้นะคะ โดยการบล็อคหลังเนี่ย จะทำให้ชาแค่เพียงครึ่งล่างตั้งแต่เอวลงไปถึงเท้านะคะ ไม่มีอะไรอันตรายและไม่เจ็บนะคะ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ ก็ให้เรานั่งแล้วก้มโค้งหลัง คางชิดกับไหปลาร้า แล้วก็จะสัมผัสได้ว่ามีเจ้าหน้าที่จับแขนเราไว้ทั้งสองข้าง และวิสัญญีแพทย์คลำบริเวณกระดูกสันหลัง นาทีนั้นเราคิดไว้ในใจต้องเจ็บมากๆแน่ๆเลย เตรียมใจไว้เจ็บแน่ๆ แต่ปรากฎว่าก็เหมือนฉีดยาปกติเลย หลังจากนั้นอีกอึกใจเดียวเรารู้สึกว่าเราชา แบบวิ่งไปเลยตั้งแต่เอวถึงเท้า ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ก็จับเรานอนในท่าที่เตรียมรับการผ่าตัด คือการขึ้นขาหยั่ง พร้อมกับขึงผ้าไว้ไม่ให้เรามองเห็นการผ่าตัด
ตอนนั้นเราก็ยังมีกังวลนะว่า ถ้ามันยังไม่ชาจะทำยังไง จะเจ็บแค่ไหน หรือจะรีบบอกไปเลยว่ายังไม่ชา เหมือนตอนถอนฟัน(เราเวลาถอนฟันจะบอกว่ายังบอกไม่ชาไว้ก่อน ให้ได้ยาชาเยอะๆไว้ก่อนดีที่สุด5555) แล้วยังมีอีกความคิดแทรกเข้ามาว่า อายเหมือนกันนะเนี้ยต้องมาขึ้นขาหยั่งดูสิคนเยอะแหยะเลย เขาจะมามองก้นเราแล้วเห็นอะไรๆไปถึงไหนเนี่ย แล้วก็ยังคิดต่ออีก โอ้ยยยย ใครเขาจะคิดอะไรเขาเห็นมาเป็นพันๆคนละ
ในขณะที่เรากำลังคิดเพลินๆเราก็นึกขึ้นได้ว่า เห้ยหมอยังไม่ผ่าตอนนี้กำลังเตรียมอุปกรณ์กันอยู่ รีบบอกดีกว่ายังไม่ชา เพราะเดี๋ยวตอนผ่าจะเจ็บเอา จังหวะนั้นเราหันไปเห็นโครเมี่ยมหรือกระจกนี่แหละไม่แน่ใจ เล็กๆตรงโคมไฟที่สะท้อนภาพ ปรากฎว่า เอ้า...หมอกำลังผ่าอยู่นี่ ไม่เจ็บเลยแหะเฉยๆมาก เตียงก็นอนสะบายดีอื้มๆ แล้วก็ไม่หนาวด้วย บรรยากาศในห้องผ่าตัดคือ คึกครื้นมาก ทุกคนคุยกันเฮฮา แล้วยังมีวิสัญญีแพทย์ก็นั่งอยู่ข้างๆเรา ค่อยถามพูดคุยอีก ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยแฮ่ะ เราก็ได้แต่นอนรอว่าเมื่อไรจะผ่าเสร็จ
หลังจากการผ่าตัดสดๆร้อนๆ เมื่อผ่าเสร็จแล้วคุณหมอก็เดินออกจากห้องไป ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ต้องเก็บของ เคลียร์อุปกรณ์ต่างๆ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอา เจ้าก้อนน้องริดซี่มาให้เราชื่นชมผลงาน ขุ่นพระ!!..... ก้อนขนาดเท้านิ้วโป้งมือเลยค่ะคุณใช้ได้เลย โบกมือลาแล้วนะ น้องริดซี่ที่รักของพี่บายยย เราไม่ได้ขอก้อนน้องเก็บไว้นะคะเพราะเจ้าหน้าที่บอกเราว่าเดี๋ยวจะเอาชิ้นเนื้อไปตรวจต่อ
แง้งงง ตัวอักษรไม่พอ เดี๋ยวมาต่อนะคะ