ทุกข์ เท่านั้น เกิด ทุกข์ เท่านั้น ตั้งอยู่ ทุกข์ เท่านั้น ดับไป
ในโลกนี้ นอกจากทุกข์แล้ว ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรตั้งอยู่ ไม่มีอะไรดับไป
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ในกาลก่อนก็ดี เดี๋ยวนี้ก็ดี เราสอนแต่เรื่องทุกข์และการดับทุกข์เท่านั้น
สุขอื่นเสมอด้วยความสงบไม่มี
พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
ปัญญาเป็นดวงแก้ว ( แก้วสารพัดนึก ) ของนรชน
ธรรม เท่านั้น ที่เป็นที่พึ่งของเรา
ประพฤติสุจริตในเวลาเช้า สาย บ่าย หรือค่ำ เวลาเหล่านั้น ก็เป็นเวลาที่ฤกษ์งามยามดีที่สุด
ดูก่อน ! อานนท์ ธรรม ก็ดี วินัย ก็ดี ที่เราตถาคต ได้บัญญัติไว้ดีแล้วนั้น ธรรมวินัยเหล่านี้แหละ จักเป็นศาสดาของเธอ ในกาลที่เราได้ล่วงลับไปแล้ว
ศรัทธาตั้งมั่นแล้วยังประโยชน์ให้สำเร็จ ศรัทธาเป็นทรัพย์อันประเสริฐ
ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้
ความเมตตา เป็นเครื่องค้ำจุนโลก
อำนาจย่อมเป็นใหญ่ในโลก ( เเต่ ผมอยากให้เป็นอำนาจเเห่งธรรม โดยเฉพาะอำนาจเเห่งธรรมะ คุณความดี สัจธรรม เเละ อำนาจเเห่งธรรมที่ประหารกิเลสความโลภ โกรธ หลง ให้หมดไป นำมาซึ่งความสงบสุขสันติของตนเอง ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ เเละ โลก อย่างยั่งยืนเเท้จริงตลอดไป )
สัตบุรุษ ไม่อยู่ในสภาใด สภานั้น ไม่ชื่อว่าสภา
แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี
ราชาเป็นสง่า แห่งแคว้น ( คือประเทศ ) ( โดยเฉพะอย่างยิ่ง ถ้า พระราชานั้นทรงทศพิธราชธรรม ยิ่งเป็นสง่าอย่างยิ่ง )
รูปกายของสัตว์ย่อยสลายได้ แต่ชื่อและสกุลมิได้ย่อยยับตามไปด้วย
ขุนเขาไม่สะเทือนเพราะแรงลม บัณฑิต ( คือ ผู้รู้ ) ไม่หวั่นไหวเพราะคำนินทาและสรรเสริญ
นกบินจากไปไม่ทิ้งรอยไว้ในอากาศ ผู้ทำดีจริงไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทน
ความโกรธเป็นอารมณ์ของผู้มีปัญญาทราม ( คือ ไม่ดี )
วันคืนล่วงไป ล่วงไป บัดนี้ เรากำลังทำอะไรกันอยู่
สังขาร ( คือสิ่งที่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ) ย่อมมีความแปรเปลี่ยนไปเป็นของธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด ( พระพุทธเจ้าตรัสก่อนเข้ามหาพระพุทธปรินิพพาน )
ผู้ใดมองเห็นธรรม ผู้นั้นมองเห็นเรา ตถาคต ผู้ใดมองไม่เห็นธรรม แม้ ผู้นั้น จะจับชายจีวรของเราถืออยู่ ก็ไม่ได้ชื่อว่าเห็นเราตถาคต
ตัดเหตุเเห่งทุกข์ได้ ย่อมเป็นสุขในที่ทั้งปวง
ฯลฯ สาธุครับ ขอธรรมะของพระพุทธองค์ สัจธรรม ความเมตตา ปัญญา จงมีอยู่ในใจของทุกคนครับ ^ ^ ^ ^ ^ ^
ตามพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า ผู้ประพฤติธรรม ( ธรรม ที่ถูกต้อง ) ย่อมอยู่เป็นสุข ครับ
พุทธภาษิต สำหรับผู้สนใจครับ
ในโลกนี้ นอกจากทุกข์แล้ว ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรตั้งอยู่ ไม่มีอะไรดับไป
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ในกาลก่อนก็ดี เดี๋ยวนี้ก็ดี เราสอนแต่เรื่องทุกข์และการดับทุกข์เท่านั้น
สุขอื่นเสมอด้วยความสงบไม่มี
พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
ปัญญาเป็นดวงแก้ว ( แก้วสารพัดนึก ) ของนรชน
ธรรม เท่านั้น ที่เป็นที่พึ่งของเรา
ประพฤติสุจริตในเวลาเช้า สาย บ่าย หรือค่ำ เวลาเหล่านั้น ก็เป็นเวลาที่ฤกษ์งามยามดีที่สุด
ดูก่อน ! อานนท์ ธรรม ก็ดี วินัย ก็ดี ที่เราตถาคต ได้บัญญัติไว้ดีแล้วนั้น ธรรมวินัยเหล่านี้แหละ จักเป็นศาสดาของเธอ ในกาลที่เราได้ล่วงลับไปแล้ว
ศรัทธาตั้งมั่นแล้วยังประโยชน์ให้สำเร็จ ศรัทธาเป็นทรัพย์อันประเสริฐ
ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้
ความเมตตา เป็นเครื่องค้ำจุนโลก
อำนาจย่อมเป็นใหญ่ในโลก ( เเต่ ผมอยากให้เป็นอำนาจเเห่งธรรม โดยเฉพาะอำนาจเเห่งธรรมะ คุณความดี สัจธรรม เเละ อำนาจเเห่งธรรมที่ประหารกิเลสความโลภ โกรธ หลง ให้หมดไป นำมาซึ่งความสงบสุขสันติของตนเอง ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ เเละ โลก อย่างยั่งยืนเเท้จริงตลอดไป )
สัตบุรุษ ไม่อยู่ในสภาใด สภานั้น ไม่ชื่อว่าสภา
แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี
ราชาเป็นสง่า แห่งแคว้น ( คือประเทศ ) ( โดยเฉพะอย่างยิ่ง ถ้า พระราชานั้นทรงทศพิธราชธรรม ยิ่งเป็นสง่าอย่างยิ่ง )
รูปกายของสัตว์ย่อยสลายได้ แต่ชื่อและสกุลมิได้ย่อยยับตามไปด้วย
ขุนเขาไม่สะเทือนเพราะแรงลม บัณฑิต ( คือ ผู้รู้ ) ไม่หวั่นไหวเพราะคำนินทาและสรรเสริญ
นกบินจากไปไม่ทิ้งรอยไว้ในอากาศ ผู้ทำดีจริงไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทน
ความโกรธเป็นอารมณ์ของผู้มีปัญญาทราม ( คือ ไม่ดี )
วันคืนล่วงไป ล่วงไป บัดนี้ เรากำลังทำอะไรกันอยู่
สังขาร ( คือสิ่งที่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ) ย่อมมีความแปรเปลี่ยนไปเป็นของธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด ( พระพุทธเจ้าตรัสก่อนเข้ามหาพระพุทธปรินิพพาน )
ผู้ใดมองเห็นธรรม ผู้นั้นมองเห็นเรา ตถาคต ผู้ใดมองไม่เห็นธรรม แม้ ผู้นั้น จะจับชายจีวรของเราถืออยู่ ก็ไม่ได้ชื่อว่าเห็นเราตถาคต
ตัดเหตุเเห่งทุกข์ได้ ย่อมเป็นสุขในที่ทั้งปวง
ฯลฯ สาธุครับ ขอธรรมะของพระพุทธองค์ สัจธรรม ความเมตตา ปัญญา จงมีอยู่ในใจของทุกคนครับ ^ ^ ^ ^ ^ ^
ตามพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า ผู้ประพฤติธรรม ( ธรรม ที่ถูกต้อง ) ย่อมอยู่เป็นสุข ครับ