สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
จิตใจนั้นยึดมั่นยึดถืออยู่กับพ่อแม่จมอยู่ในโลกหรือภาวะความหดหู่สิ้นหวังมากเกินไปครับ ซึ่งเป็นสภาพหลงขาดสติ ไม่ใช่จิตใจที่ผ่องใส(พ้นทุกข์พ้นกิเลสสมุทัยในใจ) ไม่ใช่การปลงที่เกิดสัมมาสติ ไม่ใช่วิธีคิดที่ถูกต้องอันเป็นสัมมาสังกัปปปะ ไม่ใช่ทิฏฐิจิตใจที่ถูกต้องอันเป็นสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
และไม่ว่าเหตุการณ์ต่างๆจะเป็นไปเช่นไร พ่อแม่เราจะยังคงมีชีวิตอยู่หรือจากไป ฯลฯ หากการดำเนินชีวิตของเรา(กายกรรมวจีกรรม)นั้นก่อให้เกิดความทุกข์โดยไม่สมควรกับตัวเอง กับผู้ร่วมงาน กับแฟนที่อยู่ด้วยโดยไม่ได้จดทะเบียน ฯลฯ ล้วนถือเป็นการก่อบาปสมุทัยเนื่องมาจากจิตใจในทางผิดของเราครับ
แต่ถ้าเราทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นเกิดผลกระทบทุกข์ร้อน เพราะเราจำเป็นต้องระบายปลดปล่อยพฤติกรรมต่างๆเนื่องจากมีความทุกข์อัดอั้นในใจมาก ก็จะเป็นบาปแบบไร้เดียงสาอยู่บ้าง ไม่ถึงกับเป็นบาปสมุทัยที่หนักบริสุทธิ์ ...... แต่ก็ควรพยายามเปลี่ยนแปลงจิตใจในทางดียิ่งขึ้น(เป็นสัมมาวายามะ) ตั้งใจเปลี่ยนแปลงจิตใจอย่างถูกต้องยิ่งขึ้น(เป็นสัมมาสมาธิ) เปลี่ยนมามีจิตใจเป็นคนใหม่อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น(สัมมาทิฏฐิ) ฯลฯ
และไม่ว่าเหตุการณ์ต่างๆจะเป็นไปเช่นไร พ่อแม่เราจะยังคงมีชีวิตอยู่หรือจากไป ฯลฯ หากการดำเนินชีวิตของเรา(กายกรรมวจีกรรม)นั้นก่อให้เกิดความทุกข์โดยไม่สมควรกับตัวเอง กับผู้ร่วมงาน กับแฟนที่อยู่ด้วยโดยไม่ได้จดทะเบียน ฯลฯ ล้วนถือเป็นการก่อบาปสมุทัยเนื่องมาจากจิตใจในทางผิดของเราครับ
แต่ถ้าเราทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นเกิดผลกระทบทุกข์ร้อน เพราะเราจำเป็นต้องระบายปลดปล่อยพฤติกรรมต่างๆเนื่องจากมีความทุกข์อัดอั้นในใจมาก ก็จะเป็นบาปแบบไร้เดียงสาอยู่บ้าง ไม่ถึงกับเป็นบาปสมุทัยที่หนักบริสุทธิ์ ...... แต่ก็ควรพยายามเปลี่ยนแปลงจิตใจในทางดียิ่งขึ้น(เป็นสัมมาวายามะ) ตั้งใจเปลี่ยนแปลงจิตใจอย่างถูกต้องยิ่งขึ้น(เป็นสัมมาสมาธิ) เปลี่ยนมามีจิตใจเป็นคนใหม่อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น(สัมมาทิฏฐิ) ฯลฯ
แสดงความคิดเห็น
หลังจากแม่ผมเสียไป ทำไมผมถึงรู้สึกว่า ชีวิตที่เป็นอยู่...ไม่ใช่ความสุข?
ส่วนตัวไม่คิดว่า แม่จะจากไปไวอย่างนี้ เข้าใจว่า พ่อน่าจะจากไปเสียก่อนเนื่องด้วยแกเป็นมะเร็งตับ
หลังจากผ่าตัดเมื่อ 2 ปีก่อน อาการก็ลุกลามขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด หมอบอกเมื่อกลางปีที่ผ่านมาว่า
แกน่าจะอยู่ได้อีกซักปีนึง
หลังจากจัดการเรื่องานศพแม่เรียบร้อย ผมรับพ่อที่เดิมเคยอาศัยกับแม่ที่ต่างจังหวัดมาพักด้วยกันที่กรุงเทพฯ
ความรู้สึกในใจ แน่นอนครับ ย่อมต้องเสียใจต่อการจากไปของแม่ แต่จิตใจก็ยังคงโฟกัสไปที่สุขภาพของพ่อตลอด
ทุกคนมีเวลาเป็นของตนเอง วันนึง แกก็ต้องจากผมไปไม่วันใดก็วันนึง อันนี้ ก็เข้าใจได้อยู่...
ทุกอย่างเรียบร้อยผ่านไปได้ด้วยดีทั้งหมด จากนั้น ผมก็กลับมาทำงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบเหมือนเดิม
แต่... ทุกอย่างกลับรู้สึกไม่เหมือนเดิม
1. จากที่เคยเป็นคน aggressive กลายเป็นคนที่ไม่อยากจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร
2. ชอบที่จะอยู่เงียบๆ กับตัวเอง และ นั่งพิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่ผ่านมา จากนั้น ก็มีคำตอบกับตัวเองคำตอบนึงว่า
ชีวิตที่เป็นอยู่นี้...ไม่ใช่ความสุขของผมอีกต่อไป
3. เคยพูดเปรยๆกับเจ้านายว่า หากพ่อจากไปวันใด อยากหาความหลุดพ้นทางใจด้วยการลาบวช เพราะรู้สึกอย่าง
ที่กล่าวในข้อ 2.
นายว่ากล่าวตำหนิ ว่า ผมยังคงจมจ่อมอยู่กับความเสียใจที่เสียแม่ไป แต่ตัวผม เข้าใจในการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
เห็นมาหมดแล้ว ทำใจได้ จึงเกิดความรู้สึกเหมือนที่กล่าว
ส่วนตัว จขกท. 46 ปี ไม่มีญาติพี่น้องใดๆที่สนิทมาก หากพ่อแม่จากไปหมด ก็เหมือนรู้สึกว่า หมด passion ที่จะทำงานต่อ
ด้วยเพราะ ที่ทำงานหาเลี้ยงชีพทุกวันนี้ ก็เพื่อท่านทั้งสอง หากหมดท่านไปแล้ว ก็ไม่รู้จะทำไปเพื่อใครอีก ถึงแม้ว่า
ผมจะมีแฟน แต่ก็ไม่ได้แต่งงาน หรือมีบุตร
คำถามที่ผมอยากหาคำตอบคือ
1. มันเป็นความคิดฉาบฉวย เนื่องจากเพิ่งเสียแม่ไป ใช่หรือไม่ (แต่ถ้าหมดพ่อไปอีกคน อันนี้เรียนตามตรงว่า ไม่รู้จะทำ
ไปเพื่อใครเหมือนกับที่บอก คงจะหมด passion แน่ๆ)
2. ดูเหมือนเป็นความคิดที่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว เจ้านายจึงว่ากล่าว ตำหนิติติง ว่า ชีวิตยังมีอะไรให้ต้องทำ และต้องดำเนิน
ต่อไป แม้ว่าจะไม่เหลือใครอีก ยังมีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่น และมีความสุขอีกมาก อย่าจมจ่อมกับความคิดเดิมๆ
(ส่วนตัวมองว่า เจ้านายอาจมีกามุปาทานอยู่มาก ด้วยหน้าที่การงาน และทรัพย์ศฤงคาร)
ขอคำแนะนำทุกท่านครับ ขอบคุณครับ