#รีวิวเสียมราฐ #กัมพูชา มาเรามาทำความรู้จักประเทศนี้กัน แน่นอนว่าต้องมีคนรู้จักเพราะอยู่ใกล้ไทยเรานี่เอง สามารถเดินทางโดยทางบกและทางอากาศจ้า เมืองนี้เป็นที่รู้จักโดยนครวัดหรือชื่อสากลเรียกกันว่า Angkor Wat นั่นเอง ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆของ Southeast Asia สำหรับนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว ถามว่าเป็นอันดับต้นๆได้ยังไง? คำตอบคือ นครวัดแห่งนี้เป็นหนึ่งใน7มหัศจรรย์ของโลกนั่นเอง ซึ่งแน่นอนความอลังการนี้และจากการบอกเล่าของเพื่อนๆแล้ว เราต้องไปเห็นกับตาให้ได้สักครั้งในชีวิตค่ะ
Day 1 Phuket - Siem Reap เริ่มจากการเดินทางโดยที่เราเลือกเดินทางโดยเครื่องบินค่ะ เรามี flight บินช่วงเช้าเพราะราคาถูกที่สุดอยู่ที่ 1,300 บาทต่อคนค่ะ โดย flight นี้บินจากภูเก็ตนะคะ เพราะเราไปเที่ยวที่ภูเก็ตพอดี (สำหรับราคาตั๋วสามารถเช็คได้ตลอดค่ะ ราคาจะต่างกันออกไปแต่ถ้าอยากประหยัดขึ้นก็สามารถไปทางรถโดยสารประจำทาง โดยซื้อตั๋วและขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิตค่ะ ว่ากันว่ามีทางรถไฟด้วยนะคะ แต่ระยะทางก็จะนานหน่อย ราคาถูกสุดแต่วิวหลักล้านน้าาาา) หลังจากที่เดินทางมา1ชั่วโมงและเช้าสุดที่เวลา 6:00 AM มันทำให้เราเหนื่อยมากกกกกกก และง่วงนอนถึงขั้นมีการหาวใส่ตม.ไปอีก5555 ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อถึงที่พักเราก็หลับกันทั้งวัน (โรงแรมที่นี่ส่วนมากจะมีบริการ free airport pick up ด้วยนะ)
สำหรับที่พักเราจองผ่าน
https://www.traveloka.com/th
พอถึงช่วงเย็นเราก็ต้องหาอะไรทานกัน ซึ่งที่เราพักอยู่ไม่ไกลจาก center เลย จึงสะดวกที่จะเดินทาง ทั้งตลาด ผับ-บาร์ และนครวัดนั่นเอง โดยที่เราไปนี้เรียกว่า Pub Street หรือเรียกอีกอย่างถนนข้าวสารในเสียมราฐนี่เอง ทั้งร้านอาหาร street food และผับ-บาร์รวมในที่เดียว ส่วนราคานั้นก็ใช่ว่าจะถูกนะ ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยแล้ว ส่วนสกุลเงินที่ใช้กันคือ เรียล แต่ส่วนมากก็จะใช้เป็นดอลล่าสหรัฐ ซึ่งแน่นอนก็ต้องเเลกเงินดอลไปนะจ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อนนนนน อาจจะแพงในด้านอาหารแต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นไม่เลย เบียร์สด 1แก้ว อยู่ที่ 0.50 cent หรือเงินไทยอยู่ที่ราคา 15 บาท OMG นั่นเป็นเรื่องดีสำหรับสายดริ๊งเลยทีเดียว
***ขออนุญาติยืมรูปจาก Google ตรงส่วนของ Pub Street นะคะ พอดีมีแต่วิดีโอจริงๆ
Day 2 Tonel Sap Lake
การเดินทางนั้นเราได้เช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวเองค่ะ เพราะประหยัดและสามารถไปในที่ต่างๆได้โดยไม่จำกัดเวลาและไม่ต้องรอใครค่ะ โดยค่าเช่าจะอยู่ที่ 10-12 ดอลล่าห์ ขึ้นอยู่กับร้านและข้อตกลงในการเช่าค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็มาถึงท่าเรือโดยจ่ายค่าโดยสารอยู่ที่คนละ 20 ดอลล่าห์ หรือราวๆ 600 บาท เรือจะเป็นเรือส่วนตัวค่ะ ในที่แห่งนี้จะเป็นแม่นํ้าขนาดใหญ่ซึ่งเราจะไปดูการใช้ชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่หมู่บ้านกลางแม่นํ้าค่ะ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี้ส่วนมากเป็นคนยากจนไม่มีที่อยู่อาศัย รัฐบาลจึงยกพื้นที่แห่งนี้ให้กับพวกเขา และแน่นอนอาชีพหลักก็คือการประมง ส่วนเด็กๆก็จะเข้าโรงเรียนโดยการสนับสนุนจากรัฐบาลและผู้ที่อยากจะบริจาค (เตือนไว้อย่างนึงค่ะ หากได้ไปที่นี้และอยากเที่ยวหาเด็กที่โรงเรียนควรซื้อของไปเองนะคะ แล้วแต่จิตศรัทธาเลย เพราะถ้าคุณไม่มีอะไรติดมือไป พวกเขาจะพาคุณไปที่ตลาดขายของสำหรับโรงเรียนให้กับนักท่องเที่ยว และราคาสูงมากถึงมากที่สุด เมื่อคุณไปถึงโรงเรียนจะพบกับเด็กๆและของที่เยอะมากจากตลาดนั้น และแน่นอนของเหล่านั้นมาจากนักท่องเที่ยวที่โดนหลอกให้ซื้อ หนึ่งในนั้นคือเราด้วยค่ะ) ต่อจากโรงเรียนก็จะร้านอาหารกึ่งฟาร์ม มีทั้งจระเข้ กระต่าย นก ลิง และหนูแฮมเตอร์ ไม่รู้ไปเอามาจากไหนแต่ก็เป็นจุดสนใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนได้อย่างดีค่ะ
Day 3 Angkor Wat/ Tah Phrom/ Bayon Temple
ในที่นี้เราได้ซื้อตั๋วเข้าแล้วเมื่อวาน เพราะจะเปิดขายในเวลา5โมงเย็นสำหรับขายตั๋วในวันถัดไป เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการต่อแถวซื้อ ส่วนราคาจะอยู่ที่ 37 ดอลลาห์ หรือเงินไทยราวๆ 1,178 บาท ต่อคน ซึ่งราคานี้เป็นตั๋ว one day visit เท่านั้น แต่ก็มีทางเลือกให้อีกเป็น 3 days visit และ one week visit และราคาก็จะสูงขึ้นตามลำดับ ในตั๋ว1ใบ สามารถเที่ยววัดในเสียมราฐที่เป็นของอุทยานได้ทั้งหมดหรือเรียกว่า Angkor Wat Complex ในการซื้อตั๋วนี้ต้องไปซื้อด้วยตัวเองเพราะภายในตั๋วต้องถ่ายรูปของตนเองใส่ไปด้วย จึงไม่สามารถฝากกันซื้อได้นะจ๊ะ
เริ่มที่ Angkor Wat เป็นหมู่ปราสาทในประเทศกัมพูชาและเป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นเป็นเทวลัยในศาสนาฮินดูเพื่ออุทิศแด่พระวิษณุ ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงกลายเป็นวัดในศาสนาพุทธในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 มีการสร้างปราสาทให้เสมือนภูเขา (ปราสาทบนฐานชั้น) และการสร้างปราสาทแบบมีระเบียงคดที่มีภาพสลัก การสร้างปราสาทรูปแบบนี้ได้สื่อถึงเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นสถานที่ที่สถิตของเทพเทวัญในปกรณัมของศาสนาฮินดู ด้านนอกมีคูน้ำและกำแพงล้อม โดยตัวปราสาทประกอบด้วยระเบียงคดสี่เหลี่ยมที่มีภาพสลักทั้งหมดสามชั้น แต่ละชั้นตั้งอยู่สูงกว่าชั้นล่าง ตรงกลางของปราสาทคือพระปรางค์ที่มีทั้งหมด 5 ยอด ซึ่งแน่นอนว่าวัดนั้นกว้างมาก หากคนที่ไม่ชอบเดินคงต้องทำใจนิดนึง แต่รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
ต่อมาก็ไปที่ Tah Phrom ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่ถูกปล่อยให้อยู่กับธรรมชาติ เป็นอะไรที่น่าสนใจมากเพราะเป็นวัดที่มีต้นไม้งอกออกมากลางตัวของวัดเลย เดิมก่อนการสร้างปราสาทนั้นสภาพบริเวณนี้เป็นป่ามาก่อน เมื่อจะสร้างปราสาทต้องเคลียร์พื้นที่ให้เป็นที่โล่ง โดยการตัดไม้ออกแต่ในที่สุดแล้วธรรมชาติก็สามารถที่จะเอาชนะถาวรวัตถุที่ถูก สร้างจากมนุษย์ และขอบอกว่าต้นไม้สูงสง่าและสวยมาก จนต้องยอมต่อคิวเพื่อถ่ายรูปกันเลย
เอาจริงๆนะอยากถ่ายรูปแบบกว้างๆให้ได้ดูว่าวัดนี้สวยจริงๆ ไอซ์ชอบวัดนี้ที่สุดที่ได้ไปมา
และที่สุดท้ายคือ Bayon Temple ซึ่งวัดนี้แตกต่างจากวัดอื่นๆเพราะจุดสนใจอยู่ที่ตัวของวัดสลักเป็นภาพพระพักตร์ของพระโพธิ์สัตว์อวโลกกิเตศวร ผินพระพักตร์ออกไปทั้งสี่ทิศ เพื่อสอดส่องดูแลทุกข์ของเหล่าพสกนิกรของพระองค์ให้อาศัยด้วยความร่มเย็นเป็นสุข รอยยิ้มที่ระเรื่อนี้เรียกว่ายิ้มแบบบายนเปี่ยมด้วยความเมตา แต่เอาจริงๆถ้าจ้องนานๆจะมีความรู้สึกว่าขนลุกและสัมผัสได้ว่าที่นี่ต้องมีอะไรที่ลี้ลับแน่นอนค่ะ
จากรูปด้านบนจะเป็นทางเข้าด้านหน้าวัดค่ะ
รูปนี้จะหลอนๆนิดนึง เพราะไอซ์ไปช่วงเย็นตอนที่กำลังจะปิด มันสัมผัสได้ถึงความขลังและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อ่าค่ะ ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
สำหรับใครที่ไม่อยากเช่ารถเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ
http://bit.ly/2DmmiGI
ในส่วนสุดท้ายนี้ขอฝากวิดีโอของแฟนให้ได้ติดตามกัน ส่วนไอซ์ก็มีแฟนเพจเป็นของตัวเองด้วยน้าาาา
https://www.facebook.com/ptorpanya/
อย่าลืมกดLike กดShare และ กดSubscribed เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าเครื่องไป-กลับ 6,000 บาท *รวม2คน ส่วนราคาแล้วแต่ช่วงที่จะไปและระยะเวลาการจอง*
ค่าโรงแรม 4วัน 3คืน 1,350 บาท
ค่ารถตุ๊กตุ๊ก 300 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 1,000 บาท
ค่าตั๋วเข้านครวัด 37 ดอลล่าห์ 1,178 บาท คูณ2
ค่าตั๋วโดยสารเรือ 20 ดอลลาห์ 600 บาท คูณ2
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 3,300 บาท
รวม 15,506 บาท ราคานี้รวม 2 คน
***ค่าใช้จ่ายแล้วแต่ละคนเลยค่ะ ว่าจะกินอยู่ยังไง แต่ไม่แพงแน่นอนค่ะ***
สำหรับความคิดเห็นในทริบนี้ ไอซ์ว่าควรไปให้ได้สักครั้งนึงในชีวิต ไปเปิดหูเปิดตาเปิดรับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของเพื่อนบ้านเรา และวัดที่โน่นของเขาแตกต่างจากบ้านเราเยอะมาก ซึ่งมัน Amazing and Worth it มากที่ได้เห็น หากทุกท่านมีแพลนที่จะไปเที่ยวช่วงวันหยุดขอให้ลองนึกถึงเสียมราฐแล้วท่านจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
………...
เที่ยวนครวัด เสียมราฐ กัมพูชา
Day 1 Phuket - Siem Reap เริ่มจากการเดินทางโดยที่เราเลือกเดินทางโดยเครื่องบินค่ะ เรามี flight บินช่วงเช้าเพราะราคาถูกที่สุดอยู่ที่ 1,300 บาทต่อคนค่ะ โดย flight นี้บินจากภูเก็ตนะคะ เพราะเราไปเที่ยวที่ภูเก็ตพอดี (สำหรับราคาตั๋วสามารถเช็คได้ตลอดค่ะ ราคาจะต่างกันออกไปแต่ถ้าอยากประหยัดขึ้นก็สามารถไปทางรถโดยสารประจำทาง โดยซื้อตั๋วและขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิตค่ะ ว่ากันว่ามีทางรถไฟด้วยนะคะ แต่ระยะทางก็จะนานหน่อย ราคาถูกสุดแต่วิวหลักล้านน้าาาา) หลังจากที่เดินทางมา1ชั่วโมงและเช้าสุดที่เวลา 6:00 AM มันทำให้เราเหนื่อยมากกกกกกก และง่วงนอนถึงขั้นมีการหาวใส่ตม.ไปอีก5555 ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อถึงที่พักเราก็หลับกันทั้งวัน (โรงแรมที่นี่ส่วนมากจะมีบริการ free airport pick up ด้วยนะ)
สำหรับที่พักเราจองผ่าน https://www.traveloka.com/th
พอถึงช่วงเย็นเราก็ต้องหาอะไรทานกัน ซึ่งที่เราพักอยู่ไม่ไกลจาก center เลย จึงสะดวกที่จะเดินทาง ทั้งตลาด ผับ-บาร์ และนครวัดนั่นเอง โดยที่เราไปนี้เรียกว่า Pub Street หรือเรียกอีกอย่างถนนข้าวสารในเสียมราฐนี่เอง ทั้งร้านอาหาร street food และผับ-บาร์รวมในที่เดียว ส่วนราคานั้นก็ใช่ว่าจะถูกนะ ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยแล้ว ส่วนสกุลเงินที่ใช้กันคือ เรียล แต่ส่วนมากก็จะใช้เป็นดอลล่าสหรัฐ ซึ่งแน่นอนก็ต้องเเลกเงินดอลไปนะจ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อนนนนน อาจจะแพงในด้านอาหารแต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นไม่เลย เบียร์สด 1แก้ว อยู่ที่ 0.50 cent หรือเงินไทยอยู่ที่ราคา 15 บาท OMG นั่นเป็นเรื่องดีสำหรับสายดริ๊งเลยทีเดียว
***ขออนุญาติยืมรูปจาก Google ตรงส่วนของ Pub Street นะคะ พอดีมีแต่วิดีโอจริงๆ
Day 2 Tonel Sap Lake
การเดินทางนั้นเราได้เช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวเองค่ะ เพราะประหยัดและสามารถไปในที่ต่างๆได้โดยไม่จำกัดเวลาและไม่ต้องรอใครค่ะ โดยค่าเช่าจะอยู่ที่ 10-12 ดอลล่าห์ ขึ้นอยู่กับร้านและข้อตกลงในการเช่าค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็มาถึงท่าเรือโดยจ่ายค่าโดยสารอยู่ที่คนละ 20 ดอลล่าห์ หรือราวๆ 600 บาท เรือจะเป็นเรือส่วนตัวค่ะ ในที่แห่งนี้จะเป็นแม่นํ้าขนาดใหญ่ซึ่งเราจะไปดูการใช้ชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่หมู่บ้านกลางแม่นํ้าค่ะ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี้ส่วนมากเป็นคนยากจนไม่มีที่อยู่อาศัย รัฐบาลจึงยกพื้นที่แห่งนี้ให้กับพวกเขา และแน่นอนอาชีพหลักก็คือการประมง ส่วนเด็กๆก็จะเข้าโรงเรียนโดยการสนับสนุนจากรัฐบาลและผู้ที่อยากจะบริจาค (เตือนไว้อย่างนึงค่ะ หากได้ไปที่นี้และอยากเที่ยวหาเด็กที่โรงเรียนควรซื้อของไปเองนะคะ แล้วแต่จิตศรัทธาเลย เพราะถ้าคุณไม่มีอะไรติดมือไป พวกเขาจะพาคุณไปที่ตลาดขายของสำหรับโรงเรียนให้กับนักท่องเที่ยว และราคาสูงมากถึงมากที่สุด เมื่อคุณไปถึงโรงเรียนจะพบกับเด็กๆและของที่เยอะมากจากตลาดนั้น และแน่นอนของเหล่านั้นมาจากนักท่องเที่ยวที่โดนหลอกให้ซื้อ หนึ่งในนั้นคือเราด้วยค่ะ) ต่อจากโรงเรียนก็จะร้านอาหารกึ่งฟาร์ม มีทั้งจระเข้ กระต่าย นก ลิง และหนูแฮมเตอร์ ไม่รู้ไปเอามาจากไหนแต่ก็เป็นจุดสนใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนได้อย่างดีค่ะ
Day 3 Angkor Wat/ Tah Phrom/ Bayon Temple
ในที่นี้เราได้ซื้อตั๋วเข้าแล้วเมื่อวาน เพราะจะเปิดขายในเวลา5โมงเย็นสำหรับขายตั๋วในวันถัดไป เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการต่อแถวซื้อ ส่วนราคาจะอยู่ที่ 37 ดอลลาห์ หรือเงินไทยราวๆ 1,178 บาท ต่อคน ซึ่งราคานี้เป็นตั๋ว one day visit เท่านั้น แต่ก็มีทางเลือกให้อีกเป็น 3 days visit และ one week visit และราคาก็จะสูงขึ้นตามลำดับ ในตั๋ว1ใบ สามารถเที่ยววัดในเสียมราฐที่เป็นของอุทยานได้ทั้งหมดหรือเรียกว่า Angkor Wat Complex ในการซื้อตั๋วนี้ต้องไปซื้อด้วยตัวเองเพราะภายในตั๋วต้องถ่ายรูปของตนเองใส่ไปด้วย จึงไม่สามารถฝากกันซื้อได้นะจ๊ะ
เริ่มที่ Angkor Wat เป็นหมู่ปราสาทในประเทศกัมพูชาและเป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นเป็นเทวลัยในศาสนาฮินดูเพื่ออุทิศแด่พระวิษณุ ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงกลายเป็นวัดในศาสนาพุทธในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 มีการสร้างปราสาทให้เสมือนภูเขา (ปราสาทบนฐานชั้น) และการสร้างปราสาทแบบมีระเบียงคดที่มีภาพสลัก การสร้างปราสาทรูปแบบนี้ได้สื่อถึงเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นสถานที่ที่สถิตของเทพเทวัญในปกรณัมของศาสนาฮินดู ด้านนอกมีคูน้ำและกำแพงล้อม โดยตัวปราสาทประกอบด้วยระเบียงคดสี่เหลี่ยมที่มีภาพสลักทั้งหมดสามชั้น แต่ละชั้นตั้งอยู่สูงกว่าชั้นล่าง ตรงกลางของปราสาทคือพระปรางค์ที่มีทั้งหมด 5 ยอด ซึ่งแน่นอนว่าวัดนั้นกว้างมาก หากคนที่ไม่ชอบเดินคงต้องทำใจนิดนึง แต่รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
ต่อมาก็ไปที่ Tah Phrom ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่ถูกปล่อยให้อยู่กับธรรมชาติ เป็นอะไรที่น่าสนใจมากเพราะเป็นวัดที่มีต้นไม้งอกออกมากลางตัวของวัดเลย เดิมก่อนการสร้างปราสาทนั้นสภาพบริเวณนี้เป็นป่ามาก่อน เมื่อจะสร้างปราสาทต้องเคลียร์พื้นที่ให้เป็นที่โล่ง โดยการตัดไม้ออกแต่ในที่สุดแล้วธรรมชาติก็สามารถที่จะเอาชนะถาวรวัตถุที่ถูก สร้างจากมนุษย์ และขอบอกว่าต้นไม้สูงสง่าและสวยมาก จนต้องยอมต่อคิวเพื่อถ่ายรูปกันเลย
เอาจริงๆนะอยากถ่ายรูปแบบกว้างๆให้ได้ดูว่าวัดนี้สวยจริงๆ ไอซ์ชอบวัดนี้ที่สุดที่ได้ไปมา
และที่สุดท้ายคือ Bayon Temple ซึ่งวัดนี้แตกต่างจากวัดอื่นๆเพราะจุดสนใจอยู่ที่ตัวของวัดสลักเป็นภาพพระพักตร์ของพระโพธิ์สัตว์อวโลกกิเตศวร ผินพระพักตร์ออกไปทั้งสี่ทิศ เพื่อสอดส่องดูแลทุกข์ของเหล่าพสกนิกรของพระองค์ให้อาศัยด้วยความร่มเย็นเป็นสุข รอยยิ้มที่ระเรื่อนี้เรียกว่ายิ้มแบบบายนเปี่ยมด้วยความเมตา แต่เอาจริงๆถ้าจ้องนานๆจะมีความรู้สึกว่าขนลุกและสัมผัสได้ว่าที่นี่ต้องมีอะไรที่ลี้ลับแน่นอนค่ะ
จากรูปด้านบนจะเป็นทางเข้าด้านหน้าวัดค่ะ
รูปนี้จะหลอนๆนิดนึง เพราะไอซ์ไปช่วงเย็นตอนที่กำลังจะปิด มันสัมผัสได้ถึงความขลังและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อ่าค่ะ ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
สำหรับใครที่ไม่อยากเช่ารถเที่ยวเอง ไอซ์ก็มีทัวร์ดีๆมาแนะนำค่ะ http://bit.ly/2DmmiGI
ในส่วนสุดท้ายนี้ขอฝากวิดีโอของแฟนให้ได้ติดตามกัน ส่วนไอซ์ก็มีแฟนเพจเป็นของตัวเองด้วยน้าาาา
https://www.facebook.com/ptorpanya/
อย่าลืมกดLike กดShare และ กดSubscribed เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าเครื่องไป-กลับ 6,000 บาท *รวม2คน ส่วนราคาแล้วแต่ช่วงที่จะไปและระยะเวลาการจอง*
ค่าโรงแรม 4วัน 3คืน 1,350 บาท
ค่ารถตุ๊กตุ๊ก 300 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 1,000 บาท
ค่าตั๋วเข้านครวัด 37 ดอลล่าห์ 1,178 บาท คูณ2
ค่าตั๋วโดยสารเรือ 20 ดอลลาห์ 600 บาท คูณ2
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 3,300 บาท
รวม 15,506 บาท ราคานี้รวม 2 คน
***ค่าใช้จ่ายแล้วแต่ละคนเลยค่ะ ว่าจะกินอยู่ยังไง แต่ไม่แพงแน่นอนค่ะ***
สำหรับความคิดเห็นในทริบนี้ ไอซ์ว่าควรไปให้ได้สักครั้งนึงในชีวิต ไปเปิดหูเปิดตาเปิดรับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของเพื่อนบ้านเรา และวัดที่โน่นของเขาแตกต่างจากบ้านเราเยอะมาก ซึ่งมัน Amazing and Worth it มากที่ได้เห็น หากทุกท่านมีแพลนที่จะไปเที่ยวช่วงวันหยุดขอให้ลองนึกถึงเสียมราฐแล้วท่านจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
………...