อ้าว...เรื่องราวระหว่างไทย-อเมริกามันเป็นอย่างนี้เองเหรอ 😓

กระทู้คำถาม
ผมมีเรื่องที่อยากจะให้คนที่ตามอ่านสิ่งที่ผมเขียนทุกวันนั้นมีข้อมูลที่เอาไปใช้หรือคุยกับคนอื่นได้แบบรู้จริง และเรื่องการที่สหรัฐออกมาเล่นงานไทยนั้นคนส่วนมากเข้าใจผิดว่าสหรัฐเดือดร้อนเรื่องขายสารเคมีให้ไทยไม่ได้เลยเล่นงานเรา ซึ่งไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย สหรัฐไม่เดือดร้อนเรื่องนี้


หลายคนตกใจกับเรื่องที่สหรัฐออกมาตราการทางภาษีกับไทย ผมกลับมองว่าเขาออกหมัดตอบกลับมาหลังจากที่เราปล่อยหมัดชกเขาไปก่อนเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่แบนสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร พาราควอต-ไกลโฟเซต-คลอร์ไพริฟอส


หลายคนนั้นยังไม่เข้าใจ และเข้าใจผิดว่าไทยนั้นซื้อสารเคมีจากสหรัฐ ที่จริงแล้วเราซื้อจากสหรัฐน้อยมาก และที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ทำหนังสือที่มีเอกสารสภาหอการค้าสหรัฐแนบท้ายคัดค้านยกเลิกการใช้ สารไกลโฟเซต ที่เป็นหนึ่งในสารที่เราจะแบนนั้น สหรัฐไม่ต้องการที่จะรักษาตลาดสารเคมีตามที่คนส่วนมากเข้าใจผิด เพราะเขาขายสารเคมีให้เราน้อยมากระดับที่ใช้เพียงไร่อ้อยอำเภอเดียวก็ยังไม่พอเสียด้วยซ้ำไป แต่ที่เราใช้กันอยู่ในเวลานี้เกือบทั้งหมดมาจากจีนทั้งนั้น ปีหนึ่งๆ เราซื้อ พาราควอต และไกลโฟเซต จากจีนปีหนึ่งเกิน 5 พันล้านบาทเลยทีเดียว ขณะที่ซื้อจากสหรัฐปีละไม่กี่แสนบาท ผมถึงบอกว่าสารเคมีที่เราซื้อจากสหรัฐใช้กับไร่อ้อยอำเภอเดียวก็ยังไม่พอ


แล้วสหรัฐจะเดือดร้อนอะไรถ้าไม่ได้ขายสารเคมีให้ไทย จีนเสียอีกที่ต้องเดือดร้อนเพราะตลาดหายไปปีละหลายพันล้านบาท


สหรัฐนั้นเดือดร้อนแน่ครับ เดือดร้อนระดับปีละหลายหมื่นล้านเลยทีเดียว เพราะตามกฎหมายไทยที่จะต้องออกมาเรื่องคุมการใช้สารเคมีทั้งสามตัวที่แบนไปนั้นมันครอบคุมถึงสินค้าเกษตรที่นำเข้ามาที่ใช้สารทั้งสามตัวในการเพาะปลูก และต้องคุมเรื่องสารตกค้างในสินค้าเกษตรกันอีกวุ่นวาย และ WTO เปิดช่องให้ประเทศคู่ค้าสามารถห้ามการนำเข้าสินค้าเกษตรที่มีการใช้สารที่ประเทศนั้นๆ สั่งไม่ให้ใช้ได้แบบไม่ผิดกฎการค้าระหว่างประเทศ ดังนั้น ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ที่นำเข้ามาจากสหรัฐเพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมอาหารของไทย จะบอกว่าตั้งแต่น้ำมันถั่วเหลืองที่ใช้ในครัว แป้งสาลีทำขนม หมักเบียร์ ทำเส้นบะหมี่สำเร็จรูป ขนมปัง ขนมเค็ก แม้กระทั่งแป้งโรตีของแขกที่เข็นรถขาย เป็นสินค้าเกษตรที่เราเอามาจากสหรัฐเกือบทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อปีที่แล้วเราซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐถึง 73,000 ล้านบาท


ใช่ครับอ่านไม่ผิดหรอก เจ็ดหมื่นสามพันล้านบาท ยังไม่รวมเนื้อหมูที่สหรัฐพยายามบีบให้ไทยซื้อจากเขา แต่เราก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดเพราะข้ออ้างเรื่องการควบคุมโรค และนิสัยการบริโภคของเรานั้นกินหมูสดที่ผลิตวันต่อวัน ไม่ใช่หมูแช่แข็ง เรานั้นผลิตเนื้อหมูเกินปริมาณบริโภคภายในประเทศและส่งออกหมูทั้งเป็นหมูแช่แข็งและหมูแปรรูปเช่นเดียวกันกับสหรัฐ เราจึงอ้างได้ว่าเราจะซื้อหมูจากสหรัฐมาทำไม ซึ่งทางสหรัฐก็เข้าใจข้อนี้ดีเลยไม่มาบีบเราเรื่องหมูมากเหมือนที่บีบจีนให้ซื้อหมู แต่เรื่องสินค้าเกษตรนั้นไม่ใช่เลย เราเล่นเรื่องสารเคมีทั้ง 3 ตัวเมื่อไร สหรัฐจะสะเทือนทันที


นี่ยังไม่รวมตลาดผลไม้เช่น แอปเปิล องุ่น ลูกพรุน ลูกเกต ไวน์ และผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปตัวอื่นที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์เริ่มต้นที่ต้องใช้สารทั้ง 3 ตัวนี้ในการเพาะปลูกด้วยนะครับ ถ้ารวมตัวเลขด้วยผมติดว่าเงินที่เข้าสหรัฐอาจจะทะลุแสนล้านบาทต่อปีได้แบบสบายๆ


ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าที่สหรัฐดิ้นภายในสามวันที่เราจะออกกฎหมายแบนสารทั้งสามตัวนี้ สหรัฐไม่ได้เดือดร้อนเรื่องขายสารเคมี แต่เขาเดือดร้อนเรื่องขายสินค้าเกษตรให้เราไม่ได้ตามกฎหมายนั่นแหละของจริง งานนี้ผมบอกได้เลยว่างานนี้ถ้ายังใจเย็นไม่รีบดับไฟตั้งแต่มันยังไม่ลามมาไหม้บ้าน เราอาจจะเสียอะไรมากกว่าที่คิด


Pat Hemasuk
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่