~นี่เป็นบันทึกโรคซึมเศร้ากับการฝั่งเข็มของจขกท.~เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้ง
และเป็นการจดบันทึกเป็นการบ้านส่งให้คุณหมอคะ^^
เนื่องจากตอนนี้ จขกท.มีอาการดีขึ้น เลยอยากจะมาแชร์ความรู้สึก ประสบการ์ณการรักษา และถือเป็นการบันทึกอาการของจขกท.ไปด้วย เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนผู้ป่วย หรือบุคคลใกล้ชิดของเพื่อนๆที่มีอาการป่วยเป็นโรคนี้ หวังว่าคงจะพอมีประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ ผิดพลาด ประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยคะ
🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼
ใช่คะ จขกท.ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า รักษาอาการป่วยมา2ปีกว่าเกือบเข้า ปีที่ 3 ละคะ รักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบัน
จะบอกว่าปกติเป็นคนไม่ค่อยป่วยคะ พยายามดูแลตัวเอง เพราะด้วยความที่อยู่คนเดียว ป่วยมาก็ไม่มีใครดูแล ก็เลยเป็นโรคกลัวป่วย 😅(ใครเป็นบ้างคะ) ทุกครั้งที่รู้ตัวว่าจะป่วย ก็จะพยายามกินข้าวให้ตรงเวลา นอนพักผ่อนให้เพียงพอ กินยาดักอาการป่วย เหมือนพอจะเป็นไข้ ก็กินยาพารารอเลย แค่รู้สึกว่าตัวรุมๆก็จัดเลยคะ เป็นแบบนี้มาตลอดทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ ที่รู้สึกว่าเราก็ดูแลตัวเองดีในระดับนึง อยากกินอะไรก็กิน อยากไปไหนก็ไป ตามสไตล์สาวโสดรักอิสระอะเนาะ 😂 จนกระทั้งมาเกิดเรื่อง
จริงๆละเรื่องราวยาวมากๆคะ แต่ขอข้ามไปเลยละกันเนาะ
*ใครสนใจรายละเอียดเจาะลึกก็สามารถคอมเม้นถามไว้ได้นะคะ
เข้าเรื่องเลยดีกว่าคะ ด้วยปัจจัยหลายอย่างหน้าที่การงานครอบครัว มีภาวะความเครียดกดดัน ทำให้
เริ่มแรกของอาการ คือ นอนไม่หลับคะจขกท.นอนไม่หลับติดต่อกัน 5 คืน ไม่ใช่ไม่นอนตาค้างตลอดทั้งวันนะคะ😅ก็คือนอนหลับๆตื่นๆ กลางวันอยากนอนก็นอนไม่ได้ ง่วงมากๆแต่หลับไม่ลง อาการประมาณว่ากึ่งหลับกึ่งตื่นเหมือนสมองทำงานอยู่ตลอดเวลา😂 ทรมานมากๆจนถึงขั้นร้องไห้ไปหาหมอ
และนั่นคืออาการเริ่มแรกที่ไปรักษาคะ
ไปหาหมอครั้งแรกหมอก็บอกเลยว่าเป็นโรคซึมเศร้า จขกท.Shock มากคะ ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น กลับมาก็ยังไม่เชื่อ ยังคิดว่าตัวเองแค่คิดมาก เครียดนอนไม่หลับ แต่ด้วยความอยากหาย ก็กินยาตามหมอบอก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนใหม่ คือก่อนนอนไม่เล่นโทรศัพท์มือถือ กินยา พอเริ่มง่วง ก็ไปปิดไฟนอน อย่าให้ที่นอนเป็นที่ที่ทำทุกอย่าง ห้ามกิน ห้ามเล่น สวดมนต์ได้อย่างเดียว อะก็ทำตามหมอบอกทุกอย่าง แรกๆก็อารมณ์ขึ้นๆลงๆ หมอก็ปรับเปลี่ยนยา พอรักษาได้ประมาณ6เดือน อาการก็เริ่มนิ่งขึ้น แต่นิ่งได้ไม่นาน😅ได้เดือนเว้นเดือน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย วันดีคืนดีก็ร้องไห้ไม่หยุด อย่างกับถูกคำสาบให้ร้องไห้ไปจนวันตายไปสะอย่างนั้น 😅 อาการมาครบเศร้าเหงาหดหู่ กินไม่ได้ ผอมน้ำหนักลงมาเหลือ 46 จาก 50 มากมายก่ายกองคะ จนรักษามาครบ 1 ปี เริ่มรู้หลักการการอยู่กับโรคมากขึ้นละ
ตลอดระยะเวลาการรักษาตั้งแต่ครั้งแรก หมอจะพูดอยู่เสมอว่า ไม่มียาอะไรรักษามันได้100%.
~อยู่กับมันให้ได้~ คำนี้เป็นคำที่คิดมาตลอด และไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันหมายความว่าอะไร
เมื่อไหร่ที่ดิ่ง จะรู้สึกว่าเราเหนื่อยกับการรักษามันทั้งๆที่เราไม่เคยขาดยาเลย คิดว่าตัวเองดูแลตัวเองดี
พอสมควร พยายามทำตามในสิ่งที่คุณหมอแนะนำ ถึงแม้บางทีจะทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด เพราะว่าเราอยากหาย ก็คิดไว้ว่าถ้ายังไม่ตาย ก็ไม่อยากจะทุกข์ทรมานแบบนี้ไปตลอดชีวิต คิดอยู่ในใจว่า...มันต้องหายสิ!!
และแล้วมันก็เหมือนจะดีขึ้นคะ แต่...ไม่!!! ทุกครั้งที่เป็นมันยิ่งทำให้เรารู้สึกท้อแท้ หมดหวังกับการรักษา เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราพยายามทำมาตลอด มันศูนย์เปล่า พอหนักๆเข้ามันเริ่ม ทวีคูณ จากแรกๆที่แค่รู้สึกท้อแท้ มันเริ่มกลายเป็นความเหน็ดเหนื่อย เบื่อ ที่จะต้องมากินยาทุกๆวัน เหนื่อยที่จะต้องคอยปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยวก็หาย นานวันเข้าเราก็เริ่มหาวิธีจบความทุกข์ทรมานที่ไม่มีวันจบสิ้นนี้
~ด้วยวิธีการฆ่าตัวตาย~ เราพยายามทำมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็รอดมาตลอด (ก็คงจะยังตายไม่ได้อะเนาะ😅)
***เดี๋ยวมาต่อนะคะ***
โรคซึมเศร้ากับการฝังเข็ม
และเป็นการจดบันทึกเป็นการบ้านส่งให้คุณหมอคะ^^
เนื่องจากตอนนี้ จขกท.มีอาการดีขึ้น เลยอยากจะมาแชร์ความรู้สึก ประสบการ์ณการรักษา และถือเป็นการบันทึกอาการของจขกท.ไปด้วย เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนผู้ป่วย หรือบุคคลใกล้ชิดของเพื่อนๆที่มีอาการป่วยเป็นโรคนี้ หวังว่าคงจะพอมีประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ ผิดพลาด ประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยคะ
🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼
ใช่คะ จขกท.ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า รักษาอาการป่วยมา2ปีกว่าเกือบเข้า ปีที่ 3 ละคะ รักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบัน
จะบอกว่าปกติเป็นคนไม่ค่อยป่วยคะ พยายามดูแลตัวเอง เพราะด้วยความที่อยู่คนเดียว ป่วยมาก็ไม่มีใครดูแล ก็เลยเป็นโรคกลัวป่วย 😅(ใครเป็นบ้างคะ) ทุกครั้งที่รู้ตัวว่าจะป่วย ก็จะพยายามกินข้าวให้ตรงเวลา นอนพักผ่อนให้เพียงพอ กินยาดักอาการป่วย เหมือนพอจะเป็นไข้ ก็กินยาพารารอเลย แค่รู้สึกว่าตัวรุมๆก็จัดเลยคะ เป็นแบบนี้มาตลอดทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ ที่รู้สึกว่าเราก็ดูแลตัวเองดีในระดับนึง อยากกินอะไรก็กิน อยากไปไหนก็ไป ตามสไตล์สาวโสดรักอิสระอะเนาะ 😂 จนกระทั้งมาเกิดเรื่อง
จริงๆละเรื่องราวยาวมากๆคะ แต่ขอข้ามไปเลยละกันเนาะ
*ใครสนใจรายละเอียดเจาะลึกก็สามารถคอมเม้นถามไว้ได้นะคะ
เข้าเรื่องเลยดีกว่าคะ ด้วยปัจจัยหลายอย่างหน้าที่การงานครอบครัว มีภาวะความเครียดกดดัน ทำให้
เริ่มแรกของอาการ คือ นอนไม่หลับคะจขกท.นอนไม่หลับติดต่อกัน 5 คืน ไม่ใช่ไม่นอนตาค้างตลอดทั้งวันนะคะ😅ก็คือนอนหลับๆตื่นๆ กลางวันอยากนอนก็นอนไม่ได้ ง่วงมากๆแต่หลับไม่ลง อาการประมาณว่ากึ่งหลับกึ่งตื่นเหมือนสมองทำงานอยู่ตลอดเวลา😂 ทรมานมากๆจนถึงขั้นร้องไห้ไปหาหมอ
และนั่นคืออาการเริ่มแรกที่ไปรักษาคะ
ไปหาหมอครั้งแรกหมอก็บอกเลยว่าเป็นโรคซึมเศร้า จขกท.Shock มากคะ ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น กลับมาก็ยังไม่เชื่อ ยังคิดว่าตัวเองแค่คิดมาก เครียดนอนไม่หลับ แต่ด้วยความอยากหาย ก็กินยาตามหมอบอก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนใหม่ คือก่อนนอนไม่เล่นโทรศัพท์มือถือ กินยา พอเริ่มง่วง ก็ไปปิดไฟนอน อย่าให้ที่นอนเป็นที่ที่ทำทุกอย่าง ห้ามกิน ห้ามเล่น สวดมนต์ได้อย่างเดียว อะก็ทำตามหมอบอกทุกอย่าง แรกๆก็อารมณ์ขึ้นๆลงๆ หมอก็ปรับเปลี่ยนยา พอรักษาได้ประมาณ6เดือน อาการก็เริ่มนิ่งขึ้น แต่นิ่งได้ไม่นาน😅ได้เดือนเว้นเดือน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย วันดีคืนดีก็ร้องไห้ไม่หยุด อย่างกับถูกคำสาบให้ร้องไห้ไปจนวันตายไปสะอย่างนั้น 😅 อาการมาครบเศร้าเหงาหดหู่ กินไม่ได้ ผอมน้ำหนักลงมาเหลือ 46 จาก 50 มากมายก่ายกองคะ จนรักษามาครบ 1 ปี เริ่มรู้หลักการการอยู่กับโรคมากขึ้นละ
ตลอดระยะเวลาการรักษาตั้งแต่ครั้งแรก หมอจะพูดอยู่เสมอว่า ไม่มียาอะไรรักษามันได้100%.
~อยู่กับมันให้ได้~ คำนี้เป็นคำที่คิดมาตลอด และไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันหมายความว่าอะไร
เมื่อไหร่ที่ดิ่ง จะรู้สึกว่าเราเหนื่อยกับการรักษามันทั้งๆที่เราไม่เคยขาดยาเลย คิดว่าตัวเองดูแลตัวเองดี
พอสมควร พยายามทำตามในสิ่งที่คุณหมอแนะนำ ถึงแม้บางทีจะทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด เพราะว่าเราอยากหาย ก็คิดไว้ว่าถ้ายังไม่ตาย ก็ไม่อยากจะทุกข์ทรมานแบบนี้ไปตลอดชีวิต คิดอยู่ในใจว่า...มันต้องหายสิ!!
และแล้วมันก็เหมือนจะดีขึ้นคะ แต่...ไม่!!! ทุกครั้งที่เป็นมันยิ่งทำให้เรารู้สึกท้อแท้ หมดหวังกับการรักษา เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราพยายามทำมาตลอด มันศูนย์เปล่า พอหนักๆเข้ามันเริ่ม ทวีคูณ จากแรกๆที่แค่รู้สึกท้อแท้ มันเริ่มกลายเป็นความเหน็ดเหนื่อย เบื่อ ที่จะต้องมากินยาทุกๆวัน เหนื่อยที่จะต้องคอยปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยวก็หาย นานวันเข้าเราก็เริ่มหาวิธีจบความทุกข์ทรมานที่ไม่มีวันจบสิ้นนี้
~ด้วยวิธีการฆ่าตัวตาย~ เราพยายามทำมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็รอดมาตลอด (ก็คงจะยังตายไม่ได้อะเนาะ😅)
***เดี๋ยวมาต่อนะคะ***