เมื่อก่อนกลัวการเข้าศูนย์มาก อ่านแต่ละเม้นต์มีแต่
ใครหลงเข้าไปโดนฟันหัวแตกเลือดอาบออกมา แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แค่อ่านผ่านๆ พอเป็นความรู้รอบตัว
เพราะขับแต่รถเก่า ๆ ที่ไม่คิดจะเข้าศูนย์อยู่แล้ว อาศัยอู่แถวบ้านที่ผูกปิ่นโตกันมาเป็น 10 ปี
กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (ต้นเดือนตุลาคม 2562) มีคนบอกขาย
TOYOTA CAMRY 2.4 Q ปี 2003 (ACV 30)
ส่วนตัวไม่เคยคิดเปลี่ยนรถใหม่ เพราะใช้ TOYOTA CORONA ST 171 (หน้ายักษ์) คู่ทุกข์คู่ยากมา 10 กว่าปี (มรดกที่พี่ชายส่งผ่านมาให้เพราะเปลี่ยนไปขับอัลติส)
แต่ราคาที่เสนอมาสมเหตุสมผล สภาพถูกใจ เลยกัดฟันหยิบยืมเงินบุพการีจัดมาแก้ความเสี้ยน
แล้วก็สมอยากขับนุ่ม เครื่องแน่น ปรู๊ดปร๊าดทันใจพอสมควรในช่วงเร่งแซง ช่วงล่างหนึบพอสมควร แต่หลายคนบอกว่าจะย้วยในย่านความเร็วสูง
ส่วนตัวก็ไม่เข้าใจไอ้ที่ว่าสูงมันต้องเร็วขนาดไหน เพราะปกติขับทางไกลผมกดอย่างมากก็ 140-150 กม./ชม. ก็นิ่ง ๆ นะ
เวลาเข้าโค้งกว้าง ๆ จะแตะเบรกเบา ๆ บนทางตรงก่อนเข้าโค้งเพื่อชะลอความเร็ว เมื่อถึงจุดต้องเข้าโค้งจะยกเบรกปล่อยไหล ใช้แค่แรงหน่วงของเอนจิ้นเบรกไปจนถึงจุดออกจากโค้ง แล้วค่อย ๆ กดคันเร่ง โดยไม่แตะเบรกกลางโค้ง
ความเร็วขณะเข้าโค้งก็น่าจะอยู่ประมาณ 80-100 กม./ชม (มองกระจกรอบตัวก่อนหน้าแล้วว่าไม่มีรถอื่นอยู่ในรัศมีอันตราย) ก็ไม่เห็นจะย้วยหรือร่อนจนออกอาการน่าหวาดเสียวอะไร
*หมายเหตุ - การเหยียบเบรกกลางโค้งอันตรายมาก โอกาสที่รถจะเสียสมดุลมีมาก และต้องมั่นใจว่าสมรรถภาพรถกับความเร็วและองศาในการเข้าโค้งสมดุลกัน
"อย่าห้าวอย่างสิ้นคิด มีแค่ใจ แต่ไร้ฝีมือ" เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตัวเองและบุคลอื่น ควรขับรถตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด (วิธีนี้ผมเอาเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยเรียนแข่งรถสมัยยังละอ่อน นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
ห้ามลอกเลียนแบบ หากไม่เคยผ่านการอบรมมาก่อน)
เมื่อซื้อรถมือสอง ก็ไม่แคล้วต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมด แม้โดยประสบการ์อยู่บนท้องถนนมากว่า 30 ปี ขับตะลุยมาแล้วทุกอำเภอใน 77 จังหวัด เพราะอาชีพเก่าเป็นเซลล์แมนมากว่า 20 ปี ดูจากสีและความใสของน้ำมันเครื่อง-น้ำมันเกียร์-นำมันพาวเวอร์-น้ำมันเบรก ก็พอรู้อยู่ว่ายังใช้ได้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของเก่าเขาใช้มานานเท่าไหร่แล้ว เพื่อความมั่นใจและเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ตอนอยู่กับเราเลยตัดสินใจเปลี่ยนดีกว่า
อีทีนี้ก็ต้องคิดอีกว่าจะเปลี่ยนที่ไหน อู่เจ้าประจำ ปั๊มน้ำมัน ศูนย์บริการครบวงจร อาทิ A..., B-..., F... เป็นต้น
แต่ด้วยความบ้าเห่อรถคันแรกที่เลือกเองซื้อเอง เลยอ่านกระทู้เกี่ยวกับคำแนะนำเรื่องการเปลี่ยนถ่ายของเหลวอยู่หลายวัน บางรายจะแนะนำให้ซื้อของเหลวจากศูนย์ไปให้อู่นอกเปลี่ยนเพื่อประหยัดค่าแรง บางคนเชียร์ศูนย์บริการครบวงจร แต่ก็มีหลายท่านบอกถึงข้อด้อยของศูนย์เหล่านั้น
ขอย้ำว่า ศูนย์บริการของยี่ห้อรถโดยตรงไม่เคยอยู่ในหัวเลย เพราะความกลัวจากการอ่านคอมเม้นต์ต่าง ๆ ในสมัยก่อน ยังตรึงแน่นในหัวจิตหัวใจ เลยไม่ได้สนใจหาข้อมูลในส่วนนี้
กระทั่งเซิร์ตหาข้อมูลของ ACV 30 ใน เว็บ CAMRY CLUB มีผู้โพสต์เมื่อหลายปีก่อนว่าซื้อรุ่นนี้มือสองมา แล้วเอาไปเข้าศูนย์บริการของโตโยต้า ให้ช่างเช็กระบบทั้งคัน+เปลี่ยนถ่ายของเหลว คิดค่าแรง 1,400-1,600 บาท เมื่อรวมค่าของเหลวกับอะไหล่บางตัวที่ต้องเปลี่ยนเบ็ดเสร็จประมาณ 6 พันกว่า
ไอ้เราก็เลยมาฉุกคิดย้อนกลับไปหาข้อมูลที่เคยเข้าไปดู คำแนะนำที่ให้ซื้อของเหลวศูนย์ไปเปลี่ยนอู่นอกค่าของอยู่ที่ประมาณ 3-4 พัน ส่วนศูนย์บริการครบวงจรตกประมาณ 5-6 พัน และประสบการณ์ส่วนตัวจาก ST 171 แค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง-กรองน้ำมันเครื่อง-น้ำมันเกียร์ตามปั๊มยักษ์ใหญ่ทั้งแบรนด์ไทยและต่างชาติ ก็ปาเข้าไป 2 พันกว่าแล้ว
ราคาของศูนย์โตโยต้าถ้าอยู่ที่ 6 พันกว่า ได้เช็กทั้งระบบด้วย ก็น่าสน
เลยไปปรึกษาพี่ที่ทำงานซึ่งใช้โตโยต้าและเช็กศูนย์ตลอด เขาบอกว่าในความรู้สึกของเขามันก็อาจจะแพงกว่าอู่ข้างนอก เพราะเวลาเช็กระยะของเขาตกครั้งละ 6-8 พัน แต่อุ่นใจกว่า เพราะเขาเป็นผู้หญิงดูแลรถไม่เป็น พร้อมแนะนำศูนย์บริการที่เขาเป็นลูกค้าประจำคือศูนย์โตโยต้าเมืองนนท์ สำนักงานใหญ่ ตรงแยกสนามบินน้ำ นนทบุรี
พี่อีกคนใช้ ACV 31 บอร์ดี้-เครื่องเดียวกัน แต่เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ซื้อมือสองมาเหมือนกัน และใช้บริการศูนย์นี้ด้วย ย้ำอีกคนว่าบริการดี หากกลัวต้องจ่ายแพงก็ไปเปลี่ยนของเหลวที่อื่น แต่แนะนำให้เข้าไปซื้ออะไหล่เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ที่ปัดน้ำฝน เป็นต้น ศูนย์จะได้มีชื่อเราเป็นเจ้าของอยู่ในระบบ และเขาจะได้เช็กประวัติรถให้ว่าเจ้าของเดิมทำอะไรมาบ้างแล้ว
ตัดสินใจทันที เพราะรู้อยู่แล้วว่าซื้อรถเก่ามาต้องเตรียมเงินอีกก้อนไว้บำรุงรักษาใหญ่ช่วงต้น เอาวะ... เข้าศูนย์เลยก็ได้
เตรียมใจไว้แล้วว่าต้องมีเป็นหมื่นที่จะหลุดลอยออกจากกระเป๋า แต่คิดว่าให้ศูนย์เขาเช็กระบบทั้งหมดว่าสภาพรถที่ซื้อมามันหนักหนาสาหัสอย่างไรบ้าง
บ่ายวันนี้ (15 ตุลาคม 2562) ขับรถเข้าโชว์รูมโตโยต้าเมืองนนท์ สำนักงานใหญ่ โอ้โห.. แฮะ...
แหม มันประทับใจตั้งแต่รปภ. สอบถามด้วยความสุภาพ เรียกท่าน ท่าน ทุกคำ เล่นเอาซะเขินเลย (ไม่รู้เพราะขี่คัมรี่หรือเปล่า อิอิ)
เลี้ยวเข้าซองจอดไม่ทันสนิทดี หน.ช่าง ก็เผ่นมาต้อนรับ สอบถามถึงประตูรถ เมื่อแจ้งว่า ซื้อรถมือสองมา จะให้ช่วยตรวจเช็กทั้งระบบ เขาก็ใช้แท็บเล็ตเช็กทะเบียนรถจากป้ายวงกลม (ยังเป็นชื่อเจ้าของเดิมเพราะเพิ่งได้มายังไม่ทำเรื่องโอน) ประวัติการซ่อมบำรุงออกมายาวเหยียด
เขาบอกว่า พี่มาเข้าเช็กตรงระยะ 2 แสนโลพอดี ต้องตรวจสอบใหญ่ (คุณพระช่วย!!! หมื่นเดียวจะพอป่าววะ?)
แต่เขาให้คำแนะนำละเอียดยิบ อธิบายเข้าใจง่ายในทุก ๆ คำถาม และทุกปัญหาที่ตรวจสอบพบ ประเมินราคารวมค่าแรงให้คร่าว ๆ ประมาณ 6,400 บาท (โอ้โหน้อยกว่าที่คิดเกือบครึ่ง)
ที่สำคัญไม่ยัดเยียดให้เปลี่ยนอะไหล่ตะพึดตะพือ แค่แจ้งว่าตามระยะต้องเปลี่ยนแล้ว แต่หากชิ้นไหนยังใช้ได้ก็ไม่ยืนยันว่าต้องเปลี่ยนอย่างเดียว
ยกตัวอย่างกรองอากาศ ช่างแจ้งมาว่าต้องเปลี่ยน หน.ช่างบอกว่าเป่ากรองแล้วแต่อาจดำมากเลยแนะนำให้เปลี่ยน แต่พี่ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้นะเพราะยังใช้ได้ เราเลยเปลี่ยนสนนราคา 404 บาท ได้กรองแท้ใช้งานยาวๆ
หัวเทียนตามระยะต้องเปลี่ยนทุก 1 แสนโลนะพี่ แต่ถ้าเครื่องยังเดินเรียบอยู่ก็ใช้ไปก่อนได้
ยางโอริงเฟืองไมล์เริ่มเสื่อมแล้วนะพี่ แต่ยังใช้ได้น้ำมันไม่ถึงกับหยด แค่ซึมแล้วมีฝุ่นเกาะทำให้ดูสกปรกเท่านั้น
แบตฯ ไฟเริ่มอ่อนนะพี่ ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 490 แต่เช็กออกมาที่ 390 แต่ถ้าพี่ยังสตาร์ตชึ่งเดียวติดอยู่ก็ไม่ต้อง รอให้ออกอาการหน่วงๆ เวลาสตาร์ต ค่อยไปหาเปลี่ยนตามร้านก็ได้
น็อตหม้อกรองอากาศหายไปตัวหนึ่งนะพี่ แต่ที่ศูนย์ขายยกหม้อเลยไม่มีน็อตแยกขาย พี่ไปให้อู่ที่รูจักกันหาใส่ให้ก็ได้
ยางปัดน้ำฝนก็เริ่มเสื่อมแล้วนะครับ แต่ทางศูนย์ของหมดพอดี ดู ๆ แล้วก็ยังพอใช้ได้อยู่นะพี่ (อาจจะเห็นว่าสภาพยังพอทน และหมดหน้าฝนพอดี - อันนี้คิดเอาเองนะ เพราะเป็นจังหวะออกพรรษาแล้ว)
เบ็ดเสร็จใช้เวลาอยู่ที่ศูนย์ 2 ชม.ครึ่ง เช็กระยะ 2 แสนโล ถ่ายของเหลว กรองอากาศ เช็กช่วงล่าง เครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน ระบบไฟทุกอย่าง อะไหล่ได้ส่วนลด 10% รวมค่าแรงแล้วสุทธิ 5 พันหย่อน 48 บาท
ขอประกาศดัง ๆ ว่า ข้าพเจ้าไม่กลัวการเข้าศูนย์อีกแล้ว
ปล. แค่แชร์ประสบการณ์สด ๆ ร้อน ๆ หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งข้อมูลให้แก่ผู้ที่กำลังตัดสินใจ
[CR] แชร์ประสบการณ์ เข้าศูนย์โตโยต้า ไม่ได้โหดอย่างที่เคยคิด
เพราะขับแต่รถเก่า ๆ ที่ไม่คิดจะเข้าศูนย์อยู่แล้ว อาศัยอู่แถวบ้านที่ผูกปิ่นโตกันมาเป็น 10 ปี
กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (ต้นเดือนตุลาคม 2562) มีคนบอกขาย TOYOTA CAMRY 2.4 Q ปี 2003 (ACV 30)
ส่วนตัวไม่เคยคิดเปลี่ยนรถใหม่ เพราะใช้ TOYOTA CORONA ST 171 (หน้ายักษ์) คู่ทุกข์คู่ยากมา 10 กว่าปี (มรดกที่พี่ชายส่งผ่านมาให้เพราะเปลี่ยนไปขับอัลติส)
แต่ราคาที่เสนอมาสมเหตุสมผล สภาพถูกใจ เลยกัดฟันหยิบยืมเงินบุพการีจัดมาแก้ความเสี้ยน
แล้วก็สมอยากขับนุ่ม เครื่องแน่น ปรู๊ดปร๊าดทันใจพอสมควรในช่วงเร่งแซง ช่วงล่างหนึบพอสมควร แต่หลายคนบอกว่าจะย้วยในย่านความเร็วสูง
ส่วนตัวก็ไม่เข้าใจไอ้ที่ว่าสูงมันต้องเร็วขนาดไหน เพราะปกติขับทางไกลผมกดอย่างมากก็ 140-150 กม./ชม. ก็นิ่ง ๆ นะ
เวลาเข้าโค้งกว้าง ๆ จะแตะเบรกเบา ๆ บนทางตรงก่อนเข้าโค้งเพื่อชะลอความเร็ว เมื่อถึงจุดต้องเข้าโค้งจะยกเบรกปล่อยไหล ใช้แค่แรงหน่วงของเอนจิ้นเบรกไปจนถึงจุดออกจากโค้ง แล้วค่อย ๆ กดคันเร่ง โดยไม่แตะเบรกกลางโค้ง
ความเร็วขณะเข้าโค้งก็น่าจะอยู่ประมาณ 80-100 กม./ชม (มองกระจกรอบตัวก่อนหน้าแล้วว่าไม่มีรถอื่นอยู่ในรัศมีอันตราย) ก็ไม่เห็นจะย้วยหรือร่อนจนออกอาการน่าหวาดเสียวอะไร
*หมายเหตุ - การเหยียบเบรกกลางโค้งอันตรายมาก โอกาสที่รถจะเสียสมดุลมีมาก และต้องมั่นใจว่าสมรรถภาพรถกับความเร็วและองศาในการเข้าโค้งสมดุลกัน "อย่าห้าวอย่างสิ้นคิด มีแค่ใจ แต่ไร้ฝีมือ" เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตัวเองและบุคลอื่น ควรขับรถตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด (วิธีนี้ผมเอาเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยเรียนแข่งรถสมัยยังละอ่อน นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ห้ามลอกเลียนแบบ หากไม่เคยผ่านการอบรมมาก่อน)
เมื่อซื้อรถมือสอง ก็ไม่แคล้วต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมด แม้โดยประสบการ์อยู่บนท้องถนนมากว่า 30 ปี ขับตะลุยมาแล้วทุกอำเภอใน 77 จังหวัด เพราะอาชีพเก่าเป็นเซลล์แมนมากว่า 20 ปี ดูจากสีและความใสของน้ำมันเครื่อง-น้ำมันเกียร์-นำมันพาวเวอร์-น้ำมันเบรก ก็พอรู้อยู่ว่ายังใช้ได้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของเก่าเขาใช้มานานเท่าไหร่แล้ว เพื่อความมั่นใจและเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ตอนอยู่กับเราเลยตัดสินใจเปลี่ยนดีกว่า
อีทีนี้ก็ต้องคิดอีกว่าจะเปลี่ยนที่ไหน อู่เจ้าประจำ ปั๊มน้ำมัน ศูนย์บริการครบวงจร อาทิ A..., B-..., F... เป็นต้น
แต่ด้วยความบ้าเห่อรถคันแรกที่เลือกเองซื้อเอง เลยอ่านกระทู้เกี่ยวกับคำแนะนำเรื่องการเปลี่ยนถ่ายของเหลวอยู่หลายวัน บางรายจะแนะนำให้ซื้อของเหลวจากศูนย์ไปให้อู่นอกเปลี่ยนเพื่อประหยัดค่าแรง บางคนเชียร์ศูนย์บริการครบวงจร แต่ก็มีหลายท่านบอกถึงข้อด้อยของศูนย์เหล่านั้น
ขอย้ำว่า ศูนย์บริการของยี่ห้อรถโดยตรงไม่เคยอยู่ในหัวเลย เพราะความกลัวจากการอ่านคอมเม้นต์ต่าง ๆ ในสมัยก่อน ยังตรึงแน่นในหัวจิตหัวใจ เลยไม่ได้สนใจหาข้อมูลในส่วนนี้
กระทั่งเซิร์ตหาข้อมูลของ ACV 30 ใน เว็บ CAMRY CLUB มีผู้โพสต์เมื่อหลายปีก่อนว่าซื้อรุ่นนี้มือสองมา แล้วเอาไปเข้าศูนย์บริการของโตโยต้า ให้ช่างเช็กระบบทั้งคัน+เปลี่ยนถ่ายของเหลว คิดค่าแรง 1,400-1,600 บาท เมื่อรวมค่าของเหลวกับอะไหล่บางตัวที่ต้องเปลี่ยนเบ็ดเสร็จประมาณ 6 พันกว่า
ไอ้เราก็เลยมาฉุกคิดย้อนกลับไปหาข้อมูลที่เคยเข้าไปดู คำแนะนำที่ให้ซื้อของเหลวศูนย์ไปเปลี่ยนอู่นอกค่าของอยู่ที่ประมาณ 3-4 พัน ส่วนศูนย์บริการครบวงจรตกประมาณ 5-6 พัน และประสบการณ์ส่วนตัวจาก ST 171 แค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง-กรองน้ำมันเครื่อง-น้ำมันเกียร์ตามปั๊มยักษ์ใหญ่ทั้งแบรนด์ไทยและต่างชาติ ก็ปาเข้าไป 2 พันกว่าแล้ว
ราคาของศูนย์โตโยต้าถ้าอยู่ที่ 6 พันกว่า ได้เช็กทั้งระบบด้วย ก็น่าสน
เลยไปปรึกษาพี่ที่ทำงานซึ่งใช้โตโยต้าและเช็กศูนย์ตลอด เขาบอกว่าในความรู้สึกของเขามันก็อาจจะแพงกว่าอู่ข้างนอก เพราะเวลาเช็กระยะของเขาตกครั้งละ 6-8 พัน แต่อุ่นใจกว่า เพราะเขาเป็นผู้หญิงดูแลรถไม่เป็น พร้อมแนะนำศูนย์บริการที่เขาเป็นลูกค้าประจำคือศูนย์โตโยต้าเมืองนนท์ สำนักงานใหญ่ ตรงแยกสนามบินน้ำ นนทบุรี
พี่อีกคนใช้ ACV 31 บอร์ดี้-เครื่องเดียวกัน แต่เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ซื้อมือสองมาเหมือนกัน และใช้บริการศูนย์นี้ด้วย ย้ำอีกคนว่าบริการดี หากกลัวต้องจ่ายแพงก็ไปเปลี่ยนของเหลวที่อื่น แต่แนะนำให้เข้าไปซื้ออะไหล่เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ที่ปัดน้ำฝน เป็นต้น ศูนย์จะได้มีชื่อเราเป็นเจ้าของอยู่ในระบบ และเขาจะได้เช็กประวัติรถให้ว่าเจ้าของเดิมทำอะไรมาบ้างแล้ว
ตัดสินใจทันที เพราะรู้อยู่แล้วว่าซื้อรถเก่ามาต้องเตรียมเงินอีกก้อนไว้บำรุงรักษาใหญ่ช่วงต้น เอาวะ... เข้าศูนย์เลยก็ได้
เตรียมใจไว้แล้วว่าต้องมีเป็นหมื่นที่จะหลุดลอยออกจากกระเป๋า แต่คิดว่าให้ศูนย์เขาเช็กระบบทั้งหมดว่าสภาพรถที่ซื้อมามันหนักหนาสาหัสอย่างไรบ้าง
บ่ายวันนี้ (15 ตุลาคม 2562) ขับรถเข้าโชว์รูมโตโยต้าเมืองนนท์ สำนักงานใหญ่ โอ้โห.. แฮะ...
แหม มันประทับใจตั้งแต่รปภ. สอบถามด้วยความสุภาพ เรียกท่าน ท่าน ทุกคำ เล่นเอาซะเขินเลย (ไม่รู้เพราะขี่คัมรี่หรือเปล่า อิอิ)
เลี้ยวเข้าซองจอดไม่ทันสนิทดี หน.ช่าง ก็เผ่นมาต้อนรับ สอบถามถึงประตูรถ เมื่อแจ้งว่า ซื้อรถมือสองมา จะให้ช่วยตรวจเช็กทั้งระบบ เขาก็ใช้แท็บเล็ตเช็กทะเบียนรถจากป้ายวงกลม (ยังเป็นชื่อเจ้าของเดิมเพราะเพิ่งได้มายังไม่ทำเรื่องโอน) ประวัติการซ่อมบำรุงออกมายาวเหยียด
เขาบอกว่า พี่มาเข้าเช็กตรงระยะ 2 แสนโลพอดี ต้องตรวจสอบใหญ่ (คุณพระช่วย!!! หมื่นเดียวจะพอป่าววะ?)
แต่เขาให้คำแนะนำละเอียดยิบ อธิบายเข้าใจง่ายในทุก ๆ คำถาม และทุกปัญหาที่ตรวจสอบพบ ประเมินราคารวมค่าแรงให้คร่าว ๆ ประมาณ 6,400 บาท (โอ้โหน้อยกว่าที่คิดเกือบครึ่ง)
ที่สำคัญไม่ยัดเยียดให้เปลี่ยนอะไหล่ตะพึดตะพือ แค่แจ้งว่าตามระยะต้องเปลี่ยนแล้ว แต่หากชิ้นไหนยังใช้ได้ก็ไม่ยืนยันว่าต้องเปลี่ยนอย่างเดียว
ยกตัวอย่างกรองอากาศ ช่างแจ้งมาว่าต้องเปลี่ยน หน.ช่างบอกว่าเป่ากรองแล้วแต่อาจดำมากเลยแนะนำให้เปลี่ยน แต่พี่ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้นะเพราะยังใช้ได้ เราเลยเปลี่ยนสนนราคา 404 บาท ได้กรองแท้ใช้งานยาวๆ
หัวเทียนตามระยะต้องเปลี่ยนทุก 1 แสนโลนะพี่ แต่ถ้าเครื่องยังเดินเรียบอยู่ก็ใช้ไปก่อนได้
ยางโอริงเฟืองไมล์เริ่มเสื่อมแล้วนะพี่ แต่ยังใช้ได้น้ำมันไม่ถึงกับหยด แค่ซึมแล้วมีฝุ่นเกาะทำให้ดูสกปรกเท่านั้น
แบตฯ ไฟเริ่มอ่อนนะพี่ ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 490 แต่เช็กออกมาที่ 390 แต่ถ้าพี่ยังสตาร์ตชึ่งเดียวติดอยู่ก็ไม่ต้อง รอให้ออกอาการหน่วงๆ เวลาสตาร์ต ค่อยไปหาเปลี่ยนตามร้านก็ได้
น็อตหม้อกรองอากาศหายไปตัวหนึ่งนะพี่ แต่ที่ศูนย์ขายยกหม้อเลยไม่มีน็อตแยกขาย พี่ไปให้อู่ที่รูจักกันหาใส่ให้ก็ได้
ยางปัดน้ำฝนก็เริ่มเสื่อมแล้วนะครับ แต่ทางศูนย์ของหมดพอดี ดู ๆ แล้วก็ยังพอใช้ได้อยู่นะพี่ (อาจจะเห็นว่าสภาพยังพอทน และหมดหน้าฝนพอดี - อันนี้คิดเอาเองนะ เพราะเป็นจังหวะออกพรรษาแล้ว)
เบ็ดเสร็จใช้เวลาอยู่ที่ศูนย์ 2 ชม.ครึ่ง เช็กระยะ 2 แสนโล ถ่ายของเหลว กรองอากาศ เช็กช่วงล่าง เครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน ระบบไฟทุกอย่าง อะไหล่ได้ส่วนลด 10% รวมค่าแรงแล้วสุทธิ 5 พันหย่อน 48 บาท
ขอประกาศดัง ๆ ว่า ข้าพเจ้าไม่กลัวการเข้าศูนย์อีกแล้ว
ปล. แค่แชร์ประสบการณ์สด ๆ ร้อน ๆ หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งข้อมูลให้แก่ผู้ที่กำลังตัดสินใจ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น