สี จิ้นผิง เตือน ผู้พยายามแบ่งแยกจีน จะต้องถูกบดขยี้จนเป็นผุยผง!!!

สี จิ้นผิง เตือน ผู้พยายามแบ่งแยกจีน จะต้องถูกบดขยี้จนเป็นผุยผง!!!

14/10/2019

นาที 2.02 - โดนตำรวจจัดการ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ







เอเอฟพี - ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนออกมาเตือนว่าผู้ใดก็ตามที่คิดแบ่งแยกดินแดนจีน
จะต้องถูก “บดขยี้จนเป็นผุยผง” คล้ายจะเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้ประท้วงฮ่องกง
ซึ่งก่อการจลาจลต่อต้านรัฐมานานถึง 4 เดือน

เมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) กระทรวงการต่างประเทศจีนได้เผยแพร่คำแถลงของ สี ขณะไปเยือนเนปาล
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ โดยผู้นำแดนมังกรกล่าวว่า

“ใครก็ตามที่พยายามแบ่งแยกดินแดนส่วนหนึ่งส่วนใดของจีน
จะต้องพินาศย่อยยับ ร่างกายและกระดูกของพวกเขา จะถูกบดขยี้จนเป็นผุยผง”

“พลังภายนอกที่สนับสนุนการแยกดินแดนจีนเป็นเพียงแค่ภาพมายาในสายตาชาวจีนเท่านั้น”

แม้ สี จะไม่ได้ระบุชัดว่าหมายถึงภูมิภาคใด แต่ก็เป็นที่คาดเดาได้จากสถานการณ์ความรุนแรง
ระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงฮ่องกงในวันอาทิตย์ (13) รวมไปถึงความตึงเครียดกับไต้หวันที่ร้อนระอุขึ้นทุกขณะ

ผู้ประท้วงได้จัดการชุมนุมเคลื่อนไหวในหลายพื้นที่ของเกาะฮ่องกง โดยบางกลุ่มมีกา
รปิดกั้นถนน บุกทำลายรางรถไฟ และโจมตีห้างร้านที่สนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่

ปักกิ่งอ้างว่ามี “พลังอำนาจภายนอก” คอยยุยงปลุกปั่นความไม่สงบในฮ่องกง
เขตกึ่งปกครองตนเองซึ่งที่ผ่านมาผู้คนมีสิทธิและเสรีภาพกว้างขวางกว่าชาวจีนบนแผ่นดินใหญ่

การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงมีจุดเริ่มต้นมาจากกระแสคัดค้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปจีน
ก่อนจะลุกลามขยายวงเป็นการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยและเอาผิดพฤติกรรมป่าเถื่อนของตำรวจ

หลายฝ่ายเริ่มวิตกกังวลว่าจีนอาจส่งทหารเข้าไปปราบผู้ประท้วงฮ่องกงในที่สุด
แต่จนถึงขณะนี้ปักกิ่งก็ยังยืนยันความเชื่อมั่นว่าตำรวจฮ่องกงสามารถรับมือกับเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นได้

มีนักวิเคราะห์เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เชื่อว่าปักกิ่งไม่แคร์เสียงประณามจากนานาชาติ
และพร้อมที่จะบดขยี้ผู้ประท้วงฮ่องกงเหมือนที่เคยทำกับกลุ่มนักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตย
ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 1989 ซึ่งในตอนนั้นคาดว่ามีผู้เสียชีวิตหลายร้อย หรืออาจมากกว่า 1,000 คน

จีนยังแสดงจุดยืนแข็งกร้าวกับไต้หวันมากขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน
เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2016 เนื่องจากรัฐบาลของ ไช่ ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของ “จีนเดียว”

แม้ไต้หวันจะปกครองตนเองมาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองในปี 1949
แต่จีนยังถือว่าเกาะประชาธิปไตยแห่งนี้เป็น ‘มณฑล’ หนึ่งของตน
และไม่ปฏิเสธที่จะใช้กำลังทหารยึดกลับคืนมาหากมีความจำเป็นจริงๆ

อีกหนึ่งภูมิภาคที่ยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่ก็คือทิเบต ซึ่งเนปาลได้รับผู้ลี้ภัยชาวทิเบต
เข้าไปอาศัยอยู่มากถึง 20,000 คน ทว่าด้วยแรงกดดันของรัฐบาลจีนชุดปัจจุบัน
ทำให้กาฐมาณฑุเริ่มใช้นโยบายแข็งกร้าวกับนักเคลื่อนไหวชาวทิเบตมากขึ้น

นายกรัฐมนตรีเค.พี. ชาร์มา โอลี ยืนยันกับ สี ว่า เนปาลซึ่งมีพรมแดนติดทิเบต
“จะไม่มีวันยอมให้กองกำลังฝ่ายใดเข้ามาใช้ดินแดนเนปาลเป็นฐานทำกิจกรรมแบ่งแยกดินแดนจีน”

ปักกิ่งยังถูกสหรัฐฯ และนานาชาติวิจารณ์เรื่องนโยบายกดขี่ชนกลุ่มน้อยในซินเจียง
หลังผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นออกมาเผยว่าจีนมีการสร้าง ‘ค่ายลับ’
เอาไว้หลายแห่งเพื่อกักกันชาวอุยกูร์และมุสลิมกลุ่มอื่นๆ กว่า 1 ล้านคน

จีนอ้างว่าค่ายเหล่านั้นเป็นเพียง “ศูนย์ฝึกอาชีพ” ที่มุ่งอบรมประชาชน
ให้ปฏิเสธลัทธิหัวรุนแรงและความสุดโต่งทางศาสนา

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2971800
https://mgronline.com/around/detail/9620000098838
https://mgronline.com/china/detail/9620000098767
https://www.posttoday.com/world/603477



https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2978966
https://mgronline.com/around/detail/9620000099807





https://ppantip.com/topic/39321794





https://www.voathai.com/a/hong-kong-protest-us-support/5125283.html





https://mgronline.com/entertainment/detail/9620000099181





คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่