ภูติกลับมาจากการไปเที่ยวทะเลเพื่อหวังว่าจะคิดอะไรดีๆออก แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขายังคิดหาหนทางออกของเรื่องนี้ยังไม่ได้เลย มิหนำซ้ำยังไปเจอคนกำลังจะฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตา
ภูติกลับมาถึงบ้านเห็นผู้เป็นแม่นั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกคนเดียว รู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อยที่ปล่อยให้แม่อยู่บ้านเหงาคนเดียว เวลานี้ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนที่มีกิตติน้องชายอยู่ด้วย เมื่อแต่งงานก็ขอแยกออกไปซื้อบ้านอยู่กันเองกับครอบครัว รวมปรีติพี่ชายของเขาอีกคน ภูติเดินเข้ามาสวมกอดผู้เป็นแม่ที่นั่งมองเขาตั้งแต่เดินเข้ามาที่หน้าประตู ออดอ้อนเหมือนตอนเป็นเด็กๆ หอมแก้มฟอดใหญ่จนพอใจแล้วจึงปล่อยแขนที่กอดแม่ไว้นั่งลงข้างๆ
“ไปทะเลไม่ชวนน้องไปด้วยเลย คุณหญิงราตรีบ่นกับแม่ ไม่พาหนูปานไปด้วย”
“ก็ผมบอกแล้วว่าผมมีธุระครับคุณแม่ ไม่ได้ตั้งใจไปเที่ยว”
“เอ่อตาภู เดือนหน้าแม่จะจัดงานหมั้นให้เรากับหนูปานนะ เราขัดอะไรมั้ย”
ภูติทำหน้าตกใจ แต่ต้องเก็บอาการไว้ไม่ให้ผู้เป็นแม่สังเกตเห็น
“อะไรครับคุณแม่ ทำไมเร็วขนาดนี้ ผมยังไม่พร้อม”
“ทำไมจะยังไม่พร้อม หรือว่าแกมีแฟนอยู่แล้ว ที่แกไม่อยู่สองวัน ไปหาผู้หญิงมาใช่มั้ย แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ลูกเต้าเหล่าใคร บอกแม่มาเดี๋ยวนี้”
คุณหญิงช่อผกามีสีหน้าตกใจที่นึกได้ ลูกชายไปเที่ยวทะเลสองวันหรือจะไปหาผู้หญิง ที่จริงคนเป็นแม่อย่างเธอไม่ได้ขัดขวางจะรักจะชอบใคร แค่เป็นผู้หญิงก็พอ บ่อยครั้งที่ลูกชายทำตัวผิดสังเกต และมีคนพูดให้ได้ยิน ว่าภูติสนิทกับผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อเธอถามภูติก็บอกว่าเป็นลูกค้า จากนั้นก็ไม่มีใครเห็นผู้ชายคนนั้นอีกเลย
ภูติเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะคิดอะไรออก เขาจะใช้แผนนี้แหละ เห็นในละครทำบ่อย แต่จะเป็นใครค่อยคิดทีหลัง
“เอ่อ คุณแม่จะโกรธผมมั้ยครับถ้าผมพูดความจริง”
เขาทำท่าเหมือนมีพิรุธ ให้แม่คล้อยตาม
“ทำไมอย่าบอกนะว่าแกหายไปๆอยู่กับผู้หญิง”
คุณหญิงเบิกตากว้าง ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นจริงคงต้องได้โดนคุณหญิงราตรีถอนหงอกแน่นอน แต่ขณะเดียวกันเธอก็แอบดีใจที่ลูกชายไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เอาเป็นว่าถ้าเป็นความจริง คนเป็นแม่อย่างเธอก็ไม่ขัดขวาง ถึงอย่างไรก็ยังอยากเจอหน้าค่าตากันก่อน เป็นใครมาจากไหน ชื่อแซ่อะไร ไม่ใช่จะมาปอกลอกกันง่ายๆ
“ครับ”
“ตาภู! ทำไมไม่บอกแม่ก่อน นี่แม่ไปตกปากรับคำคุณหญิงเรื่องหมั้นแล้ว”
คุณหญิงช่อผกาหัวเสียที่ลูกชายทำอะไรไม่คิด สุดท้ายต้องไม่พ้นเป็นขี้ปากคนบ้านนั้นแน่นอน แต่คนเป็นแม่อย่างเธอก็ไม่อยากบังคับลูกชาย ในเมื่อลูกเอ่ยปากว่ามีคนคบอยู่แล้ว ก็คงต้องยกเลิกงานหมั้น เธอไม่ใช่คุณหญิงแม่ใจร้ายเหมือนในละครที่เลือกลูกสะใภ้มากกว่าจิตใจลูกของตนเอง
“ผมขอเวลาหนึ่งเดือนครับ แล้วผมจะพาเธอมาพบคุณแม่” ภูติพูดเอาตัวรอดไว้ก่อน ยังไงก็ดีใจที่รอดจากปานชีวา จะเอายังไงค่อยคิดอีกที
“ทำไมต้องหนึ่งเดือน” คุณหญิงช่อผกาทำหน้าสงสัย แค่พามาเจอครอบครัวมันจะยากอะไรนักหนา
“ก็เธอยังไม่พร้อม นี่ผมชวนเธอมาตั้งนานแล้วก็ไม่กล้ามา”
“ทำไมไม่กล้ามา กลัวอะไรแม่ออกจะใจดี และสวยด้วย” คุณหญิงช่อผกาพูดไปยิ้มไป ถึงแม้เวลานี้อายุจะเข้าสู่วัยเลขหกต้นๆ แต่ความสวยก็ไม่ซาลงแม้แต่น้อย
ภูตินั่งคุยกับคุณหญิงแม่สักพักก่อนจะขอตัวขึ้นห้องไปอาบน้ำชำระร่างกายกลิ่นอายทะเลออกจากตัว ภูติรู้สึกว่าตนเองหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ รอดจากปานชีวาแต่จะหาใครล่ะมาสวมบทแฟนแทน ไม่ใช่แค่แฟนธรรมดา แต่ต้องแต่งงานกับเขาด้วย ภูตินึกไปถึงละครที่เคยดูตอนเด็กๆ พระเอกจ้างนางเอกมาสวมบทเมีย แต่นั่นมันในละคร ชีวิตจริงผู้หญิงคนไหนกันจะกล้าทำ คนที่จะมาสวมบทแฟนก็ไม่ใช่ผู้หญิงใครก็ได้นะสิ ภูติคิดหนักที่พูดอะไรไม่คิดกับแม่ของตน นึกว่าจะสบายใจ ดันเพิ่มความปวดหัวมาเป็นเท่าตัว
เขาคิดไปถึงละครที่เคยดู ถ้ามันง่ายอย่างในละครก็ดีสิ คิดนะมันง่าย แต่ทำใครจะบ้าจี้เอาตัวเองมาผูกมัดกับคนๆหนึ่งง่ายๆ ข้อจำกัดคือ จะต้องไม่ใช่ผู้หญิงใครก็ได้ ขืนเอาใครก็ได้มาคุณหญิงแม่ได้ตัดแม่ตัดลูกแน่นอน วงศาคณาญาติได้ตัดเขาออกจากกองมรดก นี่ก็เป็นอีกปัญหาที่ภูติคิดว่าทำไมต้องเกิดมาในตระกูลมีชื่อ หลายคนที่อดอยากอาจจะอยากมีชีวิตแบบเขาที่ไม่ต้องทำอะไร ก็มีคนหามาประเคนให้ถึงที่ แต่เขากลับอยากเกิดเป็นคนชนชั้นรากหญ้ามากกว่า ที่อยากทำอะไรก็ได้ทำตามใจตน
เมื่อคิดคนเดียวไม่ออกก็ต้องมีคนช่วยคิด คนแรกที่ภูตินึกถึงเสมอเมื่อเจอปัญหา คือพี่ปรีติพี่ชายที่เข้าใจ และให้คำปรึกษาได้ทุกปัญหา ส่วนเจ้ากิตติน้องชายอย่าได้หวัง ลูกแหง่ของคุณหญิงแม่ มีหวังเอาเรื่องไปบอกแม่แน่นอน พูดแล้วก็กดเบอร์โทรหาพี่ชายทันที สบายใจเรื่องปานชีวาเหลือก็แต่ปัญหาที่สร้างขึ้นมาใหม่
“ว่าไงนะเจ้าภู แกจะจ้างใครมาสวมบทเมีย” ปรีติพูดด้วยอาการตกใจปนตลก แทบจะหัวเราะออกมาเพียงแต่ต้องกลั้นไว้เพราะน้องชายกำลังเครียด
“ก็พี่ติให้ผมทำยังไง ผมบอกคุณแม่ไปแล้ว”
“ไอ้ภูนี่มันชีวิตจริงนะเว้ย มันไม่ใช่ในละครที่จะไปจ้างใครที่ไหนก็ได้ ถ้าผู้หญิงเขายอมไม่บ้า ก็หวังสบายละวะ อืม! พูดถึงถ้าฉันเป็นผู้หญิงที่ถูกแกจ้าง ฉันก็ยอมนะเว้ย 5555 เพียบพร้อมขนาดนี้”
“พี่ติผมเครียดนะพี่ หาทางออกช่วยผมที”
“เจ้าภูเอ้ย หน้าตาก็ดี เพียบพร้อมทุกอย่างทำไมหาแฟนไม่ได้วะ เอ้ย หรือว่าแกชอบผู้ชายวะถึงไม่ยอมมีแฟนสักที อายุปูนนี้แล้ว”
“เอ้ยพี่ติ พี่พูดบ้าอะไร ก็ผมยังหาคนที่ถูกใจไม่ได้ ผมไม่ได้เหมือนพี่กับไอ้กิตนะ ที่ใช้ผู้หญิงเปลือง กว่าจะเจอแม่ของลูก เปลี่ยนผู้หญิงไปตั้งหลายคน”
ถึงแม้จะโดนจี้เข้าตรงจุดแต่คนอย่างเขาก็ยังนิ่งได้เป็นปกติ ไม่แสดงท่าทางให้จับพิรุธได้ เขาไม่แน่ใจว่าพี่ชายรู้เรื่องส่วนตัวของตนหรือเปล่า ตราบใดที่ปรีติยังไม่พูดเขาก็จะไม่หลุดปากออกมา และถ้าเกิดพี่ชายไม่รู้เรื่องจริงๆเขาก็จะให้มันเป็นความลับไปจนตาย
“เออๆเดี๋ยวพี่หาทางช่วย แกนะแกอยู่ดีไม่ว่าดี ยอมแต่งๆกับน้องปานไปสะก็สิ้นเรื่อง และหย่าทีหลัง”
“เอาหน่าพี่หาทางช่วยผมหน่อย จะหาคนที่มาสวมบทแฟนผมได้จากไหน ขอคนที่น่าเชื่อถือหน่อยนะ คุณแม่เขาจะได้ไม่จับผิด และไม่ตั้งแง่กับคนของผม”
“เออๆ บอกจะช่วยก็ช่วยสิวะ”
ภูติรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อยที่ได้คุยกับพี่ชาย แถมยังยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออีก ยังไงก็จะขอลองดูเผื่อได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนในละคร ถึงจะดูเป็นการแก้ปัญหาที่แปลกก็ตาม โจทย์สำคัญก็คือ หาผู้หญิงที่ต้องการได้ที่ไหน ที่มีคุณสมบัติตามต้องการ
...
ณ บริษัทในเครือภูติพัฒน์กรุ๊ป
หลังจากตนเองถูกปล่อยคลิปประจาน ชลันเชื่อว่าพนักงานทุกคนในบริษัทรู้เรื่องราวของเธอ ถึงไม่มีใครพูดให้ได้ยิน ช่วงที่ตนเองไม่อยู่ก็คงถูกพูดถึงจนขี้เกียจพูด ส่วนเอกพจน์หลังจากปล่อยคลิปเขาก็ย้ายออกไปทำงานที่อื่น
เป็นความโชคดีในความโชคร้าย พี่ในแผนกงานเดียวกันต่างเห็นใจเธอ เมื่อเห็นคลิป ต่างให้กำลังใจไม่ซ้ำเติม อาจจะมีแอบนินทาเธอบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นใครๆก็คงอดนินทาไม่ได้ ถึงอย่างไรพี่ๆก็คอยให้กำลังใจ คอยห้ามเมื่อเธอคิดจะลาออก จนในที่สุดชลันก็ไม่ลาออก ทำงานที่เดิมต่อ คนที่ถูกบีบให้ลาออก อายจนอยู่ไม่ได้กลับเป็นเอกพจน์เสียเอง
ชลันเดินเข้ามาในบริษัทมาทำงานปกติ เห็นพนักงานจับกลุ่มพูดคุยกัน คงไม่พ้นเรื่องของเธอ เมื่อเห็นเธอเดินมาก็พากันเงียบ ชลันแทบอยากจะหายตัวไปโดยไม่ให้ใครเห็นอีกเลย แต่ทำไม่ได้ เคยคิดจะทำกลับมีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาช่วยไว้ เธออยากเจอเขาอีกสักครั้ง คงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
“เก่งเนอะ ยังกล้าอยู่อีก เป็นฉันนะลาออกไปตั้งนานแล้ว” เสียงพนักงานกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันโดยไม่เห็นชลันกับเพื่อนเดินมา เธอกำลังจะเข้าไปต่อว่าแต่ถูกเพื่อนห้ามไว้ก่อน
“ปล่อยเขาพูดไปลัน ยิ่งเราไปเถียงเรื่องยิ่งจะเงียบช้า ใครอยากพูดก็ให้พูดไป ทำอย่างกับพวกมันไม่เคยเอากับผัว หึหึ” ซันนี่ หรือศันสนีย์เพื่อนสนิทพูดขึ้น เธอเห็นคลิปของชลันเหมือนกัน แต่เฉยๆ สงสารเพื่อนที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เป็นเธอเองที่ไว้ใจเอกพจน์ ยอมให้ไปส่งชลันในวันนั้น
“ซันนี่ว่าคุณปรีติเขาจะเห็นคลิปลันยัง” ชลันพูดด้วยความไม่สบายใจ
“จะเห็นไม่เห็น ถ้าบอสเค้าไม่พูดก็ไม่ต้องเครียดนะลัน บางทีเขาอาจจะยังไม่เห็นก็ได้”
“อือ”
สองสาวเดินมาถึงโต๊ะทำงานเก็บกระเป๋าให้เป็นระเบียบก่อนจะหยิบงานที่ทำค้างไว้มาเคลียร์ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะมีงานอื่นเข้ามาให้ทำ
ปรีติ ภูติพัฒน์ ผู้บริหารใหญ่ของภูติพัฒน์กรุ๊ป พร้อมเลขาส่วนตัว ซึ่งก็คือภรรยาของเขาเอง เดินเข้ามาที่แผนกของชลันทำงานอยู่ นานๆผู้บริหารจะมาตรวจที บางคนทำงานมาเป็นปียังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของประธานบริษัททั้งสามคนด้วยซ้ำ เพราะเป็นพนักงานที่เปรียบเสมือนมดน้อยตัวนึง ต้องระดับหัวหน้าแผนก ถึงจะได้เจอกับผู้บริหารบ่อยๆ
ทุกคนทำความเคารพ เกร็งไม่เป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะชลัน ที่ระแวงว่าท่านประธานจะเห็นคลิปของตนหรือป่าว ถ้าเห็นคงต้องถูกไล่ออกเป็นแน่ หัวหน้าแผนกคอยทำการต้อนรับปรนนิบัติอย่างดี
“น้องๆตามสบายนะครับ ผมแค่แวะมาทักทายเฉยๆ”
ปรีติพูดขึ้นและส่งยิ้มให้กับพนักงานทุกคน ชลันกับศันสนีย์ปลื้มผู้บริหารท่านนี้มากๆเพราะมีนิสัยแบบนี้นี่เอง ไม่แบ่งชนชั้น ให้เกียรติพนักงาน เปรียบเสมือนพี่น้อง โดยเฉพาะซันนี่ที่ปลื้มจนออกนอกหน้า ไม่เพียงแค่นิสัยดีแต่ด้วยหน้าตาอันหล่อเหลาของเขาด้วย
ชลันแอบชำเลืองมองปรีติที่ยืนคุยกับพี่ๆคนอื่นๆ ทำไมท่านประธานหน้าคล้ายผู้ชายคนที่ช่วยเธอ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ดูมุมข้างๆนี่อย่างกะคนเดียวกัน ไม่ท่านประธานก็ผู้ชายคนนั้นหน้าโหล พูดถึงก็น่าเสียดายที่ไม่ได้ขออะไรไว้ติดต่อกัน
ปรีติยืนคุยกับหัวหน้าแผนกอยู่นานสองนาน จากที่ชลันสบายใจเปลี่ยนเป็นระแวงคิดมาก หรือว่าท่านประธานกำลังคุยเรื่องเธอ พอนึกแบบนี้หน้าของชลันก็เศร้าลงจนเห็นได้ชัดเจน และคนที่เห็นคือพี่นิดา พี่เลี้ยงที่สอนงานเธอเมื่อคราวเข้างานใหม่
“เป็นอะไรเหรอน้องลัน ไม่สบายป่าวเนี่ย”
“ป่าวค่ะพี่นิดา”
“หรือว่ากลัวคุณปรีติ นี่พี่จะบอกให้แกใจดีจะตาย ไม่ต้องกลัวหรอก น้องลันเข้าไปขอโบนัสสิ้นปีกับแกสิ เผื่อแกให้ เผื่อพี่ด้วยนะพี่จะได้หมดหนี้หมดสินสักที” นิดาพูดไปหัวเราะไป จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
ชลันรู้ว่าใครคบได้คบไม่ได้ พี่สาวคนนี้ใจดีคบได้ และไว้ใจได้ เห็นคลิปฉาวของตนเหมือนกัน แต่ไม่เคยซ้ำเติมสักครั้ง มีแต่คอยช่วยเหลือบีบให้เอกพจน์ออกจากชีวิตตนไปโดยเร็ว
“น้องลันสบายดีนะครับ” จู่ๆก็มีเสียงพูดขึ้นมาจากข้างหลังเธอ ชลันตกใจ ถึงไม่ค่อยคุยก็จำเสียงได้ รีบหันหน้ามา เก็บอาการตกใจไว้
“สะ สบายดีค่ะคุณปรีติ”
“ทำงานให้มีความสุขนะครับ อย่าไปเครียดกับมัน”
“ค่ะ”
ชลันยิ้มเอื่อยๆให้กับคนตรงหน้า ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาด้วย ถึงปรีติจะไม่พูดอะไร หรือไล่เธอออก ชลันก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เพราะยังไงท่านประธานคนนี้ก็คงเห็นคลิปเธอแล้ว
แต่คนที่เขินยิ้มไม่หุบจนปากจะถึงหูคือศันสนีย์เพื่อนชี้ของชลัน ที่ได้เข้าใกล้คุณปรีติมากกว่าทุกครั้ง แอบปลื้มตั้งแต่แรกเห็น ไม่เคยได้เข้าใกล้ขนาดนี้
ไม่นานปรีติกับเลขาส่วนตัวก็กลับไป ทุกคนถอนหายใจเฮือกใหญ่และทำตัวตามสบายเช่นปกติ จากที่เกร็งมาสักสองชั่วโมงได้
“นี่ดีนะที่เป็นคุณปรีติมา ถ้าเป็นอีกคนมานะไม่อยากจะพูด” เสียงพนักงานในแผนกซุบซิบกันหลังจากที่ท่านประธานเดินออกไป
“ฉันอยากให้คุณภูมา เมื่อไหร่จะเข้ามาก็ไม่รู้ ฉันไม่มีกำลังใจทำงานเลย”
“นี่แกถ้ารายนั่นมานะ กระโปรงสั้นแบบแกมีหวังไล่ให้ไปเปลี่ยนและเขียนรายงานส่งแน่ ใครแต่งตัวเปรี้ยวๆอย่าหวังว่าจะชายตามอง ถ้าเป็นคุณกิตว่าไปอย่าง ฮ่าๆ” สองสาวขาเมาท์ของแผนกคุยกัน เมาท์ทุกอย่างทุกเรื่อง สองคนนี้รู้โลกรู้ก็ว่าได้
ขณะกำลังทำงานชลันแอบฟังสองสาวขาเมาท์คุยกันสงสัยว่าคุณภูที่สองคนพูดถึงหน้าตาเป็นยังไง ตั้งแต่เข้ามาทำงานยังไม่เคยเห็นหน้าตาสักครั้ง คุณปรีติที่พึ่งออกไปก็พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งที่สอง ส่วนคนในรูปที่ถ่ายโปสเตอร์ติดทั่วบริษัทก็คือคุณกิตติน้องชายคนสุดท้องของท่านประธาน ชลันก็ยังไม่เคยเห็นตัวจริง จะมีเพียงปรีตินี่แหละที่ชลันรู้จักแค่คนเดียว
“พี่นิดาๆ พี่เคยเห็นคุณภูติ ที่สองสาวขาเมาท์เค้าคุยกันมั้ย” ชลันโผล่หน้าไปหาเพื่อนร่วมงานโต๊ะตรงข้ามที่มีแค่คอมพิวเตอร์กั้นอาณาเขตไว้เท่านั้น ชลันพูดเบาๆแทบจะเป็นเสียงกระซิบด้วยซ้ำ
เจ้าสาวจำเป็น บทที่ 3
ภูติกลับมาถึงบ้านเห็นผู้เป็นแม่นั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกคนเดียว รู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อยที่ปล่อยให้แม่อยู่บ้านเหงาคนเดียว เวลานี้ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนที่มีกิตติน้องชายอยู่ด้วย เมื่อแต่งงานก็ขอแยกออกไปซื้อบ้านอยู่กันเองกับครอบครัว รวมปรีติพี่ชายของเขาอีกคน ภูติเดินเข้ามาสวมกอดผู้เป็นแม่ที่นั่งมองเขาตั้งแต่เดินเข้ามาที่หน้าประตู ออดอ้อนเหมือนตอนเป็นเด็กๆ หอมแก้มฟอดใหญ่จนพอใจแล้วจึงปล่อยแขนที่กอดแม่ไว้นั่งลงข้างๆ
“ไปทะเลไม่ชวนน้องไปด้วยเลย คุณหญิงราตรีบ่นกับแม่ ไม่พาหนูปานไปด้วย”
“ก็ผมบอกแล้วว่าผมมีธุระครับคุณแม่ ไม่ได้ตั้งใจไปเที่ยว”
“เอ่อตาภู เดือนหน้าแม่จะจัดงานหมั้นให้เรากับหนูปานนะ เราขัดอะไรมั้ย”
ภูติทำหน้าตกใจ แต่ต้องเก็บอาการไว้ไม่ให้ผู้เป็นแม่สังเกตเห็น
“อะไรครับคุณแม่ ทำไมเร็วขนาดนี้ ผมยังไม่พร้อม”
“ทำไมจะยังไม่พร้อม หรือว่าแกมีแฟนอยู่แล้ว ที่แกไม่อยู่สองวัน ไปหาผู้หญิงมาใช่มั้ย แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ลูกเต้าเหล่าใคร บอกแม่มาเดี๋ยวนี้”
คุณหญิงช่อผกามีสีหน้าตกใจที่นึกได้ ลูกชายไปเที่ยวทะเลสองวันหรือจะไปหาผู้หญิง ที่จริงคนเป็นแม่อย่างเธอไม่ได้ขัดขวางจะรักจะชอบใคร แค่เป็นผู้หญิงก็พอ บ่อยครั้งที่ลูกชายทำตัวผิดสังเกต และมีคนพูดให้ได้ยิน ว่าภูติสนิทกับผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อเธอถามภูติก็บอกว่าเป็นลูกค้า จากนั้นก็ไม่มีใครเห็นผู้ชายคนนั้นอีกเลย
ภูติเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะคิดอะไรออก เขาจะใช้แผนนี้แหละ เห็นในละครทำบ่อย แต่จะเป็นใครค่อยคิดทีหลัง
“เอ่อ คุณแม่จะโกรธผมมั้ยครับถ้าผมพูดความจริง”
เขาทำท่าเหมือนมีพิรุธ ให้แม่คล้อยตาม
“ทำไมอย่าบอกนะว่าแกหายไปๆอยู่กับผู้หญิง”
คุณหญิงเบิกตากว้าง ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นจริงคงต้องได้โดนคุณหญิงราตรีถอนหงอกแน่นอน แต่ขณะเดียวกันเธอก็แอบดีใจที่ลูกชายไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เอาเป็นว่าถ้าเป็นความจริง คนเป็นแม่อย่างเธอก็ไม่ขัดขวาง ถึงอย่างไรก็ยังอยากเจอหน้าค่าตากันก่อน เป็นใครมาจากไหน ชื่อแซ่อะไร ไม่ใช่จะมาปอกลอกกันง่ายๆ
“ครับ”
“ตาภู! ทำไมไม่บอกแม่ก่อน นี่แม่ไปตกปากรับคำคุณหญิงเรื่องหมั้นแล้ว”
คุณหญิงช่อผกาหัวเสียที่ลูกชายทำอะไรไม่คิด สุดท้ายต้องไม่พ้นเป็นขี้ปากคนบ้านนั้นแน่นอน แต่คนเป็นแม่อย่างเธอก็ไม่อยากบังคับลูกชาย ในเมื่อลูกเอ่ยปากว่ามีคนคบอยู่แล้ว ก็คงต้องยกเลิกงานหมั้น เธอไม่ใช่คุณหญิงแม่ใจร้ายเหมือนในละครที่เลือกลูกสะใภ้มากกว่าจิตใจลูกของตนเอง
“ผมขอเวลาหนึ่งเดือนครับ แล้วผมจะพาเธอมาพบคุณแม่” ภูติพูดเอาตัวรอดไว้ก่อน ยังไงก็ดีใจที่รอดจากปานชีวา จะเอายังไงค่อยคิดอีกที
“ทำไมต้องหนึ่งเดือน” คุณหญิงช่อผกาทำหน้าสงสัย แค่พามาเจอครอบครัวมันจะยากอะไรนักหนา
“ก็เธอยังไม่พร้อม นี่ผมชวนเธอมาตั้งนานแล้วก็ไม่กล้ามา”
“ทำไมไม่กล้ามา กลัวอะไรแม่ออกจะใจดี และสวยด้วย” คุณหญิงช่อผกาพูดไปยิ้มไป ถึงแม้เวลานี้อายุจะเข้าสู่วัยเลขหกต้นๆ แต่ความสวยก็ไม่ซาลงแม้แต่น้อย
ภูตินั่งคุยกับคุณหญิงแม่สักพักก่อนจะขอตัวขึ้นห้องไปอาบน้ำชำระร่างกายกลิ่นอายทะเลออกจากตัว ภูติรู้สึกว่าตนเองหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ รอดจากปานชีวาแต่จะหาใครล่ะมาสวมบทแฟนแทน ไม่ใช่แค่แฟนธรรมดา แต่ต้องแต่งงานกับเขาด้วย ภูตินึกไปถึงละครที่เคยดูตอนเด็กๆ พระเอกจ้างนางเอกมาสวมบทเมีย แต่นั่นมันในละคร ชีวิตจริงผู้หญิงคนไหนกันจะกล้าทำ คนที่จะมาสวมบทแฟนก็ไม่ใช่ผู้หญิงใครก็ได้นะสิ ภูติคิดหนักที่พูดอะไรไม่คิดกับแม่ของตน นึกว่าจะสบายใจ ดันเพิ่มความปวดหัวมาเป็นเท่าตัว
เขาคิดไปถึงละครที่เคยดู ถ้ามันง่ายอย่างในละครก็ดีสิ คิดนะมันง่าย แต่ทำใครจะบ้าจี้เอาตัวเองมาผูกมัดกับคนๆหนึ่งง่ายๆ ข้อจำกัดคือ จะต้องไม่ใช่ผู้หญิงใครก็ได้ ขืนเอาใครก็ได้มาคุณหญิงแม่ได้ตัดแม่ตัดลูกแน่นอน วงศาคณาญาติได้ตัดเขาออกจากกองมรดก นี่ก็เป็นอีกปัญหาที่ภูติคิดว่าทำไมต้องเกิดมาในตระกูลมีชื่อ หลายคนที่อดอยากอาจจะอยากมีชีวิตแบบเขาที่ไม่ต้องทำอะไร ก็มีคนหามาประเคนให้ถึงที่ แต่เขากลับอยากเกิดเป็นคนชนชั้นรากหญ้ามากกว่า ที่อยากทำอะไรก็ได้ทำตามใจตน
เมื่อคิดคนเดียวไม่ออกก็ต้องมีคนช่วยคิด คนแรกที่ภูตินึกถึงเสมอเมื่อเจอปัญหา คือพี่ปรีติพี่ชายที่เข้าใจ และให้คำปรึกษาได้ทุกปัญหา ส่วนเจ้ากิตติน้องชายอย่าได้หวัง ลูกแหง่ของคุณหญิงแม่ มีหวังเอาเรื่องไปบอกแม่แน่นอน พูดแล้วก็กดเบอร์โทรหาพี่ชายทันที สบายใจเรื่องปานชีวาเหลือก็แต่ปัญหาที่สร้างขึ้นมาใหม่
“ว่าไงนะเจ้าภู แกจะจ้างใครมาสวมบทเมีย” ปรีติพูดด้วยอาการตกใจปนตลก แทบจะหัวเราะออกมาเพียงแต่ต้องกลั้นไว้เพราะน้องชายกำลังเครียด
“ก็พี่ติให้ผมทำยังไง ผมบอกคุณแม่ไปแล้ว”
“ไอ้ภูนี่มันชีวิตจริงนะเว้ย มันไม่ใช่ในละครที่จะไปจ้างใครที่ไหนก็ได้ ถ้าผู้หญิงเขายอมไม่บ้า ก็หวังสบายละวะ อืม! พูดถึงถ้าฉันเป็นผู้หญิงที่ถูกแกจ้าง ฉันก็ยอมนะเว้ย 5555 เพียบพร้อมขนาดนี้”
“พี่ติผมเครียดนะพี่ หาทางออกช่วยผมที”
“เจ้าภูเอ้ย หน้าตาก็ดี เพียบพร้อมทุกอย่างทำไมหาแฟนไม่ได้วะ เอ้ย หรือว่าแกชอบผู้ชายวะถึงไม่ยอมมีแฟนสักที อายุปูนนี้แล้ว”
“เอ้ยพี่ติ พี่พูดบ้าอะไร ก็ผมยังหาคนที่ถูกใจไม่ได้ ผมไม่ได้เหมือนพี่กับไอ้กิตนะ ที่ใช้ผู้หญิงเปลือง กว่าจะเจอแม่ของลูก เปลี่ยนผู้หญิงไปตั้งหลายคน”
ถึงแม้จะโดนจี้เข้าตรงจุดแต่คนอย่างเขาก็ยังนิ่งได้เป็นปกติ ไม่แสดงท่าทางให้จับพิรุธได้ เขาไม่แน่ใจว่าพี่ชายรู้เรื่องส่วนตัวของตนหรือเปล่า ตราบใดที่ปรีติยังไม่พูดเขาก็จะไม่หลุดปากออกมา และถ้าเกิดพี่ชายไม่รู้เรื่องจริงๆเขาก็จะให้มันเป็นความลับไปจนตาย
“เออๆเดี๋ยวพี่หาทางช่วย แกนะแกอยู่ดีไม่ว่าดี ยอมแต่งๆกับน้องปานไปสะก็สิ้นเรื่อง และหย่าทีหลัง”
“เอาหน่าพี่หาทางช่วยผมหน่อย จะหาคนที่มาสวมบทแฟนผมได้จากไหน ขอคนที่น่าเชื่อถือหน่อยนะ คุณแม่เขาจะได้ไม่จับผิด และไม่ตั้งแง่กับคนของผม”
“เออๆ บอกจะช่วยก็ช่วยสิวะ”
ภูติรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อยที่ได้คุยกับพี่ชาย แถมยังยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออีก ยังไงก็จะขอลองดูเผื่อได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนในละคร ถึงจะดูเป็นการแก้ปัญหาที่แปลกก็ตาม โจทย์สำคัญก็คือ หาผู้หญิงที่ต้องการได้ที่ไหน ที่มีคุณสมบัติตามต้องการ
...
ณ บริษัทในเครือภูติพัฒน์กรุ๊ป
หลังจากตนเองถูกปล่อยคลิปประจาน ชลันเชื่อว่าพนักงานทุกคนในบริษัทรู้เรื่องราวของเธอ ถึงไม่มีใครพูดให้ได้ยิน ช่วงที่ตนเองไม่อยู่ก็คงถูกพูดถึงจนขี้เกียจพูด ส่วนเอกพจน์หลังจากปล่อยคลิปเขาก็ย้ายออกไปทำงานที่อื่น
เป็นความโชคดีในความโชคร้าย พี่ในแผนกงานเดียวกันต่างเห็นใจเธอ เมื่อเห็นคลิป ต่างให้กำลังใจไม่ซ้ำเติม อาจจะมีแอบนินทาเธอบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นใครๆก็คงอดนินทาไม่ได้ ถึงอย่างไรพี่ๆก็คอยให้กำลังใจ คอยห้ามเมื่อเธอคิดจะลาออก จนในที่สุดชลันก็ไม่ลาออก ทำงานที่เดิมต่อ คนที่ถูกบีบให้ลาออก อายจนอยู่ไม่ได้กลับเป็นเอกพจน์เสียเอง
ชลันเดินเข้ามาในบริษัทมาทำงานปกติ เห็นพนักงานจับกลุ่มพูดคุยกัน คงไม่พ้นเรื่องของเธอ เมื่อเห็นเธอเดินมาก็พากันเงียบ ชลันแทบอยากจะหายตัวไปโดยไม่ให้ใครเห็นอีกเลย แต่ทำไม่ได้ เคยคิดจะทำกลับมีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาช่วยไว้ เธออยากเจอเขาอีกสักครั้ง คงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
“เก่งเนอะ ยังกล้าอยู่อีก เป็นฉันนะลาออกไปตั้งนานแล้ว” เสียงพนักงานกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันโดยไม่เห็นชลันกับเพื่อนเดินมา เธอกำลังจะเข้าไปต่อว่าแต่ถูกเพื่อนห้ามไว้ก่อน
“ปล่อยเขาพูดไปลัน ยิ่งเราไปเถียงเรื่องยิ่งจะเงียบช้า ใครอยากพูดก็ให้พูดไป ทำอย่างกับพวกมันไม่เคยเอากับผัว หึหึ” ซันนี่ หรือศันสนีย์เพื่อนสนิทพูดขึ้น เธอเห็นคลิปของชลันเหมือนกัน แต่เฉยๆ สงสารเพื่อนที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เป็นเธอเองที่ไว้ใจเอกพจน์ ยอมให้ไปส่งชลันในวันนั้น
“ซันนี่ว่าคุณปรีติเขาจะเห็นคลิปลันยัง” ชลันพูดด้วยความไม่สบายใจ
“จะเห็นไม่เห็น ถ้าบอสเค้าไม่พูดก็ไม่ต้องเครียดนะลัน บางทีเขาอาจจะยังไม่เห็นก็ได้”
“อือ”
สองสาวเดินมาถึงโต๊ะทำงานเก็บกระเป๋าให้เป็นระเบียบก่อนจะหยิบงานที่ทำค้างไว้มาเคลียร์ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะมีงานอื่นเข้ามาให้ทำ
ปรีติ ภูติพัฒน์ ผู้บริหารใหญ่ของภูติพัฒน์กรุ๊ป พร้อมเลขาส่วนตัว ซึ่งก็คือภรรยาของเขาเอง เดินเข้ามาที่แผนกของชลันทำงานอยู่ นานๆผู้บริหารจะมาตรวจที บางคนทำงานมาเป็นปียังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของประธานบริษัททั้งสามคนด้วยซ้ำ เพราะเป็นพนักงานที่เปรียบเสมือนมดน้อยตัวนึง ต้องระดับหัวหน้าแผนก ถึงจะได้เจอกับผู้บริหารบ่อยๆ
ทุกคนทำความเคารพ เกร็งไม่เป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะชลัน ที่ระแวงว่าท่านประธานจะเห็นคลิปของตนหรือป่าว ถ้าเห็นคงต้องถูกไล่ออกเป็นแน่ หัวหน้าแผนกคอยทำการต้อนรับปรนนิบัติอย่างดี
“น้องๆตามสบายนะครับ ผมแค่แวะมาทักทายเฉยๆ”
ปรีติพูดขึ้นและส่งยิ้มให้กับพนักงานทุกคน ชลันกับศันสนีย์ปลื้มผู้บริหารท่านนี้มากๆเพราะมีนิสัยแบบนี้นี่เอง ไม่แบ่งชนชั้น ให้เกียรติพนักงาน เปรียบเสมือนพี่น้อง โดยเฉพาะซันนี่ที่ปลื้มจนออกนอกหน้า ไม่เพียงแค่นิสัยดีแต่ด้วยหน้าตาอันหล่อเหลาของเขาด้วย
ชลันแอบชำเลืองมองปรีติที่ยืนคุยกับพี่ๆคนอื่นๆ ทำไมท่านประธานหน้าคล้ายผู้ชายคนที่ช่วยเธอ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ดูมุมข้างๆนี่อย่างกะคนเดียวกัน ไม่ท่านประธานก็ผู้ชายคนนั้นหน้าโหล พูดถึงก็น่าเสียดายที่ไม่ได้ขออะไรไว้ติดต่อกัน
ปรีติยืนคุยกับหัวหน้าแผนกอยู่นานสองนาน จากที่ชลันสบายใจเปลี่ยนเป็นระแวงคิดมาก หรือว่าท่านประธานกำลังคุยเรื่องเธอ พอนึกแบบนี้หน้าของชลันก็เศร้าลงจนเห็นได้ชัดเจน และคนที่เห็นคือพี่นิดา พี่เลี้ยงที่สอนงานเธอเมื่อคราวเข้างานใหม่
“เป็นอะไรเหรอน้องลัน ไม่สบายป่าวเนี่ย”
“ป่าวค่ะพี่นิดา”
“หรือว่ากลัวคุณปรีติ นี่พี่จะบอกให้แกใจดีจะตาย ไม่ต้องกลัวหรอก น้องลันเข้าไปขอโบนัสสิ้นปีกับแกสิ เผื่อแกให้ เผื่อพี่ด้วยนะพี่จะได้หมดหนี้หมดสินสักที” นิดาพูดไปหัวเราะไป จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
ชลันรู้ว่าใครคบได้คบไม่ได้ พี่สาวคนนี้ใจดีคบได้ และไว้ใจได้ เห็นคลิปฉาวของตนเหมือนกัน แต่ไม่เคยซ้ำเติมสักครั้ง มีแต่คอยช่วยเหลือบีบให้เอกพจน์ออกจากชีวิตตนไปโดยเร็ว
“น้องลันสบายดีนะครับ” จู่ๆก็มีเสียงพูดขึ้นมาจากข้างหลังเธอ ชลันตกใจ ถึงไม่ค่อยคุยก็จำเสียงได้ รีบหันหน้ามา เก็บอาการตกใจไว้
“สะ สบายดีค่ะคุณปรีติ”
“ทำงานให้มีความสุขนะครับ อย่าไปเครียดกับมัน”
“ค่ะ”
ชลันยิ้มเอื่อยๆให้กับคนตรงหน้า ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาด้วย ถึงปรีติจะไม่พูดอะไร หรือไล่เธอออก ชลันก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เพราะยังไงท่านประธานคนนี้ก็คงเห็นคลิปเธอแล้ว
แต่คนที่เขินยิ้มไม่หุบจนปากจะถึงหูคือศันสนีย์เพื่อนชี้ของชลัน ที่ได้เข้าใกล้คุณปรีติมากกว่าทุกครั้ง แอบปลื้มตั้งแต่แรกเห็น ไม่เคยได้เข้าใกล้ขนาดนี้
ไม่นานปรีติกับเลขาส่วนตัวก็กลับไป ทุกคนถอนหายใจเฮือกใหญ่และทำตัวตามสบายเช่นปกติ จากที่เกร็งมาสักสองชั่วโมงได้
“นี่ดีนะที่เป็นคุณปรีติมา ถ้าเป็นอีกคนมานะไม่อยากจะพูด” เสียงพนักงานในแผนกซุบซิบกันหลังจากที่ท่านประธานเดินออกไป
“ฉันอยากให้คุณภูมา เมื่อไหร่จะเข้ามาก็ไม่รู้ ฉันไม่มีกำลังใจทำงานเลย”
“นี่แกถ้ารายนั่นมานะ กระโปรงสั้นแบบแกมีหวังไล่ให้ไปเปลี่ยนและเขียนรายงานส่งแน่ ใครแต่งตัวเปรี้ยวๆอย่าหวังว่าจะชายตามอง ถ้าเป็นคุณกิตว่าไปอย่าง ฮ่าๆ” สองสาวขาเมาท์ของแผนกคุยกัน เมาท์ทุกอย่างทุกเรื่อง สองคนนี้รู้โลกรู้ก็ว่าได้
ขณะกำลังทำงานชลันแอบฟังสองสาวขาเมาท์คุยกันสงสัยว่าคุณภูที่สองคนพูดถึงหน้าตาเป็นยังไง ตั้งแต่เข้ามาทำงานยังไม่เคยเห็นหน้าตาสักครั้ง คุณปรีติที่พึ่งออกไปก็พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งที่สอง ส่วนคนในรูปที่ถ่ายโปสเตอร์ติดทั่วบริษัทก็คือคุณกิตติน้องชายคนสุดท้องของท่านประธาน ชลันก็ยังไม่เคยเห็นตัวจริง จะมีเพียงปรีตินี่แหละที่ชลันรู้จักแค่คนเดียว
“พี่นิดาๆ พี่เคยเห็นคุณภูติ ที่สองสาวขาเมาท์เค้าคุยกันมั้ย” ชลันโผล่หน้าไปหาเพื่อนร่วมงานโต๊ะตรงข้ามที่มีแค่คอมพิวเตอร์กั้นอาณาเขตไว้เท่านั้น ชลันพูดเบาๆแทบจะเป็นเสียงกระซิบด้วยซ้ำ