ภูติพาชลันเลือกหาซื้อชุดที่จะใส่มาเปิดตัวกับที่บ้าน แลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆของกันและกันเผื่อคุณหญิงแม่ถามจะได้ตอบได้ เขารู้สึกโล่งและสบายใจที่สุด ถึงจะมีเรื่องของปานชีวามาทำให้เครียด แต่เขาก็ยังรู้สึกโล่งในความเครียดนี้ หลังจากนั้นค่อยเคลียร์ความเข้าใจกับชัชพงษ์กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และคิดว่าชัชพงษ์คงเข้าใจกับการแก้ปัญหาของตน
“คุณภูคะลันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย” ระหว่างที่ลันหยิบเข็มขัดนิรภัยมาคาดที่ตัวภายในรถของภูติ
“ครับ ถามว่า” ภูติหันหน้ามามองเธอ
“ลันพอทราบเรื่องของคุณภูกับคู่หมั้นมาบ้าง เอ่อกับคุณปานชีวาน่ะค่ะ”
“กับน้องปานนะเหรอ ผมไม่ได้รักเธอก็บอกแล้ว”
“ลันรู้ แต่ว่าเธอพึ่งประสบอุบัติเหตุคุณแม่ของคุณจะไม่ว่าเหรอที่เปิดตัวลันในเวลานี้”
“ไม่เกี่ยวเลยลัน หมอบอกว่าน้องปานอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาเลย แต่ถึงฟื้นหรือไม่ฟื้นผมก็ต้องหาลูกสะใภ้ให้คุณแม่อยู่ดี” ภูติหยิบเข็มขัดนิรภัยมาคาดที่ตัวและสตาร์ทรถขับมุ่งหน้าไปยังบ้านของตัวเอง เขาได้โทรนัดแนะครอบครัวพี่ชายและน้องชายให้มาทานข้าวที่บ้านเรียบร้อย จะได้เปิดตัวทีเดียวไปเลย
“เธอกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเหรอคะ” ชลันรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเล็กน้อยและแสดงท่าทางว่าสงสารปานชีวาที่สุด ภูติพยักหน้าเป็นคำตอบ
“นี่ถึงน้องปานจะไม่ฟื้นก็ไม่ได้แปลว่าผมจะไม่ต้องหาลูกสะใภ้มาให้คุณแม่วางใจนะ คุณก็ยังต้องทำงานให้ผมเหมือนเดิม” ภูติขับรถมาเรื่อยๆไม่นานเขาก็เลี้ยวรถเข้ามาในหมู่บ้านของตน ขับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ ประตูถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติ ภูติขับรถเข้าไปจอดหน้าบ้าน
“ลันคุณแม่ถามอะไรก็ตอบๆไปตามจริงนะ ใช้ข้อมูลที่เราเตรียมกันไว้ ที่เหลือคุณจะพูดอะไรก็แล้วแต่แค่อยู่ในกรอบของคู่รักเหมือนคนทั่วไปอ่ะ” ภูติเตรียมกับชลันก่อนเปิดประตูลงจากรถ ก็พบว่าคุณหญิงช่อผกายืนรอที่ประตูหน้าบ้าน
หญิงสูงอายุถึงแม้จะอายุเข้าเลขหกหน้าตาผิวพรรณยังเปล่งปลั่งดูมีสง่าราศรีของผู้ลากมากดี ทำให้ชลันรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อประจันหน้ากัน
“คุณแม่ครับนี่ชลันแฟนผม” ภูติแนะนำชลันให้คุณหญิงช่อผการู้จัก สายตาของผู้เป็นแม่สำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้ภูติรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที
“สวัสดีค่ะคุณแม่ เรียกลันเฉยๆก็ได้ค่ะ”
ชลันยิ้มให้ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าตรงหน้า เธอดูๆแล้วน่าจะอายุมากกว่าแม่ของตน แต่ยังรู้สึกเกร็ง พึ่งเคยมาบ้านผู้ชายครั้งแรก เธอคบกับผู้ชายที่ผ่านมายังไม่เคยไปเปิดตัวกับครอบครัวใครสักคน ภูติเป็นคนแรกก็ทำเธอวางตัวไม่ถูกอยู่ไม่น้อย
ช่อผกายิ้มให้ชลันกับภูติ “สวัสดีจ้ะ ไม่ต้องเกร็งนะแม่รอวันนี้มานานแล้ว ปะๆเข้าบ้านพี่กับน้องรอแย่แล้ว” คุณหญิงช่อผกาจูงแขนชลันเดินเข้าไปในบ้าน ชลันกับภูติแอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ทั้งสามคนเดินมายังโต๊ะอาหารที่ถูกจัดวางไว้รอการมาถึงของภูติกับชลัน มีครอบครัวของปรีติ และ ครอบครัวของกิตตินั่งรออยู่แล้ว ทั้งหมดมองคุณหญิงช่อผกาภูติและชลันเป็นสายตาเดียวกัน
“ทุกคนชลันแฟนผมครับ” ภูติแนะนำชลันให้น้องสะใภ้กับพี่สะใภ้รู้จัก ส่วนน้องชายกับพี่ชายรู้จักอยู่แล้ว
“เฮ้ยพี่ภูพี่กับคุณชลัน เอ่อคบกันเหรอ” กิตติตกใจกับว่าที่พี่สะใภ้คนใหม่
“เออแฟนพี่ๆคบกับลันนานแล้ว” ภูติมองกิตติด้วยสายตาสั่งให้หยุดพูด
“หนูลันทำไมเหรอตากิต เรารูจักมาก่อนเหรอ” ช่อผกาถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ ก็รู้จักครับคุณแม่ ลันทำงานที่บริษัทเราเอง นี่ไงผมถึงไม่กล้าเปิดตัวกับคุณแม่ กลัวว่าคุณแม่จะไม่ชอบ” ภูติแย่งตอบ
“กันเองนะน้องลัน ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวภูติพัฒน์ครับ” ปรีติพูดขึ้น ลันยิ้มตอบรับแทนคำพูดรู้สึกเกร็งไปหมด แทบไม่อยากขยับตัว ส่วนคู่สะใภ้อีกสองคนยิ้มต้อนรับทักทายอย่างเป็นมิตร ผิดกับที่ลันคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าต้องเป็นแบบนั้น ไม่ชอบเธอแบบนี้
ภูติขยับเก้าอี้ให้ชลันนั่งข้างๆตัวเอง ทั้งหมดลงมือทานข้าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา คนที่ยิ้มและมีความสุขคือคุณหญิงช่อผกาตนเองรอเวลานี้มานานแล้ว เธอสำรวจลูกสะใภ้คนนี้ถ้าไม่นับเรื่องฐานะเหมาะสมกับภูติทุกอย่าง กิริยามารยาทก็ดี พูดจาไพเราะ ช่อผกาไม่สนใจว่าฐานะเป็นยังไง แค่มีการศึกษาและเป็นคนดีก็พอ ยิ่งรู้ว่าทำงานด้วยเธอก็ยิ่งปลื้มใจไม่ใช่เห็นว่าลูกชายตนรวยแล้วไม่ยอมทำมาหากิน ลูกสะใภ้คนโตและคนเล็กก็ไม่ได้ดีกว่าอะไรมากมาย
“หนูลันไม่รีบมาให้แม่ทำความรู้จักให้เร็วกว่านี้ นี่รู้มั้ยพี่ภูมันไม่บอกแม่ว่าคบกับหนู เกือบได้หมั้นกับลูกสาวเพื่อนแม่แล้วมั้ยล่ะ แถมทำให้แม่โดนด่าด้วย “ ช่อผกาพูดจบหันไปมองค้อนลูกชาย ภูติรีบหลบสายตาผู้เป็นแม่ทันที
“อย่าว่าแต่แม่เลย ผมก็ตกใจ” กิตติหันไปเอาคำตอบจากพี่ชาย
“นี่ไอ้กิตฉันกับลันเราคบกันนานแล้ว พี่รู้เรื่องทั้งหมดหน่า แกสงสัยอะไร พี่เอาเรื่องมันแล้วให้หมอนั่นอ่ะ” ภูติที่หันไปมองค้อนน้องชายอีกคน และทันสังเกตเห็นสีหน้าของชลันที่เศร้าลงเมื่อกิตติพูดเรื่องนั้น
“เรื่องอะไรกันลูก แม่รู้ได้มั้ย”
“อ่อคุณแม่เรื่องลันโดนแกล้งจากคนไม่หวังดีครับ ผมดำเนินการเอาเรื่องแล้ว”
“ว่าไงจ๊ะหนูลันคบกับพี่ภูนานยัง” ช่อผกาไม่สนใจเอาคำตอบ หันมาให้ความสนใจว่าที่ลูกสะใภ้คนกลาง ไม่สนว่าลูกชายสองคนพูดเรื่องอะไรกัน
“คบนานแล้วค่ะคุณแม่ ห้าหกปีได้ค่ะ ที่ลันไม่ยอมเปิดตัวเพราะกลัวคุณแม่จะไม่ยอมรับลัน เพราะลัน... ลันจน” ชลันก้มหน้าไม่สบสายตากับช่อผกาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดต่อ “คบตั้งแต่สมัยที่ลันเรียนมหาลัยแล้วค่ะ พอจบคุณภูก็ให้ลันมาทำงานที่บริษัทค่ะ “
ช่อผกายิ้มด้วยความเอ็นดูทำไมเด็กคนนี้ช่างอ่อนน้อมถ่อมตนจริงๆ เธอมองผู้หญิงออกทุกคนใครต้องการที่จะจับ และใครรักจริง ด้วยประสบการณ์ที่เคยเจอมาของลูกชายคนโตและคนเล็ก
“แม่ไม่รังเกียจหรอกจ้ะแค่รักลูกชายแม่และซื่อสัตย์ต่อลูกชายแม่ก็พอ” ประโยคนี้ทำเอาชลันสดุ้งเนื่องจากสองปีก็ต้องหย่ากันแล้ว เธอคงต้องเป็นคนไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่ใจดีคนนี้แน่นอน “อ่าๆลงมือทานข้าวกันได้แล้ว” ประมุขของบ้านตัดบทก่อนที่จะหิวไปมากกว่านี้
ชลันรู้สึกเกร็งไม่หายด้วยความที่เปิดตัวสายฟ้าแล็บ ถึงจะรู้สึกว่าทุกคนเป็นมิตรก็ตาม แต่เธอยังทำตัวไม่ถูกอยู่ดี ชลันไม่พูดจาอะไรคอยตอบคำถามของสมาชิกในบ้านอย่างเดียว เธอกับภูติช่วยกันตอบคำถามของทุกคนที่สงสัยตามที่เตรียมกันมา ทำให้สะใภ้ทั้งสองคนหายสงสัย เชื่อสนิทใจรวมทั้งคุณหญิงช่อผกาด้วย ไม่เว้นแม้กิตติน้องชาย เพียงแค่มีเรื่องอื้อฉาวของชลันเข้ามาให้น้องชายเคลือบแคลงใจเท่านั้นแต่ก็ผ่านไปด้วยดี ส่วนปรีติพี่ชายรู้ทุกอย่างที่ไปทีมาของเรื่องนี้
“หนูลันกลับกี่โมงจ๊ะ หรือจะค้างที่นี่”
“ลันขอกลับดีกว่าค่ะ ไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่ว่าจะค้างท่านคงรอแย่”
“ตาภูแล้วจะไปส่งน้องกี่ทุ่ม กลับดึกไม่ดีนะแม่เป็นห่วง”
“ครับ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จนั่งคุยกันสักแป๊บผมก็ไปส่งลันแล้ว”
ค่ำคืนของการเปิดตัวลูกสะใภ้คนกลางผ่านไปด้วยดี ภูติกับชลันนึกไม่ถึงว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีแบบนี้ เขานึกไปถึงว่าคุณหญิงแม่ต้องไม่ชอบชลัน ไล่ตะเพิดกลับบ้านไปสะอีก เขาคิดและยิ้มออกมาทำให้ชลันที่นั่งเบาะข้างๆเห็นเข้าพอดี
“คุณภูยิ้มอะไรคะ” ระหว่างที่นั่งรถกลับไปส่งเธอที่บ้าน
“ก็ยิ้มเรื่องวันนี้สิ นี่ผมนึกไม่ถึงเลยนะว่ามันจะออกมาดีแบบนี้”
“ทำไมคะคิดว่าคุณแม่คุณต้องไม่ชอบคนจนๆแบบลันเหรอ” ชลันเผลอทำหน้างอนใส่ภูติโดยไม่รู้ตัว
“นี่ๆคุณลันผมไม่ใช่แฟนตัวจริงของคุณนะ มางอนผมทำไมเนี่ย” ภูติพูดไปหัวเราะไปขำท่าทีการงอนของชลัน
“เอ่อ ขอโทษค่ะลันลืมตัว” ชลันแกล้งยิ้มให้กับภูติ ที่เผลอแสดงความรู้สึกไม่พอใจออกมา ทั้งที่ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ แค่นายจ้างกับลูกจ้าง เวลาอยู่ใกล้กันหัวใจของเธอสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก ชลันบอกกับตัวเองเสมอว่าภูติไม่ได้ชอบผู้หญิง
กระทั้งภูติพาเธอมาส่งถึงบ้าน ทำความรู้จักกับครอบครัวของชลัน พ่อแม่ของเธอต้อนรับอย่างดีเช่นกัน ก่อนจะขอตัวกลับบ้านของตนเอง เมื่อภูติกลับไปแล้วเธอขอตัวขึ้นห้องอาบน้ำพักผ่อน พรุ่งนี้ก็ยังต้องไปทำงานเหมือนเดิม
“ยายลันคุณภูเขารู้เรื่องลูกมั้ย” แม่เข้ามาคุยกับเธอที่ห้อง ชลันรู้ว่าแม่เป็นห่วงเธอเพราะความผิดพลาดครั้งที่แล้ว
“คุณภูเขารู้ค่ะแม่ คุณภูไม่รังเกียจลันเลย และอีกอย่างเขาเป็นคนสุภาพมากตั้งแต่ลันรู้จักผู้ชายมา”
“ลูกมั่นใจแม่ก็หายห่วง”
แล้วแม่ของเธอก็เดินออกไป ชลันหยิบสัญญาจ้างของภูติขึ้นมาอ่านอีกครั้ง เธอยิ้มออกมาไม่เห็นยากตรงไหน แค่เล่นเป็นเมียจำเป็นเฉยๆ ชลันแอบคิดเสียดายทำไมภูติไม่ชอบผู้หญิงนะ เพียบพร้อมขนาดนี้ ทั้งหน้าตาและฐานะ แต่ถ้าภูติชอบผู้หญิงป่านนี้คงมีลูกมีเมียไป คิดไปคิดมาเธอเริ่มอยากรู้จักคู่เกย์ของภูติขึ้นมา รายนั้นคงหน้าตาหล่อไม่แพ้กัน
“โอ้ย! ทำไมเกย์มันหล่ออย่างนี้วะ เฮ้อน่าเสียดาย” ชลันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงนอน ในมือก็ยังถือสัญญาจ้าง เอาเถอะได้ควงสองปีก็ยังดี จากนั้นหยิบสัญญาจ้างขึ้นมาอ่านอีกรอบ “เอหรือเราจะยอมมีลูกให้เขานะ โอ้ย! ไม่ๆ เป็นแค่เมียก็พอแล้ว” ชลันพูดกับตัวเอง ก่อนจะลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวและอาบน้ำนอน
......
ณ ภูติพัฒน์กรุ๊ป
ชลันมาทำงานปกติบรรยากาศมันรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าเธอเดินเข้ามาทำไมมันเงียบกว่าทุกวัน ปกติเธอต้องเห็นผู้คนบางกลุ่มแอบนินมาเรื่องของเธอบ้าง แต่นี่มันเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรสักคน มีบางคนยิ้มให้เธอ เข้ามาทักเธอทั้งที่ไม่เคยทักมาก่อน ชลันงงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แม้กระทั่งหัวหน้าแผนก เพื่อนๆพี่ๆในแผนกก็ยิ้มให้เธออย่างน่าขนลุกเพราะมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน พนักงานในแผนกบางคนไม่ชอบเธอด้วยซ้ำยังยิ้มและทักทาย
“เอซันนี่วันนี้ทำไมมันดูแปลกๆยังไงไม่รู้อ่ะ” ชลันพูดไปพลางเคลียร์โต๊ะทำงาน เมื่อเดินมาถึงแผนกงานของตน
“แปลกยังไงลัน” ซันนี่หมุนโต๊ะทำงานมาคุยกับเธอ วันนี้เธอมาเช้า พี่นิดากับพี่ไนซ์ของเธอยังมาไม่ถึง
“ก็มันดูเงียบๆไป ปกติลันเดินเข้ามาที่บริษัทต้องมีคนเมาท์เรื่องลันไง แถมยังมีมาทักทายด้วย”
“เค้าอาจจะขี้เกียจพูดแล้วก็ได้ เห็นมั้ยล่ะซันนี่บอกแล้ว ถ้าเราอยู่เฉยๆเดี๋ยวพวกเขาก็เลิกพูดเอง” ซันนี่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแค่ยังไม่อยากพูดตอนนี้ รอพี่นิดากับพี่ไนซ์มาสมทบก่อน
“จ้า” ลันนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาทำงานเธอมาก่อนเวลาตั้งหลายนาที ไม่นานนิดากับไนซ์ก็มาถึงที่ทำงาน ชลันกล่าวทักทายตามปกติ
“ว่าไงจ๊ะคุณเลขา” นิดาทักทายชลันเมื่อมาถึงโต๊ะทำงานพร้อมกับพี่ไนซ์ ยิ่งทำให้เธองงเข้าไปอีก
“เลขาอะไรกันพี่นิดา” ลันยิ้มและตอบคนตรงหน้า ลันยังไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับภูติที่จะให้เธอไปเป็นเลขาหรือป่าว ทำไมข่าวมันเร็วขนาดนี้ ตัวเธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
“นี่ๆจับให้อยู่หมัดเลยนะ คุณภูติเขาชอบลัน”
ไนซ์เข้ามากระซิบกับลัน ทำเป็นเรื่องตลกหัวเราะกันไป เมื่อได้ฟังจากพี่ไนซ์ทำให้เธอเริ่มเข้าใจในทันที และเข้าใจกับปฏิกิริยาของพนักงานคนอื่นๆที่ยิ้มให้เธอและไม่นับว่าที่เข้ามาทักทายด้วย หรือว่าคนพวกนั้นจะรู้แล้วว่าเธอคือแฟนของภูติ
“แหมอิจฉาลันจังเลย ได้ดีแล้วอย่าลืมเพื่อนลืมพี่นะ” ซันนี่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย “นี่เล่ามาให้ฟังเลยไปทำยังไงให้คุณภูติติดใจ และเมื่อวานหายไปไหนกันมา” ซันนี่ถามต่อ
“หายไปไหน ลันมีธุระ” ลันแก้ตัว
“มีธุระกับคุณภูตินะสิ บอกมานะรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แอบคบกันตอนไหน นี่เพื่อนไม่รู้เลยนะ” ซันนี่ยืนกอดอกเค้นเอาความจริงจากชลัน เธอคิดว่าสนิทที่สุดยังไม่รู้ ไม่ใช่ไม่รู้แต่มันเป็นความรู้สึกแปลกใจ ตกใจต่างหาก ชลันตกใจพูดอะไรไม่ออกไม่มีคำแก้ตัว ยิ้มแหยๆก้มหน้ายอมรับโดยดี
“เค้ารู้กันทั้งบริษัทแล้วน้องลัน เรานี่ร้ายไม่เบาเลยนะ ก็ดีเหมือนกันไอ้เอกพจน์มันจะได้ไม่คิดว่ามันอยู่เหนือลัน เมื่อวานคุณภูติโทรมาลางานกับหัวหน้าแผนกให้ลัน ใครจะไม่อนุมัติ และก็บอกมาเลยว่าแอบไปคบกันตอนไหน หลอกพวกพี่มานานเท่าไหร่แล้ว”
พี่ไนซ์พูดด้วยความสะใจเมื่อนึกถึงเอกพจน์ และขยับเก้าอี้ทำงานมานั่งใกล้ๆชลัน เพราะอยากรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง ชลันไปแอบคบกับท่านผู้บริหารบริษัทตั้งแต่เมื่อไหร่ ในสายตาเขามองน้องสาวคนนี้ด้วยความเอ็นดูและคิดในใจว่าร้ายไม่เบา คนก่อนๆที่เคยคบก็โปรไฟล์ดีแม้กระทั่งเอกพจน์ด้วย
เจ้าสาวจำเป็นบทที่ 6
“คุณภูคะลันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย” ระหว่างที่ลันหยิบเข็มขัดนิรภัยมาคาดที่ตัวภายในรถของภูติ
“ครับ ถามว่า” ภูติหันหน้ามามองเธอ
“ลันพอทราบเรื่องของคุณภูกับคู่หมั้นมาบ้าง เอ่อกับคุณปานชีวาน่ะค่ะ”
“กับน้องปานนะเหรอ ผมไม่ได้รักเธอก็บอกแล้ว”
“ลันรู้ แต่ว่าเธอพึ่งประสบอุบัติเหตุคุณแม่ของคุณจะไม่ว่าเหรอที่เปิดตัวลันในเวลานี้”
“ไม่เกี่ยวเลยลัน หมอบอกว่าน้องปานอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาเลย แต่ถึงฟื้นหรือไม่ฟื้นผมก็ต้องหาลูกสะใภ้ให้คุณแม่อยู่ดี” ภูติหยิบเข็มขัดนิรภัยมาคาดที่ตัวและสตาร์ทรถขับมุ่งหน้าไปยังบ้านของตัวเอง เขาได้โทรนัดแนะครอบครัวพี่ชายและน้องชายให้มาทานข้าวที่บ้านเรียบร้อย จะได้เปิดตัวทีเดียวไปเลย
“เธอกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเหรอคะ” ชลันรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเล็กน้อยและแสดงท่าทางว่าสงสารปานชีวาที่สุด ภูติพยักหน้าเป็นคำตอบ
“นี่ถึงน้องปานจะไม่ฟื้นก็ไม่ได้แปลว่าผมจะไม่ต้องหาลูกสะใภ้มาให้คุณแม่วางใจนะ คุณก็ยังต้องทำงานให้ผมเหมือนเดิม” ภูติขับรถมาเรื่อยๆไม่นานเขาก็เลี้ยวรถเข้ามาในหมู่บ้านของตน ขับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ ประตูถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติ ภูติขับรถเข้าไปจอดหน้าบ้าน
“ลันคุณแม่ถามอะไรก็ตอบๆไปตามจริงนะ ใช้ข้อมูลที่เราเตรียมกันไว้ ที่เหลือคุณจะพูดอะไรก็แล้วแต่แค่อยู่ในกรอบของคู่รักเหมือนคนทั่วไปอ่ะ” ภูติเตรียมกับชลันก่อนเปิดประตูลงจากรถ ก็พบว่าคุณหญิงช่อผกายืนรอที่ประตูหน้าบ้าน
หญิงสูงอายุถึงแม้จะอายุเข้าเลขหกหน้าตาผิวพรรณยังเปล่งปลั่งดูมีสง่าราศรีของผู้ลากมากดี ทำให้ชลันรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อประจันหน้ากัน
“คุณแม่ครับนี่ชลันแฟนผม” ภูติแนะนำชลันให้คุณหญิงช่อผการู้จัก สายตาของผู้เป็นแม่สำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้ภูติรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที
“สวัสดีค่ะคุณแม่ เรียกลันเฉยๆก็ได้ค่ะ”
ชลันยิ้มให้ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าตรงหน้า เธอดูๆแล้วน่าจะอายุมากกว่าแม่ของตน แต่ยังรู้สึกเกร็ง พึ่งเคยมาบ้านผู้ชายครั้งแรก เธอคบกับผู้ชายที่ผ่านมายังไม่เคยไปเปิดตัวกับครอบครัวใครสักคน ภูติเป็นคนแรกก็ทำเธอวางตัวไม่ถูกอยู่ไม่น้อย
ช่อผกายิ้มให้ชลันกับภูติ “สวัสดีจ้ะ ไม่ต้องเกร็งนะแม่รอวันนี้มานานแล้ว ปะๆเข้าบ้านพี่กับน้องรอแย่แล้ว” คุณหญิงช่อผกาจูงแขนชลันเดินเข้าไปในบ้าน ชลันกับภูติแอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ทั้งสามคนเดินมายังโต๊ะอาหารที่ถูกจัดวางไว้รอการมาถึงของภูติกับชลัน มีครอบครัวของปรีติ และ ครอบครัวของกิตตินั่งรออยู่แล้ว ทั้งหมดมองคุณหญิงช่อผกาภูติและชลันเป็นสายตาเดียวกัน
“ทุกคนชลันแฟนผมครับ” ภูติแนะนำชลันให้น้องสะใภ้กับพี่สะใภ้รู้จัก ส่วนน้องชายกับพี่ชายรู้จักอยู่แล้ว
“เฮ้ยพี่ภูพี่กับคุณชลัน เอ่อคบกันเหรอ” กิตติตกใจกับว่าที่พี่สะใภ้คนใหม่
“เออแฟนพี่ๆคบกับลันนานแล้ว” ภูติมองกิตติด้วยสายตาสั่งให้หยุดพูด
“หนูลันทำไมเหรอตากิต เรารูจักมาก่อนเหรอ” ช่อผกาถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ ก็รู้จักครับคุณแม่ ลันทำงานที่บริษัทเราเอง นี่ไงผมถึงไม่กล้าเปิดตัวกับคุณแม่ กลัวว่าคุณแม่จะไม่ชอบ” ภูติแย่งตอบ
“กันเองนะน้องลัน ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวภูติพัฒน์ครับ” ปรีติพูดขึ้น ลันยิ้มตอบรับแทนคำพูดรู้สึกเกร็งไปหมด แทบไม่อยากขยับตัว ส่วนคู่สะใภ้อีกสองคนยิ้มต้อนรับทักทายอย่างเป็นมิตร ผิดกับที่ลันคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าต้องเป็นแบบนั้น ไม่ชอบเธอแบบนี้
ภูติขยับเก้าอี้ให้ชลันนั่งข้างๆตัวเอง ทั้งหมดลงมือทานข้าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา คนที่ยิ้มและมีความสุขคือคุณหญิงช่อผกาตนเองรอเวลานี้มานานแล้ว เธอสำรวจลูกสะใภ้คนนี้ถ้าไม่นับเรื่องฐานะเหมาะสมกับภูติทุกอย่าง กิริยามารยาทก็ดี พูดจาไพเราะ ช่อผกาไม่สนใจว่าฐานะเป็นยังไง แค่มีการศึกษาและเป็นคนดีก็พอ ยิ่งรู้ว่าทำงานด้วยเธอก็ยิ่งปลื้มใจไม่ใช่เห็นว่าลูกชายตนรวยแล้วไม่ยอมทำมาหากิน ลูกสะใภ้คนโตและคนเล็กก็ไม่ได้ดีกว่าอะไรมากมาย
“หนูลันไม่รีบมาให้แม่ทำความรู้จักให้เร็วกว่านี้ นี่รู้มั้ยพี่ภูมันไม่บอกแม่ว่าคบกับหนู เกือบได้หมั้นกับลูกสาวเพื่อนแม่แล้วมั้ยล่ะ แถมทำให้แม่โดนด่าด้วย “ ช่อผกาพูดจบหันไปมองค้อนลูกชาย ภูติรีบหลบสายตาผู้เป็นแม่ทันที
“อย่าว่าแต่แม่เลย ผมก็ตกใจ” กิตติหันไปเอาคำตอบจากพี่ชาย
“นี่ไอ้กิตฉันกับลันเราคบกันนานแล้ว พี่รู้เรื่องทั้งหมดหน่า แกสงสัยอะไร พี่เอาเรื่องมันแล้วให้หมอนั่นอ่ะ” ภูติที่หันไปมองค้อนน้องชายอีกคน และทันสังเกตเห็นสีหน้าของชลันที่เศร้าลงเมื่อกิตติพูดเรื่องนั้น
“เรื่องอะไรกันลูก แม่รู้ได้มั้ย”
“อ่อคุณแม่เรื่องลันโดนแกล้งจากคนไม่หวังดีครับ ผมดำเนินการเอาเรื่องแล้ว”
“ว่าไงจ๊ะหนูลันคบกับพี่ภูนานยัง” ช่อผกาไม่สนใจเอาคำตอบ หันมาให้ความสนใจว่าที่ลูกสะใภ้คนกลาง ไม่สนว่าลูกชายสองคนพูดเรื่องอะไรกัน
“คบนานแล้วค่ะคุณแม่ ห้าหกปีได้ค่ะ ที่ลันไม่ยอมเปิดตัวเพราะกลัวคุณแม่จะไม่ยอมรับลัน เพราะลัน... ลันจน” ชลันก้มหน้าไม่สบสายตากับช่อผกาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดต่อ “คบตั้งแต่สมัยที่ลันเรียนมหาลัยแล้วค่ะ พอจบคุณภูก็ให้ลันมาทำงานที่บริษัทค่ะ “
ช่อผกายิ้มด้วยความเอ็นดูทำไมเด็กคนนี้ช่างอ่อนน้อมถ่อมตนจริงๆ เธอมองผู้หญิงออกทุกคนใครต้องการที่จะจับ และใครรักจริง ด้วยประสบการณ์ที่เคยเจอมาของลูกชายคนโตและคนเล็ก
“แม่ไม่รังเกียจหรอกจ้ะแค่รักลูกชายแม่และซื่อสัตย์ต่อลูกชายแม่ก็พอ” ประโยคนี้ทำเอาชลันสดุ้งเนื่องจากสองปีก็ต้องหย่ากันแล้ว เธอคงต้องเป็นคนไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่ใจดีคนนี้แน่นอน “อ่าๆลงมือทานข้าวกันได้แล้ว” ประมุขของบ้านตัดบทก่อนที่จะหิวไปมากกว่านี้
ชลันรู้สึกเกร็งไม่หายด้วยความที่เปิดตัวสายฟ้าแล็บ ถึงจะรู้สึกว่าทุกคนเป็นมิตรก็ตาม แต่เธอยังทำตัวไม่ถูกอยู่ดี ชลันไม่พูดจาอะไรคอยตอบคำถามของสมาชิกในบ้านอย่างเดียว เธอกับภูติช่วยกันตอบคำถามของทุกคนที่สงสัยตามที่เตรียมกันมา ทำให้สะใภ้ทั้งสองคนหายสงสัย เชื่อสนิทใจรวมทั้งคุณหญิงช่อผกาด้วย ไม่เว้นแม้กิตติน้องชาย เพียงแค่มีเรื่องอื้อฉาวของชลันเข้ามาให้น้องชายเคลือบแคลงใจเท่านั้นแต่ก็ผ่านไปด้วยดี ส่วนปรีติพี่ชายรู้ทุกอย่างที่ไปทีมาของเรื่องนี้
“หนูลันกลับกี่โมงจ๊ะ หรือจะค้างที่นี่”
“ลันขอกลับดีกว่าค่ะ ไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่ว่าจะค้างท่านคงรอแย่”
“ตาภูแล้วจะไปส่งน้องกี่ทุ่ม กลับดึกไม่ดีนะแม่เป็นห่วง”
“ครับ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จนั่งคุยกันสักแป๊บผมก็ไปส่งลันแล้ว”
ค่ำคืนของการเปิดตัวลูกสะใภ้คนกลางผ่านไปด้วยดี ภูติกับชลันนึกไม่ถึงว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีแบบนี้ เขานึกไปถึงว่าคุณหญิงแม่ต้องไม่ชอบชลัน ไล่ตะเพิดกลับบ้านไปสะอีก เขาคิดและยิ้มออกมาทำให้ชลันที่นั่งเบาะข้างๆเห็นเข้าพอดี
“คุณภูยิ้มอะไรคะ” ระหว่างที่นั่งรถกลับไปส่งเธอที่บ้าน
“ก็ยิ้มเรื่องวันนี้สิ นี่ผมนึกไม่ถึงเลยนะว่ามันจะออกมาดีแบบนี้”
“ทำไมคะคิดว่าคุณแม่คุณต้องไม่ชอบคนจนๆแบบลันเหรอ” ชลันเผลอทำหน้างอนใส่ภูติโดยไม่รู้ตัว
“นี่ๆคุณลันผมไม่ใช่แฟนตัวจริงของคุณนะ มางอนผมทำไมเนี่ย” ภูติพูดไปหัวเราะไปขำท่าทีการงอนของชลัน
“เอ่อ ขอโทษค่ะลันลืมตัว” ชลันแกล้งยิ้มให้กับภูติ ที่เผลอแสดงความรู้สึกไม่พอใจออกมา ทั้งที่ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ แค่นายจ้างกับลูกจ้าง เวลาอยู่ใกล้กันหัวใจของเธอสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก ชลันบอกกับตัวเองเสมอว่าภูติไม่ได้ชอบผู้หญิง
กระทั้งภูติพาเธอมาส่งถึงบ้าน ทำความรู้จักกับครอบครัวของชลัน พ่อแม่ของเธอต้อนรับอย่างดีเช่นกัน ก่อนจะขอตัวกลับบ้านของตนเอง เมื่อภูติกลับไปแล้วเธอขอตัวขึ้นห้องอาบน้ำพักผ่อน พรุ่งนี้ก็ยังต้องไปทำงานเหมือนเดิม
“ยายลันคุณภูเขารู้เรื่องลูกมั้ย” แม่เข้ามาคุยกับเธอที่ห้อง ชลันรู้ว่าแม่เป็นห่วงเธอเพราะความผิดพลาดครั้งที่แล้ว
“คุณภูเขารู้ค่ะแม่ คุณภูไม่รังเกียจลันเลย และอีกอย่างเขาเป็นคนสุภาพมากตั้งแต่ลันรู้จักผู้ชายมา”
“ลูกมั่นใจแม่ก็หายห่วง”
แล้วแม่ของเธอก็เดินออกไป ชลันหยิบสัญญาจ้างของภูติขึ้นมาอ่านอีกครั้ง เธอยิ้มออกมาไม่เห็นยากตรงไหน แค่เล่นเป็นเมียจำเป็นเฉยๆ ชลันแอบคิดเสียดายทำไมภูติไม่ชอบผู้หญิงนะ เพียบพร้อมขนาดนี้ ทั้งหน้าตาและฐานะ แต่ถ้าภูติชอบผู้หญิงป่านนี้คงมีลูกมีเมียไป คิดไปคิดมาเธอเริ่มอยากรู้จักคู่เกย์ของภูติขึ้นมา รายนั้นคงหน้าตาหล่อไม่แพ้กัน
“โอ้ย! ทำไมเกย์มันหล่ออย่างนี้วะ เฮ้อน่าเสียดาย” ชลันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงนอน ในมือก็ยังถือสัญญาจ้าง เอาเถอะได้ควงสองปีก็ยังดี จากนั้นหยิบสัญญาจ้างขึ้นมาอ่านอีกรอบ “เอหรือเราจะยอมมีลูกให้เขานะ โอ้ย! ไม่ๆ เป็นแค่เมียก็พอแล้ว” ชลันพูดกับตัวเอง ก่อนจะลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวและอาบน้ำนอน
......
ณ ภูติพัฒน์กรุ๊ป
ชลันมาทำงานปกติบรรยากาศมันรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าเธอเดินเข้ามาทำไมมันเงียบกว่าทุกวัน ปกติเธอต้องเห็นผู้คนบางกลุ่มแอบนินมาเรื่องของเธอบ้าง แต่นี่มันเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรสักคน มีบางคนยิ้มให้เธอ เข้ามาทักเธอทั้งที่ไม่เคยทักมาก่อน ชลันงงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แม้กระทั่งหัวหน้าแผนก เพื่อนๆพี่ๆในแผนกก็ยิ้มให้เธออย่างน่าขนลุกเพราะมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน พนักงานในแผนกบางคนไม่ชอบเธอด้วยซ้ำยังยิ้มและทักทาย
“เอซันนี่วันนี้ทำไมมันดูแปลกๆยังไงไม่รู้อ่ะ” ชลันพูดไปพลางเคลียร์โต๊ะทำงาน เมื่อเดินมาถึงแผนกงานของตน
“แปลกยังไงลัน” ซันนี่หมุนโต๊ะทำงานมาคุยกับเธอ วันนี้เธอมาเช้า พี่นิดากับพี่ไนซ์ของเธอยังมาไม่ถึง
“ก็มันดูเงียบๆไป ปกติลันเดินเข้ามาที่บริษัทต้องมีคนเมาท์เรื่องลันไง แถมยังมีมาทักทายด้วย”
“เค้าอาจจะขี้เกียจพูดแล้วก็ได้ เห็นมั้ยล่ะซันนี่บอกแล้ว ถ้าเราอยู่เฉยๆเดี๋ยวพวกเขาก็เลิกพูดเอง” ซันนี่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแค่ยังไม่อยากพูดตอนนี้ รอพี่นิดากับพี่ไนซ์มาสมทบก่อน
“จ้า” ลันนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาทำงานเธอมาก่อนเวลาตั้งหลายนาที ไม่นานนิดากับไนซ์ก็มาถึงที่ทำงาน ชลันกล่าวทักทายตามปกติ
“ว่าไงจ๊ะคุณเลขา” นิดาทักทายชลันเมื่อมาถึงโต๊ะทำงานพร้อมกับพี่ไนซ์ ยิ่งทำให้เธองงเข้าไปอีก
“เลขาอะไรกันพี่นิดา” ลันยิ้มและตอบคนตรงหน้า ลันยังไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับภูติที่จะให้เธอไปเป็นเลขาหรือป่าว ทำไมข่าวมันเร็วขนาดนี้ ตัวเธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
“นี่ๆจับให้อยู่หมัดเลยนะ คุณภูติเขาชอบลัน”
ไนซ์เข้ามากระซิบกับลัน ทำเป็นเรื่องตลกหัวเราะกันไป เมื่อได้ฟังจากพี่ไนซ์ทำให้เธอเริ่มเข้าใจในทันที และเข้าใจกับปฏิกิริยาของพนักงานคนอื่นๆที่ยิ้มให้เธอและไม่นับว่าที่เข้ามาทักทายด้วย หรือว่าคนพวกนั้นจะรู้แล้วว่าเธอคือแฟนของภูติ
“แหมอิจฉาลันจังเลย ได้ดีแล้วอย่าลืมเพื่อนลืมพี่นะ” ซันนี่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย “นี่เล่ามาให้ฟังเลยไปทำยังไงให้คุณภูติติดใจ และเมื่อวานหายไปไหนกันมา” ซันนี่ถามต่อ
“หายไปไหน ลันมีธุระ” ลันแก้ตัว
“มีธุระกับคุณภูตินะสิ บอกมานะรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แอบคบกันตอนไหน นี่เพื่อนไม่รู้เลยนะ” ซันนี่ยืนกอดอกเค้นเอาความจริงจากชลัน เธอคิดว่าสนิทที่สุดยังไม่รู้ ไม่ใช่ไม่รู้แต่มันเป็นความรู้สึกแปลกใจ ตกใจต่างหาก ชลันตกใจพูดอะไรไม่ออกไม่มีคำแก้ตัว ยิ้มแหยๆก้มหน้ายอมรับโดยดี
“เค้ารู้กันทั้งบริษัทแล้วน้องลัน เรานี่ร้ายไม่เบาเลยนะ ก็ดีเหมือนกันไอ้เอกพจน์มันจะได้ไม่คิดว่ามันอยู่เหนือลัน เมื่อวานคุณภูติโทรมาลางานกับหัวหน้าแผนกให้ลัน ใครจะไม่อนุมัติ และก็บอกมาเลยว่าแอบไปคบกันตอนไหน หลอกพวกพี่มานานเท่าไหร่แล้ว”
พี่ไนซ์พูดด้วยความสะใจเมื่อนึกถึงเอกพจน์ และขยับเก้าอี้ทำงานมานั่งใกล้ๆชลัน เพราะอยากรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง ชลันไปแอบคบกับท่านผู้บริหารบริษัทตั้งแต่เมื่อไหร่ ในสายตาเขามองน้องสาวคนนี้ด้วยความเอ็นดูและคิดในใจว่าร้ายไม่เบา คนก่อนๆที่เคยคบก็โปรไฟล์ดีแม้กระทั่งเอกพจน์ด้วย