สวัสดีเพื่อนๆ ชาวบลูแพลนแนตค่ะ
มาต่อกันที่ EP.3 ของมหากาพย์อลาสก้านะคะ
สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก สามารถอ่านกระทู้ก่อนหน้าได้ที่นี่
“เรือล่มในหนอง ยังพอไหว เรือล่มในธารน้ำแข็ง ตัวใครตัวมัน!!”
ความเดิมจากตอนที่แล้ว เราอยู่กันที่ Denali National Park พาทุกคนไปดูหมี ดูกวาง ตามประสาคนนู้บๆ เค้าเที่ยวกัน EP. นี้ เราจะพาอัพ level การผจญภัยกัน เพราะเราจะไปพายเรือคายัคในธารน้ำแข็งที่ Columbia bay กันค่าาา! ใช่แล้ว~~~~ จุดมุ่งหมายของเราวันนี้ อยู่เมือง Valdezzzzz
Dump station at Riley Creek Campground
เช้าวันนี้ ณ Riley Creek campground เมือง Denali เรารู้สึกตัวตอนเช้าในเวลา 7 โมงกว่าๆ โดนปลุกด้วยเสียงและกลิ่นอาหารเช้าตามเคย แม้ว่าเราจะปรับตัวกับ timezone นี้ได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่า สมาชิกร่วมทีมเราบางท่าน จะยังคงตื่นตีสามตีสี่ แม้ว่าจะผ่านมาแล้ว 3 คืนก็ตาม เช้าวันนี้เราเตรียมตัวออกเดินทางไกล ระยะทางจาก Denali ถึง Valdez ประมาณ 462 miles (743 กิโลเมตร) เปรียบเทียบง่ายๆ คือจากกรุงเทพเกือบถึงเชียงรายเจ้า โอ้วววว ไกลขนาด~~~
วิธีการเชคเอาท์ออกจาก campsite ที่นี่ง่ายมาก คือขับออกไปเลย 5555 อย่าลืมเอากระดาษสำหรับจองที่จอดรถ ที่เราติดไว้วันแรกออกด้วยนะ ก่อนออกจาก campsite เราไปแวะกันที่ dumpstation ของ campsite ก่อนเพื่อทำการทิ้งน้ำเสีย และเติมน้ำ potable เพื่อใช้ระหว่างกันเสียก่อน ขั้นตอนการทิ้งน้ำเสีย จริงๆ ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ เอาท่อน้ำทิ้งออกมา ต่อท่อด้านหนึ่งกับช่องน้ำทิ้งของรถ ซึ่งจะมีวาล์ว grey water และ black water ส่วนอีกปลายก็เอาไปเสียบตรงช่องน้ำทิ้ง จากนั้น ตามหลักการจะต้องเปิดวาล์ว black water ก่อน พอน้ำจากส้วมไหลหมดแล้ว จึงค่อยเปิดวาล์วน้ำ grey water เพื่อทำความสะอาดท่ออีกที จริงๆ แล้วมันไม่ได้เหม็นมากอย่างที่คิด เพราะเค้าจะมีผงสีฟ้าๆ ซึ่งเป็นผงที่ช่วยสลายมูลที่เกิดจากการขับถ่ายของเรา และจะช่วยดับกลิ่นด้วย ดังนั้น เวลาถ่ายน้ำพวกนี้ออกจึงไม่ได้มีกลิ่นมากนัก สำหรับวิธีการเติม potable water จะ tricky กว่าหน่อย คือต้องเอาสายน้ำดีต่อกับวาล์วจ่ายน้ำก่อน จากนั้นเปิดน้ำซักพักเพื่อไล่อากาศออกจากท่อน้ำ ก่อนที่จะเอาเข้าไปเสียบกับช่องรับน้ำที่ตัวรถ เพื่อป้องกันอากาศเข้าไปยังถังเก็บน้ำนั่นเอง
บริเวณนี้ ภูมิประเทศยังเป็นต้นสนอยู่เลย พอลงใต้ไปก็จะมีพันธุ์ไม้หลากหลายขึ้นค่ะ
9 โมงเช้า เราออกจาก Riley Creek Campground หันหลังให้กับ Mt. Denali มุ่งหน้าลงใต้ วิวระหว่างทาง ก็สวยจนเราต้องหยุดถ่ายรูปตลอดทาง
เมื่อวานแอบนอยด์ว่าไม่เจอ reflection วันนี้เราเจอข้างทางเลยจ้า สวยๆ แบบไม่ต้องเปลืองแรงเดิน 555
เราแวะซื้อเสบียงเพิ่มกันที่ Walmart Supercenter (https://goo.gl/maps/9WQZvQ4soRT7Ec1n9) อีกครั้ง ที่เมือง Wasilla ซึ่งเป็น wallmart ที่อยู่ริมทาง Highway เลย แวะง่ายมากไม่ต้องเสียเวลาอ้อมเข้าเมือง Anchorage ผ่านมา 4 วันแล้ว เรารู้สึกได้ว่า การขับรถ RV ในอลาสก้าก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะถนนที่นี่ค่อนข้างกว้าง parking lot ตาม supermarket ใหญ่ๆ ก็จะมีที่จอดรถ RV อยู่แล้ว จะมีก็แต่ต้องระวังเวลาเลี้ยวเข้าออกตาม drive way ที่ต้องเผื่อหลังรถที่ยาวเป็นพิเศษ
Matanuska Glacier ข้างทาง อยู่ใกล้นิดเดียว
สิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้จากการขับรถในอลาสก้าคือ ถนนพังตลอดทางจ้าาา!! ทำให้การซ่อมแซมถนนเกิดขึ้นเกือบจะตลอดทางเช่นกัน ขับๆไป เอาอีกละ ข้างหน้าซ่อมถนน เวลาเจอจุดซ่อมถนน บางทีต้องจอดรอนาน ตั้งแต่ 10 นาที จนถึงบางทีครึ่งชั่วโมง เพราะช่วงที่ถนนซ่อม รถจะผ่านได้ทางเดียว จึงต้องสลับกันไป ทำให้เราใช้เวลานานมาก กว่าจะไปถึง Valdez เราคุยกับคุณป้าคนนึงที่มาถือป้าย Stop sign ให้เราหยุดเพื่อให้ traffic ฝั่งตรงข้ามมาก่อน คุณป้าเล่าให้ฟังว่า ซ่อมถนนที่อลาสก้าในช่วง summer เป็นเรื่องปกติ เพราะหน้าหนาวหิมะเกาะสูง ดินบางแห่งเป็น Prema Frost บางจุดเส้นทางแม่น้ำเปลี่ยน ก็ทำให้ถนนหายไปก็มี ทำให้ต้องทำใหม่ทุกปี เห็นแล้วก้อเหนื่อยใจ ทั้งคนทำถนนและคนขับละนะ เห้ออออ~~~~
จุดซ่อมถนนระหว่างทางไป Valdez ก็เป็นโอกาสให้เราเดินลงมาถ่ายรูปเล่น
ขับไป นอนไป กินไป และแล้ว เราก็มาถึง Valdez…
--------------------------------------------------------------------------------------
VALDEZ
--------------------------------------------------------------------------------------
ถึงซะที Valdezzz
Valdez คนที่นี่อ่านออกเสียงว่า “วัลดีสส” (อย่าลืมออกเสียงตัว z ด้วยหล่ะ) เมืองที่มีประชากรแค่ประมาณ 4,000 คน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยหลายๆ อย่าง ทั้งบนบก ในน้ำ รวมถึงบนธารน้ำแข็ง เมือง Valdez แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ส่วนหัวของ Port Valdez ซึ่งเป็นฟยอร์ดตามธรรมชาติที่ยาวมาถึงบนบกประมาณ 11 ไมล์จาก Prince William Sound เมืองนี้ ได้ผ่านวิบากกรรมใหญ่มาแล้วถึง 2 ครั้ง หนึ่งในนั้นคือ แผ่นดินไหวที่แรงเป็นอันดับสองของโลก ในปี 1964 โดยวัดความแรงได้ที่ 9.4 ริกเตอร์ ก่อให้เกิดแผ่นดินถล่มใต้น้ำขนาดใหญ่บริเวณท่าเรือของเมือง ความเสียหายมูลค่า $ 15 ล้านเหรียญ และต่อมาในปี 1989 เรือบรรทุกน้ำมัน Exxon Valdez ชนกับแนวปะการัง Bligh ที่จุดห่างออกไปประมาณ 25 ไมล์จากเมือง Valdez ทำให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาเหนือ ทำให้เมือง valdez ต้องจ้างคนงานมาทำความสะอาดเกือบ 10,000 คน นกหลายพันตัว รวมถึง พวก sea otters (นาก) สัตว์ป่าอื่นๆ ต้องตายไป ชายหาดหลายร้อยไมล์ก็เสียหายจากคราบน้ำมัน ทำให้ต้องเสียเวลาและแรงงานในการทำความสะอาดชายหาดและช่วยเหลือพวกสัตว์กันเป็นปีๆ เลยทีเดียว น่ากลัวมาก
รู้หรือไม่? ในทางภูมิศาสตร์แล้ว คำว่า “sound” หมายถึง ทะเลหรือมหาสมุทรที่มีขนาดใหญ่ ลึกกว่าแหลม และกว้างกว่าฟยอร์ด หรืออาจจะหมายถึง ทะเลแคบหรือช่องทางมหาสมุทรที่อยู่ระหว่างสองแผ่นดิน เช่น Milford Sound ในเกาะใต้ของ New Zealand หรือ Prince William Sound บนคาบสมุทร Kenai ในอลาสก้า
Port Valdez
ปัจจุบัน เมือง Valdez แห่งนี้ ถ้าให้เราพูดหล่ะก้อนะ เปรียบเสมือน gateway ของกิจกรรมการผจญภัยหลายๆ อย่างเลยทีเดียว ด้วยภูมิประเทศที่โด่ดเด่น มีฟยอร์ดล้อมรอบเมือง ทั้งภูเขา แม่น้ำ อ่าว ทะเล จึงสามารถทำกิจกรรม adventure ได้หลายอย่าง ทั้งเดินป่า ชมน้ำตก ตกปลา เดินชมธารน้ำแข็ง และกิจกรรม adventure เก๋ๆ ที่เป็นจุดประสงค์หลังของการมา Alaska ครั้งนี้ของเรา เห็นจะเป็น พายเรือคายัคในธารน้ำแข็งนี่แหละ!
Bayside RV Park
เกือบ 2 ทุ่ม เรามาถึงที่ Bayside RV Park ซึ่งเป็น campsite ที่เราชอบมากที่สุดในทริปนี้ เพราะ location ดีงามพระรามแปดมากเด้อ campsite แห่งนี้ หันหน้าเข้า Port Valdez ที่ฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ ยิ่งที่จอดรถ RV ของเราอยู่แถวหน้าด้วยแล้ว โอ้วววว ฟินค่าา นอกจากนั้น ที่ตั้งของ campsite ยังอยู่ใกล้กับท่าเทียบเรือ ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนเค้าออกเรือตกปลากัน และเป็นที่ตั้งของทัวร์ต่างๆ อยู่ในระยะเดินได้สบายๆ อีกด้วย
เรื่องตลกมีอยู่ที่ว่า ตอนเราจอง campsite ที่นี่ email คุยกันไปมายังเป็นฝรั่งอยู่เลย แต่พอตอน check-in นี่ไหงกลับกลายเป็นคนจีนไปได้ เจ้าของที่เป็นคนจีนเล่าว่า เค้าเพิ่งซื้อกิจการมาได้เดือนนึง campsite นี้ เปิดให้บริการแค่ summer แต่เต็มแน่นทุกวัน พอมาคิดๆ ดูรายได้แล้ว โอ้วววว ทำงานแค่หน้าร้อน หน้าหนาวบินกลับไปอยู่อยู่จีนใช่ตังค์สบายๆ เลยนะ อีกอย่าง คนจีนนี่ จะรวยกันไปไหน ไปที่ไหนก็เจอ โว๊ะ!
วิวที่จอดรถ RV หันหน้าเข้า bay วิวหลักล้าน บอกเลอ!
BAYSIDE RV PARK
Type of Site: Back-in
Hookup Type: Fully Hookup (มีสาย cable tv อีกต่างหาก)
Rate/night: ราคาของที่นี่ ขึ้นกับตำแหน่งที่จอด เราเลือกอยู่ริม bay ก็จะแพงหน่อย เรียกว่า front-row $52 ราคานี้เป็นราคาสำหรับพัก 2 คน extra person คิดเพิ่มคนละ $5 per night
Shower: free
Rating: 5/5 ดาว
Link: https://baysiderv.com/
หลังจากจอดรถ ต่อท่อน้ำ ไฟ ท่อน้ำทิ้งเสร็จเรียบร้อย ทุกคนคงเดาได้ว่า เป็นเวลาหรรสาพากินของครอบครัวเราแล้วคร้าบ เมนูวันนี้ แฟนซีไม่แพ้วันอื่นๆ แม้ว่าเราจะไม่ได้นอนโรงแรมหรูหราห้าดาวเหมือนทริปอื่นๆ แต่อาหารเราถูกปากทุกวัน แถววิวโต๊ะอาหารเราวันนี้ หลักล้านเลยขอบอก
เมนูนำเสนอวันนี้ “คะน้าปลาเค็ม”
พออิ่มท้อง เราก็จัดเตรียมทำไส้ sandwish สำหรับไปทานเป็นอาหารเที่ยงของพรุ่งนี้ ก่อนจะเข้านอน
พร้อมหน้าพร้อมตา อาหารเย็นพร้อมวิว columbia bay
[CR] ALASKA RV ROAD TRIP : EP3 SEA KAYAKING IN COLUMBIA BAY
วิธีการเชคเอาท์ออกจาก campsite ที่นี่ง่ายมาก คือขับออกไปเลย 5555 อย่าลืมเอากระดาษสำหรับจองที่จอดรถ ที่เราติดไว้วันแรกออกด้วยนะ ก่อนออกจาก campsite เราไปแวะกันที่ dumpstation ของ campsite ก่อนเพื่อทำการทิ้งน้ำเสีย และเติมน้ำ potable เพื่อใช้ระหว่างกันเสียก่อน ขั้นตอนการทิ้งน้ำเสีย จริงๆ ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ เอาท่อน้ำทิ้งออกมา ต่อท่อด้านหนึ่งกับช่องน้ำทิ้งของรถ ซึ่งจะมีวาล์ว grey water และ black water ส่วนอีกปลายก็เอาไปเสียบตรงช่องน้ำทิ้ง จากนั้น ตามหลักการจะต้องเปิดวาล์ว black water ก่อน พอน้ำจากส้วมไหลหมดแล้ว จึงค่อยเปิดวาล์วน้ำ grey water เพื่อทำความสะอาดท่ออีกที จริงๆ แล้วมันไม่ได้เหม็นมากอย่างที่คิด เพราะเค้าจะมีผงสีฟ้าๆ ซึ่งเป็นผงที่ช่วยสลายมูลที่เกิดจากการขับถ่ายของเรา และจะช่วยดับกลิ่นด้วย ดังนั้น เวลาถ่ายน้ำพวกนี้ออกจึงไม่ได้มีกลิ่นมากนัก สำหรับวิธีการเติม potable water จะ tricky กว่าหน่อย คือต้องเอาสายน้ำดีต่อกับวาล์วจ่ายน้ำก่อน จากนั้นเปิดน้ำซักพักเพื่อไล่อากาศออกจากท่อน้ำ ก่อนที่จะเอาเข้าไปเสียบกับช่องรับน้ำที่ตัวรถ เพื่อป้องกันอากาศเข้าไปยังถังเก็บน้ำนั่นเอง
รู้หรือไม่? ในทางภูมิศาสตร์แล้ว คำว่า “sound” หมายถึง ทะเลหรือมหาสมุทรที่มีขนาดใหญ่ ลึกกว่าแหลม และกว้างกว่าฟยอร์ด หรืออาจจะหมายถึง ทะเลแคบหรือช่องทางมหาสมุทรที่อยู่ระหว่างสองแผ่นดิน เช่น Milford Sound ในเกาะใต้ของ New Zealand หรือ Prince William Sound บนคาบสมุทร Kenai ในอลาสก้า
เรื่องตลกมีอยู่ที่ว่า ตอนเราจอง campsite ที่นี่ email คุยกันไปมายังเป็นฝรั่งอยู่เลย แต่พอตอน check-in นี่ไหงกลับกลายเป็นคนจีนไปได้ เจ้าของที่เป็นคนจีนเล่าว่า เค้าเพิ่งซื้อกิจการมาได้เดือนนึง campsite นี้ เปิดให้บริการแค่ summer แต่เต็มแน่นทุกวัน พอมาคิดๆ ดูรายได้แล้ว โอ้วววว ทำงานแค่หน้าร้อน หน้าหนาวบินกลับไปอยู่อยู่จีนใช่ตังค์สบายๆ เลยนะ อีกอย่าง คนจีนนี่ จะรวยกันไปไหน ไปที่ไหนก็เจอ โว๊ะ!
Type of Site: Back-in
Hookup Type: Fully Hookup (มีสาย cable tv อีกต่างหาก)
Rate/night: ราคาของที่นี่ ขึ้นกับตำแหน่งที่จอด เราเลือกอยู่ริม bay ก็จะแพงหน่อย เรียกว่า front-row $52 ราคานี้เป็นราคาสำหรับพัก 2 คน extra person คิดเพิ่มคนละ $5 per night
Shower: free
Rating: 5/5 ดาว
Link: https://baysiderv.com/
หลังจากจอดรถ ต่อท่อน้ำ ไฟ ท่อน้ำทิ้งเสร็จเรียบร้อย ทุกคนคงเดาได้ว่า เป็นเวลาหรรสาพากินของครอบครัวเราแล้วคร้าบ เมนูวันนี้ แฟนซีไม่แพ้วันอื่นๆ แม้ว่าเราจะไม่ได้นอนโรงแรมหรูหราห้าดาวเหมือนทริปอื่นๆ แต่อาหารเราถูกปากทุกวัน แถววิวโต๊ะอาหารเราวันนี้ หลักล้านเลยขอบอก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น