สวัสดีเพื่อนๆ ชาวบลูแพลนแนตค่ะ
มาต่อกันที่ EP.2 ของมหากาพย์อลาสก้านะคะ
สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก สามารถอ่านกระทู้อื่นๆ ได้ที่นี่
ALASKA RV ROAD TRIP: EP1 ALASKA! HERE WE COME! - https://ppantip.com/topic/39151547
ALASKA RV ROAD TRIP : EP3 SEA KAYAKING IN COLUMBIA BAY - https://ppantip.com/topic/39313435
ALASKA RV ROAD TRIP : EP4 LOST IN NATURE - https://ppantip.com/topic/39335055/
ALASKA RV ROAD TRIP : EP5 WILDERNESS ADVENTURES IN KENAI PENINSULA - https://ppantip.com/topic/39352963
ความเดิมจากตอนที่แล้ว เราพักค้างกันที่ Riley Creek Campground เช้าวันต่อมา เรามีโปรแกรมที่จะเข้าไปเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ Denali โดยที่เราจองทัวร์ของอุทยาน Denali national park all day tour ไว้ตอน 7:30 สถานที่นัดเจอคือที่ Denali Bus Depot ซึ่งเราก็ไปถึงก่อนเวลานัดจริงเล็กน้อย จุดๆ นี้เป็นจุดรับส่งของรถบัส (Green bus) ที่อุทยาน Denali จัดเตรียมไว้ให้
=========================================
DENALI NATIONAL PARK & PRESERVE
=========================================
อุทยานแห่งชาติและเขตอนุรักษ์ Denali ตั้งอยู่ในใจกลางของรัฐอลาสก้า กินเนื้อที่ 6 ล้านเอเคอร์ มีภูมิประเทศหลากหลาย ตั้งแต่ Taiga หรือป่าเขตหนาวที่มีแต่ต้นสน จนถึงแบบ Tudra ที่ไม่มีต้นไม้เลย ไปจนถึงยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี อ๊ะ นี่มันวิชาวิทยาศาสตร์หรือโลกของเรากันแน่ฟระ … ข้อมูลเหล่านี้ Park Ranger ได้เกริ่นนำให้เราได้ทราบ เป็นการปูพื้นฐานความรู้ก่อนเข้าไปยังตัวอุทยานแห่งชาติ อันเลื่องชื่อของอเมริกากันค่ะ
Transit bus (green bus)
GETTING AROUND DENALI
การท่องเที่ยวใน Denali National Park ไม่เหมือนกับการเที่ยว National Park อื่นๆ ในอเมริกานะคะ ที่ส่วนใหญ่ เราจะสามารถขับรถเข้าไปเที่ยวตามจุดต่างๆ ได้เอง เห็นพื้นที่อุทยานใหญ่ขนาดนี้! อิหยั่งหว่า…มีเพียงถนนเส้นเดียว และมันก็ยาวถึง 92 mile แถมมีทางเข้าออกเดียว ที่แปลกคือ ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวหรือบุคคลภายนอกขับรถเข้ามาเอง (Restrict ถึงแค่ mile ที่ 15) ว๊อท? จะมีก็แต่รถของอุทยานเอง หรือ professional photographer ที่มีใบอนุญาต จึงจะมีสิทธิ์ขับรถบนถนนสายนี้ และจะเปิดแค่เฉพาะช่วง summer (mid May to Mid Sep) เท่านั้น ไปเปิด google ดู อ๋อออ เหตุผลหลักๆ ของการ restrict ไม่ให้รถจำนวนมากผ่านเข้าไป ก็เพราะถนนภายอุทยานถูกสร้างบนพื้นดินที่เรียกว่า premafrost ซึ่งคือ พื้นดินที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งยากในการบำรุงรักษา หน้าหนาวถนนพัง พอเข้าหน้าร้อนก้อต้องทำถนนใหม่อีก ดังนั้นการทิ้งถนนไว้เป็นถนนลูกรัง ก็ทำให้ค่าบำรุงรักษาถูกลง แต่ก็ยังต้องใช้ปริมาณงานพอสมควร ยิ่งเพิ่มยานพาหนะส่วนบุคคลของนักท่องเที่ยวเข้าอีก ก็คงต้องซ่อมถนนกันตลอดเวลาเป็นแน่
Denali National Park map
ดังนั้น อุทยานจึงมีบริการรถนำเที่ยวและรถบัสรับส่งไปยังจุดสำคัญต่างๆ ในอุทยาน ดูมีเหตุผลให้มาเก็บตังค์จากพวกเราไงคะ 5555 โดยรถที่ีให้บริการจะมีอยู่ 2 แบบคือ
1. Bus Tours : เป็นรถบัสสีแทน มีไกด์ทัวร์ขึ้นไปบรรยายเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิทัศน์ ตลอดการเดินทางในอุทยาน มีการเปิด DVD ให้ชมไรงิ
2. Transit Tours : เป็นรถโรงเรียนสีเขียว ลักษณะเหมือนรถเมล์ คือหยุดเป็นพักๆ ตามป้ายรถ จุด hiking และ visitor center คุณสามารถขึ้นหรือลงรถ เมื่อไหร่ก็ได้ จากจุดไหนก็ได้ ถ้าไม่ mind ว่าอาจจะไม่ได้ขึ้นรถคันเดิม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอิสระ แค่ต้องระวังว่า อย่าพลาดรถคันสุดท้ายที่ออกจากอุทยานนะ อย่าลืมว่า ถนนเส้นนี้ยาวถึง 92 ไมล์ ไปกลับเกือบ 200 ไมล์จ้า ถ้ามัวแต่ไป hiking จนพลาดรถรอบสุดท้าย มีหวังค้างเติ่งอยู่ในป่า โดนหมีกินแหงม
สำหรับเรา เราเลือกแบบ Transit Tour โดยดูจากความนิยมของคนอื่นๆ 555 อาจเป็นเพราะมันถูกกว่ามากด้วยมั้ง โดยจะมีหลาย Route ให้เลือก ซึ่งจริงๆ แล้ว แต่ละแบบ ต่างกันที่จุดไกลสุดที่รถจะไปถึง ยิ่งเข้าไปลึกก็ยิ่งแพง ส่วน route ที่เราเลือกคือ Wonder Lake โดยจะวิ่งบนถนนในอุทยานไป 85 ไมล์ แล้วแยกซ้ายเข้าไปยัง Wonder Lake ใช้เวลาโดยประมาณ ไป-กลับ 11 ชั่วโมง ไม่รวมเวลา hike
เราใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาที ออกจาก campsite มาถึงที่ Bus depot ประมาณ 7 โมงเช้า เราเอา reservation ที่จองมาทาง internet ไปแสดงให้กับเจ้าหน้า เพื่อ print ticket ออกมา จุดๆ นี้ เราต้องใช้ตั๋วพร้อมกับ Denali National Park Pass เพื่อขึ้นรถบัสของอุทยานหรือที่เค้าเรียกกันว่า “รถเขียว” (Green Bus) โดย Denali National Park Entrance Pass นี้เราได้ทำการซื้อมาล่วงหน้ากับ K2 Aviation
Transit bus ticket together with Denali national park entrance pass
DENALI NATIONAL PARK TOUR
Wonder Lake Transit bus: $58.75 + Entrance pass $15
Pickup Location: Denali bus depot
Rating: 3/5 ดาว
Note: ภายใน national park ไม่มีร้านขายอาหาร คุณจะต้องเตรียมข้าวกล่องอาหารกลางวัน snack อะไรๆ ไปเอง สำหรับน้ำดื่ม เค้าจะมีเครื่องเติมน้ำเปล่า provide ไว้ให้ แต่คุณต้องเอาขวดน้ำไปเติมเองนะคะ
Transit bus – Wonder lake route
7:30 รถเขียวที่มีป้าย Wonder Lake ที่เป็นจุดหมายปลายทางของเราวันนี้ก็มา… เริ่มออกเดินทางกันเล้ย~~~
คำว่า “Denali” ปัจจุบันเป็นทั้งชื่อ national park และเป็นชื่อยอดเขาที่สูงที่สุดในอเมริกา จริงๆ แล้วเมื่อก่อน เทือกเขาแห่งนี้มีหลายชื่อด้วยกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนเรียก พวก Koyukon Athabaskan ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ไหล่เขา เรียกสถานที่แห่งนี้ว่า Deenaalee หรือ Dinale แปลว่า “the high one” อีกพวกที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำหรือที่เรียกว่าพวก Dene’in เรียกสถานที่แห่งนี้ว่า Dghelay Ka’a ซึ่งแปลว่า “the big moutain” ชาวรัสเซียซึ่งเมื่อก่อนเป็นเจ้าของรัฐอลาสก้าแห่งนี้เรียกสถานที่แห่งนี้ว่า Bolshaya Gora ซึ่งแปลว่า “the big moutain” เช่นกัน
จะเห็นว่า ต่างๆ คนก็ต่างเรียกกันคนละแบบมาจนกระทั่งปี 1917 รัฐบาลอเมริกาก็ออกมาประกาศชื่ออย่างเป็นทางการของยอดเขานี้ว่าเป็น Mt. Mckinley ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามประธานาธิบดีคนที่ 25 William McKinley และประกาศสถานที่แห่งนี้ให้เป็น Mt. Mckinley National Park
Postcard ที่ขายอยู่ที่ visitor center ยังใช้ชื่อเดิมอยู่เลย
แม้ว่าโดยทางการแล้ว ชื่อยอดเขานี้จะถูกเปลี่ยนเป็น Mt. Mckinley แต่คนท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็ยังคงจะเรียกมันว่า Deenaalee นอกจากนั้น ประธานาธิบดี McKinley ก็เป็นคนจาก Ohio ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสถานที่แห่งนี้เลย จึงมีการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อยอดเขาและสถานที่แห่งนี้กลับมาเป็นชื่อท้องถิ่นดังเดิม จนกระทั่งไม่นานมานี้ ในปี 2015 สมัยประธานาธิบดี Barack Obama จึงมีการเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ จาก Mt. Mckinley เป็น Mt. Denali รวมถึงชื่อ Denali National Park ด้วย ตามชนเผ่า Koyukon Athabaskan ที่เป็นคนที่อาศัยจริงอยู่ในเทือกเขาแห่งนี้…
ลำธารริมทาง ขนานไปกับถนนเพียงสายเดียวใน Denali National Park
ระหว่างที่เรานั่งรถไป ป้า Raciel คนขับรถโรงเรียนของเรา ท่าทางเหมือนอาจารย์ฝ่ายปกครอง ก็อธิบายวิธีการสื่อสารขั้นพื้นฐานให้เราฟัง ในกรณีที่ถ้านางหรือใครเห็นสัตว์ป่า ก็จะใช้วิธี clock position ในการบอกทิศทางว่า สัตว์เราเห็นอยู่ทิศทางไหนของเรา เช่น ถ้าบอก 6 นาฬิกา แปลว่า มันอยู่ข้างหลัง ถ้าบอก 9 นาฬิกา แปลว่ามันอยู่ซ้ายมือของเรา อะไรประมาณนี้ ขับไปไม่นาน นางก็ชีให้เราดูนกประเภทนึงที่ออกมาหาอาหารข้างทางเลย มันคือ Willow Ptarmigan นกที่เป็นสัญลักษณ์ของ Alaska state นั่นเอง
Willow Ptarmigan, The Alaska State Bird
ดูเหมือนว่า วันนี้อากาศไม่ค่อยเป็นใจกับเราเลยแฮะ มืดครึ้มมาแต่ไกล ป้า Raciel เล่าให้ฟังว่า โอกาสที่คุณจะเห็น Mt. Denali มีเพียงแค่ 30% โดยเฉลี่ยเท่านั้น?!? ด้วยความที่ Mt. Denali มันใหญ่มาก มันจึงมี weather system เป็นของตัวเอง นอกจากนั้น เทือกเขา Denali มันเป็นจุดที่อากาศเย็นจาก Arctic มาปะทะกับอากาศร้อนจากทางใต้พอดี จึงทำให้มันมักจะมีเมฆต่ำ ปกคลุมเกือบจะตลอดเวลา นี่เป็นสาเหตุให้คุณมีโอกาศน้อยมากที่จะเห็น Mt. Denali แบบที่ไม่มีเมฆปกคลุม นางเล่าอีกว่า โอกาสที่จะมองเห็นยอดเขา Denali จากภายใน national park เอง มีน้อยกว่าการมอง Mt. Denali จากที่ไกลๆ อย่าง Fairbank หรือ Anchorage ซะอีก
ภาพที่หวัง
Photographs from Denali National Park of The Alaska Range, AK
ภาพที่เห็นจริง เมฆจะเยอะไปไหนจ๊ะ
ขับไปไม่นาน ป้า Rachel ก็เริ่มชลอความเร็วรถลงและชีให้เราดูวิวเทือกเขาเบื้องหน้าที่มีแสงแดดส่องผ่านเมฆมากระทบกับภูเขา เห็นเป็นภูเขาหลากสี สวยงามมาก
Rainbow mountains
[CR] ALASKA RV ROAD TRIP : EP2 MORE THAN A MOUNTAIN
สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก สามารถอ่านกระทู้อื่นๆ ได้ที่นี่
ALASKA RV ROAD TRIP: EP1 ALASKA! HERE WE COME! - https://ppantip.com/topic/39151547
ALASKA RV ROAD TRIP : EP3 SEA KAYAKING IN COLUMBIA BAY - https://ppantip.com/topic/39313435
ALASKA RV ROAD TRIP : EP4 LOST IN NATURE - https://ppantip.com/topic/39335055/
ALASKA RV ROAD TRIP : EP5 WILDERNESS ADVENTURES IN KENAI PENINSULA - https://ppantip.com/topic/39352963
ความเดิมจากตอนที่แล้ว เราพักค้างกันที่ Riley Creek Campground เช้าวันต่อมา เรามีโปรแกรมที่จะเข้าไปเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ Denali โดยที่เราจองทัวร์ของอุทยาน Denali national park all day tour ไว้ตอน 7:30 สถานที่นัดเจอคือที่ Denali Bus Depot ซึ่งเราก็ไปถึงก่อนเวลานัดจริงเล็กน้อย จุดๆ นี้เป็นจุดรับส่งของรถบัส (Green bus) ที่อุทยาน Denali จัดเตรียมไว้ให้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น