ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมเหล่าไหนเล่า ที่จะทำพวกเราให้เป็นสมณะ ที่จะทำ พวกเราให้เป็นพราหมณ์ ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอต้องสำเหนียกตนให้ได้อย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ ;
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรื่องนี้คงเกิดมีแก่พวกเธอ คือจะพากันถึงความนอนใจเสียเพียงเท่านั้นว่า “พวกเราถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ. พอแล้วด้วยคุณเพียงเท่านี้พวกเราได้ตามถึงผลแห่งสมณปฏิบัติแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกมิ ได้มี
”ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เราจักบอกแก่พวกเธอ เราจักเตือนพวกเธอนั้นให้รู้ :
เมื่อพวกเธอต้องการความเป็นสมณะ ก็อย่าทำผลของความเป็นสมณะให้เสื่อมไป เพราะว่ากิจที่พวกเธอจะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกยังมีอยู่.
”ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! กิจที่พวกเธอต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกเป็นลำดับนั้น คืออะไร ? คือการสำเหนียกตนเองให้ได้ว่า กายสมาจาร (การประพฤติชอบสม่ำเสมอด้วยกาย) ของเรา บริสุทธิ์แล้ว หงายได้แล้ว เปิดเผยได้แล้ว หาช่องทะลุมิได้ เป็นอันสำรวมดีแล้ว, อนึ่ง เราจักไม่ยกตนข่มท่านด้วยคุณข้อนี้เป็นอันขาด ;
”ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้แล.
”ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรื่องนี้คงเกิดมีแก่พวกเธอ คือจะพากันถึงความนอนใจเสียเพียงเท่านั้นว่า
“พวกเราถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ, กายสมาจารของพวกเราบริสุทธิ์. พอแล้วด้วยคุณเพียงเท่านี้ พวกเราได้ตามถึงผลแห่งสมณปฏิบัติแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกมิได้มี”
”ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เราจักบอกแก่พวกเธอ เราจักเตือน พวกเธอนั้นให้รู้ : เมื่อพวกเธอต้องการความเป็นสมณะ ก็อย่าทำผลของความเป็นสมณะให้เสื่อมไป เพราะว่ากิจที่พวกเธอจะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกยังมีอยู่.
”ดูก่อนภิกฟษุทั้งหลาย ! กิจที่พวกเธอต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกเป็นลำดับนั้น คืออะไร ? คือการสำเหนียกตนเองให้ได้ว่า วจีสมาจาร (การประพฤติชอบสม่ำเสมอด้วยวาจา) ของเราบริสุทธิ์แล้ว หงายได้แล้ว เปิดเผยได้แล้ว หาช่องทะลุมิได้ เป็นอันสำรวม ดีแล้ว, อนึ่ง เราจักไม่ยกตนข่มท่านด้วยคุณข้อนี้เป็นอันขาด ;
ภิกษุ ท. ! พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้แล.
ภิกษุ ท. ! เรื่องนี้คงเกิดมีแก่พวกเธอ คือ จะพากันถึงความนอนใจเสียเพียงเท่านั้นว่า “พวกเราถึงพร้อมด้วยหิริโอตตัปปะ, กายสมาจารของพวกเราบริสุทธิ์, วจีสมาจารบริสุทธิ์. พอแล้วด้วยคุณเพียงเท่านี้ พวกเราได้ตามถึงผลแห่งสมณะปฏิบัติแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำให้ยิ่งขึ้น ไปอีกมิได้มี”
ภิกษุ ท. ! เราจักบอกแก่พวกเธอ เราจักเตือนพวกเธอนั้นให้รู้ : เมื่อพวกเธอต้องการความเป็นสมณะ ก็อย่าทำผลของความเป็นสมณะให้เสื่อมไป เพราะว่ากิจที่พวกเธอจะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกยังมีอยู่. คืออะไร ?
ภิกษุ ท. ! กิจที่พวกเธอต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกเป็นลำดับนั้น คืออะไร ? คือการสำเหนียกตนเองให้ได้ว่ามโนสมาจาร (การประพฤติชอบสม่ำเสมอด้วยใจ) ของเรา บริสุทธิ์แล้ว หงายได้แล้ว เปิดเผยได้แล้ว หาช่องทะลุมิได้ เป็นอันสำรวมดีแล้ว, อนึ่ง เราจักไม่ยกตนข่มท่านด้วยคุณข้อนี้เป็นอันขาด ;
ภิกาษุ ท. ! พวกเธอพึงสำเหนียกตัวเองอย่างนี้แล. ภิกษุ ท. ! เรื่องนี้คงเกิดมีแก่พวกเธอ คือ จะพากันถึงความนอนใจเสียเพียงเท่านั้นว่า “พวกเราถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ, กายสมาจารของพวกเราบริสุทธิ์, วจีสมาจารบริสุทธิ์, มโนสมาจารบริสุทธิ์. พอแล้ว ด้วยคุณเพียงเท่านี้ พวกเราได้ตามถึงผลแห่งสมณะปฏิบัติแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกมิได้มี”
. ภิกษุ ท. ! เราจักบอกแก่พวกเธอ เราจักเตือนพวกเธอนั้นให้รู้ : เมื่อพวกเธอต้องการความเป็นสมณะ ก็อย่าทำผลของความเป็นสมณะให้เสื่อมไป เพราะว่ากิจที่พวกเธอจะต้องทำให้ ยิ่งขึ้นไปอีกยังมีอยู่.
ภิกษุ ท. ! กิจที่พวกเธอต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกเป็นลำดับนั้น คืออะไร ? คือการสำเหนียกตนเองให้ได้ว่า อาชีวะของเรา บริสุทธิ์แล้ว หงายได้แล้วเปิดเผยได้แล้ว หาช่องทะลุมิได้ เป็นอันสำรวมดีแล้ว, อนึ่ง เราจักไม่ยกตนข่มท่านด้วยคุณข้อนี้เป็นอันขาด ;
ภิกาษุ ท. ! พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้แล _ _ _ฯลฯ _ _ _ ⭕️
ว่าด้วย ผู้ถึงพร้อมด้วยหิริโอตตัปปะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอต้องสำเหนียกตนให้ได้อย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ ;
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรื่องนี้คงเกิดมีแก่พวกเธอ คือจะพากันถึงความนอนใจเสียเพียงเท่านั้นว่า “พวกเราถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ. พอแล้วด้วยคุณเพียงเท่านี้พวกเราได้ตามถึงผลแห่งสมณปฏิบัติแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกมิ ได้มี
”ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เราจักบอกแก่พวกเธอ เราจักเตือนพวกเธอนั้นให้รู้ :
เมื่อพวกเธอต้องการความเป็นสมณะ ก็อย่าทำผลของความเป็นสมณะให้เสื่อมไป เพราะว่ากิจที่พวกเธอจะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกยังมีอยู่.
”ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! กิจที่พวกเธอต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกเป็นลำดับนั้น คืออะไร ? คือการสำเหนียกตนเองให้ได้ว่า กายสมาจาร (การประพฤติชอบสม่ำเสมอด้วยกาย) ของเรา บริสุทธิ์แล้ว หงายได้แล้ว เปิดเผยได้แล้ว หาช่องทะลุมิได้ เป็นอันสำรวมดีแล้ว, อนึ่ง เราจักไม่ยกตนข่มท่านด้วยคุณข้อนี้เป็นอันขาด ;
”ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้แล.
”ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เรื่องนี้คงเกิดมีแก่พวกเธอ คือจะพากันถึงความนอนใจเสียเพียงเท่านั้นว่า
“พวกเราถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ, กายสมาจารของพวกเราบริสุทธิ์. พอแล้วด้วยคุณเพียงเท่านี้ พวกเราได้ตามถึงผลแห่งสมณปฏิบัติแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกมิได้มี”
”ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เราจักบอกแก่พวกเธอ เราจักเตือน พวกเธอนั้นให้รู้ : เมื่อพวกเธอต้องการความเป็นสมณะ ก็อย่าทำผลของความเป็นสมณะให้เสื่อมไป เพราะว่ากิจที่พวกเธอจะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกยังมีอยู่.
”ดูก่อนภิกฟษุทั้งหลาย ! กิจที่พวกเธอต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกเป็นลำดับนั้น คืออะไร ? คือการสำเหนียกตนเองให้ได้ว่า วจีสมาจาร (การประพฤติชอบสม่ำเสมอด้วยวาจา) ของเราบริสุทธิ์แล้ว หงายได้แล้ว เปิดเผยได้แล้ว หาช่องทะลุมิได้ เป็นอันสำรวม ดีแล้ว, อนึ่ง เราจักไม่ยกตนข่มท่านด้วยคุณข้อนี้เป็นอันขาด ;
ภิกษุ ท. ! พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้แล.
ภิกษุ ท. ! เรื่องนี้คงเกิดมีแก่พวกเธอ คือ จะพากันถึงความนอนใจเสียเพียงเท่านั้นว่า “พวกเราถึงพร้อมด้วยหิริโอตตัปปะ, กายสมาจารของพวกเราบริสุทธิ์, วจีสมาจารบริสุทธิ์. พอแล้วด้วยคุณเพียงเท่านี้ พวกเราได้ตามถึงผลแห่งสมณะปฏิบัติแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำให้ยิ่งขึ้น ไปอีกมิได้มี”
ภิกษุ ท. ! เราจักบอกแก่พวกเธอ เราจักเตือนพวกเธอนั้นให้รู้ : เมื่อพวกเธอต้องการความเป็นสมณะ ก็อย่าทำผลของความเป็นสมณะให้เสื่อมไป เพราะว่ากิจที่พวกเธอจะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกยังมีอยู่. คืออะไร ?
ภิกษุ ท. ! กิจที่พวกเธอต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกเป็นลำดับนั้น คืออะไร ? คือการสำเหนียกตนเองให้ได้ว่ามโนสมาจาร (การประพฤติชอบสม่ำเสมอด้วยใจ) ของเรา บริสุทธิ์แล้ว หงายได้แล้ว เปิดเผยได้แล้ว หาช่องทะลุมิได้ เป็นอันสำรวมดีแล้ว, อนึ่ง เราจักไม่ยกตนข่มท่านด้วยคุณข้อนี้เป็นอันขาด ;
ภิกาษุ ท. ! พวกเธอพึงสำเหนียกตัวเองอย่างนี้แล. ภิกษุ ท. ! เรื่องนี้คงเกิดมีแก่พวกเธอ คือ จะพากันถึงความนอนใจเสียเพียงเท่านั้นว่า “พวกเราถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ, กายสมาจารของพวกเราบริสุทธิ์, วจีสมาจารบริสุทธิ์, มโนสมาจารบริสุทธิ์. พอแล้ว ด้วยคุณเพียงเท่านี้ พวกเราได้ตามถึงผลแห่งสมณะปฏิบัติแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกมิได้มี”
. ภิกษุ ท. ! เราจักบอกแก่พวกเธอ เราจักเตือนพวกเธอนั้นให้รู้ : เมื่อพวกเธอต้องการความเป็นสมณะ ก็อย่าทำผลของความเป็นสมณะให้เสื่อมไป เพราะว่ากิจที่พวกเธอจะต้องทำให้ ยิ่งขึ้นไปอีกยังมีอยู่.
ภิกษุ ท. ! กิจที่พวกเธอต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปอีกเป็นลำดับนั้น คืออะไร ? คือการสำเหนียกตนเองให้ได้ว่า อาชีวะของเรา บริสุทธิ์แล้ว หงายได้แล้วเปิดเผยได้แล้ว หาช่องทะลุมิได้ เป็นอันสำรวมดีแล้ว, อนึ่ง เราจักไม่ยกตนข่มท่านด้วยคุณข้อนี้เป็นอันขาด ;
ภิกาษุ ท. ! พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้แล _ _ _ฯลฯ _ _ _ ⭕️