ภิกษุ ท. ! มหาชนเขารู้จักเธอทั้งหลายว่า “สมณะ สมณะ” ดังนี้,
ถึงเธอทั้งหลายเล่า เมื่อถูกเขาถามว่า ท่านทั้งหลาย เป็นอะไร ? พวกเธอ
ทั้งหลายก็ปฏิญาณตัวเองว่า “เราเป็นสมณะ” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! เมื่อเธอทั้งหลาย มีชื่อว่า สมณะ และปฏิญาณตัวเองว่า
เป็นสมณะ อยู่อย่างนี้แล้ว, พวกเธอทั้งหลาย จะต้องสำเหนียกใจว่า “ธรรม
เหล่าใด อันจะทำเราให้เป็นสมณะและเป็นพราหมณ์ (คือเป็นอรหันต์ผู้ลอยบุญบาป
เสียแล้ว), เราจะประพฤติถือเอาด้วยดี ซึ่งธรรมเหล่านั้น. ด้วยอาการปฏิบัติของ
เราอย่างนี้ สมัญญาว่าสมณะของพวกเราก็จักเป็นจริง และคำปฏิญาณว่าสมณะ
ของพวกเราก็จักสมจริง ; อนึ่งเล่า เราบริโภคใช้สอย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
และคิลานปัจจัยเภสัชบริกขารของทายกเหล่าใด, การบำพ็ญทานของทายกเหล่านั้น
ก็จักมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ; และการบรรพชาของเราเอง ก็จักไม่เป็นหมัน
เปล่าแต่จักมีผลมีกำไรแก่เราโดยแท้ ” ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้ แล.
ผู้ทำสมคำปฏิญาณว่า “สมณะ”
ถึงเธอทั้งหลายเล่า เมื่อถูกเขาถามว่า ท่านทั้งหลาย เป็นอะไร ? พวกเธอ
ทั้งหลายก็ปฏิญาณตัวเองว่า “เราเป็นสมณะ” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! เมื่อเธอทั้งหลาย มีชื่อว่า สมณะ และปฏิญาณตัวเองว่า
เป็นสมณะ อยู่อย่างนี้แล้ว, พวกเธอทั้งหลาย จะต้องสำเหนียกใจว่า “ธรรม
เหล่าใด อันจะทำเราให้เป็นสมณะและเป็นพราหมณ์ (คือเป็นอรหันต์ผู้ลอยบุญบาป
เสียแล้ว), เราจะประพฤติถือเอาด้วยดี ซึ่งธรรมเหล่านั้น. ด้วยอาการปฏิบัติของ
เราอย่างนี้ สมัญญาว่าสมณะของพวกเราก็จักเป็นจริง และคำปฏิญาณว่าสมณะ
ของพวกเราก็จักสมจริง ; อนึ่งเล่า เราบริโภคใช้สอย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
และคิลานปัจจัยเภสัชบริกขารของทายกเหล่าใด, การบำพ็ญทานของทายกเหล่านั้น
ก็จักมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ; และการบรรพชาของเราเอง ก็จักไม่เป็นหมัน
เปล่าแต่จักมีผลมีกำไรแก่เราโดยแท้ ” ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้ แล.