☀มงกุฎอัคคี ตอนที่ ๘ ความลับของสองเรา .................. {อสิตา}

กระทู้สนทนา
☀มงกุฎอัคคี  
ตอนที่ ๑ ปฐมบท ต้นเพลิง 
https://ppantip.com/topic/39253472
ตอนที่ ๒ องค์ชาย 
https://ppantip.com/topic/39256876
ตอนที่ ๓ นางทาส
https://ppantip.com/topic/39259835
ตอนที่ ๔ อามิน 
https://ppantip.com/topic/39262780
ตอนที่ ๕ ระบำอัคคี 
https://ppantip.com/topic/39265661
ตอนที่ ๖ ราชครู
https://ppantip.com/topic/39273815
ตอนที่ ๗ ราชาวิญญาณ
https://ppantip.com/topic/39276170

คุณ zionzany
- นักปูเสื่อน่ารักที่ซู้ดดด

คุณ แจ็ค ในสวนถั่ว
- อ้าว เมื่อวานเหนื่อยเหรอคะ ปกติเห็นเม้นต์ยาวเชียว



ราชครูทำเพียงยิ้มอ่อนบางแทบมองไม่เห็น ทั้งไม่ขยับริมฝีปากตอบคำ...อามินถอนใจแรงอย่างโมโห รู้ว่าเขาจะไม่เจรจาสิ่งใด ไม่ว่านางจะยั่วแหย่ท้าทายสักปานใด เขาก็คงเห็นนางห่างชั้น

ดูเถอะ นางโกรธมากจนผลุนผลันจากไปเสียแล้ว... 
ราชครูพลันเผยอยิ้มมากขึ้นยามเอ่ยพึมพำ “อะไรกัน ไม่ลองทวงบุญคุณสักหน่อยหรือ ข้ากำลังคิดจะตอบแทนอยู่เชียว”

...ไม่เพียงนางทาสที่ประหลาด ยิ่งเวลาผ่านก็ยิ่งรู้ชัด เตมันเองก็เปลี่ยนไป 
ทั้งที่เขาเคยทำให้มันตายทั้งเป็นไปแล้วแท้ๆ แต่นางทาสนั่นกลับ...เสนอหน้าเข้ามาทำให้องค์ชายผู้บ้าคลั่งค่อยๆ ฟื้นคืนมามีเลือดเนื้อ มีชีวิต 

มันน่านัก ควรจะทำอย่างไรกับสตรีตัวจ้อยที่ยื่นมือมาสอด หรือควรสังหารนางเสียให้หมดรำคาญ กับแค่นางบำเรอทาสไร้ราคาเพียงคนเดียว คนอย่างราชครูทำเช่นนั้นได้โดยไม่กะพริบตา ทว่า ภาพแผ่นหลังบอบบางที่ตีตราทาสยังวาบผ่านเข้ามาในห้วงสำนึกครั้งแล้วครั้งเล่า น่าหงุดหงิดชวนรำคาญใจยิ่ง เป็นเหตุให้ต้องละเว้น...เขาต้องการเค้นคอดูให้รู้แน่ นางทาสเช่นนั้น กล้าเผยอตัวมาช่วยเขาด้วยเหตุใด ยังไม่ทันได้ถาม นางยังกล้าอวดดีหันหนีจากไป 
คนอย่างราชครู ไม่มีใครที่เขาง้างปากไม่ได้ ยิ่งไม่เคยมีสิ่งใดที่ต้องการแล้วไม่ได้มา !

อามินกำลังนอนหลับ นางจำได้ว่าตนเองหลับอยู่ในกระโจมอันมิดชิดของเตมัน ทว่าเมื่อลืมตาขึ้นในคราวนี้ ตัวนางกำลังยืนอยู่ใต้ร่มไม้ บนเนินผาสูง มองลงไปเห็นกระโจมทัพนับพันนับหมื่น ราวกับความฝันอันหลอนลวงตา

“จงตื่นขึ้น...แล้วทรงตัวให้ดีๆ ก่อนที่เจ้าจะร่วงลงไป”

อารมณ์โมโหแล่นเข้าจับจิตในทันใด เสียงนี้นางได้ยินไม่บ่อย คล้ายดังว่าเจ้าตัวกลัวทองคำจะร่วงจากปากจึงต้องสงวนคำ เสียงอ่อนโยนเบาสบายเหมือนลมเป่าที่ไม่มีใครเหมือน เป็นเขาอย่างแน่นอน...หันขวับตามเสียง ไม่พบใคร หญิงสาวยิ่งกำมือแน่น

“ขี้โมโหนัก” น้ำเสียงผู้ซ่อนกายาแฝงเชิงตำหนิ
ราชครูค่อยๆ ย่างกรายจากใต้เงาไม้มาเผชิญหน้ากับนางทาส เห็นได้ชัดว่ากับเตมันนางเสแสร้ง นางมิได้แสดงตัวจริงที่เกรี้ยวกราดถึงขั้นที่เป็นต่อหน้าเขา ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นขัน

“ราชาวิญญาณผู้เก่งกาจ” อามินเลิกคิ้ว “อ้อ ข้าลืมทำทีประหลาดใจไปหรือเปล่า ท่านอาจจะผิดหวัง”

“ไม่หรอก ข้าว่าเราสองคนเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูด จริตมารยาทั้งหลายล้วนไม่จำเป็น” 

อามินเห็นราชครูเงยหน้าน้อยๆ คล้ายกำลังทอดตาประเมินตัวนางอย่างใจเย็น

“ข้ายังไม่ทันถามว่าเจ้าช่วยข้าเพื่อไร เจ้าก็ชิงผละจาก คิดว่ามีสิทธิ์ทำเช่นนั้นหรือ นางทาส”

“ก็ท่านทำตัวไม่น่าคุย”

“ไร้มารยาท...” ราชครูส่งเสียงดุในคอเป็นเชิงปราม

“จริตมารยาล้วนไม่จำเป็น ท่านพูดเอง”

ลมพัดมา พาเอาไม้ที่แผ่ก้านใบเบื้องบนไหวลู่ แสงจันทร์และแสงดาวที่ถูกกรองไว้จึงพร่างพรายลงจับบนร่างชายผู้ดูสูงส่งเกินมนุษย์ จู่ๆ นางทาสสาวพลันเห็นเขากวางตระหง่านบนศีรษะนั้นเลือนหาย หรือเขามิได้สวมใส่มาด้วยตั้งแต่ต้น
ภาพชายผู้นี้ที่นางได้เห็น อันใดบ้างคือจริง อันใดบ้างคือลวง
“ว่าแต่จริตมารยา แล้วมายาของท่านเล่า ข้าว่ามันก็คือเสแสร้งไม่ต่างกัน หากอยากเจรจาเปิดเผยก็อย่าได้ใช้มายากับข้าอีก ข้าไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกกดให้อยู่ต่ำกว่าใคร” ขนาดองค์ชายอย่างเตมัน ยังให้เกียรติวางนางไว้ในระดับที่สามารถตัดสินชะตาชีวิตของตัวเอง แล้วเขาล่ะ ยิ่งใหญ่อวดดีกว่าจ้าวแผ่นดินกระนั้นหรือ

ราชครูก้าวเข้าใกล้นางมากขึ้น นึกยินดีที่นางทาสตรงหน้าไม่ถอยหลบแม้แต่ก้าวเดียว 
“งั้นสารภาพมาก่อน เจ้าช่วยข้าเพื่อสิ่งใด”

“ท่านเป็นเครื่องมือชั้นดี และเรามีเป้าหมายเดียวกัน ล้างแค้น...ทำลายคามา”

“ที่พูดมานับว่าคล้ายคลึง แต่อาจมิได้เหมือนกัน ผลงานยิ่งใหญ่ของข้าคือฆ่ามารดาของเตมัน” คนพูดผ่อนลมหายใจแสร้งทอดถอน “ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องที่ภูมิใจสุดแสนคือตอนได้ยืมมืออนัคมาปลิดชีพพี่ชายทั้งรู้ว่าชะตาคนพี่ยังไม่ขาด สุดท้ายอนัคกลับต้องตายแทน น่าเสียดาย เพราะองค์ชายองค์สุดท้องนี้เป็นศิษย์ที่ข้าเอ็นดูยิ่ง เด็กนั่นเชื่อฟังทั้งดีต่อข้าไม่น้อย ถ้าได้พบกันในวาระอื่นก็คงดี...ตัวเจ้าล่ะทำสิ่งใด นอกจากพาตัวเองมาเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ล่อตาล่อใจเตมัน”

“พูดจาสามหาว ข้าไม่ใช่นางบำเรอใคร...เรื่องผลงานข้าจะไม่ยอมแพ้ท่านดอก นอกจากทำลายอาณาจักรนี้ลง ข้ายังจะฆ่าบิดา ฆ่าลูกในไส้ของเตมันที่ยังไม่เกิด รอดูก็แล้วกัน ท่านยืมมืออนัค แต่ข้าจะให้เตมันนี่แหละฆ่าพ่อของมันเอง”

นางว่าเช่นนั้น ทำเอาทัศยะถึงกับตะลึงงัน...เป้าหมายของทาสหญิงตรงหน้าช่างสูงเทียมฟ้า
ราชครูหงายหน้าสำรวลอย่างถูกใจ เป็นท่าทีที่มิมีใครเคยได้เห็น และแน่นอน จะมิมีใครได้ยินนอกจากนาง “ข้าขอตกรางวัลให้เจ้าล่วงหน้า”

“ไม่จำเป็น”

ทว่าไม่พูดเปล่า วูบนั้นเขายังยื่นหน้าเข้าหาพลางรั้งแขนเปล่าเปลือยกระชากนางมาจนชิด
...อามินเบิกตากว้าง ริมฝีปากของราชครูนุ่มนวล ทั้งยังมีกลิ่นรสเหมือนเกสรดอกไม้หอมเย็น หญิงสาวหลับตาแน่น พยายามแข็งขืน แต่กายกลับอ่อนเปลี้ย กลีบดอกไม้พิษยิ่งบดเบียดเข้าหาจนนางรู้สึกได้ถึงรสเลือด ชายตาบอดหาได้เพียงโลภโมโทสันอย่างเงียบเชียบเรียบร้อย รสจูบของเขาให้อารมณ์บ้าคลั่งราวกับนักรบกระหายเลือด !
มือขาวๆ บีบข้อแขนสีทรายเนียนละเอียดไว้แน่น...นางทาสนี่คงไม่รู้อะไร รสเลือดทำให้ข้าคลั่ง ทว่าในลมหายใจนางนั้นยังมีอย่างอื่นที่ปลุกเร้าเป่าสติให้กระเจิงได้ยิ่งกว่า กระแสอัคคีอ่อนไหวจากส่วนลึก นางมีอำนาจมายาอยู่ในจิตวิญญาณ ยิ่งเคล้าคลอชิดใกล้ จุมพิตยิ่งเนิ่นนานออกไป เขายิ่งเมามาย 

เขาหมายควบคุมนาง แต่กระแสพลังเร้นลับที่โต้กลับทำให้ทัศยะเผลอไผล ที่สุด ฝ่ามือนางเสือจึงตะกายถึงใบหน้าราชครู กระชากผ้าซึ่งปิดบังใบหน้าลงมาครึ่งๆ เขาผละออก แต่ก็เพียงคืบ จำต้องสบตานางนิ่ง...ด้วยดวงตาสีทองเร้นลับที่หวงแหนเก็บงำไว้ มิเคยยอมให้ผู้ใดยล

อามินกะพริบตา พวกไวระ... 
“ท่านคือเผ่าที่สิ้นสูญ”

“เหมือนเจ้า”

...เราเหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่