☀มงกุฎอัคคี
ตอนที่ ๑ ปฐมบท ต้นเพลิง .................. {อสิตา}
https://ppantip.com/topic/39253472
ตอนที่ ๒ องค์ชาย .................. {อสิตา}
https://ppantip.com/topic/39256876
ทิวาวันอันร้อนระอุ ท่ามกลางสนามรบที่ไอแดดระยิบสะท้อนเข้าตา เกราะของพวกคามาชวนให้เกรงขามยิ่ง สำแดงถึงอารยธรรมอันสูงส่งที่กอปรไปด้วยสัญลักษณ์แห่งธรรมชาติ คืออำนาจแห่งแผ่นดิน...เกราะสีทองมีรอยขรุขระไม่เรียบ รมดำเพิ่มพลังขรึมขลัง เครื่องประดับเขาสัตว์ เขี้ยวงา และขนนกสีดำ พวกเขารบด้วยท่วงท่าของนักล่าผู้อยู่เหนือใครในปฐพี
นางมองเห็นองค์ชายจากที่ตรงนี้ เขาอยู่บนรถศึก ดาบใหญ่ในมือกำลังลุกติดเปลวเพลิงผลาญ ช่างน่าอัศจรรย์ ! ว่ากันว่านักรบชั้นสูงนั้นยังอาจดึงพลังจากธรรมชาติมาใช้ในการต่อสู้ เพิ่งเคยเห็นด้วยตาก็วันนี้
ทันใด ภาพงดงามพลันสิ้นสุด...
ธนูเพลิงไม่รู้มาจากไหน พุ่งปักทะลุอกองค์ชายเตมันราวกับจับวาง
ส่งให้ร่างองอาจกระเด็นตกจากรถที่พลิกคว่ำ
เป็นภาพชวนขนลุก ไม่รู้เลยว่าใครเป็นผู้ยิงศรพิฆาต
ดูก็รู้ว่าเขาไม่รอด ไม่น่า...
แต่ไม่ว่าอย่างไรอามินเป็นพวกคาดหวังกับความเป็นไปได้แม้เพียงน้อยนิด ร่างเพรียวสมส่วนจึงพุ่งเข้าสู่กลุ่มละอองคลีฟุ้งตลบอย่างมิกลัวตาย
แล้วนางก็ได้สิ่งสำคัญมาไว้ในมือ ชีวิตองค์รัชทายาทแห่งคามา
ร่างปวกเปียกถูกลากมาไว้บนรถอีกคัน ตามด้วยร่างไร้ชีวิตอีกสองสามร่างเพื่ออำพราง อามินตลบผ้าคลุมร่างเหล่านั้น ก่อนกระชากม้าบังคับรถศึกเลี่ยงออกนอกวงด้วยใจระทึก สุดท้ายนางก็พาองค์ชายนามเตมันเล็ดลอดออกมาพ้นสนามรบจนได้
ไกลจากสมรภูมิมรณะ หลังจัดการกับศรที่สามารถเจาะเกราะทะลุออกหลัง นางพบบาดแผลบนอกริมขอบไหม้ด้วยฤทธิ์ธนูเพลิงอย่างน่ากลัว นี่ไม่ใช่ไฟธรรมดา เป็นเพลิงที่ก่อเกิดด้วยมนตราอีกเช่นกัน ผู้หมายสังหารเตมันจะต้องทรงพลังแห่งพระเพลิงเป็นอย่างยิ่ง...ด้วยความเคร่งเครียด หญิงสาวเร่งรักษาเขาด้วยวิชาแพทย์ที่พอมีติดตัว
เพราะเป็นไฟอาคม ตัวศรจึงมิได้ไหม้ไฟเลยแม้แต่น้อย สภาพมันยังสมบูรณ์อย่างที่สุด
“นี่มัน...”
อามินพินิจซากลูกธนู
“ศรหางเหลืองคมหยัก อาวุธของเผ่าไวระ”
เงาเลื่อมเหลือบเขียวในเนื้อโลหะหัวศร ทั้งลวดลายประดับซึ่งแสดงเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแนบเนียนลึกซึ้ง ย่อมมิใช่เพียงของเลียนแบบที่ทำให้เหมือน
ไวระที่รักสันติยิ่ง ถือเป็นศัตรูกับคามาซึ่งช่างรุกราน เรื่องนั้นใครก็รู้ แต่นี่เป็นชนชาติที่แทบจะสิ้นพันธุ์ไปแล้ว หรือในเหล่านักรบรับจ้างฝั่งเดียวกับนางมีพวกไวระที่ยังหลงเหลือ
อามินกับพรรคพวกถูกเผ่าใหญ่ว่าจ้างให้มารบกับคามา แต่นอกจากเรื่องสินจ้างแล้วนางก็ไม่ภักดีต่อใคร นางเพียงแค่หาเงินรางวัลกลับไปหล่อเลี้ยงชนเถื่อนเผ่าน้อยที่ยังหลงเหลือของตน เหตุผลที่ช่วยเขามีเพียงอย่างเดียว...นางหลงใหลในความแข็งแกร่งเยี่ยงนักรบเช่นนั้น ใครบ้างไม่เคยได้ยินนามเตมัน อนัค สององค์ชายผู้เป็นประดุจเทพสงคราม
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าจะช่วยคนอย่างท่านไว้เพื่อสิ่งใด”
เขาคือนักล่าร้ายกาจที่บาดเจ็บแต่ท่วงท่ายังไม่สิ้นทระนง เจ้าของร่างใหญ่โตครางอืออา อามินจุปาก แผลของเขาฉกรรจ์นัก เป็นตำแหน่งแนบข้างหัวใจที่รอดได้อย่างปาฏิหาริย์ ถูกแล้ว นางมั่นใจว่าคนดื้อด้านเช่นนี้จะรอด
ร่างเขาถูกย้ายขึ้นเกวียน นางได้พาเอาชีวิตขององค์ชายไกลห่างแผ่นดินเพลิงนั้นออกมาด้วยความตื่นเต้นปนกระหยิ่มยิ้มย่อง พบเจอหมอตามทางก็เร่งขอความช่วยเหลือ โชคดีได้พบผู้เฒ่าที่เชี่ยวชาญ องค์ชายผู้นี้ดวงยังไม่กุด...
ยามค่ำคืน อามินนั่งลงลับคมหอกคมหัวลูกศร นางยกมันขึ้น หรี่ตาข้างหนึ่งยามเล็งอาวุธไปยังร่างซึ่งนอนหายใจจนอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่แรง หรือจะใช้ก้อนเลือดสูงศักดิ์นี้เป็นเป้าคมหอกเสียดีไหม...เขาเป็นองค์ชายแห่งคามา ส่วนนางเองเป็นเพียงนักฆ่าจากเผ่าไร้ราคาเท่านั้น
“อืม...น้ำ เอาน้ำมา”
หัวคิ้วคนฟังกระตุก นี่ท่านคงเอ่ยคำว่าขอไม่เป็นเลยสินะ แม้ไม่รู้สติ คำพูดนั้นก็ยังเป็นคำสั่ง ชะรอยคงมีแต่คนพะนอเอาใจ
...ทว่าไม่ใช่นาง !
มือไม้ที่มิได้อ่อนโยนกรอกยาขมให้เขา เสร็จสรรพนางจึงถอยออกมามองคนตัวโตกระสับกระส่ายอย่างสาแก่ใจ ของเล่นที่สูงค่าเช่นนี้จะทำเช่นไรดีหนอ อามินวนเวียนกลั่นแกล้งอย่างกึ่งเดียดฉันท์กึ่งเอ็นดู มือเล็กทว่าแกร่งกระชากผ้าผ่อนออกพ้นกายเทอะทะ เช็ดเนื้อตัวให้เขาไม่เบามือ ผิวสีทองสะอาดสะอ้าน แต่ร่างกายมีรอยแผลกรีดผ่านไม่น้อย สมแล้วที่ใช้ชีวิตอยู่กับการศึก
ใครว่านักรบกล้าฝีมือฉกาจร่างกายจะต้องไร้รอยขีดข่วน ขุนพลที่แท้ยังอาจยอมให้คมศาสตราแทงทะลุร่างเพื่อเข้าถึงกระบวนท่าของคู่ต่อสู้ ด้วยเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นการเรียนรู้ เป็นรสชาติของชีวิตด้วยซ้ำไป แต่ไม่ใช่ตัวนาง...อามินถนัดงานลอบสังหารมากกว่ารบปะทะ แม้ลงสู่สนามรบนางก็ยังโจนทะยานว่องไว ซุ่มรู้รักษาตัวรอด ทั้งลงมือสังหารโหดเหี้ยมได้ในจังหวะเหมาะสม
ยามเมื่อนางได้เห็นเขาทั้งตัว ไม่รู้เหตุใดจึงใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ร่วมรบกับพวกผู้ชาย ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นผ่านตา แต่มัน...ไม่เหมือนกัน อามินปาผ้าชุบน้ำใส่ใบหน้าราวรูปสลักของคนกำลังนอนซมอย่างโกรธขึ้ง บ้านัก ข้าเป็นข้าทาสบริวารของท่านตอนไหน ติดหนี้สิ่งใดจึงต้องมารับใช้ใกล้ชิดเพียงนี้ แต่ในกระโจมที่ห่างไกลนี้มีเพียงเราสอง หากนางไม่ช่วยเขาแล้วใครจะช่วย หญิงผู้ทระนงพ่นลมหายใจแรง หันกลับไปคว้าผ้าผืนสำคัญ ไม่คาด เจ้าของร่างใหญ่โตที่คล้ายสิ้นฤทธิ์อยู่ทีแรกกลับถลันพรวด คว้าตัวนางไปกดกอดไว้แนบแน่นใต้ร่างรุ่มร้อน
“เจ้า ! ” ไอ้คนถ่อยสามานย์ผู้นี้บังอาจนัก ทั้งที่ยังไม่รู้สติดี มันยังกล้าล้วงเข้ามาในอกเสื้อ ไขว่คว้า แตะต้องสิ่งที่ไม่พึงแตะบนกายจนสตรีแรกสาวถึงกับสะท้านเยือก อามินคำรามด่าขรม ถีบร่างใหญ่ออกพ้นตัวอย่างโกรธจัด
แล้วนางก็จงใจปล่อยให้เขานอนอยู่กับพื้นจนเช้า วันนั้นทั้งวัน อามินปรายตามองร่างใหญ่โตที่ไม่มีปัญญาช่วยเหลือตัวเองอย่างเหยียดหยาม ก็ได้แต่นอนเหมือนเด็ก...นางดูแลชายผู้นี้เนื่องเพราะชีวิตของเขานั้น ‘นางอยากให้รอด’ อย่างแทบจะไร้เหตุผล...คนอย่างอามินใช้ชีวิตเสรีไม่เคยยอมลงให้ใคร แต่หัวใจกลับรับรู้ได้ หากยามใดคนเช่นเตมันลืมตามาพบนางเข้า เขาจะใช้อำนาจที่มีพันธนาการนางไว้ ให้ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือนั้นไม่ยอมให้หลุดรอด
สุดท้ายนางก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาตาย...
แต่...ก็ไม่อาจเก็บเขาไว้ได้ตลอดไป
นางเลือกส่งสิ่งมีชีวิตที่สง่างามเช่นองค์ชายกลับคืนรวงรัง นั่นอาจเป็นการตัดสินใจผิดพลาดร้ายแรงที่สุดในชีวิต
ใครเลยจะรู้...จากนั้นนานหลายปี
ชะตากรรมได้ผลักไสให้นางถูกเกณฑ์เข้ามาเป็นทาสของเผ่าคามา !
☀มงกุฎอัคคี ตอนที่ ๓ นางทาส .................. {อสิตา}
ตอนที่ ๑ ปฐมบท ต้นเพลิง .................. {อสิตา}
https://ppantip.com/topic/39253472
ตอนที่ ๒ องค์ชาย .................. {อสิตา}
https://ppantip.com/topic/39256876
ทิวาวันอันร้อนระอุ ท่ามกลางสนามรบที่ไอแดดระยิบสะท้อนเข้าตา เกราะของพวกคามาชวนให้เกรงขามยิ่ง สำแดงถึงอารยธรรมอันสูงส่งที่กอปรไปด้วยสัญลักษณ์แห่งธรรมชาติ คืออำนาจแห่งแผ่นดิน...เกราะสีทองมีรอยขรุขระไม่เรียบ รมดำเพิ่มพลังขรึมขลัง เครื่องประดับเขาสัตว์ เขี้ยวงา และขนนกสีดำ พวกเขารบด้วยท่วงท่าของนักล่าผู้อยู่เหนือใครในปฐพี
นางมองเห็นองค์ชายจากที่ตรงนี้ เขาอยู่บนรถศึก ดาบใหญ่ในมือกำลังลุกติดเปลวเพลิงผลาญ ช่างน่าอัศจรรย์ ! ว่ากันว่านักรบชั้นสูงนั้นยังอาจดึงพลังจากธรรมชาติมาใช้ในการต่อสู้ เพิ่งเคยเห็นด้วยตาก็วันนี้
ทันใด ภาพงดงามพลันสิ้นสุด...
ธนูเพลิงไม่รู้มาจากไหน พุ่งปักทะลุอกองค์ชายเตมันราวกับจับวาง
ส่งให้ร่างองอาจกระเด็นตกจากรถที่พลิกคว่ำ
เป็นภาพชวนขนลุก ไม่รู้เลยว่าใครเป็นผู้ยิงศรพิฆาต
ดูก็รู้ว่าเขาไม่รอด ไม่น่า...
แต่ไม่ว่าอย่างไรอามินเป็นพวกคาดหวังกับความเป็นไปได้แม้เพียงน้อยนิด ร่างเพรียวสมส่วนจึงพุ่งเข้าสู่กลุ่มละอองคลีฟุ้งตลบอย่างมิกลัวตาย
แล้วนางก็ได้สิ่งสำคัญมาไว้ในมือ ชีวิตองค์รัชทายาทแห่งคามา
ร่างปวกเปียกถูกลากมาไว้บนรถอีกคัน ตามด้วยร่างไร้ชีวิตอีกสองสามร่างเพื่ออำพราง อามินตลบผ้าคลุมร่างเหล่านั้น ก่อนกระชากม้าบังคับรถศึกเลี่ยงออกนอกวงด้วยใจระทึก สุดท้ายนางก็พาองค์ชายนามเตมันเล็ดลอดออกมาพ้นสนามรบจนได้
ไกลจากสมรภูมิมรณะ หลังจัดการกับศรที่สามารถเจาะเกราะทะลุออกหลัง นางพบบาดแผลบนอกริมขอบไหม้ด้วยฤทธิ์ธนูเพลิงอย่างน่ากลัว นี่ไม่ใช่ไฟธรรมดา เป็นเพลิงที่ก่อเกิดด้วยมนตราอีกเช่นกัน ผู้หมายสังหารเตมันจะต้องทรงพลังแห่งพระเพลิงเป็นอย่างยิ่ง...ด้วยความเคร่งเครียด หญิงสาวเร่งรักษาเขาด้วยวิชาแพทย์ที่พอมีติดตัว
เพราะเป็นไฟอาคม ตัวศรจึงมิได้ไหม้ไฟเลยแม้แต่น้อย สภาพมันยังสมบูรณ์อย่างที่สุด
“นี่มัน...”
อามินพินิจซากลูกธนู
“ศรหางเหลืองคมหยัก อาวุธของเผ่าไวระ”
เงาเลื่อมเหลือบเขียวในเนื้อโลหะหัวศร ทั้งลวดลายประดับซึ่งแสดงเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแนบเนียนลึกซึ้ง ย่อมมิใช่เพียงของเลียนแบบที่ทำให้เหมือน
ไวระที่รักสันติยิ่ง ถือเป็นศัตรูกับคามาซึ่งช่างรุกราน เรื่องนั้นใครก็รู้ แต่นี่เป็นชนชาติที่แทบจะสิ้นพันธุ์ไปแล้ว หรือในเหล่านักรบรับจ้างฝั่งเดียวกับนางมีพวกไวระที่ยังหลงเหลือ
อามินกับพรรคพวกถูกเผ่าใหญ่ว่าจ้างให้มารบกับคามา แต่นอกจากเรื่องสินจ้างแล้วนางก็ไม่ภักดีต่อใคร นางเพียงแค่หาเงินรางวัลกลับไปหล่อเลี้ยงชนเถื่อนเผ่าน้อยที่ยังหลงเหลือของตน เหตุผลที่ช่วยเขามีเพียงอย่างเดียว...นางหลงใหลในความแข็งแกร่งเยี่ยงนักรบเช่นนั้น ใครบ้างไม่เคยได้ยินนามเตมัน อนัค สององค์ชายผู้เป็นประดุจเทพสงคราม
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าจะช่วยคนอย่างท่านไว้เพื่อสิ่งใด”
เขาคือนักล่าร้ายกาจที่บาดเจ็บแต่ท่วงท่ายังไม่สิ้นทระนง เจ้าของร่างใหญ่โตครางอืออา อามินจุปาก แผลของเขาฉกรรจ์นัก เป็นตำแหน่งแนบข้างหัวใจที่รอดได้อย่างปาฏิหาริย์ ถูกแล้ว นางมั่นใจว่าคนดื้อด้านเช่นนี้จะรอด
ร่างเขาถูกย้ายขึ้นเกวียน นางได้พาเอาชีวิตขององค์ชายไกลห่างแผ่นดินเพลิงนั้นออกมาด้วยความตื่นเต้นปนกระหยิ่มยิ้มย่อง พบเจอหมอตามทางก็เร่งขอความช่วยเหลือ โชคดีได้พบผู้เฒ่าที่เชี่ยวชาญ องค์ชายผู้นี้ดวงยังไม่กุด...
ยามค่ำคืน อามินนั่งลงลับคมหอกคมหัวลูกศร นางยกมันขึ้น หรี่ตาข้างหนึ่งยามเล็งอาวุธไปยังร่างซึ่งนอนหายใจจนอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่แรง หรือจะใช้ก้อนเลือดสูงศักดิ์นี้เป็นเป้าคมหอกเสียดีไหม...เขาเป็นองค์ชายแห่งคามา ส่วนนางเองเป็นเพียงนักฆ่าจากเผ่าไร้ราคาเท่านั้น
“อืม...น้ำ เอาน้ำมา”
หัวคิ้วคนฟังกระตุก นี่ท่านคงเอ่ยคำว่าขอไม่เป็นเลยสินะ แม้ไม่รู้สติ คำพูดนั้นก็ยังเป็นคำสั่ง ชะรอยคงมีแต่คนพะนอเอาใจ
...ทว่าไม่ใช่นาง !
มือไม้ที่มิได้อ่อนโยนกรอกยาขมให้เขา เสร็จสรรพนางจึงถอยออกมามองคนตัวโตกระสับกระส่ายอย่างสาแก่ใจ ของเล่นที่สูงค่าเช่นนี้จะทำเช่นไรดีหนอ อามินวนเวียนกลั่นแกล้งอย่างกึ่งเดียดฉันท์กึ่งเอ็นดู มือเล็กทว่าแกร่งกระชากผ้าผ่อนออกพ้นกายเทอะทะ เช็ดเนื้อตัวให้เขาไม่เบามือ ผิวสีทองสะอาดสะอ้าน แต่ร่างกายมีรอยแผลกรีดผ่านไม่น้อย สมแล้วที่ใช้ชีวิตอยู่กับการศึก
ใครว่านักรบกล้าฝีมือฉกาจร่างกายจะต้องไร้รอยขีดข่วน ขุนพลที่แท้ยังอาจยอมให้คมศาสตราแทงทะลุร่างเพื่อเข้าถึงกระบวนท่าของคู่ต่อสู้ ด้วยเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นการเรียนรู้ เป็นรสชาติของชีวิตด้วยซ้ำไป แต่ไม่ใช่ตัวนาง...อามินถนัดงานลอบสังหารมากกว่ารบปะทะ แม้ลงสู่สนามรบนางก็ยังโจนทะยานว่องไว ซุ่มรู้รักษาตัวรอด ทั้งลงมือสังหารโหดเหี้ยมได้ในจังหวะเหมาะสม
ยามเมื่อนางได้เห็นเขาทั้งตัว ไม่รู้เหตุใดจึงใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ร่วมรบกับพวกผู้ชาย ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นผ่านตา แต่มัน...ไม่เหมือนกัน อามินปาผ้าชุบน้ำใส่ใบหน้าราวรูปสลักของคนกำลังนอนซมอย่างโกรธขึ้ง บ้านัก ข้าเป็นข้าทาสบริวารของท่านตอนไหน ติดหนี้สิ่งใดจึงต้องมารับใช้ใกล้ชิดเพียงนี้ แต่ในกระโจมที่ห่างไกลนี้มีเพียงเราสอง หากนางไม่ช่วยเขาแล้วใครจะช่วย หญิงผู้ทระนงพ่นลมหายใจแรง หันกลับไปคว้าผ้าผืนสำคัญ ไม่คาด เจ้าของร่างใหญ่โตที่คล้ายสิ้นฤทธิ์อยู่ทีแรกกลับถลันพรวด คว้าตัวนางไปกดกอดไว้แนบแน่นใต้ร่างรุ่มร้อน
“เจ้า ! ” ไอ้คนถ่อยสามานย์ผู้นี้บังอาจนัก ทั้งที่ยังไม่รู้สติดี มันยังกล้าล้วงเข้ามาในอกเสื้อ ไขว่คว้า แตะต้องสิ่งที่ไม่พึงแตะบนกายจนสตรีแรกสาวถึงกับสะท้านเยือก อามินคำรามด่าขรม ถีบร่างใหญ่ออกพ้นตัวอย่างโกรธจัด
แล้วนางก็จงใจปล่อยให้เขานอนอยู่กับพื้นจนเช้า วันนั้นทั้งวัน อามินปรายตามองร่างใหญ่โตที่ไม่มีปัญญาช่วยเหลือตัวเองอย่างเหยียดหยาม ก็ได้แต่นอนเหมือนเด็ก...นางดูแลชายผู้นี้เนื่องเพราะชีวิตของเขานั้น ‘นางอยากให้รอด’ อย่างแทบจะไร้เหตุผล...คนอย่างอามินใช้ชีวิตเสรีไม่เคยยอมลงให้ใคร แต่หัวใจกลับรับรู้ได้ หากยามใดคนเช่นเตมันลืมตามาพบนางเข้า เขาจะใช้อำนาจที่มีพันธนาการนางไว้ ให้ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือนั้นไม่ยอมให้หลุดรอด
สุดท้ายนางก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาตาย...
แต่...ก็ไม่อาจเก็บเขาไว้ได้ตลอดไป
นางเลือกส่งสิ่งมีชีวิตที่สง่างามเช่นองค์ชายกลับคืนรวงรัง นั่นอาจเป็นการตัดสินใจผิดพลาดร้ายแรงที่สุดในชีวิต
ใครเลยจะรู้...จากนั้นนานหลายปี
ชะตากรรมได้ผลักไสให้นางถูกเกณฑ์เข้ามาเป็นทาสของเผ่าคามา !