#ลิขิตแห่งจันทร์ 🌛🌛🌛: สุดท้ายจริงๆ (มั้ง) ... วิเคราะห์ตัวละคร ...

ไม่รู้ว่าจะยังมีคนอ่านอีกมั้ย แต่ขอเขียนเก็บไว้อ่านเองแล้วกัน 
กระทู้ก่อนๆ  เขียนถึงไว้แต่นักแสดงกับพล็อตและบท ตรงนี้ขอเขียนถึงตัวละครหน่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เม่าอดีต แม่หญิงดวงแก้ว : จริงๆ ดวงแก้วเป็นตัวละครที่เราทึ่งที่สุด 
ในความนุ่มนิ่มมีความเข้มแข็งของจิตใจซ่อนอยู่อย่างมหาศาล
ฉากที่ดวงแก้วแอบไปซ้อมดาบได้แผล แล้วมานั่งร้องไห้กับพี่พลับ 
แสดงความคับแค้นใจของแม่หญิงยุคโบราณได้ดีนัก 
ดวงแก้วเป็นลูกแม่ทัพ ลูกทหาร แต่ความเป็นผู้หญิง ทำให้ถูกจำกัดขอบเขต 
จนกลายเป็นการจำกัดความสามารถไปโดยปริยาย 
แต่พอชะตาลิขิตให้ได้วาร์ปมายุคปัจจุบันที่ชายหญิงสิทธิเสรีภาพเท่าเทียม 
ดวงแก้วผู้ไม่เคยได้มีโอกาสฝึกสกิลบู๊เลย กลับถูกโยนเข้าใส่งานเสี่ยงอันตรายเอาดื้อๆ 
แต่ดวงแก้วก็ได้แสดงให้เห็นว่าเนื้อแท้ของลูกสาวแม่ทัพคนนี้แกร่งพอตัว 
ทั้งกล้าหาญ รอบคอบ มีสติดีมากในยามคับขัน 
ยิ่งมาถึงตอนจบที่ต้องเลือกภพที่จะอยู่ สาวน้อยที่แทบไม่เคยห่างอกพ่อแม่ 
ต้องตัดใจจากไปไกลในที่ที่เหมือนตายจากกัน ถ้าใจไม่เด็ดจริงคงละล้าละลังไม่น้อย 
แต่ดวงแก้วแสดงให้เห็นว่าคนใจเด็ดย่อมตัดสินใจได้เด็ดขาดเสมอ
คาแรคเตอร์ดวงแก้วคือคำว่า "อ่อนนอกแข็งใน" แท้ๆ 

เม่าบัลเล่ต์ หมวดโอปอล : สาวห้าว บ้าบิ่น กล้าเสี่ยง กล้าลุย แถมขี้เล่น ขี้แอ๊ว 
เรื่องนิสัยใจคอบุคลิกภายนอกตามอาชีพการงานของโอปอลคงไม่ต้องผูกถึง
ขอพูดถึงจุดที่ล้อกันกับดวงแก้ว ผู้เป็นลูกสาวแม่ทัพแล้วกัน
ก่อนมาเป็นตำรวจสาวมือปราบ โอปอลคือคุณหนูลูกสาวรัฐมนตรี 
(หรือก่อนนี้อาจ รมช. สส. เอาเป็นว่าคุณหนูยุคใหม่แล้วกัน)
ในความเป็นคุณหนูในยุคแห่งเสรีภาพของโอปอล น่าจะมีความได้อะไรอย่างใจมาตลอด
สังเกตได้จากความรั้น เอาแต่ใจ อยากทำอะไรก็ทำเลยในบางครั้ง 
(ที่บางทีแอบรู้สึกว่าไม่สมกับความเป็นตำรวจที่น่าจะรอบคอบกว่านี้ 
แต่ตรงนี้น่าจะมาจากบุคลิกส่วนที่เป็นคุณหนูรมต.)
เช่นตอนที่อยู่ๆ ก็พุ่งออกไปบวกกับพวกลักลอบซ่องสุมอาวุธ 
ทั้งที่ควรเก็บข้อมูลเงียบๆ แล้วกลับไปบอกพ่อหรือวางแผนมากกว่า
หรือตอนที่ผลุนผลันจะไปดูหน้าขุนนางใหญ่อีกคนที่มาเจรจาซื้ออาวุธกับฝรั่ง
แต่จุดอ่อนตรงนี้ของโอปอล ถูกเติมเต็มอย่างนุ่มนวลด้วยคาแรคเตอร์ของพี่หมอ
ถ้าไม่ใช่พี่หมอ ใครจะเอาผู้หญิงแกร่งมาดมั่นอย่างแม่โอปอลอยู่ได้อีกเล่า
คนแบบนี้ปราบด้วยกำลังไม่ได้ แต่ปราบได้ด้วยความนุ่มนวลเท่านั้น  
ชอบบทพูดของโอปอลในห้องหอ "นับจากนี้ไป ฉันขอฝากชีวิตไว้กับพี่หมอ"
ในสถานการณ์ของโอปอลตอนนั้น พี่หมอคือคนเดียวในภพนั้น ที่รู้จักตัวตนจริงของเธอ
เรียกว่า หากต้องใช้ชีวิตอยู่ในต่างภพ แล้วไม่มีพี่หมอ ผู้หญิงชื่อโอปอลคือไม่มีตัวตน
รวมถึง สองคนนี้เขาเคยผ่านสถานการณ์ที่ฝากชีวิตไว้ในมือกันและกันมาก่อนแล้วจริงๆ
มีความมั่นใจแล้วว่า ชีวิตเรา ฝากไว้กับคนคนนี้ได้นะ  คือฟังแล้ว ... มันซึ้งอ่ะ 
... คนแข็ง จะถูกผูกไว้ได้ด้วยสิ่งเดียว ... ความรัก 

เม่าหอยทาก หลวงโอสถวรเวช: พี่หมอ ผู้มีความคอนทราสต์ในตัวเองไม่แพ้ใคร 
ตอนแรกด้วยความที่เป็นหมอหลวง เปิดตัวด้วยเอกลักษณ์ความเนิบนาบในการพูดการจา
ทำให้นึกว่าพี่หมอจะมาสายบุ๋น เป็นหนุ่มนิ่มให้นางเอกหญิงแกร่งมาปกป้อง 
(เราดูละครช่วงแรกโดยไม่เคยดูทีเซอร์หรือ mv เพลงประกอบมาก่อน เลยไม่เห็นว่าพระเอกมีบู๊ยังไง)
แต่พอเจอพี่หมอบู๊ได้หนักแน่น เฉียบขาด เพลงมวยสวยเว่อเลยถึงกับตะลึง โดนเกี่ยวลงหลุมในบัดดล
แล้วพอมาดูแบคกราวน์ของตัวละคร การที่ตัวละครที่เป็นหมอเป็นข้าราชการสายบุ๋นจะบู๊เก่งปานนี้
ก็ไม่ได้ขัดความเป็นจริงนะ ถ้ามองว่าคนคนนี้เป็นลูกชายคนเดียวของแม่ทัพใหญ่ 
ย่อมต้องได้รับโอกาสในการร่ำเรียนฝึกปรือฝีมือวิชาการต่อสู้ต่างๆ มาแต่เล็ก 
บ้านขุนนางที่แม่ทัพชั้นผู้ใหญ่ในยุคนั้นก็คงชุบเลี้ยงครูมวยครูดาบมีฝีมือไว้ไม่น้อย 
การถ่ายทอดวิชาให้ลูกชายคนเดียวของเจ้าของบ้านไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด
ด้วยยุคสมัยและสภาวะแวดล้อม หลวงโอสถฯ จึงสามารถเป็นทั้งหมอและนักมวยนักดาบได้ในคนเดียว

(ปล. ขอเพิ่มเติมเรื่องจังหวะการพูดของหลวงโอสถ ที่เป็นประเด็นยอดฮิตหน่อย ที่บางคนว่าเพื่อนเล่นไม่ดีพูดไม่คล่อง 
ทีแรกเราก็แอบคิดอย่างนั้นนะ แต่พอรู้ว่านสด.กับผกก.ตั้งใจดีไซน์มา เลยลองมาสังเกตใหม่ 

ถึงเห็นว่า หลวงโอสถฯ จะพูดช้าเป็นพิเศษตอนที่เป็นทางการ อย่างตอนอวยยศ ตอนพูดคุยเรื่องงาน 
พูดกับสาวๆ ตอนรู้จักโอปอลใหม่ๆ กับตอนพยายามจะดุหรือกำราบโอปอล
แต่พอเวลาที่อารมณ์ผิดจากปกติ มีเรื่องตกใจ ร้อนใจ หรือมีอะไรฉุกเฉิน รีบด่วน จังหวะพูดเขาจะเร็วขึ้น 

เราเลยได้ข้อสรุปว่า ตัวพี่หมอแกเก๊กค่ะ อาจจะเพราะการเป็นหมอในวัง มียศเป็นหลวงตั้งแต่อายุยังน้อย 
เลยต้องทำตัวเคร่งขรึม ปรับวิธีการพูดจาในแบบที่ตัวหลวงโอสถฯ คงคิดว่าจะทำให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือขึ้น

เหมือนคนคนนี้ฝึกตัวเองมาแบบนั้น เป็นการตีความความคิดของหลวงโอสถฯ ซ้อนลงไปอีกชั้น 

แล้วการแสดงค่อยออกมาแบบมีทั้งจังหวะที่หลวงโอสถฯ วางมาดคุมตัวเองอยู่ กับตอนที่หลุดที่ลืมตัว 
ไปถึงตอนที่บุคลิกเริ่มเปลี่ยนตามคนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจ คือมีความละเอียดนะ ตั้งใจมาทุกอย่างจริง

ตรงนี้ไม่พูดถึงว่า วิธีพูดจาของหลวงโอสถฯ แบบเนิบๆ เก๊กๆ มันทำให้คนดูรู้สึกยังไง ถูกใจหรือไม่ถูกใจคน
แค่คิดว่า เป็นการตั้งใจ คิดมาแล้ว ลองสิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่เพราะเจ้าตัวเล่นไม่ยังคล่องแน่ๆ เพราะจังหวะที่พูดต่างกันมันไม่ได้สุ่มเลย)

เม่ากิจกรรม  หมวดพิภพ: ในบรรดาตัวละครหลักทั้งสี่ พิภพเป็นตัวละครที่ธรรมดาที่สุด จนไม่รู้จะเขียนถึงยังไงดี
แต่ก็คือเป็นผู้ชายที่จับต้องได้เนอะ หาได้ในชีวิตจริง (เหรอ? -แบบที่ยกภาพวาดราคา 20 ล้านให้กันง่ายๆ เนี่ยนะ หาที่ไหน วานบอก)
พิภพเป็นเพื่อนที่ดี เป็นแฟนที่มุ้งมิ้ง แต่เพราะเราอยากสิงโอปอลมากกว่า พิภพเลยเป็นได้แค่เพื่อนซี้
แต่ถ้าพยายามสวมวิญญาณดวงแก้ว พิภพเป็นทั้งเพื่อน เป็นที่พึ่งพา เป็นผู้ปกป้อง 
แม้จะไม่เข้าใจ ไม่เชื่อ หัวเราะน่าหมั่นไส้ใส่ได้ตลอด แต่พิภพก็ตามใจดวงแก้วทู้กกกอย่าง 
อยากได้อะไรก็หาให้ อยากไปไหนก็พาไป เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว สำหรับน้องดวงแก้วจริงๆ 
อยากเห็นพิภพในภาค 2 ที่สุด เพราะความที่เป็นตัวละครที่ยังแสดงตัวตนส่วนลึกออกมาน้อยที่สุดในบรรดาตัวละครหลัก
จึงมีช่องให้สร้างพัฒนาการได้มากที่สุด หากเจอสถานการณ์ที่ต่างออกไปจากปกติ 
ถึงตอนนั้น เผื่อจะเขียนถึงคาแรคเตอร์พิภพได้มากขึ้นกว่านี้เนอะ

จบเรื่องตัวละครหลัก ขอแถมอีกหนึ่งตัวละคร 

 ท่านรัฐมนตรีดำรง พ่อของโอปอล: พ่อโอปอล น่าจะเป็นตัวละครที่มีบทน้อยที่สุดในบรรดาพ่อแม่นะ
น้อยกว่าพระยาฤทธิ์ปรีชา เจ้าคุณพ่อของดวงแก้ว น้อยกว่าคุณหญิงอัญชลีแม่ของโอปอล และคุณหญิงดวงเดือน
แต่สังเกตแทบทุกฉากที่คุณพ่อของโอปอลออก ในขณะที่แม่ก็คือแม่ มีความห่วง ความกังวลสารพัดในเรื่องของลูก
ไดอะล็อคของคุณพ่อมีอย่างเดียว คือแสดงความเชื่อมั่นในตัวลูกสาว เหมือนบทนี้มีไว้เพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ 
แต่เรารักคุณพ่อโอปอลตรงจุดนี้แหละ ดูแล้วนึกถึงพ่อตัวเอง เหตุผลส่วนตัวล้วนๆ เลย อมยิ้ม42
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่