#ลิขิตแห่งจันทร์ 🌛🌛🌛: โค้งสุดท้ายแล้ว ยังคงชอบเธอแบบนี้ทุกอย่างจริงๆ

ขออีกสักกระทู้นะเจ้าคะ วันนี้พีคมากจนยังไม่อยากลุกไปนอน

อันดับแรกขอชมบทก่อน

เรื่องนี้บทพล็อตขึ้นมาใหม่ก็จริง แต่พล็อตมาแบบจัดเต็มมาก ไม่มีคำว่าพล็อตหลวม เรื่องราวเยอะ รายละเอียดเยอะสุด
ฉลาดที่เลือกการเดินเรื่องสองภพไปพร้อมกัน เพราะมันเป็นโอกาสให้ใส่เรื่องราวได้สองทาง มีเรื่องให้เล่นสองเท่า
เก่งด้วยที่ผูกเรื่องสองทางได้สอดรับกันดี ตัดสลับไปมาไม่งง อารมณ์ไม่ขาดตอน ลุ้นทั้งสองทาง ไม่มีทางไหนน่าเบื่อหรือด้อยกว่ากันเลย

พาร์ทปัจจุบัน ดวงแก้วสาวกรุงศรีอยุธยาไปโผล่กรุงเทพมหานคร มีทั้งความแปลกใหม่น่าเอ็นดูอยู่แล้ว

พาร์ทอดีต ดูเผินๆ อาจจะแอบก้ำกึ่งกับการซ้ำไลน์เรื่องอื่น แต่ถ้าดูจริงๆ คือมีรายละเอียดของตัวเองอยู่
โดยเฉพาะตรงที่มีบู๊คือจุดแข็งของค่ายอยู่แล้วด้วย มวยสวยไลน์บู๊สวยตื่นตาตื่นใจ กำไรคนดูมาก

ช่วงที่แข่งการฝีมือ บางคนบ่นว่ามันยืดมันวน แต่จริงๆ เราว่าไม่นะ มันไม่ได้แข่งขำๆ เฉยๆ มีการเดินเรื่องไปข้างหน้าทีละจุดอยู่
รวมถึงเตรียมรายละเอียดสำหรับปมข้างหน้าด้วย นางเอกมีจุดหมายว่าแข่งเพื่อหาเงินไปตั้งสำนักฝึกมวย ที่กลายไปเป็นเหตุให้ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ
แถมการแข่งยังทำให้ได้ไปห้องตะวันตกของเสด็จ เพื่อเห็นภาพวาดของ Mr.F อีก

หรือซีนพี่หมอวาดรูป ก็ไม่ได้มาวาดเล่นๆ ให้ได้ซีนสวยๆ ซึ้งๆ มองตาเฉยๆ แต่ภาพพี่หมอยืนวาดรูป กลายเป็นแบบให้โอปอลเอาไปทำงานปักผ้า
แล้วยังได้เอาภาพที่วาดนั้นไปใช้กับเรื่องกบฏต่ออีก สองเด้งเลย ชอบการผูกปมพวกนี้มาก ใช้ทรัพยากรคุ้มค่าดี

ผลการประชันงานฝีมือ เราชอบที่ให้โฉมชนะทุกโจทย์ เรื่องมันควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะเขาคือ(นางใน)ตัวจริง
ถึงนางเอกจะทำได้แปลกน่าทึ่งน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ถ้าดันชนะทั้งที่โจทย์คือแข่งฝีมือ ไม่ใช่ความแปลก มันจะละค้อนละครมาก
ตรงนี้ดูเป็นการให้เกียรติงานแท้ๆ ฝีมือแท้ๆ ด้วย (แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นนางร้ายก็ตาม)
ทำให้รู้สึกภูมิใจไปด้วยกับกับศิลปวัฒนธรรมของไทย สมกับที่เรื่องต้องการสื่อเรื่องความรักชาติ รักวัฒนธรรม
ไม่ใช่แค่เอาความแปลกไปใส่ แล้วให้ทุกคนเห่อแต่ความแปลกจนลืมรากเหง้าของเก่า เพียงเพราะคนทำคือนางเอก
(แปลกใจได้ ปลื้มได้ แต่ของที่ดีอยู่แล้วก็ควรได้การยอมรับว่าดี ประมาณนั้น)

วันนี้ซีนดราม่า พี่หมอกับพ่อ / โอปอลกับหลวงโอสถวรเวช (เรียกซะห่างเหินใจบางเลยจ้า ) ดูแล้วบีบหัวใจตามมาก
ช่วงต้นๆ เรื่องเรามีความรู้สึกว่าคุณจิ๊บพ่อพี่หมอ เล่นแปลกๆ แข็งๆ (โดยเฉพาะซีนหลังลูกชายจมน้ำ)
เป็นความแข็งๆ ที่คล้ายๆ ที่เพื่อนเล่นช่วงแรกๆ ด้วยเช่นกัน ฤาจะเป็นกรรมพันธุ์ของผู้ชายตระกูลนี้
ที่ต้องทำเก๊กๆ แปลกๆ ในยามปกติ แต่พอฉากดราม่า สองพ่อลูกใส่กันไม่ยั้ง เป็นซีนอารมณ์ที่ชอบมากซีนหนึ่งเลย

ส่วนตอนน้องตัดสัมพันธ์พี่หมอ คือแบบไม่อยากพูดถึง ได้แต่อธิษฐานกับพระจันทร์ ขอทีมบทอย่าใจร้ายนานนะท่าน
พรุ่งนี้ก็ดีกันได้แล้วเนอะ ช่วยกันสืบคดี สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอย่างเดิมดีกว่า เห็นสายตาทั้งคู่แล้วใจร้าว เม่าโศก

สืบสวน ซับซ้อนซ่อนเงื่อน หลอกเราเดาไปหลายทางจนงง ไม่มีสปอยล์ด้วย ลุ้นตามอย่างเดียวเลย

ไทม์ไลน์การข้ามภพคือสนุกดี ไม่ได้เดินตรงๆ แต่มีการเล่นให้มันซ้อนกันไปมา
ดวงแก้วเล่าว่าถูกดูดเข้าภาพในคืนวันลอยประทีป พอโอปอลตื่นมาภพนี้ ออกไปคุยกับพ่อแม่คือเช้าแล้ว
แต่พอคืนวันนั้น กลับกลายเป็นงานลอยประทีป(อีกรอบ?) (คือถูกดูดคืนลอยประทีป แต่เอามาปล่อยคืนก่อนวันลอยประทีปคืนนึง)

ก้านถูกไล่ล่า อธิษฐานกับพระจันทร์ คืนวันเพ็ญ(ตอนแรกไม่รู้เพ็ญไหน) ทะลุมาเจอโอปอล แล้วอีก 2-3 วันต่อมา โอปอลถึงถูกดูดเข้าภาพ

พออีกซีน ดร.เฟื่องเพิ่งวาดภาพวันลอยประทีป ตอนวันลอยประทีปที่โอปอลมาภพนี้แล้ว แถมมาเป็นวันเดียวกับที่ก้านถูกไล่ล่าอีก
(ส่วนภาพที่ ดร.วาด คิดว่า ดร.อาจเคยวาดให้เสด็จแล้ววาดซ้ำอีกเป็น v.2 ก็ได้ แวนโก๊ะยังวาดภาพดอกทานตะวันตั้งหลายภาพ)

ชอบความจับไขว้ซ้อนไปมาอย่างนี้ค่ะ งงดี
เมื่อมิติเวลาถูกรบกวน เส้นเวลามันจะไม่เคลื่อนปกติแต่จะคล้ายผืนที่ถูกจับจีบมาย่นๆ ซ้อนๆ กัน จิ้มตรงนึงอาจทะลุไปอีกตรงที่ห่างออกไปได้

โดยรวมแล้ว เราชอบบทโทรทัศน์ของเรื่องนี้ค่อนข้างมากนะคะ แม้ว่าบางจุดมันจะไม่ได้เนี้ยบไม่ได้เพอร์เฟค 100%
บางบทอาจจะแบบไม่เมคเซ้นส์สุดๆ แบบจงใจมาก อย่างตอนโอปอลพี่พลับพันหน้าพันตาไปช่วยพี่หมอจมน้ำ นั่นคือไม่พิรุธเล้ย
ไม่น่าสงสัยเลยยย แต่พ่อพระเอกเหมือนไม่รับรู้ความพิลึกพิลั่นนี้ดื้อๆ ฯลฯ แต่มันไม่ได้ขัดตาขัดใจ กลับกลายเป็นเสน่ห์ให้เอ็นดูหรือฮาไปซะ
แบบที่มีความเห็นนึงเคยบอกว่า “อยากใส่อะไรก็ใส่ แต่เออมันได้” คือใช่จริงๆ

หรือความล้มหน้าชนจ้องตาของพระเอกนางเอก ปกติเราจะเลี่ยนฉากแบบนี้มาก มองเมินตลอด ไม่ค่อยจะฟินกะใครเขาหรอก
แต่เรื่องนี้ใส่มาเยอะมาก เยอะจนเหมือนประชด เค้าล้อเล่น เอะอะล้ม เอะอะขาอ่อน แต่กลับทั้งฮาทั้งฟินจนลืมเลี่ยนเฉยเลย
ฉะนั้น ขนมาเถอะ มีเท่าไหร่ขนมาให้หมด เรารับไหว เม่าบัลเล่ต์

สุดท้าย ปกติละครหลายเรื่องทำมาดีๆ มักตกม้าตายตอนจบ เพราะความรวบรัดตัดตอนในการสรุปเรื่อง
ส่วนหนึ่งที่เคยสังเกตเห็นคือ เพราะต้องดึงไคลแม็กซ์ให้อยู่ที่ ep สุดท้าย
หรืออย่างน้อยก็ท้าย ep รองสุดท้ายแล้วลากข้าม ep มาเพื่อดึงคนมาดูตอนจบ
ทั้งที่ถ้าอ่านนิยาย บางเรื่องไคลแม็กซ์อยู่เกินครึ่งเรื่องมานิดหน่อย หรือสามในสี่ก็มี
ที่เหลือเป็นการเก็บรายละเอียด และคลายปมหลังไคลแม็กซ์
ซึ่งบางเรื่องรายละเอียดเยอะจริงๆ 3-4 บทแน่ะกว่าจะคลายปมหมดแบบอิ่มสมบูรณ์จริงๆ
ถ้าเป็นละครก็ต้องใช้สัก ep กว่าๆ หรือ 2 ep เป็นอย่างน้อย
แต่กลับถูกรวบตึงในไม่ถึง ep หักไคลแม็กซ์ที่ต้องมาอยู่ต้น ep สุดท้ายไปด้วย
ทำให้ละครหลายเรื่องจบแบบไม่ค่อยอิ่มไปอย่างน่าเสียดาย 

แต่เรื่องนี้ เล็งๆ แล้วคาดว่าจุดพีคของเรื่องน่าจะมีมากกว่าหนึ่ง ตอนจับผู้ร้ายคดีต่างๆ คือพีคแรก
แล้วพอจบคดีเมื่อไหร่ จะยังเหลือเรื่องการข้ามภพ เลือกหรือไม่ได้เลือกว่าจะอยู่ภพไหนต่ออีก
คงไม่ต้องรวบตึงดึงคลี่คลายคดีมาไว้สุดท้ายก็ยังมีเรื่องลุ้นต่อได้ น่าจะเฉลี่ยบทจนจบได้สวยๆ ไม่ตกพี่เมฆาหรอกเนอะ
แต่คิดว่า อีก 4 ep นี้ คงไม่มี ep ไหนได้พักหายใจแน่ๆ นี่ทั้งอยากดูจนจบเรื่องราวทั้งไม่อยากให้จบไปพร้อมกัน สับสนจริงๆ เพี้ยนขำหนักมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่