ท้องฟ้าเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนยามบ่ายในขณะนั้น แดงฉานราวกับถูกสาดด้วยสายโลหิต เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงพายุใหญ่ที่กำลังจะอุบัติขึ้นในไม่ช้า
ในท้องทะเลอันปั่นป่วนไปด้วยกระแสคลื่น เหล่าเรือรบโรมันโบราณนับร้อยก็กำลังลอยละล่องโคลงเคลงไปมาราวกับฝูงปลาที่ผุดขึ้นมาโลดแล่นบนผิวน้ำ แลเห็นใบพายขนาดใหญ่มากมายของเรือแต่ละลำนั้นวาดว่ายจ้วงลงน้ำเป็นจังหวะราวกับครีบของปลาที่โบกพัดสะบัดพลิ้ว
บนเรือลำหนึ่งซึ่งเป็นเรือบัญชาการของกองเรือรบโรมันอันเกรียงไกรนี้...
เดมิเซียส แม่ทัพผู้องอาจสง่างามใบหน้าคมเข้มหนวดเคราครึ้มในขุดนักรบโรมันอันดุดันน่าเกรงขาม เดินออกมาที่ดาดฟ้าเรือ ซึ่งขณะนั้น เหล่าบรรดานายทหารหลายคนกำลังยืนรวมกลุ่มกันอยู่
นายทหารทั้งมวลทำความเคารพเดมิเซียสอย่างเข้มแข็ง ก่อนที่สตาร์ตัส ผู้เป็นมือขวาได้เข้ารายงานสถานการณ์ต่างๆให้ผู้บังคับบัญชาของตนทราบ
" คาดว่าจะมีพายุใหญ่ อาจเป็นอุปสรรคให้การเดินทางล่าช้าไปอีก "
เดมิเซียสยกมือขึ้นลูบคางพลางว่า
" รักษาระดับความเร็ว แล้วเกาะกลุ่มกันไว้ ส่งสัญญาณให้เรือทุกลำเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน "
กล่าวจบ แม่ทัพผู้ห้าวหาญหันไปมองนายทหารหนุ่มรูปหล่อผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนักพลางเอ่ย
" เอริออส เข้ามาข้างในหน่อย "
เดมิเซียสว่าพลางก็เดินกลับเข้าไปภายในห้องพักของตนโดยมีเอริออส นายทหารหนุ่มหุ่นล่ำเดินตามมาติดๆ โดยไม่รู้เลยว่าสตาร์ตัสเหลือบมองเอริออสด้วยแววตาแห่งความริษยา
เมื่อทั้งสองเข้าสู่ห้องอันมิดชิดเอริออสได้หันไปปิดประตู เดมิเซียสก็หยุดยืนจังก้าอยู่กลางห้อง พลางจ้องมองเอริออสด้วยสายตาอันกรุ้มกริ่ม
ฝ่ายเอริออสเองก็ดั่งรู้เป็นนัย เขาเดินเข้ามายืนประจันหน้ากับผู้บังคับบัญชาของตนก่อนที่เดมิเซียสจะยกมือขึ้นลูบไล้เรียวคางและใบหน้าอันหล่อเหลาของลูกน้องผู้เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ แม้เพียงบุรุษด้วยกันยังยามจะหักห้ามความรู้สึกผิดแผกนั้นได้
เรือนกายอันกำยำและกล้าแกร่งแห่งชายในชุดเกราะนักรบโรมันอันน่าเกรงขามได้แนบชิดกันอย่างเร่าร้อน หัวใจของทั้งคู่ต่างเต้นไม่เป็นส่ำราวกับกลองศึก
เอริออสถูกรั้งใบหน้าเข้าหาแม่ทัพผู้องอาจ ก่อนที่เรียวปากอันบางเบาจะถูกตระโบมพรมจูบอย่างดุดันจากเดมิเซียสผู้เถื่อนดิบราวกับสีห์ราชผู้คุโชนไปด้วยเพลิงสวาทที่เผาผลาญ
สองกายกอดก่ายโอบกระชับกันอย่างหนักหน่วงพลางช่วยกันปลดเปลื้องเครื่องพันธนาการร่างกายของกันและกันนั้นออกอย่างรวดเร็ว จนแผ่นอกอันกำยำสมชายชาตรีที่เต็มไปด้วยขนอันดกดำหนาทึบนั้นปรากฏแก่สายตา
ลีลารักของเดมิเซียสนั้นสร้างฝันอันบรรเจิดให้บังเกิดขึ้นแก่เอริออสอย่างซ่านกระสัน จนกายาแห่งชายฉกรรจ์ทั้งสองนั้นสั่นสะท้านตอบรับเป็นจังหวะกันอย่างต่อเนื่องไปตามครรลอง ในขณะที่ภายนอกห้องแห่งนั้น สถานการณ์อันคับขันก็ได้เริ่มอุบัติขึ้น
เกลียวพายุอันกรรโชกแรงได้โหมกระหน่ำใส่กองเรือรบอันเกรียงไกรจนแลเห็นลำเรือนับร้อยโยกไหวโคลงเคลงไปมาอย่างน่ากลัว ซึ่งท้องฟ้าในพลานั้นก็ปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆสีดำสนิทและกระแสลมก็โหมกระพือพัดแรงขึ้นทุกขณะอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงได้ง่าย ตรงกันข้าม กลับดูจะยิ่งดุดันแข็งกร้าวราวเทพเจ้าพิโรธ
สายฟ้าฟาดฟันลงมาหลายสาย ซึ่งหลังจากนั้น หยาดฝนมากมายก็เทกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่เรือทุกลำก็ยังคงแล่นฝ่าเกลียวคลื่นที่ถาโถมนั้นต่อไปโดยไม่ประหวั่นพรั่นพรึงกับสถานการณ์ที่ประสบเลยแม้แต่น้อย
หากแต่บนรือแม่ทัพนั้น นาริอุส ผู้เป็นนายทหารมือซ้ายแห่งเดมิเซียสได้วิ่งขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ หมายเข้ารายงานสถานการณ์ทั้งหมดให้ผู้บังคับบัญชาทราบ หากแต่เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องของแม่ทัพ เขากลับถูกสตาร์ตัสผู้เป็นมือขวาข้าขวางไว้พลางกระซิบว่า
" อยากตายรึเจ้า มิรู้หรือว่าแม่ทัพกำลังอยู่กับเอริออส "
" แต่พายุเริ่มหนักขึ้น จำเป็นต้องรายงาน "
" รอไปก่อน สถานการณ์ยังควบคุมได้ "
สตาร์ตัสเสียงแข็งใส่ ยังผลให้นาริอุสต้องถอยจากมาด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
ภายในห้องพักของแม่ทัพเดมิเซียสนั้น...
กิจกรรมสวาทแห่งชายฉกรรจ์ดำเนินมาจนสิ้นสุดและทั้งสองต่างก็นอนกอดก่ายกันอยู่บนที่นอนภายใต้ผ้าห่มสีขาวบริสุทธิ์ผืนใหญ่ ในขณะที่ลำเรือก็โคลงเคลงโยกไหวขึ้นลงไปมาไม่หยุดหย่อน และเสียงฝนฟ้าอันคึกคะนองก็กระหน่ำซัดอย่างไม่ยั้ง ซึ่งเพลานั้น เสียงนาริอุส ก็ดังขึ้นมาพร้อมกับการเคาะประตูห้อง
" ท่านแม่ทัพ เรือเราจมลงไปกว่าครึ่งแล้วขอรับ "
เดมิเซียสได้ยินดังนั้นก็พลันลืมตารีบกระโจนลากผ้าห่มสีขาวผืนใหญ่คลุมกายลงจากที่นอนไป เผยให้เห็นร่างกายอันเปล่าเปลือยของเอริออสที่ยังคงนอนสงบนิ่งอยู่ ซึ่งพักหนึ่ง เอริออสก็รีบหันไปฉวยเสื้อผ้ามาสวมใส่ก่อนติดตามเดมิเซียส ออกไปโดยไม่ชักช้า
บนดาดฟ้าเรืออันฉุกละหุกและสับสนวุ่นวายไปด้วยบรรดานายทหารที่กำลังสั่งการลูกเรือ...
แม่ทัพเดมิเซียสผู้องอาจ ภายใต้ผ้าห่มสีขาวบริสุทธิ์ผืนใหญ่ที่โบกสะบัดกระพือพัดตามแรงลมพายุ กำลังบัญชาการหล่าทหารทั้งมวลในกองทัพด้วยความเข้มแข็งและสติปัญญาอันชาญฉลาดล้ำลึกเพื่อให้ไพร่พลฝ่าผ่านสถานการณ์วิกฤติอันเลวร้ายและสุดหฤโหดในครั้งนี้ไปให้จงได้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าภัยพิบัติที่บังเกิดขึ้นนั้นจะเหนือความคาดหมายและเกินขีดจำกัดที่จะควบคุมได้เสียแล้ว
เกลียวคลื่นที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เรือรบหลายลำพุ่งข้าชนกันเองจนอับปางลง และบรรดาไพร่พลทหารหาญก็ลอยคอจมหายไปในมหาสมุทร บ้างก็ได้รับการช่วยเหลือจากเรือลำอื่นๆ ในขณะที่เรือบางลำกลับกิดเพลิงไหม้จนเหล่าลูกเรือต้องกระวีกระวาดกันดับไฟให้วุ่นวายไปหมด
- - - - - - - - -
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น...
แม่ทัพเดมิเซียส ในชุดนักรบโรมันเดินออกมาจากห้องพักบนเรือบัญชาการพลางทอดสายตามองสภาพท้องทะเลอันสงบราบเรียบและท้องฟ้าอันปลอดโปร่งแจ่มใสไร้เมฆหมอก
ฝูงนกนางนวลโผผินบินร่อนผ่านบรรดาเรือรบเพียงไม่กี่ลำที่เหลือรอดจากพายุร้ายเมื่อคืนนี้อย่างช้าๆ และสง่างาม ซึ่งเดมิเซียสเองก็มองดูเหล่าทหารหาญมากมายที่กำลังปฏิบัติกิจวัตรในยามเช้าและซ่อมแซมเรือทีชำรุดด้วยจิตใจอันขุ่นมัว
สตาร์ตัสและนาริอุสเข้ารายงานความเสียหายของเรือและไพร่พล ซึ่งผลจากพายุที่กระหน่ำอย่างรุนแรงนั้น ทำให้สูญเสียชีวิตทหารไปกว่าพันนาย และเรือรบก็จมและเสียหายไปเป็นจำนวนมาก ตลอดจนเสบียงและน้ำบริสุทธิ์ที่มีอยู่ก็เหลือน้อยเต็มทน จนอาจไม่เพียงพอกับไพร่พลทั้งหมด ซึ่งหากจะเดินทางกลับสู่กรุงโรมในครานี้ เห็นทีต้องเกิดปัญหาขาดแคลนอาหารและน้ำอย่างแน่นอน
เดมิเซียสได้ประชุมบรรดานายทหารชั้นผู้ใหญ่ เพื่อหารือแนวทางปฏิบัติว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป ซึ่งในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า จะต้องเดินทางต่อ ถึงแม้จะเสี่ยงกับการขาดแคลนเสบียงก็ตาม
กองเรือรบโรมันเริ่มเคลื่อนออกจากตำแหน่งที่อยู่นั้นไปอย่างช้าๆ ซึ่งดูเหมือนว่าจุดหมายคือกรุงโรมนั้น จะอยู่อีกไกลลิบ แต่ถึงกระนั้น บรรดาไพร่พลที่หลงเหลืออยู่ก็ยังมีขวัญและกำลังใจดี ไม่ได้ย่อท้อต่ออุปสรรคขวากหนามแต่อย่างใด เนื่องจากทหารทุกนายได้ผ่านสมรภูมิอันดุเดือดกันมาแล้วอย่างโชกโชน
เรื่องสั้นแนววาย :: ลาวาพยาบาท :: โดย ด๋ง
ในท้องทะเลอันปั่นป่วนไปด้วยกระแสคลื่น เหล่าเรือรบโรมันโบราณนับร้อยก็กำลังลอยละล่องโคลงเคลงไปมาราวกับฝูงปลาที่ผุดขึ้นมาโลดแล่นบนผิวน้ำ แลเห็นใบพายขนาดใหญ่มากมายของเรือแต่ละลำนั้นวาดว่ายจ้วงลงน้ำเป็นจังหวะราวกับครีบของปลาที่โบกพัดสะบัดพลิ้ว
บนเรือลำหนึ่งซึ่งเป็นเรือบัญชาการของกองเรือรบโรมันอันเกรียงไกรนี้...
เดมิเซียส แม่ทัพผู้องอาจสง่างามใบหน้าคมเข้มหนวดเคราครึ้มในขุดนักรบโรมันอันดุดันน่าเกรงขาม เดินออกมาที่ดาดฟ้าเรือ ซึ่งขณะนั้น เหล่าบรรดานายทหารหลายคนกำลังยืนรวมกลุ่มกันอยู่
นายทหารทั้งมวลทำความเคารพเดมิเซียสอย่างเข้มแข็ง ก่อนที่สตาร์ตัส ผู้เป็นมือขวาได้เข้ารายงานสถานการณ์ต่างๆให้ผู้บังคับบัญชาของตนทราบ
" คาดว่าจะมีพายุใหญ่ อาจเป็นอุปสรรคให้การเดินทางล่าช้าไปอีก "
เดมิเซียสยกมือขึ้นลูบคางพลางว่า
" รักษาระดับความเร็ว แล้วเกาะกลุ่มกันไว้ ส่งสัญญาณให้เรือทุกลำเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน "
กล่าวจบ แม่ทัพผู้ห้าวหาญหันไปมองนายทหารหนุ่มรูปหล่อผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนักพลางเอ่ย
" เอริออส เข้ามาข้างในหน่อย "
เดมิเซียสว่าพลางก็เดินกลับเข้าไปภายในห้องพักของตนโดยมีเอริออส นายทหารหนุ่มหุ่นล่ำเดินตามมาติดๆ โดยไม่รู้เลยว่าสตาร์ตัสเหลือบมองเอริออสด้วยแววตาแห่งความริษยา
เมื่อทั้งสองเข้าสู่ห้องอันมิดชิดเอริออสได้หันไปปิดประตู เดมิเซียสก็หยุดยืนจังก้าอยู่กลางห้อง พลางจ้องมองเอริออสด้วยสายตาอันกรุ้มกริ่ม
ฝ่ายเอริออสเองก็ดั่งรู้เป็นนัย เขาเดินเข้ามายืนประจันหน้ากับผู้บังคับบัญชาของตนก่อนที่เดมิเซียสจะยกมือขึ้นลูบไล้เรียวคางและใบหน้าอันหล่อเหลาของลูกน้องผู้เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ แม้เพียงบุรุษด้วยกันยังยามจะหักห้ามความรู้สึกผิดแผกนั้นได้
เรือนกายอันกำยำและกล้าแกร่งแห่งชายในชุดเกราะนักรบโรมันอันน่าเกรงขามได้แนบชิดกันอย่างเร่าร้อน หัวใจของทั้งคู่ต่างเต้นไม่เป็นส่ำราวกับกลองศึก
เอริออสถูกรั้งใบหน้าเข้าหาแม่ทัพผู้องอาจ ก่อนที่เรียวปากอันบางเบาจะถูกตระโบมพรมจูบอย่างดุดันจากเดมิเซียสผู้เถื่อนดิบราวกับสีห์ราชผู้คุโชนไปด้วยเพลิงสวาทที่เผาผลาญ
สองกายกอดก่ายโอบกระชับกันอย่างหนักหน่วงพลางช่วยกันปลดเปลื้องเครื่องพันธนาการร่างกายของกันและกันนั้นออกอย่างรวดเร็ว จนแผ่นอกอันกำยำสมชายชาตรีที่เต็มไปด้วยขนอันดกดำหนาทึบนั้นปรากฏแก่สายตา
ลีลารักของเดมิเซียสนั้นสร้างฝันอันบรรเจิดให้บังเกิดขึ้นแก่เอริออสอย่างซ่านกระสัน จนกายาแห่งชายฉกรรจ์ทั้งสองนั้นสั่นสะท้านตอบรับเป็นจังหวะกันอย่างต่อเนื่องไปตามครรลอง ในขณะที่ภายนอกห้องแห่งนั้น สถานการณ์อันคับขันก็ได้เริ่มอุบัติขึ้น
เกลียวพายุอันกรรโชกแรงได้โหมกระหน่ำใส่กองเรือรบอันเกรียงไกรจนแลเห็นลำเรือนับร้อยโยกไหวโคลงเคลงไปมาอย่างน่ากลัว ซึ่งท้องฟ้าในพลานั้นก็ปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆสีดำสนิทและกระแสลมก็โหมกระพือพัดแรงขึ้นทุกขณะอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงได้ง่าย ตรงกันข้าม กลับดูจะยิ่งดุดันแข็งกร้าวราวเทพเจ้าพิโรธ
สายฟ้าฟาดฟันลงมาหลายสาย ซึ่งหลังจากนั้น หยาดฝนมากมายก็เทกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่เรือทุกลำก็ยังคงแล่นฝ่าเกลียวคลื่นที่ถาโถมนั้นต่อไปโดยไม่ประหวั่นพรั่นพรึงกับสถานการณ์ที่ประสบเลยแม้แต่น้อย
หากแต่บนรือแม่ทัพนั้น นาริอุส ผู้เป็นนายทหารมือซ้ายแห่งเดมิเซียสได้วิ่งขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ หมายเข้ารายงานสถานการณ์ทั้งหมดให้ผู้บังคับบัญชาทราบ หากแต่เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องของแม่ทัพ เขากลับถูกสตาร์ตัสผู้เป็นมือขวาข้าขวางไว้พลางกระซิบว่า
" อยากตายรึเจ้า มิรู้หรือว่าแม่ทัพกำลังอยู่กับเอริออส "
" แต่พายุเริ่มหนักขึ้น จำเป็นต้องรายงาน "
" รอไปก่อน สถานการณ์ยังควบคุมได้ "
สตาร์ตัสเสียงแข็งใส่ ยังผลให้นาริอุสต้องถอยจากมาด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
ภายในห้องพักของแม่ทัพเดมิเซียสนั้น...
กิจกรรมสวาทแห่งชายฉกรรจ์ดำเนินมาจนสิ้นสุดและทั้งสองต่างก็นอนกอดก่ายกันอยู่บนที่นอนภายใต้ผ้าห่มสีขาวบริสุทธิ์ผืนใหญ่ ในขณะที่ลำเรือก็โคลงเคลงโยกไหวขึ้นลงไปมาไม่หยุดหย่อน และเสียงฝนฟ้าอันคึกคะนองก็กระหน่ำซัดอย่างไม่ยั้ง ซึ่งเพลานั้น เสียงนาริอุส ก็ดังขึ้นมาพร้อมกับการเคาะประตูห้อง
" ท่านแม่ทัพ เรือเราจมลงไปกว่าครึ่งแล้วขอรับ "
เดมิเซียสได้ยินดังนั้นก็พลันลืมตารีบกระโจนลากผ้าห่มสีขาวผืนใหญ่คลุมกายลงจากที่นอนไป เผยให้เห็นร่างกายอันเปล่าเปลือยของเอริออสที่ยังคงนอนสงบนิ่งอยู่ ซึ่งพักหนึ่ง เอริออสก็รีบหันไปฉวยเสื้อผ้ามาสวมใส่ก่อนติดตามเดมิเซียส ออกไปโดยไม่ชักช้า
บนดาดฟ้าเรืออันฉุกละหุกและสับสนวุ่นวายไปด้วยบรรดานายทหารที่กำลังสั่งการลูกเรือ...
แม่ทัพเดมิเซียสผู้องอาจ ภายใต้ผ้าห่มสีขาวบริสุทธิ์ผืนใหญ่ที่โบกสะบัดกระพือพัดตามแรงลมพายุ กำลังบัญชาการหล่าทหารทั้งมวลในกองทัพด้วยความเข้มแข็งและสติปัญญาอันชาญฉลาดล้ำลึกเพื่อให้ไพร่พลฝ่าผ่านสถานการณ์วิกฤติอันเลวร้ายและสุดหฤโหดในครั้งนี้ไปให้จงได้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าภัยพิบัติที่บังเกิดขึ้นนั้นจะเหนือความคาดหมายและเกินขีดจำกัดที่จะควบคุมได้เสียแล้ว
เกลียวคลื่นที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เรือรบหลายลำพุ่งข้าชนกันเองจนอับปางลง และบรรดาไพร่พลทหารหาญก็ลอยคอจมหายไปในมหาสมุทร บ้างก็ได้รับการช่วยเหลือจากเรือลำอื่นๆ ในขณะที่เรือบางลำกลับกิดเพลิงไหม้จนเหล่าลูกเรือต้องกระวีกระวาดกันดับไฟให้วุ่นวายไปหมด
- - - - - - - - -
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น...
แม่ทัพเดมิเซียส ในชุดนักรบโรมันเดินออกมาจากห้องพักบนเรือบัญชาการพลางทอดสายตามองสภาพท้องทะเลอันสงบราบเรียบและท้องฟ้าอันปลอดโปร่งแจ่มใสไร้เมฆหมอก
ฝูงนกนางนวลโผผินบินร่อนผ่านบรรดาเรือรบเพียงไม่กี่ลำที่เหลือรอดจากพายุร้ายเมื่อคืนนี้อย่างช้าๆ และสง่างาม ซึ่งเดมิเซียสเองก็มองดูเหล่าทหารหาญมากมายที่กำลังปฏิบัติกิจวัตรในยามเช้าและซ่อมแซมเรือทีชำรุดด้วยจิตใจอันขุ่นมัว
สตาร์ตัสและนาริอุสเข้ารายงานความเสียหายของเรือและไพร่พล ซึ่งผลจากพายุที่กระหน่ำอย่างรุนแรงนั้น ทำให้สูญเสียชีวิตทหารไปกว่าพันนาย และเรือรบก็จมและเสียหายไปเป็นจำนวนมาก ตลอดจนเสบียงและน้ำบริสุทธิ์ที่มีอยู่ก็เหลือน้อยเต็มทน จนอาจไม่เพียงพอกับไพร่พลทั้งหมด ซึ่งหากจะเดินทางกลับสู่กรุงโรมในครานี้ เห็นทีต้องเกิดปัญหาขาดแคลนอาหารและน้ำอย่างแน่นอน
เดมิเซียสได้ประชุมบรรดานายทหารชั้นผู้ใหญ่ เพื่อหารือแนวทางปฏิบัติว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป ซึ่งในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า จะต้องเดินทางต่อ ถึงแม้จะเสี่ยงกับการขาดแคลนเสบียงก็ตาม
กองเรือรบโรมันเริ่มเคลื่อนออกจากตำแหน่งที่อยู่นั้นไปอย่างช้าๆ ซึ่งดูเหมือนว่าจุดหมายคือกรุงโรมนั้น จะอยู่อีกไกลลิบ แต่ถึงกระนั้น บรรดาไพร่พลที่หลงเหลืออยู่ก็ยังมีขวัญและกำลังใจดี ไม่ได้ย่อท้อต่ออุปสรรคขวากหนามแต่อย่างใด เนื่องจากทหารทุกนายได้ผ่านสมรภูมิอันดุเดือดกันมาแล้วอย่างโชกโชน