สมัยมหาวิทยาลัยเรามีเพื่อนในกลุ่มอยู่ 6 คนคะ มีเพื่อน 2 คนในกลุ่มเรารับงานเสริมค่ะ ซึ่งจริงๆพวกเราก็รู้นะคะ ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร แถมเรายังชอบคุยเล่นสนุกๆกันด้วยคะ อาจจะเพราะพวกเราไม่ได้คบเพื่อนคนอื่นมากคะ ก็มีกันแค่พวกเรา ฉะนั้นเวลาที่เสี่ยจะมาที่ห้อง เพื่อนก็จะบอกว่า “”ออกไปก่อน ต้องขึ้นเขียงแล้ววเดี๋ยวตามไป”” เพราะเสี่ยคนนั้นเป็นคนจ่ายค่าห้องและให้เพื่อนเดือนละ 3-4 หมื่นบาทคะะ จนเราจบมหาวิทยาลัยมาหลายปี เราก็แยกย้ายมาทำงาน เพือนก็มีคนคนเลี้ยงมาตลอดแต่ไม่ใช่คนเดิมน่ะคะ จนวันนี้ในขณะที่เราตกงาน เรามีรายได้เล็กน้อยจากขายของ มีเงินเก็บประมาณ 2 แสนนิดๆ แต่เพื่อนเรามีทั้งรถยุโรปราคาแพง มีกระเป๋าแพงๆรุ่นใหม่ๆ มีคอนโดราคา 3 ล้านเศษที่เสี่ยซื้อให้ มีงานดีดีทำ ใช้ชีวิตดีดีเที่ยวยุโรป เที่ยวต่างประเทศตลอดๆ อัพรูปลงเฟสบุคทีมีแต่คนไลค์ มีแต่คนชม คือ เราไม่ได้อิจฉาเพื่อนนะคะ แต่ในช่วงที่เรามีหลายอย่างต้องคิดช่วงนี้ เราแค่คิดว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะคะ และเราก็ไม่รู้ด้วยว่า เราตัดสินใจผิดมั้ยๆที่เรารักศักดิ์ศรีตัวเองมากเกินไป ทั้งที่เราก็หน้าตาไม่น้อยหน้าใคร ตอนนั้นมีคนเข้ามาขอเลี้ยงตลอด รวมถึงเพื่อนเสี่ยของเพื่อนๆในตอนนั้นด้วยย วันนี้เราแค่คิดว่า อืม! เราทำงานมาหลายปี เรายังไม่เคยเห็นเงินล้านเลย และไม่รู้ชาตินี้จะได้มีบ้างมั้ยย ในขณะที่เพื่อนเราไปไกลมากก เพื่อนเราเคยบอกเราตลอดว่า เป็นผู้หญิงถ้าอยากรวยอยากสบาย ถ้าไม่ใช่คนเก่ง ก็ต้องหาสามีรวยๆอย่างเดียวมันถึงเปลี่ยนชีวิตได้ๆ เรารู้ซึ้งแล้วว่ามันจริงที่สุดจริงๆ ไม่งั้ลมันไม่มีทางเลยใช่มั้ยค่ะๆ เราแค่อยากประสบความสำเร็จ เราอยากมีเงินเยอะๆบ้าง เราชอบมองคนที่เค้าประสบความสำเร็จที่เค้ามีโน่นทีนี่น่ะคะ มันเป็นพลังใจดี แต่เคสแบบเพื่อนเราคือยอมรับว่าตอนนี้นางรวยมาก มันเลยทำให้เราคิดมากคิดอะไรฟุ่งซ่านมากเลยคะ
คิดยังไงกับคนที่มีเสี่ยเลี้ยงคะ เราตัดสินใจผิดมั้ยที่ตอนนั้นไม่คว้าโอกาสไว้ๆ