ใครที่ตั้งใจจะสอบคณะกสพทปีไหนก็ตามถ้าค้นมาเจอกระทู้นี้ ขอให้กระทู้นี้เป็นสิ่งเตือนใจ ให้ได้ แนวคิด ก่อนที่จะมุ่งมั่น ตั้งใจเพื่อสอบกสพท สุดท้ายแล้วถ้ายังตัดสินใจ จะสอบก็ขอให้โชคดี ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนหรือถ้าใครเปลี่ยนใจ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ ขอให้ติดคณะดีๆมหาวิทยาลัยดีๆ สมปรารถนา
1 คณะกสพท. มีจำนวน ที่เรียนในรอบที่ 3 น้อยมาก ปี 67 มีประมาณ 2,800 ที่ปี 68 รู้สึกว่าจะมีประมาณ 2,500 ที่รวมทั้งหมด 4 คณะแพทย์ทันตแพทย์สัตวแพทย์และเภสัช
2 นี่เป็นเป้าหมายของกลุ่มเด็กหัวกะทิของประเทศ นักเรียนที่เรียนเก่งที่สุดจากโรงเรียนดังๆที่มีการแข่งขันสูง เช่นเตรียมอุดม มหิดลวิทยานุสรณ์ วมว หอวัง สวนกุหลาบ และโรงเรียน ที่มีชื่อเสียงทางด้านวิชาการในกรุงเทพฯต่างๆ รวมถึง โรงเรียนประจำจังหวัด หรืออาจจะรวมถึงโรงเรียนประจำอำเภอ กลุ่มเด็กเก่งที่สุดของแต่ละโรงเรียนเหล่านี้ คือคนที่ตั้งเป้าหมาย อยากจะเรียนในคณะกสพทคณะใดคณะหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยากสุดๆก็จะเป็นคณะแพทย์ศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์
3 ทุกปี มีคนสมัครประมาณ 60,000 กว่าคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี อาจจะเพราะสาเหตุทางเศรษฐกิจ เพราะหางานง่ายมีชื่อเสียงมีรายได้ดีมีเกียรติยศ
4 คณะที่เข้ายากสุดๆก็คือแพทย์และทันตแพทย์ ยากแม้กระทั่ง เด็กนักเรียน ที่มีผลการเรียนระดับ Top ของโรงเรียนประจำจังหวัดโรงเรียนประจำอำเภอ ไม่ใช่ทุกคนสามารถเข้าเรียนได้ จริงๆแล้ว ไม่ต้องผลการเรียนระดับ Top ของโรงเรียนระดับท็อปทั่วประเทศแค่นักเรียนที่มีผลการเรียนการกลาง แต่รักดีรักการเรียน หลายคนมีความสามารถที่จะเรียนจบคณะแพทย์และทันตแพทย์ได้ แต่ไม่มีทางสอบเข้าได้เพราะการแข่งขันที่มันสูงมาก ในระดับกลุ่มหัวกะทิของประเทศ
5 ในทุกปี จะมีนักเรียนอยู่ 3 กลุ่มกลุ่มแรก ประมาณ 2,000 กว่าคนแรกของประเทศ ที่สามารถสอบติดแน่นอนในปีนี้ กลุ่มที่ 2 อาจจะอีกประมาณ 3,000 คนแรกของประเทศ เป็นกลุ่มที่ถ้าพยายามสุดๆ บวกกับข้อสอบเข้าทางหน่อยอาจจะสามารถแซงเข้าวินแทนกลุ่มแรกได้บางคนผลักให้คนกลุ่มแรกบางคนสอบไม่ติด กลุ่มที่ 3 กลุ่มใหญ่ที่สุด 50,000 กว่าคน ไม่ว่าสอบกี่ปีจะไม่มีทางสอบติด คณะใดคณะหนึ่งในกสพทเลย เพราะมันเกินกว่าความสามารถ
6 ในห้าหมื่นกว่าคนนั้นมันมีข้อเท็จจริงอยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าเขา ไม่เลือกคณะกสพท แต่เขาเลือกคณะอื่นเช่นคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งสอบแค่ 2 วิชา tgat และวิชาคณิตศาสตร์ 2 จะมีนักเรียนบางคนสามารถสอบติดแต่ที่สอบไม่ติดก็เพราะการเตรียมตัว 8 วิชาเพื่อสอบกสพท รวมถึงคณะอื่นมหาวิทยาลัยอื่นที่มีชื่อเสียง ที่สอบน้อยวิชากว่า 8 วิชาจะทำให้ทำคะแนนในวิชาเหล่านั้นที่ต้องใช้ได้ดีกว่าสามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงขณะที่มีชื่อเสียงได้ แต่ที่ปีนี้เลือกได้น้อย อาจจะ ไม่สามารถเข้า คณะอันดับรองรอง ที่อยากเรียนได้แต่ได้คณะและมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยอยากเรียนเท่าไหร่ก็เพราะคะแนนน้อยเกินไปในวิชาที่คณะที่ตัวเองอยากเข้าต้องใช้ ก็เพราะเตรียมตัว 8 วิชานั่นแหละ
7 หรือ บางคนอยากที่จะเข้าเรียนในคณะเภสัช จริงๆแล้วถ้าศึกษาข้อมูลให้ดี และระเบียบการในปีนั้นเข้าทาง อาจจะสามารถ เรียนในคณะเภสัช ได้ เพราะ มันมีรอบที่ 1 และรอบที่ 2 มหาวิทยาลัยก็มีมากมาย บางมหาวิทยาลัย อยู่ในต่างจังหวัดที่ไกล คนที่เลือก เลยมีไม่มาก ถ้าเราศึกษาดีๆ และเราประเมินตัวเองดีๆ เรายื่นรอบที่ 1 และรอบที่ 2 มหาวิทยาลัยเหล่านั้น จะติดและได้เข้าเรียนแต่เพราะเราไม่ยื่น และมาทุ่มเทอ่านหนังสือเพื่อสอบรอบที่ 3 เพื่อเข้าคณะเภสัชมหาวิทยาลัยที่เราอยากเข้ามากกว่าสะดวกที่จะไปเรียนมากกว่า เลยไม่ติด แบบนี้ก็เยอะ ต้องพิจารณาความสามารถตัวเองให้ดี ว่าความสามารถตัวเองอยู่ตรงไหน บางที การที่เรารู้ตัว แล้วเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเราเอง เช่นรู้ตัวว่า พยายามอ่านหนังสือเพื่อสอบรอบที่ 3 สำหรับตัวเองคงไม่ไหว แล้วลองยื่นรอบที่ 1 กับรอบที่ 2 มหาวิทยาลัยอาจจะอยู่ไกลหน่อยถ้าติดแล้วเอาเลยเรียนจบมาได้เป็นเภสัช ส่วนตัวคิดว่าแบบนี้ เวิร์คกว่า ดีกว่าที่จะ ดันทุรัง เพื่อเอามหาวิทยาลัยที่อยากได้ให้ได้ในรอบที่ 3 แล้วในที่สุดคะแนนก็ห่าง ต้องไปเรียนคณะอื่น ปีถัดมา ก็ยื่นรอบที่ 1 และรอบที่ 2 ไม่ได้ เพราะจะยื่นได้เฉพาะตอนที่อยู่ชั้นม. 6 เท่านั้น ทุกคนมีสิทธิ์แค่ 1 ครั้งอยากให้พิจารณาเรื่องนี้ให้ดีๆ
เดี๋ยวถ้าคิดอะไรออกจะมาพิมพ์เพิ่มเติมให้
คนที่ตั้งเป้าหมายจะสอบคณะกสพท ขอให้คิดทบทวนให้ดี
1 คณะกสพท. มีจำนวน ที่เรียนในรอบที่ 3 น้อยมาก ปี 67 มีประมาณ 2,800 ที่ปี 68 รู้สึกว่าจะมีประมาณ 2,500 ที่รวมทั้งหมด 4 คณะแพทย์ทันตแพทย์สัตวแพทย์และเภสัช
2 นี่เป็นเป้าหมายของกลุ่มเด็กหัวกะทิของประเทศ นักเรียนที่เรียนเก่งที่สุดจากโรงเรียนดังๆที่มีการแข่งขันสูง เช่นเตรียมอุดม มหิดลวิทยานุสรณ์ วมว หอวัง สวนกุหลาบ และโรงเรียน ที่มีชื่อเสียงทางด้านวิชาการในกรุงเทพฯต่างๆ รวมถึง โรงเรียนประจำจังหวัด หรืออาจจะรวมถึงโรงเรียนประจำอำเภอ กลุ่มเด็กเก่งที่สุดของแต่ละโรงเรียนเหล่านี้ คือคนที่ตั้งเป้าหมาย อยากจะเรียนในคณะกสพทคณะใดคณะหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยากสุดๆก็จะเป็นคณะแพทย์ศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์
3 ทุกปี มีคนสมัครประมาณ 60,000 กว่าคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี อาจจะเพราะสาเหตุทางเศรษฐกิจ เพราะหางานง่ายมีชื่อเสียงมีรายได้ดีมีเกียรติยศ
4 คณะที่เข้ายากสุดๆก็คือแพทย์และทันตแพทย์ ยากแม้กระทั่ง เด็กนักเรียน ที่มีผลการเรียนระดับ Top ของโรงเรียนประจำจังหวัดโรงเรียนประจำอำเภอ ไม่ใช่ทุกคนสามารถเข้าเรียนได้ จริงๆแล้ว ไม่ต้องผลการเรียนระดับ Top ของโรงเรียนระดับท็อปทั่วประเทศแค่นักเรียนที่มีผลการเรียนการกลาง แต่รักดีรักการเรียน หลายคนมีความสามารถที่จะเรียนจบคณะแพทย์และทันตแพทย์ได้ แต่ไม่มีทางสอบเข้าได้เพราะการแข่งขันที่มันสูงมาก ในระดับกลุ่มหัวกะทิของประเทศ
5 ในทุกปี จะมีนักเรียนอยู่ 3 กลุ่มกลุ่มแรก ประมาณ 2,000 กว่าคนแรกของประเทศ ที่สามารถสอบติดแน่นอนในปีนี้ กลุ่มที่ 2 อาจจะอีกประมาณ 3,000 คนแรกของประเทศ เป็นกลุ่มที่ถ้าพยายามสุดๆ บวกกับข้อสอบเข้าทางหน่อยอาจจะสามารถแซงเข้าวินแทนกลุ่มแรกได้บางคนผลักให้คนกลุ่มแรกบางคนสอบไม่ติด กลุ่มที่ 3 กลุ่มใหญ่ที่สุด 50,000 กว่าคน ไม่ว่าสอบกี่ปีจะไม่มีทางสอบติด คณะใดคณะหนึ่งในกสพทเลย เพราะมันเกินกว่าความสามารถ
6 ในห้าหมื่นกว่าคนนั้นมันมีข้อเท็จจริงอยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าเขา ไม่เลือกคณะกสพท แต่เขาเลือกคณะอื่นเช่นคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งสอบแค่ 2 วิชา tgat และวิชาคณิตศาสตร์ 2 จะมีนักเรียนบางคนสามารถสอบติดแต่ที่สอบไม่ติดก็เพราะการเตรียมตัว 8 วิชาเพื่อสอบกสพท รวมถึงคณะอื่นมหาวิทยาลัยอื่นที่มีชื่อเสียง ที่สอบน้อยวิชากว่า 8 วิชาจะทำให้ทำคะแนนในวิชาเหล่านั้นที่ต้องใช้ได้ดีกว่าสามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงขณะที่มีชื่อเสียงได้ แต่ที่ปีนี้เลือกได้น้อย อาจจะ ไม่สามารถเข้า คณะอันดับรองรอง ที่อยากเรียนได้แต่ได้คณะและมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยอยากเรียนเท่าไหร่ก็เพราะคะแนนน้อยเกินไปในวิชาที่คณะที่ตัวเองอยากเข้าต้องใช้ ก็เพราะเตรียมตัว 8 วิชานั่นแหละ
7 หรือ บางคนอยากที่จะเข้าเรียนในคณะเภสัช จริงๆแล้วถ้าศึกษาข้อมูลให้ดี และระเบียบการในปีนั้นเข้าทาง อาจจะสามารถ เรียนในคณะเภสัช ได้ เพราะ มันมีรอบที่ 1 และรอบที่ 2 มหาวิทยาลัยก็มีมากมาย บางมหาวิทยาลัย อยู่ในต่างจังหวัดที่ไกล คนที่เลือก เลยมีไม่มาก ถ้าเราศึกษาดีๆ และเราประเมินตัวเองดีๆ เรายื่นรอบที่ 1 และรอบที่ 2 มหาวิทยาลัยเหล่านั้น จะติดและได้เข้าเรียนแต่เพราะเราไม่ยื่น และมาทุ่มเทอ่านหนังสือเพื่อสอบรอบที่ 3 เพื่อเข้าคณะเภสัชมหาวิทยาลัยที่เราอยากเข้ามากกว่าสะดวกที่จะไปเรียนมากกว่า เลยไม่ติด แบบนี้ก็เยอะ ต้องพิจารณาความสามารถตัวเองให้ดี ว่าความสามารถตัวเองอยู่ตรงไหน บางที การที่เรารู้ตัว แล้วเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเราเอง เช่นรู้ตัวว่า พยายามอ่านหนังสือเพื่อสอบรอบที่ 3 สำหรับตัวเองคงไม่ไหว แล้วลองยื่นรอบที่ 1 กับรอบที่ 2 มหาวิทยาลัยอาจจะอยู่ไกลหน่อยถ้าติดแล้วเอาเลยเรียนจบมาได้เป็นเภสัช ส่วนตัวคิดว่าแบบนี้ เวิร์คกว่า ดีกว่าที่จะ ดันทุรัง เพื่อเอามหาวิทยาลัยที่อยากได้ให้ได้ในรอบที่ 3 แล้วในที่สุดคะแนนก็ห่าง ต้องไปเรียนคณะอื่น ปีถัดมา ก็ยื่นรอบที่ 1 และรอบที่ 2 ไม่ได้ เพราะจะยื่นได้เฉพาะตอนที่อยู่ชั้นม. 6 เท่านั้น ทุกคนมีสิทธิ์แค่ 1 ครั้งอยากให้พิจารณาเรื่องนี้ให้ดีๆ
เดี๋ยวถ้าคิดอะไรออกจะมาพิมพ์เพิ่มเติมให้