สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นแรงบันดาลใจจากกระทู้เดิมของคุณ kkk-srinakarin ที่มีการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องอาหารชั้นธุรกิจของการบินไทยเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ได้มีโอกาสนั่งไฟลท์ 10 ชั่วโมงของการบินไทย เส้นทาง BKK-ARN เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เลยอยากจะขอ update และชวนคุยเกี่ยวกับความเห็นต่างๆ ที่มีต่อการให้บริการและอาหารชั้นธุรกิจค่ะ
รีวิว Royal Silk Class ของการบินไทยคงมีเพื่อนๆ ในพันทิปรีวิวไว้บ้างแล้ว จขกท อาจจะไม่ได้เก็บรายละเอียดมาได้ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีประเด็นที่อยากจะเสนอแนะ เพื่อการปรับปรุง เพื่อให้อะไรๆ มันดียิ่งขึ้น ช่วงนี้การบินไทยมีออกโปรโมชั่นแลกไมล์ เป็นโอกาสอันดีที่จะดึงดูดให้คนมาลองใช้บริการ ถ้าหากประทับใจก็เป็นโอกาสในธุรกิจของการบินไทยในอนาคตต่อไปนะคะ
ก่อนเดินทาง เรามีการสั่งอาหารล่วงหน้าผ่านทางเวปไซต์ของการบินไทยค่ะ โดยได้รับแจ้งว่าสามารถ pre-order meal ได้ในเส้นทาง BKK-ARN เพียงขาเดียว (อันนี้เข้าใจว่าแล้วแต่เส้นทาง บางเส้นทางสามารถพรีขากลับได้) เลยเข้าไปดู ปรากฎว่าอาหารตะวันตกที่สามารถสั่งได้ล่วงหน้ามี 2 เมนู คือสเต้กเนื้อ และสเต้กแซลมอน ตัดสินใจสั่งสเต้กเนื้อไปค่ะ ส่วนเมนูอื่น ส่วนใหญ่เป็นสำรับไทย เช่น แกงมัสมั่น ฉู่ฉี่กุ้ง ฉู่ฉี่ปลาแซลมอน เป็นต้น (อันนี้ไม่ได้ save หน้าจอเก็บไว้ เลยลืมเมนูค่ะ) ขาออกจากไทย นั่งเลาจน์ไทย แล้วกินอาหารมาจากบ้านบ้างแล้วเลยไม่ได้สั่งสำรับไทยไป
เครื่องที่บินในวันนี้คือ Boeing 777-300ER เป็นที่นั่ง 1-2-1 ค่ะ เราได้ที่นั่งเดี่ยวริมทางเดินแถวสุดท้ายพอดี เนื่องจากไฟลท์ค่อนข้างเต็ม (ตอนแรกได้ที่นั่งคู่แบบนั่งติดกับคนอื่นค่ะ แต่มาขอเปลี่ยนตอนเช็คอิน) กระเป๋า Amenity Kit วันนี้เป็นของ Mandarina Duck ซึ่งรุ่นนี้เราชอบนะคะ น่ารักดี ของข้างในประกอบด้วยชุดแปรงฟันยาสีฟัน ลิปมัน และครีมทามือของ Institut Karite Paris (ส่วนตัวชอบลิปมันของเค้ามาก และ Eau de Toilett ที่อยู่ในห้องน้ำกลิ่นดีมาก เสียดายไม่มีขาย เพราะเขาทำให้การบินไทยที่เดียวค่ะ) แต่แปลกที่ไฟลท์นี้ไม่มี slippers แจก เราก็ปากหนักไม่ได้ขอน้องแอร์ไป งงๆ ง่วงๆ ค่ะ
เดี๋ยวนี้การบินไทยมีผ้าปูที่นอนด้วยนะคะ มาในรูปแบบที่เหมือนหมอนข้าง คลี่ออกมาเอาปลอกไปคลุมกับที่นั่ง ได้ผ้าปูที่นอนสีขาวนอนยาวได้ค่ะ
พอขึ้นเครื่อง น้องแอร์น่ารักมากเดินมาถามว่าจะทานเลยมั้ย เพราะไฟลท์ที่ออกจากกทม. ค่อนข้างดึก(มาก) 01:10 คงไม่ใช่เวลามากินสเต้กตอนนี้ และเราก็ง่วงมากค่ะ น้องแอร์เลยบอกว่าจะให้อุ่นและเสริฟตอนเช้าแทน แต่น้องแอร์ก็เสริฟตัว first course กับเมนูชีสผลไม้พร้อมทั้งเครื่องดื่ม ให้รองท้องไปก่อนนอน ตบท้ายด้วยช้อคโกแลต Ferrero 1 ชิ้น (ไม่ได้ทานของหวานเพราะอิ่มและง่วงค่ะ)
เมนูสำรับไทยวันนี้เป็น แกงฮังเลหมู หรือ ปลากระพงทอดซอสผัดฉ่า เสริฟพร้อมต้มข่าไก่อ่อนสูตรโบราณ หมูสับก้อนใส่ไชโป้ว และผักกาดดองผัดไข่ค่ะ เราไม่ได้สั่งเลยไม่มีรูปมาค่ะ
พอตอนเช้าแทนที่เราจะได้ทานอาหารเช้า กลายเป็นสเต้กเนื้อค่ะ แหะแหะ เครื่องดื่มเราสั่งเป็นคาปูชิโน่ไป แต่พอเราถามน้องแอร์ ปรากฎว่าคาปูชิโน่ที่เสริฟบนเครื่อง เป็นกาแฟสำเร็จรูปค่ะ เลยแอบผิดหวังเล็กน้อย คิดว่าขากลับจะไม่สั่งละค่ะ
สเต้กรสชาติกลางๆ อร่อยดีอยู่ แต่เหนียวไปค่ะ อารมณ์ประมาณ ก็ได้อยู่ แต่ถ้าดีกว่านี้ ก็คงดี
โดยรวมการเดินทางขาไปสะดวกสบายดีค่ะ และน้องแอร์บริการดีมาก มีความใส่ใจในหลายๆ เรื่อง
การเดินทางขากลับจากสต้อกโฮม ตอนจองตั๋วตอนแรกจะกลับ 8 ก.ย. แต่จนท.บอกว่าใช้เครื่อง 747 ซึ่งเป็นวันเดียวเท่านั้นที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องแบบนี้ ก็งงอยู่เหมือนกัน เลยเปลี่ยนเป็นกลับวันอื่นแทน เพื่อให้ได้เครื่อง 777-300ER เหมือนเดิม คราวนี้ได้นั่งหน้าสุด แต่ก็ไม่ติดหน้าต่างเหมือนเดิม
คราวนี้กระเป๋า Amenity Kit เป็นผ้าของ Lacoste และของข้างในเป็นของ Thann ค่ะ อันนี้ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เราว่ากระเป๋ามันทรงแปลกๆ ไม่ค่อยโอเค แต่คราวนี้มี slippers วางไว้ให้ ก็ดีหน่อยค่ะเดินไปไหนมาไหนไม่ลำบาก
Welcome Drink ไฟลท์นี้เป็นเครื่องดื่มเบาๆ จำพวกชามะขาม อัญชันมะนาว น้องแอร์บอกว่าขอเสริฟแชมเปญหลังเครื่อง take off ค่ะ
พอเครื่อง take-off แล้วก็มีการเสริฟเครื่องดื่ม กับ snacks ก่อนจะเสริฟอาหารตามมา ขากลับคราวนี้ต้องสั่งสำรับไทยแล้วล่ะค่ะ ห่างบ้านมานานคิดถึงอาหารไทยเหลือเกิน คราวนี้เมนูมีให้เลือกเป็น ผัดกระเพราไก่ หรือฉู่ฉี่ปลาแซลมอน เสริฟพร้อม ปูจ๋า แกงจืดผักโขมหมูสับ ผัดถั่วลันเตาเห็ดหอม เราสั่งเป็นฉู่ฉี่ปลาแซลมอนค่ะ หน้าตาอาหารประมาณนี้
Display อาหารก็ดูเบสิคค่ะ แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรให้ดูดีกว่านี้ รสชาติอาหาร ฉู่ฉี่ก็ใช้ได้อยู่ แต่น้ำเหลวไปหน่อยไม่น่าเรียกว่าฉู่ฉี ชิ้นแซลมอนแข็งมาก อาจจะเพราะทำสุกไป แกงจืดหมูสับ แข็งมาก แต่ผักโขมช่วยได้ ส่วนปูจ๋าและผัดผัก อร่อยค่ะ
ที่แอบงงและจะมาถามเพื่อนๆ คือข้าวหอมมะลิ ดูไม่เป็นเม็ดอ่ะค่ะ ตอนทานก็ไม่รู้สึกว่าทานข้าวหอม ไม่แน่ใจว่ารู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า หรือหุงมาแล้วอุ่นจะเป็นแบบนี้ก็ไม่แน่ใจ (แบบสำเร็จรูป)
ข้อสังเกต: การเสริฟอาหารในไฟลท์นี้ สำรับไทยเสริฟเยอะมาก อาจจะเพราะเมนูอาหารตะวันตกไม่ค่อยน่าทาน และคนกลับบ้านก็ต้องการทานอาหารไทย แต่สังเกตว่าลูกเรือยุ่งกันมากๆ เดินเสริฟตลอด คือพยายามจะขอน้ำดื่มก็แทบจะไม่มีโอกาสใดๆ เลยค่ะ ทานไปหิวน้ำไป ลูกเรือก็ยังเดินเสริฟไม่หยุด คือไม่แน่ใจว่าการเสริฟสำรับไทยยุ่งกว่าเสริฟอันอื่นหรือเปล่า ต้องให้ผู้รู้มาตอบ
เช้าแล้วค่ะ คราวนี้กาแฟเราสั่งครั้งแรกเป็นกาแฟสดใส่นม แต่น้องแอร์มาเสริฟเป็นกาแฟต้มค่ะ แล้วเครื่องสั่นกาแฟหกเลยค่ะ เราเลยสั่งใหม่เป็น espresso คราวนี้มาโอเค ผ่านค่ะ
อาหารเช้า หลังจากที่เข็ดกับหมูสับเมื่อคืน เลยไม่ได้สั่งข้าวต้มหมูค่ะ สั่งเป็นออมเล็ตชีสแทน แต่ก็ทานได้ไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่ค่อยถูกปากค่ะ
โดยรวมการบริการก็ดีค่ะ แต่เรื่องอาหารก็อยากให้มีการปรับปรุงไปเรื่อยๆ ทั้งในด้าน display และรสชาติค่ะ จขกท เคยบินกับสายอื่น มักจะมี campaign ร่วมกับเชฟโน้นนี้มาทำร่วมกันเป็นครั้งคราว เมนูก็ค่อนข้างหลากหลายทั้งๆ ที่เวลาบินสั้นกว่า อยากให้การบินไทยทำตรงนี้ให้ดีและเด่นขึ้น ก็จะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในอนาคตนะคะ
ปล. เพิ่งมาเห็นตอนที่เขียนรีวิว ว่าถ่ายรูปมาไม่ครบ ต้องขออภัยด้วยนะคะ
รีวิว: การให้บริการและอาหารชั้นธุรกิจของการบินไทย (Update September 2019)
รีวิว Royal Silk Class ของการบินไทยคงมีเพื่อนๆ ในพันทิปรีวิวไว้บ้างแล้ว จขกท อาจจะไม่ได้เก็บรายละเอียดมาได้ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีประเด็นที่อยากจะเสนอแนะ เพื่อการปรับปรุง เพื่อให้อะไรๆ มันดียิ่งขึ้น ช่วงนี้การบินไทยมีออกโปรโมชั่นแลกไมล์ เป็นโอกาสอันดีที่จะดึงดูดให้คนมาลองใช้บริการ ถ้าหากประทับใจก็เป็นโอกาสในธุรกิจของการบินไทยในอนาคตต่อไปนะคะ
ก่อนเดินทาง เรามีการสั่งอาหารล่วงหน้าผ่านทางเวปไซต์ของการบินไทยค่ะ โดยได้รับแจ้งว่าสามารถ pre-order meal ได้ในเส้นทาง BKK-ARN เพียงขาเดียว (อันนี้เข้าใจว่าแล้วแต่เส้นทาง บางเส้นทางสามารถพรีขากลับได้) เลยเข้าไปดู ปรากฎว่าอาหารตะวันตกที่สามารถสั่งได้ล่วงหน้ามี 2 เมนู คือสเต้กเนื้อ และสเต้กแซลมอน ตัดสินใจสั่งสเต้กเนื้อไปค่ะ ส่วนเมนูอื่น ส่วนใหญ่เป็นสำรับไทย เช่น แกงมัสมั่น ฉู่ฉี่กุ้ง ฉู่ฉี่ปลาแซลมอน เป็นต้น (อันนี้ไม่ได้ save หน้าจอเก็บไว้ เลยลืมเมนูค่ะ) ขาออกจากไทย นั่งเลาจน์ไทย แล้วกินอาหารมาจากบ้านบ้างแล้วเลยไม่ได้สั่งสำรับไทยไป
เครื่องที่บินในวันนี้คือ Boeing 777-300ER เป็นที่นั่ง 1-2-1 ค่ะ เราได้ที่นั่งเดี่ยวริมทางเดินแถวสุดท้ายพอดี เนื่องจากไฟลท์ค่อนข้างเต็ม (ตอนแรกได้ที่นั่งคู่แบบนั่งติดกับคนอื่นค่ะ แต่มาขอเปลี่ยนตอนเช็คอิน) กระเป๋า Amenity Kit วันนี้เป็นของ Mandarina Duck ซึ่งรุ่นนี้เราชอบนะคะ น่ารักดี ของข้างในประกอบด้วยชุดแปรงฟันยาสีฟัน ลิปมัน และครีมทามือของ Institut Karite Paris (ส่วนตัวชอบลิปมันของเค้ามาก และ Eau de Toilett ที่อยู่ในห้องน้ำกลิ่นดีมาก เสียดายไม่มีขาย เพราะเขาทำให้การบินไทยที่เดียวค่ะ) แต่แปลกที่ไฟลท์นี้ไม่มี slippers แจก เราก็ปากหนักไม่ได้ขอน้องแอร์ไป งงๆ ง่วงๆ ค่ะ
เดี๋ยวนี้การบินไทยมีผ้าปูที่นอนด้วยนะคะ มาในรูปแบบที่เหมือนหมอนข้าง คลี่ออกมาเอาปลอกไปคลุมกับที่นั่ง ได้ผ้าปูที่นอนสีขาวนอนยาวได้ค่ะ
พอขึ้นเครื่อง น้องแอร์น่ารักมากเดินมาถามว่าจะทานเลยมั้ย เพราะไฟลท์ที่ออกจากกทม. ค่อนข้างดึก(มาก) 01:10 คงไม่ใช่เวลามากินสเต้กตอนนี้ และเราก็ง่วงมากค่ะ น้องแอร์เลยบอกว่าจะให้อุ่นและเสริฟตอนเช้าแทน แต่น้องแอร์ก็เสริฟตัว first course กับเมนูชีสผลไม้พร้อมทั้งเครื่องดื่ม ให้รองท้องไปก่อนนอน ตบท้ายด้วยช้อคโกแลต Ferrero 1 ชิ้น (ไม่ได้ทานของหวานเพราะอิ่มและง่วงค่ะ)
เมนูสำรับไทยวันนี้เป็น แกงฮังเลหมู หรือ ปลากระพงทอดซอสผัดฉ่า เสริฟพร้อมต้มข่าไก่อ่อนสูตรโบราณ หมูสับก้อนใส่ไชโป้ว และผักกาดดองผัดไข่ค่ะ เราไม่ได้สั่งเลยไม่มีรูปมาค่ะ
พอตอนเช้าแทนที่เราจะได้ทานอาหารเช้า กลายเป็นสเต้กเนื้อค่ะ แหะแหะ เครื่องดื่มเราสั่งเป็นคาปูชิโน่ไป แต่พอเราถามน้องแอร์ ปรากฎว่าคาปูชิโน่ที่เสริฟบนเครื่อง เป็นกาแฟสำเร็จรูปค่ะ เลยแอบผิดหวังเล็กน้อย คิดว่าขากลับจะไม่สั่งละค่ะ
สเต้กรสชาติกลางๆ อร่อยดีอยู่ แต่เหนียวไปค่ะ อารมณ์ประมาณ ก็ได้อยู่ แต่ถ้าดีกว่านี้ ก็คงดี
โดยรวมการเดินทางขาไปสะดวกสบายดีค่ะ และน้องแอร์บริการดีมาก มีความใส่ใจในหลายๆ เรื่อง
การเดินทางขากลับจากสต้อกโฮม ตอนจองตั๋วตอนแรกจะกลับ 8 ก.ย. แต่จนท.บอกว่าใช้เครื่อง 747 ซึ่งเป็นวันเดียวเท่านั้นที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องแบบนี้ ก็งงอยู่เหมือนกัน เลยเปลี่ยนเป็นกลับวันอื่นแทน เพื่อให้ได้เครื่อง 777-300ER เหมือนเดิม คราวนี้ได้นั่งหน้าสุด แต่ก็ไม่ติดหน้าต่างเหมือนเดิม
คราวนี้กระเป๋า Amenity Kit เป็นผ้าของ Lacoste และของข้างในเป็นของ Thann ค่ะ อันนี้ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เราว่ากระเป๋ามันทรงแปลกๆ ไม่ค่อยโอเค แต่คราวนี้มี slippers วางไว้ให้ ก็ดีหน่อยค่ะเดินไปไหนมาไหนไม่ลำบาก
Welcome Drink ไฟลท์นี้เป็นเครื่องดื่มเบาๆ จำพวกชามะขาม อัญชันมะนาว น้องแอร์บอกว่าขอเสริฟแชมเปญหลังเครื่อง take off ค่ะ
พอเครื่อง take-off แล้วก็มีการเสริฟเครื่องดื่ม กับ snacks ก่อนจะเสริฟอาหารตามมา ขากลับคราวนี้ต้องสั่งสำรับไทยแล้วล่ะค่ะ ห่างบ้านมานานคิดถึงอาหารไทยเหลือเกิน คราวนี้เมนูมีให้เลือกเป็น ผัดกระเพราไก่ หรือฉู่ฉี่ปลาแซลมอน เสริฟพร้อม ปูจ๋า แกงจืดผักโขมหมูสับ ผัดถั่วลันเตาเห็ดหอม เราสั่งเป็นฉู่ฉี่ปลาแซลมอนค่ะ หน้าตาอาหารประมาณนี้
Display อาหารก็ดูเบสิคค่ะ แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรให้ดูดีกว่านี้ รสชาติอาหาร ฉู่ฉี่ก็ใช้ได้อยู่ แต่น้ำเหลวไปหน่อยไม่น่าเรียกว่าฉู่ฉี ชิ้นแซลมอนแข็งมาก อาจจะเพราะทำสุกไป แกงจืดหมูสับ แข็งมาก แต่ผักโขมช่วยได้ ส่วนปูจ๋าและผัดผัก อร่อยค่ะ
ที่แอบงงและจะมาถามเพื่อนๆ คือข้าวหอมมะลิ ดูไม่เป็นเม็ดอ่ะค่ะ ตอนทานก็ไม่รู้สึกว่าทานข้าวหอม ไม่แน่ใจว่ารู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า หรือหุงมาแล้วอุ่นจะเป็นแบบนี้ก็ไม่แน่ใจ (แบบสำเร็จรูป)
ข้อสังเกต: การเสริฟอาหารในไฟลท์นี้ สำรับไทยเสริฟเยอะมาก อาจจะเพราะเมนูอาหารตะวันตกไม่ค่อยน่าทาน และคนกลับบ้านก็ต้องการทานอาหารไทย แต่สังเกตว่าลูกเรือยุ่งกันมากๆ เดินเสริฟตลอด คือพยายามจะขอน้ำดื่มก็แทบจะไม่มีโอกาสใดๆ เลยค่ะ ทานไปหิวน้ำไป ลูกเรือก็ยังเดินเสริฟไม่หยุด คือไม่แน่ใจว่าการเสริฟสำรับไทยยุ่งกว่าเสริฟอันอื่นหรือเปล่า ต้องให้ผู้รู้มาตอบ
เช้าแล้วค่ะ คราวนี้กาแฟเราสั่งครั้งแรกเป็นกาแฟสดใส่นม แต่น้องแอร์มาเสริฟเป็นกาแฟต้มค่ะ แล้วเครื่องสั่นกาแฟหกเลยค่ะ เราเลยสั่งใหม่เป็น espresso คราวนี้มาโอเค ผ่านค่ะ
อาหารเช้า หลังจากที่เข็ดกับหมูสับเมื่อคืน เลยไม่ได้สั่งข้าวต้มหมูค่ะ สั่งเป็นออมเล็ตชีสแทน แต่ก็ทานได้ไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่ค่อยถูกปากค่ะ
โดยรวมการบริการก็ดีค่ะ แต่เรื่องอาหารก็อยากให้มีการปรับปรุงไปเรื่อยๆ ทั้งในด้าน display และรสชาติค่ะ จขกท เคยบินกับสายอื่น มักจะมี campaign ร่วมกับเชฟโน้นนี้มาทำร่วมกันเป็นครั้งคราว เมนูก็ค่อนข้างหลากหลายทั้งๆ ที่เวลาบินสั้นกว่า อยากให้การบินไทยทำตรงนี้ให้ดีและเด่นขึ้น ก็จะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในอนาคตนะคะ
ปล. เพิ่งมาเห็นตอนที่เขียนรีวิว ว่าถ่ายรูปมาไม่ครบ ต้องขออภัยด้วยนะคะ