7 วิตามินดีๆ เพื่อวัย 40 Up


เทคโนโลยีสมัยนี้ก้าวล้ำนำหน้าไปมาก ทำให้ชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้น และยังจัดเป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพให้เราได้มากขึ้น อีกด้วยโดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสารพัดวิธีคงความอ่อนเยาว์ของผิวหน้าให้ยาวนาน บางคนอายุ 40 เข้าไปแล้ว แต่ผิวหน้ายังดูตึงกระชับอยู่ ดูเหมือนพึ่งจะอายุครบ 30 มาไม่นานนี้เอง ใช่ไหมล่ะครับ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าเทคโนโลยีล้ำสมัยแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้หากเราไม่เริ่มด้วยตัวเองนั่นก็คือเรื่องของการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงจากภายในด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นั้นเองครับ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้นเริ่มก้าวเข้าหลัก 4 ระบบต่างๆในร่างกายของเราจะเปลี่ยนแปลงและเสื่อมถอยลงไปจากสมัยยังหนุ่มยังสาว หากไม่ระมัดระวังดูแลเรื่องอาหารการกินอย่างเคร่งครัด และออกกำลังกายให้เหมาะสม โรคภัยไข้เจ็บก็จะถามหาเอาได้ง่ายๆ

การรับประทานอาหารแบบเดิมๆสำหรับคนวัย 40 Up อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการสร้างเสริม และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆในร่างกาย การได้รับตัวช่วยดีๆอย่างวิตามินเสริมจะตอบโจทย์ในการดูแลสุขภาพของคนวัย 40 ปีขึ้นไปให้สุขภาพดีขึ้นได้จากภายในได้มากกว่า อยากรู้แล้วใช่ไหมครับว่า วิตามินดีๆ ที่คนวัย 40 Up ควรกินมีอะไรบ้าง จอร์จขอแนะนำ วิตามิน 7 ตัวเด็ดนี้ ใครอยากมีสุขภาพดี อยากรู้ว่ามีอะไรบ้างตามมาได้เลย

1. วิตามินบี 12


วิตามินบี 12 เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการทำงานของเซลล์ในไขกระดูก ระบบประสาท สมอง ระบบย่อยอาหาร และระบบเลือดเมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะดูดซึมวิตามินบี 12 ได้น้อยลง โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเข้าวัย 50 ปี เพราะเป็นช่วงที่ระดับกรดในกระเพาะอาหารลดน้อยลง

ช่วงเข้าวัย 40 จึงช่วงเวลาทองที่ควรสะสมวิตามินบี 12 ให้มากขึ้นก่อนถึงวัย 50 ปี แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 12 คือเนื้อสัตว์เช่น กุ้ง หอย ปู ปลาและปลาหมึก การรับประทานวิตามินบี 12 ในปริมาณมากๆ ไม่อันตรายเพราะร่างกายจะทำการขับวิตามินส่วนเกินออกมาทางปัสสาวะได้ครับ

2.วิตามินดี


วิตามินดี เป็นวิตามินที่สำคัญโดยเฉพาะกันคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป มีการศึกษาพบว่า การได้รับวิตามินดีไม่พอเชื่อมโยงกับการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ มะเร็งเต้าและโรคมะเร็งลำไส้ ซึ่งล้วนเป็นโรคที่มักเกิดกับผู้สูงอายุ นอกจากนี้วิตามินดี ยังจำเป็นต่อการดูดซึมแคลเซียม

หากขาดวิตามินดี อาจทำให้คนวัย 40 Up เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกอ่อนทำให้ กระดูกไม่แข็งแรง ส่วนมากจะเกิดบริเวณกระดูกขา สะโพกและกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดความผิดปรกติกับรูปร่างเช่น หลังโก่ง ปวดตามข้อ กระดูกเปราะ กระดูกพรุน และอาจทำใหเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก เป็นเหน็บชาบ่อย หรืออาจเกิดอาการชักได้ 

วิตามินดีพบได้มากในน้ำตับปลา ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนม โยเกิร์ตและแสงแดดยามเช้า แต่แหล่งวิตามินดี ที่ร่างกายดูดซึมได้มากที่สุดคือวิตามินดีจากแสงแดด ตอนเช้าๆ ออกมาเดินรับแดด ออกกำลังกายรับวิตามินดีบ่อยๆนะครับ


3.แมกนีเซียม
แมกนีเซียมเป็นสารอาหารที่ทำหน้าที่ชวยควบคุมความดันโลหิต มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อและหัวใจ ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วย คนในวัย 40 Up โดยเฉพาะสุภาพสตรีหากได้รับแมกนีเซียมไม่เพียงพอจึงมีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคความดันสูง และยังสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจ เบาหวานและการอักเสบต่างๆ

แมกนีเซียมพบมากในผักใบเขียวเข้ม ถั่ว ธัญพืช อะโวคาโด้ เป็นต้น การได้รับแมกนีเซียมมากเกินไปไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ แต่อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียรหรือปวดเกร็งท้องได้บ้าง

4.โพแทสเซียม


อีกสารอาหารหนึ่งทีมีบทบาทสำคัญในการควบคุมความดันโลหิตก็คือโพแทสเซียม มีงานวิจัยพบว่าผู้หญิงวัยทองหากได้รับโพแทสเซียมในอาหารมากเพียงพอช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียมได้แก่ กล้วยหอม ถั่วชนิดฝัก ถั่วเลนทิลและมันเทศ เป็นต้น


5.โอเมก้า 3


ความจริงแล้วโอเมก้า 3 ไม่ใช่วิตามิน แต่จัดเป็นกรดไขมันจำที่เป็นต่อร่างกายและมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยเฉพาะของวัย 40 Up เพราะอะไรน่ะเหรอครับ เพราะโอเมก้า 3 ช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพในด้านลบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยืนยันโดยผลการวิจัยที่พบว่า โอเมก้า 3 เป็นไขมันดีที่สามารถดักจับไขมันเลวอย่างเช่น คอเลสเตอรอลในร่างกายและกำจัดออกจากร่างกายได้อย่างเห็นผล ช่วยลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยรักษาความจำ ช่วยให้ความคิดเฉียบคม แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 เช่น ปลาทะเลน้ำลึก ถั่วเหลือง ถั่ววอลนัท อะโวคาโด้ ผักโขม ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนม ถั่วแระญี่ปุ่น เป็นต้น

6.ไฟเบอร์ 


เมื่ออายุมากขึ้นระบต่างๆก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนเคย โดยเฉพาะระบบย่อยอาหาร บางคนกินผัก ผลไม้แล้วย่อยยากทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร เกิดอาการท้องอืด ทำให้กินผักและผลไม้น้อยลง ปัญหาที่ตามมาก็คือโรคท้องผูก 

หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจทำให้เสี่ยงเกิดโรคต่างๆ ตามมาไม่ว่าจะเป็นริดสีดวงทวาร โรคลำไส้โป่งพองเป็นต้น การขาด ไฟเบอร์ร่วมกับกินอาหารไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่การเกิดโรคร้ายแรงอื่นๆเช่น โรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และโรคมะเร็งลำไส้ได้ 

ไฟเบอร์พบได้ในผักสด ผลไม้ต่างๆ และธัญพืช สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นกลับมารับประทานผักควรเริ่มที่ผักสุก ย่อยง่ายแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น ส่วนคนที่กินผักแล้วรู้สึกว่าท้องอืดควรลดการกินผักที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารเช่น หัวหอม กระเทียม ถั่ว ผักตระกูลกะหล่ำปลี ทั้งบล็อคโคลี่ ดอกกะหล่ำ หัวผักกาดเป็นต้น และหันมารับประทานสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยขับลมอย่าง ตะไคร้ กระชาย ขิง ก็ช่วยได้ครับ

7.แคลเซียม


แคลเซียมเป็นสารอาหารที่ช่วยสร้างเสริมความแข็งแรงให้กระดูก และยังมีความจำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท ระบบหัวใจ การบีบตัวของกล้ามเนื้อและการเกิดปฏิกริยาทางเคมีต่างๆในร่างกาย เพราะความจำเป็นต่อระบบต่างๆ หากได้รับในปริมาณที่ไม่เพียงพอ ร่างกายจะดึงแคลเซียมจากกระดูกออกมาใช้ จึงอาจทำให้กระดูกไม่แข็งแรง เปราะหักง่ายขึ้น

เมื่ออายุเริ่มเข้าวัย 40 อัตราการเสื่อมสลายของกระดูกในผู้ชายจะเพิ่มขึ้นจาก อัตราที่น้อยกว่า 0.5%ต่อปี เป็น 0.5-1% ต่อปี และผู้หญิงมีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนได้มากกว่าผู้ชาย เพราะเมื่อเข้าวัยหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเพศหญิงลดลง ทำให้ขาดแคลเซียมได้ง่ายกว่าผู้ชาย ปริมาณแคลเซียมที่ผู้หญิงวัย 40-50 ปีควรได้รับต่อวันคือ 1,000 มิลลิกรัม และเมื่อเข้าวัยอายุมากกว่า 50 ปี จะเพิ่มเป็น 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน

แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมที่คุณผู้หญิงและคุณผู้ชายสามารถรับประทานได้ง่ายเช่น ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองทั้ง เต้าหู้ และน้ำเต้าหู้ งาดำ กุ้งฝอย ปลาป่น อัลมอนด์และผักโขม เป็นต้น

ที่มา http://bit.ly/2lxsg1o
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่