จากข้อมูลที่กล่าวว่า คนญี่ปุ่น,เกาหลีนับถือศาสนาน้อยมาก มีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจน้อยมาก แต่ประเทศเขามีประชากรที่มีคุณภาพและเจริญยิ่งกว่าบ้านเรา เพราะมีการศึกษาและกฎหมายที่ดีพอส่งเสริมให้ประชากรที่มีคุณภาพได้ จึงทำให้ไม่ต้องมีศาสนาซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจกับคำว่า ศาสนา ใหม่ว่า ศาสนาไม่ควรแปลความหมายว่า เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพียงอย่างเดียว เพราะสิ่งที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจนั้นมีได้หลายรูปแบบนอกเหนือจากศาสนา เช่น พรรคการเมืองก็ได้ ลัทธิก็ได้ บุคคลใดบุคคลหนึ่งก็สามารถเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจได้ ซึ่งแต่ละอย่างที่กล่าวมาสามารถนำคนไปทางที่ดีก็ได้ ทางที่ชั่วก็ได้ นำคนให้รุ่งเรืองก็ได้ ให้ล่มจมก็ได้ เช่น ลัทธินาซีของฮิตเลอร์ เป็นต้น
ในความหมายของคำว่า ศาสนา จริงๆแล้วต้องให้ความหมายมากกว่า เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เช่น สิ่งที่ช่วยควบคุมและสั่งสอนให้มนุษย์ประพฤติดี,สิ่งที่ชี้ทางสว่างให้แก่มนุษย์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เดียวกับกฎหมายและการศึกษา
ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ช่วยให้มนุษย์ประพฤติดีนั้นถูกถ่ายทอดออกมาในหลายรูปแบบ มาในรูปแบบศาสนาบ้าง กฎหมายบ้าง การศึกษาบ้าง จะมาทางไหนก็ช่วยคนตั้งมั่นอยู่ในการทำดีได้ทั้งนั้น
ซึ่งหากประชากรประเทศไหนสามารถปฏิบัติตนให้อยู่กรอบ ให้อยู่ในมาตราฐานแห่งความดีทั้งในรูปแบบศาสนา กฎหมาย การศึกษาได้วางไว้ ก็ย่อมเป็นประชากรที่ดีมีคุณภาพได้
มีคนจำนวนมากสงสัยว่า ทำไมคนญี่ปุ่น,เกาหลีนับถือศาสนาไม่มากเท่าคนบ้านเรา แต่กลับมีประชากรที่ดีและมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าบ้านเรา
คำตอบก็คือ พวกเขาสามารถปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งมีหัวใจสำคัญ คือ เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้คนไม่กล้าทำความผิดและประพฤติดี ได้มากกว่าคนไทย
หากคนบ้านเราปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบแห่งความดีของศาสนาเเบบยังไม่ต้องเอาธรรมะชั้นสูงๆ แต่ขอเพียงปฏิบัติในเรื่องศีล 5 เท่านั้น รักษาศีล 5 ให้จริงจังเท่ากับที่คนญี่ปุ่น,เกาหลีเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง ประเทศเราคงมีคนไม่กล้าทำผิด ประพฤติดี เป็นประชากรที่มีคุณภาพมากกว่านี้
คนจำนวนมากให้ความหมายกับคำว่า ศาสนา ได้ถูกต้องครอบคลุมความเป็นจริงขนาดไหน
ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจกับคำว่า ศาสนา ใหม่ว่า ศาสนาไม่ควรแปลความหมายว่า เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพียงอย่างเดียว เพราะสิ่งที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจนั้นมีได้หลายรูปแบบนอกเหนือจากศาสนา เช่น พรรคการเมืองก็ได้ ลัทธิก็ได้ บุคคลใดบุคคลหนึ่งก็สามารถเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจได้ ซึ่งแต่ละอย่างที่กล่าวมาสามารถนำคนไปทางที่ดีก็ได้ ทางที่ชั่วก็ได้ นำคนให้รุ่งเรืองก็ได้ ให้ล่มจมก็ได้ เช่น ลัทธินาซีของฮิตเลอร์ เป็นต้น
ในความหมายของคำว่า ศาสนา จริงๆแล้วต้องให้ความหมายมากกว่า เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เช่น สิ่งที่ช่วยควบคุมและสั่งสอนให้มนุษย์ประพฤติดี,สิ่งที่ชี้ทางสว่างให้แก่มนุษย์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เดียวกับกฎหมายและการศึกษา
ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ช่วยให้มนุษย์ประพฤติดีนั้นถูกถ่ายทอดออกมาในหลายรูปแบบ มาในรูปแบบศาสนาบ้าง กฎหมายบ้าง การศึกษาบ้าง จะมาทางไหนก็ช่วยคนตั้งมั่นอยู่ในการทำดีได้ทั้งนั้น
ซึ่งหากประชากรประเทศไหนสามารถปฏิบัติตนให้อยู่กรอบ ให้อยู่ในมาตราฐานแห่งความดีทั้งในรูปแบบศาสนา กฎหมาย การศึกษาได้วางไว้ ก็ย่อมเป็นประชากรที่ดีมีคุณภาพได้
มีคนจำนวนมากสงสัยว่า ทำไมคนญี่ปุ่น,เกาหลีนับถือศาสนาไม่มากเท่าคนบ้านเรา แต่กลับมีประชากรที่ดีและมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าบ้านเรา
คำตอบก็คือ พวกเขาสามารถปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งมีหัวใจสำคัญ คือ เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้คนไม่กล้าทำความผิดและประพฤติดี ได้มากกว่าคนไทย
หากคนบ้านเราปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบแห่งความดีของศาสนาเเบบยังไม่ต้องเอาธรรมะชั้นสูงๆ แต่ขอเพียงปฏิบัติในเรื่องศีล 5 เท่านั้น รักษาศีล 5 ให้จริงจังเท่ากับที่คนญี่ปุ่น,เกาหลีเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง ประเทศเราคงมีคนไม่กล้าทำผิด ประพฤติดี เป็นประชากรที่มีคุณภาพมากกว่านี้