ตะลุยมองโกเลีย นอนเกอร์ ขี่ม้า ขี่อูฐ มองท้องฟ้าสีน้ำเงิน ชีวิตดีๆที่อยากให้มาลอง


สวัสดีจ้า เราจะพาไปตะลอนเที่ยวกันที่มองโกเลีย มาลองใช้ชีวิตแบบชาวมองโกลเร่ร่อน นอนเกอร์ ขี่ม้า ขี่อูฐท่ามกลางทะเลทราย มองท้องฟ้าสีน้ำเงินที่สดใส ไร้เมฆมาบดบัง จนทำให้ดินแดนมองโกเลียแห่งนี้ได้ชื่อว่า " Land of the blue sky "

เริ่มต้นที่เราเป็นคนชอบดูหนังจีนมากๆ และตัวละครเด่นเลยคือ เตมูจิน หรือ เจงกิสข่าน ซึ่งเป็นผู้ที่ขยายอาณาเขตได้อย่างกว้างใหญ่ไพศาล ทำให้เรารู้สึกสนใจและอยากมาประเทศมองโกเลียซักครั้ง ทริปนี้เลยเกิดขึ้นทันที โดยก่อนมาเราได้ติดต่อทัวร์ท้องถิ่น Danista Nomads เพราะมองโกเลียไม่สามารถเดินทางเองได้ 

เรามาเริ่มต้นวันแรกของการเดินทางกันเลยดีกว่า Genghis Khan Statue Complex ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมองโกเลียและเรื่องราวของข่านต่างๆ ด้านบนของพิพิธภัณฑ์มีรูปปั้นโลหะขนาดใหญ่ของเจงกิสข่าน
ที่นี่มีชุดให้เช่าถ่ายรูปด้วยนะ ให้ใส่แค่ 5-10 นาที เฉพาะบริเวณด้านหน้า แต่ถ้าอยากใส่ถ่ายในกระโจมด้านล่างพิพิธภัณฑ์ต้องซื้อเป็นแพคเกจจ้า เราเลยใส่ถ่ายแค่นี้พอ

หลังจากนั้นเราจะไปลองเป็นชาวมองโกลกันโดยการขี่ม้าไปเกอร์ซึ่งเป็นที่พักของเรา คือ การขี่ม้าที่นี่สนุกมากที่สุดในชีวิตเราเลยนะ คือแนะนำเลย ก่อนอื่น
เค้าจะถามเราว่า " ขี่ม้าเป็นมั้ย " 
เราบอก" ไม่เป็น "
พี่แกเลยบอกว่า " งั้นขึ้นเลย ขี่เองโลด " 
เราก็ " หืม!!!?? "
แล้วก็ขึ้นไปขี่เอง ฮ่าๆๆ ไม่มีคนจูง บังคับม้าเอง ไม่มีคนจูง ไม่โยงสายใดๆ ช่วยตัวเอง แต่เค้าจะสอนให้เตะขานิดหน่อย แล้วออกเดินทางโลด โดยมีน้องหมาคอยเป็นบอดี้การ์ด 1 ตัวเราอยากลองควบม้าแบบหนังจีนบ้าง เราเลยเตะขาสั่งให้ม้าวิ่งควบ ขอบอกว่าสนุกมากจ้าพี่จ๋า!!!! ควบตัวลอย ไปได้ซักพักต้องพอเพราะไส้จะไหลมากองรวมกันแล้วจ้า ระหว่างทางวิวสวยมาก เหมือนสวรรค์บนดิน เป็นบรรยากาศที่อยากให้ทุกคนได้สัมผัส สวยมากจริงๆ

ขี่ม้าซัก 1 ชม. ก็ถึงที่พัก จะมีชาวมองโกลท้องถิ่นที่ยังคงรูปแบบการใช้ชีวิตแบบเร่ร่อนอยู่ออกมาต้อนรับเรา พาเราเข้าเกอร์ (ที่พัก) ทำอาหารเลี้ยงต้อนรับอาหารที่เตรียมไว้หน้าตาธรรมดามาก แต่อร่อยแบบเหลือเชื่อเลยจ้าพี่จ๋า นมแพะร้อนจะมีกลิ่นนิดหน่อย  แต่ขอบอกว่าอร่อยมาก ใครมาที่นี่เราขอบอกว่าต้องกินง่ายอยู่ง่ายนะ เพราะเช่นน้ำเปล่าที่เค้าจะนำมาให้เราดื่มเป็นน้ำจากแม่น้ำนำมาต้ม จะมีอะไรลอยๆนิดหน่อยแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วดื่มโลด ฮ่าๆ

ภายในเกอร์พี่ไกด์ท้องถิ่นจะมาสอนเราก่อไฟ ขอบอกว่าเตรียมชุดกันหนาวมาให้พร้อม เพราะกลางคืนเมื่อไฟมอดหนาวสุดชีวิตจ้า

ต่อมาท่านจะได้เจอกับห้องน้ำวิวสุดหรู เย็นสบายก้น เบาหวิวเหมือนอยู่ในอวกาศ และสายตาของท่านจะกรอกไปมาเพราะหวาดระแวงคนเดินผ่าน ฮ่าๆ เรามีเทคนิคดีๆให้ คือให้ยื่นมือออกมาข้างนึงคนจะได้รู้ว่าเราเข้าส้วมอยู่ ฮ่าๆ
ห้องน้ำเหมือนแบบจีนโบราณขุดหลุมลงไป มีสารพัดสิ่งในหลุม (ไม่แนะนำให้ก้มลงไปดู 😂) ไม้2แผ่นให้เหยียบ ไม่มีน้ำให้ใช้นะจ๊ะ ทั้งอาบและเข้าห้องน้ำ หมักกันไปยาวๆ ต้องเตรียมทิชชู่เปียกไปเอง 

และด้วยความที่ห้องน้ำอยู่ไกลมาก ตอนค่ำเกือบมืดสนิทระหว่างเดินกลับ มีหมาต่างถิ่นเข้ามาขู่จะวิ่งมากัด โชคดีมากน้องหมาบอดี้การ์ดเราเข้ามาชนให้ทัน แบบพร้อมรบ และไล่ไปได้ เราเลยวิ่งหนีกลับเกอร์ทันที 🤣🤣 แต่ตอนเช้าจะเป็นเวลาที่น้องหมาง่วงนอนเพราะต้องคอยเฝ้ายามตลอดคืน และนี่คือเกอร์ของเจ้าบ้านจ้า 

เรามาเริ่มต้นวันที่ 2 กันที่ขี่อูฐกันเลยจ้า อูฐที่นี่จะเป็นอูฐที่มี 2 หนอก ซึ่งจะเจอได้ที่มองโกเลียเท่านั้น พอเราได้เจออูฐครั้งแรกกรี๊สมาก วิ่งเข้าใส่และขึ้นไปขี่ทันที ซึ่งเวลาอูฐจะลุก-นั่ง เราต้องพยายามทรงตัวเอียงไปด้านหลังตามอูฐ ไม่งั้นหน้าจะทิ่ม เวลาเดินให้จับที่หนอก เวลาเดินอูฐจะเดินแบบขาหน้าและหลังก้าวพร้อมกัน ทำให้รู้สึกโคลงเคลงนิดหน่อย แต่พอชินแล้วก็ซิ่งได้ เลยบอกให้คุณลุงสั่งให้อูฐวิ่ง อยากลองควบอูฐดู หลังจากที่ติดใจการควบม้า ลุงก็น่ารักจัดให้ทันที แล้วลุงหันมายกนิ้วให้ว่าเยี่ยมมากที่ไม่ตก ฮ่าๆ

วิวระหว่างทางที่ขี่อูฐจ้า ท้องฟ้าสีน้ำเงินตัดกับทะเลทราย โอ้ว!!สวยจริงนะน้องสาว

นั่งรถไป Kharakhorum กันต่อซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของจักรวรรดิมองโกล ซึ่งไม่ไกลจากเมืองหลวงเก่านี้ ก็จะมี Kharakhorum Museum เป็นที่รวบรวมประวัติความเป็นมาทั้งหมดของเมืองตั้งแต่อดีต การปกครองเมือง การขยายอำนาจ การติดต่อกับต่างประเทศ มาที่นี่คือจะรู้ประวัติทั้งหมดเลยจริงๆ คุ้มค่ามาก เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ห้ามพลาด และที่นี่ห้ามถ่ายรูปด้านในนะจ๊า เลยมีรูปมาเท่านี้จ้า

ที่พักเราวันนี้มีการแสดงร้องเพลงและเล่นดนตรีสไตล์มองโกลแท้ๆ โดยคุณลุงชุดฟ้าร้องโดยใช้การเปล่งเสียงจากคอ เปิดโลกแห่งวงการดนตรีให้เรามากเลยจ้า ฮ่าๆ

มองโกเลียไม่ได้มีแต่ทะเลทรายนะจ๊ะ น้ำตกก็มี ที่เราจะพาไปจะเป็นน้ำตกที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวคือ Orkhon Waterfall ที่มีขนาดสูง 20 เมตร และกว้าง 10 เมตร ตอนเราไปโชคดีได้เห็นรุ้งด้วยจ้า คือสวยมาก
ยิ่งระหว่างทางเดินไปน้ำตกคือสวยสุดๆ เราเห็นขบวนแพะ แกะ เดินตามกันเป็นขบวน เราสามารถเดินไปใกล้ๆได้ แต่มันจะเดินหลบเรา ฮ่าๆๆ พร้อมกับวิวภูเขา ที่มีหิมะอยู่บนยอด ตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินสดใส มาเถอะ อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสกับบรรยากาศหลักล้านนี้เหมือนเรา

อาหารเย็นที่อยากจะให้ดูคือ เนื้อแกะย่างที่ไม่มีการหมักหรือปรุงรสใดๆ ขอบอกเลยว่าเหนียวมากที่สุดเลยจ้า ใช้มือและฟันกัดยังไม่ค่อยจะออกเลยจ้าพี่จ๋า

เราจะพาทุกคนไปรู้จักม้าป่าที่มีสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุด นั่นคือ Mongolian Wild Horse นั่นเอง ในภาษามองโกลม้าป่าชนิดนี้จะถูกเรียกว่า "ทากี" โดยม้าป่าสายพันธุ์แท้จะถูกแบ่งออกเป็น 2สาย นั่นคือ ทากี และ ทาปัน (ซึ่งปัจจุบันม้าป่าทาปันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว) ที่มองโกลเลยอนุรักษ์ม้าป่าสายพันธุ์นี้ก่อนที่จะสูญพันธุ์ไป โดยเราจะหาม้าป่าทากีเจอได้ที่ Khustai National Park เท่านั้น

ไปค่ะ!! เราไปส่องหาม้าป่า Mongolian Wild Horse กัน ไกด์ท้องถิ่นบอกว่า ปกติจะเจอยากมาก เค้ามาหลายรอบแล้ว นานๆจะเจอซักที และวันที่เราไปหิมะตกจ้า!!!😅😅 เราไปส่องอยู่เป็นชั่วโมงก็ไม่เห็นเลย เลยตัดใจกลับ แต่ระหว่างกลับนั้นเราได้ยินเสียงม้าร้องจ้า รีบพุ่งรถไปตามเสียงทันที และในที่สุด เจอแล้วจ้า!! เย้!! ม้าป่าทากีจะอยู่กันเป็นฝูงเล็กๆนะ เราสามารถที่จะดูได้จากในระยะไกลนิดนึง เพื่อไม่ให้รบกวนม้าป่าของเรา 

ทะเลสาปน้ำจืด Ugii Lake ซึ่งเป็นหนึ่งในทะเลสาปน้ำจืดที่ใหญ่ของมองโกเลีย ทะเลสาปนี้สามารถมาดูนก ตกปลาได้ แต่เราว่าลมแรงมากอยู่นะ ไม่สามารถอยู่นานๆได้ เพราะหนาวมากจ้า 🤣🤣

Terelj National Park เพื่อไปดู Turtle Rock หินที่มีรูปร่างเหมือนเต่า คือเหมือนจริงๆจ้า 🤣🤣

Meditation Monastery เป็นการ trekking เล็กๆ ระหว่างทางเดินก็จะมีคำสอนต่างๆ เริ่มเดินกันเลยจ้า 
   

ถึงวัดแล้วจ้า ภายในสงบและสวยงาม

เมื่อถึงยอดแล้วมองลงมาคือขอบอกว่าวิวสวยหลักล้านอีกแล้วจ้า

Winter Palace of Bogd Khan พระราชวังฤดูหนาวของ Bogd Khan ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของมองโกเลีย และพระองค์ยังทรงเป็นประมุขของศาสนาพุทธอีกด้วย ภายในพระราชวังนอกจากส่วนที่เป็นที่พักของข่านแล้ว ยังมีส่วนที่เป็นวัด มีภาพเรื่องราวต่างๆ รูปปั้น แบบโบราณ ทุกอย่างที่แสดงโชว์ภายในวัดนั้นน่าสนใจมาก ทำให้รู้สึกสนุกและน่าสนใจ เราใช้เวลาในส่วนนี้นานพอสมควรเลยทีเดียว

Zaizen Memorial อนุสาวรีย์บนยอดเขาที่สหภาพโซเวียตมาสร้างไว้ให้กับมองโกเลีย ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ ลักษณะเหมือนที่จอร์เจียเลยนะ เป็นเอกลักษณ์มากๆ แต่ที่มองโกเลียจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า นอกจากนี้จุดนี้ก็เป็นจุดชมวิวเมือง Ulaanbaatar อีกด้วย

จุดชมวิวเมือง Ulaanbaatar สวยมากจ้าพี่จ๋า

ระหว่างทางเดินจะมีร้านขายของที่ระลึกด้วยนะ ซื้อได้ราคาไม่แพงจ้า ภาพวาดที่เห็นเป็นงาน Handmade นะจ๊ะ คุณลุงนั่งวาดเองเหมือนกันทุกแผ่นเลย ฮ่าๆ

ทีนี้เรากลับมาเที่ยวในตัวเมืองหลวงUlaanbaatar กันบ้าง ที่ที่เราจะไปคือ Sukhbaatar Square ด้านหน้าจะมีอนุสาวรีย์ของ Damdin Sukhbaatar ผู้ประกาศอิสระภาพของมองโกเลียจากจีน
บริเวณตรงนี้จะเป็นที่ๆทุกคนจะมารวมตัวกันเพื่อพักผ่อน มีรถของเล่นให้เช่าขับ มีของขาย ปั่นจัยรยานเล่น และถ้าเป็นวันอาทิตย์จะมีการปิดถนนอีกด้วย

ใกล้ๆก็จะมีห้างสุดหรู (แล้ว🤣) The State Department Store เป็นแหล่งชอปปิ้งย่านใจกลางเมือง

National Museum of Mongolia ที่แสดงเรื่องราวต่างๆของมองโกเลียตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เรื่องราวของผู้ปกครองข่านต่างๆ เสื้อผ้า ขอบอกว่าควรเข้ามากจ้า

Gandantegchinlen Monastery เป็นหนึ่งในวัดศาสนาพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในมองโกเลีย ภายในมีพระพุทธรูปยืนสูงที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งเค้าห้ามถ่ายรูปภายใน แต่ถ้าใครอยากถ่ายสามารถถ่ายได้ด้วยการซื้อตั๋วถ่ายรูปที่ด้านหน้านะจ๊ะ

รถที่เราใช้ในการตะลุยมองโกเลียจ้า 

เพื่อนๆสามารถเข้าไปคุยกับเรา และติดตามเรื่องราว ความสนุกกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/ploytalontiew/
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะจ๊า ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆทุกคนจ้า 
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่